จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว

หยานหวูซวงไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจความหมายของฉู่ชวิ๋นได้ในทันที

เขากำลังจะเอ่ยปากแต่จู่ ๆ…

“มีคนมา” ผู้หญิงผมม่วงขัดคำพูดของเขาก่อน

หยานหวูซวงเงี่ยหูฟัง มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ กำลังเข้าใกล้มาจริง ๆ ด้วย

“พวกเราซ่อนตัวก่อน ให้พวกเขาช่วยเคลียร์ทางให้พวกเรา” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

ทุกคนไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังก้อนหินยักษ์ประหลาดก้อนหนึ่ง

อีกฝ่ายไม่นานก็มาถึง พวกเขาพูดคุยระหว่างทาง

“นายน้อย หยานหวูซวงอาจจะเข้าไปในหุบเขาแล้ว”

เป็นพวกจังเฟิงหลิงนั่นเอง นอกจากจังเฟิงหลิงแล้วยังมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อีก 10 กว่าคนที่พลังลมปราณแกร่งกล้า

“พอดีเลย มีไอ้โง่นั้นนำทาง พวกเราจะได้ประหยัดแรง” จังเฟิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา

ฉู่ชวิ๋นที่หลบอยู่หลังหินยักษ์ยิ้มแล้วขยิบตาใส่หยานหวูซวง

หยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี นี่เขาโดนด่าเป็นไอ้โง่งั้นเหรอ รู้งี้เมื่อคืนเขาน่าจะฟันจังเฟิงหลิงให้หนักมือกว่านี้

“นายน้อย พวกเรายังต้องระวังตัว วานรยักษ์ตัวเมื่อกี้น่ากลัวมากๆ” หนึ่งในนั้นพูด

“กลัวอะไร มีหยานหวูซวงเป็นหน่วยกล้าตายอยู่ข้างหน้า พวกเราแค่เดินไปเรื่อย ๆ อย่างเดียวก็พอ ไม่แน่เขาอาจจะเจอกับจักรพรรดิอสูรที่เก่งกาจจนตายอนาถอยู่กลางทางก็ได้” น้ำเสียงจังเฟิงหลิงเต็มไปด้วยความล้อเลียน

“ถึงไม่ตายแต่ทำให้มันบาดเจ็บได้ก็ยังดี พวกเราจะได้ฉวยโอกาสนี้ปลิดชีพมันซะ”

พวกเขาเสียดสีกันคนละประโยค 2 ประโยค ไม่รู้ตัวเลยว่าหยานหวูซวงซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา

ถ้าไม่ใช่ฉู่ชวิ๋นดึงหยานหวูซวงเอาไว้ เขาคงพุ่งออกไปสู้กับคนพวกนี้แล้ว

ไอ้คนพวกนี้คำก็ไอ้โง่ 2 คำก็ไอ้งั่ง เขาโมโหจนจมูกแทบพ่นควันออกมาได้

“ไปเร็ว ตามให้ติด ๆ หยานหวูซวงไอ้คนจอมแผนการณ์ คิดจะนำหน้าพวกเราเข้าไปในซากโบราณสถานจะให้มันทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

จังเฟิงหลิงเอ่ย

ทุกคนเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าสู่ข้างในหุบเขา

พอพวกเขาไปไกลแล้วฉู่ชวิ๋นถึงยอมปล่อยหยานหวูซวง

หยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็นับถือความคิดของฉู่ชวิ๋น ไม่อย่างนั้นเขาคงได้เป็นไอ้โง่ในการเดินทางครั้งนี้จริงๆ

แม้ฉู่ชวิ๋นจะดูบื้อๆ เป็นคนมุทะลุ แต่ก็มีความละเอียดรอบคอบอยู่จริง ๆ เป็นคนซื้อบื้อที่ฉลาดในเรื่องชั่ว ๆ

ถ้าฉู่ชวิ๋นรู้ว่าหยานหวูซวงคิดกับเขายังไง ฉู่ชวิ๋นคงต่อยเขาจนหัวบวมเป่ง

“กลุ่มอื่น ๆ กว่าจะมาถึงคงต้องใช้เวลา พวกเรากินให้อิ่มท้องแล้วค่อยเดินทางต่อ” ฉู่ชวิ๋นลากหางงูหลามยาว 2-3 เมตรไปที่บ่อน้ำก่อนจะเริ่มถลกหนังเพื่อทำความสะอาด

หยานหวูซวงหน้าไม่สู้ดี เขาเห็นฉู่ชวิ๋นแล่ได้เสียเปล่ามาก ๆ เห็นทีจะต้องเข้าไปช่วยเตือนสักหน่อยแล้ว

ภายในบ่อน้ำ ดวงตาใหญ่เท่าโคมไฟคู่หนึ่งปรากฏ มันจ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างแค้นเคือง

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นก็เห็น มันคืองูหลามยักษ์นั่นเอง แต่มันไม่กล้าขึ้นมาอีก

“มองอะไร แน่จริงแกก็ขึ้นมาเลย” ฉู่ชวิ๋นท้าทาย

งูหลามยักษ์ตัวนั้นขยับร่างกายอันใหญ่โต น้ำในบ่อกระเด็นขึ้นสูงหลายเมตร หยานหวูซวงกำลังดูอยู่ ฉู่ชวิ๋นจึงใช้ลมปราณจำแลงไม่ได้ โดนน้ำสาดใส่จนเป็นลูกหมาตกน้ำ

หยานหวูซวงเห็นท่าไม่ดีก็ชักกระบี่เข้ามาช่วย พอเห็นตาคู่ใหญ่ใต้น้ำก็ฟันกระบี่ลงไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวงูหลามยักษ์ก็มุดหายลงไปใต้น้ำ ไอกระบี่ทำให้น้ำในบ่อกระเด็นออกมาและเป็นฉู่ชวิ๋นที่รับเคราะห์ไปอีกครั้ง

“หยานหวูซวง ไอ้เวร มาเก็บกวาดเลย” ฉู่ชวิ๋นหน้าดำคร่ำเครียด โยนงานถลกหนังทำความสะอาดให้หยานหวูซวง

หยานหวูซวงหัวเราะฝืดๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อีกอย่าง ตัวเขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาน เคยทำงานล้างนู่นล้างนี่ซะเมื่อไหร่ แถมเขาไม่อยากกินเนื้องู แค่คิดก็ไม่สบายตัวแล้ว

สุดท้ายเขาก็ให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งไปทำ

ควันโขมง กลิ่นหอมกระจายออกมา

หน้าของหยานหวูซวงบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะฉู่ชวิ๋นเอากระบี่สีเขียว 3 ศอกของเขาจิ้มเนื้องูหลามหนัก 10 กว่ากิโลไปย่างไฟแทนไม้เสียบ

จ๊อก

ของเหลวสีเหลืองทองไหลออกมา ฉู่ชวิ๋นคอยพลิกเนื้องูหลามที่เริ่มสุกจนเป็นสีเหลืองขึ้นเรื่อยๆ

เสียดายอย่างเดียวคือไม่มีน้ำจิ้ม ออกจากบ้านรอบหน้าต้องพกติดตัวไว้ด้วยแล้วแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นคิดในใจ

ผ่านไปไม่นานเนื้องูหลามก็สุก เนื้อเป็นสีทองระยิบระยับ กลิ่นหอมฉุยโชยเข้าจมูก

ฉู่ชวิ๋นฉีกมาชิ้นนึงโยนเข้าปากลองชิม ถึงไม่มีน้ำจิ้มแต่มันกลับหอมอร่อยเป็นพิเศษ

“มา ฉันเลี้ยงเนื้องูหลามทุกคนเอง”

ฉู่ชวิ๋นฉีกอีกชิ้นหนึ่งยื่นให้ผู้หญิงผมม่วง แต่เธอถอยหลังไปหลายก้าว ยังไงซะก็ไม่ยอมกิน

“น้องหยาน เร็ว นี่ของอร่อยเลยนะ”

หยานหวูซวงส่ายหัว แม้เขาจะเป็นผู้ชายแต่ก็รักสะอาด รู้สึกไม่ดีกับตัวลื่น ๆ อย่างพวกงูมาก

“พวกนายล่ะ” ฉู่ชวิ๋นมองจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อีก 4 คน

แต่ทั้ง 4 คนล้วนส่ายหัว ไม่มีใครยอมกิน

“ไม่รู้จักเพลิดเพลินกับสิ่งรอบข้างซะเลย” ฉู่ชวิ๋นพึมพำก่อนจะกินเนื้อคำโต

เห็นฉู่ชวิ๋นกินท่าทางน่าอร่อย คนอื่นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอร่อยขนาดนั้นจริงๆเหรอ

“คุณชายหลิว ขอผมสักชิ้นได้รึเปล่า” 1 ในนั้นเห็นฉู่ชวิ๋นกินน่าอร่อยก็อยากชิมบ้าง

ฉู่ชวิ๋นฉีกให้เขาชิ้นใหญ่ประมาณ 2 กรัมได้

“ขอบคุณคุณชายหลิว” คน ๆ นั้นรับไปและลองกัดคำนึงอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย คุณภาพเนื้อหอมหวาน เข้าปากก็ละลาย ที่สำคัญภายในเนื้อมีพลังงาน กินเข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่นสบายตัวจนบอกไม่ถูก

เขากลั้นไม่ไหว เริ่มสวาปามคำโต

อร่อยขนาดนั้นจริงๆเหรอ 3 คนที่เหลือสงสัยจึงเข้าไปขอชิ้นเล็กๆมาชิมด้วย จากนั้นทั้ง 3 คนก็ขอฉู่ชวิ๋นกินใหญ่

ต่อมา เนื้อทั้ง 10 กว่ากิโลถูกฉู่ชวิ๋นและพวกเขา 4 คนสวาปามลงท้องหมด

“ตรงนั้นยังมีอีกเยอะ อยากกินก็ไปย่างเพิ่มเลย” ฉู่ชวิ๋นบอก

ทั้ง 4 คนลุกขึ้นพรึ่บพรั่บ แต่ละคนแบกเนื้องูหลามชิ้นบะเร่อไปที่บ่อน้ำ ลอกหนังทำความสะอาดและเริ่มย่าง

เนื้อพวกนี้สดและนิ่มมาก พลังข้างในถูกดูดซับไป ทุกคนกินไป 2 กิโลก็ยังไม่รู้สึกจุก สุดท้ายแม้แต่หยานหวูซวงยังเข้าร่วมด้วย

นอกจากผู้หญิงผมม่วงที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมกิน พวกผู้ชายล้วนถือเนื้องูหลามชิ้นบะเริ่มกัดกิน จนสุดท้ายกินไม่ลงแล้วจริง ๆ ถึงยอมหยุด

เนื้องูหลามที่ยังไม่ได้ย่างก็โดนจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิขอแบ่งไปอย่างไม่ละอาย บอกว่าเอากลับไปค่อยกิน

“มีคนมา” ผู้หญิงผมม่วงเตือน

ทั้ง 7 คนอำพรางตัวหลังหินยักษ์อีกครั้ง

คนสวมชุดม่วง 10 กว่าคนเดินทางผ่านไปโดยที่พูดคุยกันอยู่

“นี่คือคนของหอคอยอาภรณ์ม่วง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่พวกเขาก็มาด้วย”

หยานหวูซวงเอ่ย

หอคอยอาภรณ์ม่วงเป็นองค์กรที่ลึกลับมาก อิทธิพลใหญ่โต เรียกว่าองค์กรนักฆ่าก็ว่าได้ รับทุกงาน เอาเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก ชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จากนั้นก็มีคนผ่านไปอีกหลายพวก ล้วนมาจากต่างสำนัก

“พวกเราก็ไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นเอ่ย

ทั้ง 7 คนมุ่งหน้าสู่ภายในหุบเขาตามหลังคนพวกนี้ไป

……

โฮกก

สิงโตสีเหลืองทองตัวใหญ่ตัวหนึ่งกระโดดออกมาคำรามอย่างน่ากลัว มีแสงเปล่งอยู่รอบ ๆ ตัวมัน ขนของมันเปรียบเสมือนผ้าฝ้าย คลื่นเสียงแผ่ขยายตามความโกรธของมันออกมา

จังเฟิงหลิงอยากจะบ้าตาย เรียกได้ว่าเขาสู้ด้วยเลือดเนื้อมาตลอดทั้งทาง เลือดบนเสื้อยังไม่ทันจะแห้งก็มีจักรพรรดิอสูรโผล่มาอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้มีตะขาบดำตัวใหญ่เท่าแท่นบด เป็นถึงสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิระดับ 6 หางตะขาบอย่างกับตะขอเหล็ก ตวัดเบา ๆ พื้นดินก็แตกสลายพออ้าปากก็พ่นเมือกพิษที่สามารถละลายหินผาได้ กว่าพวกเขาจะกำจัดมันได้ก็มีคนหนึ่งต้องบาดเจ็บสาหัส

ยังไม่ทันจะได้หายใจก็มีเจ้าสิงโตเหลืองทองโผล่มาอีก แถมมันยงถนัดโจมตีด้วยคลื่นเสียง รับมือยากยิ่ง

มันคล้ายกับวิชา สิงโตคำราม ในตำนานเลย

คลื่นเสียงจู่โจมมาเป็นระลอก ๆ พวกเขาเอี๊ยวตัวหลบ หินประหลาดสูงหลายเมตรสะเทือนจนระเบิดดังตู้ม

“ฆ่ามัน!”

จังเฟิงหลิงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด ทุกคนลงมือต่อสู้กับสิงโตเหลืองทองพร้อมกัน ลมปราณมากมายปรากฏ ดุดัน แข็งกร้าว

สิงโตเหลืองทองตัวนี้แข็งแกร่งอย่างมาก เข้าใกล้ความเป็นอสรูขั้นจักรพรรดิระดับ 7 สุดๆ สามารถปะทะตรงๆกับจังเฟิงหลิงได้

ศึกนึ้ลำบากมาก ทุกคนรับมือกับสิงโตเหลืองทองพร้อมกันก็ยังไม่ได้เปรียบ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 คนนึงโดนบี้จนเละ

สุดท้ายจังเฟิงหลิงต้องยอมใช้ของวิเศษลึกลับที่แข็งแกร่งมากจนทำให้ สิงโตเหลืองทองกลัวจนหนีไป

“นายน้อย พวกหยานหวูซวงผ่านไปได้ยังไง” คนหนึ่งถามอย่างสงสัย

มีแววเย็นยะเยือกอยู่ในนัยน์ตาของจังเฟิงหลิง เขาพูดอย่างโมโห

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พวกเราติดกับแล้ว”

เขาเข้าใจเรื่องราวแล้ววานรหิมะหน้าหุบเขาโดนหยานหวูซวงฆ่าไป ทำให้พวกมันรู้ดีว่าด้านในจะยิ่งอันตรายขึ้นจึงหาที่แอบซ่อนตัว พวกเขาโดน

หยานหวูซวงหลอกเข้าให้แล้ว

“ซ่อนตัวกันให้หมด” จังเฟิงหลิงสั่ง เขาไม่อยากเป็นไอ้โง่ที่คอยเปิดทางให้ใครอีกแล้ว

ผ่านไปพักใหญ่ คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงก็ผ่านตรงที่ ๆ พวกเขาพรางตัว

“นายน้อย พวกเราจะตามไปไหม”

“พรางตัวต่อ ซากโบราณสถานยังไม่ปรากฏเลย รีบทำไม”

ทั้งหมดพรางตัวไว้

จนกระทั่งมีคนผ่านไปหลายกลุ่มแล้ว จังเฟิงหลิงก็ยังรออยู่ เขากำลังรอ

หยานหวูซวง

สวรรค์มีตา ในที่สุดเขาก็เจอพวกหยานหวูซวง

สุดท้าย พอได้เห็นก็โมโหจนปอดแทบระเบิด

หยานหวูซวงและพวกไอ้หนุ่มไร้นามเดินถือเนื้อสีเหลือง ๆ ชิ้นใหญ่ในมือกันทุกคน เดินไปกินไป สุขีอย่างถึงที่สุด อย่างกับมาเที่ยวเล่น

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ทั้ง 4 คนของตระกูลหยานโลภมากเกินไป ก่อนหน้านี้ย่างเนื้อไว้เยอะเกิน จะทิ้งก็เสียดาย ทุกคนจึงเดินไปกินไป

“มีคน” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปากพลางมองไปที่ด้านหลังของหินก้อนหนึ่ง

“ท่าทางจะมีคนคิดเหมือนพวกเรา” ฉู่ชวิ๋นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลังหินก้อนนั้นก็คือพวกจังเฟิงหลิง

“สหาย ออกมาเถอะ” หยานหวูซวงตะโกน

จังเฟิงหลิงเดินพาคนกลุ่มหนึ่งออกจากหลังหินด้วยสีหน้าคร่ำเครียด

“ที่แท้ก็น้องจังนี่เอง มาไวดีนี่” หยานหวูซวงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หน้าอกจังเฟิงหลิวขึ้นลงอย่างแรก เขาพยายามสะกดความโมโหเอาไว้ ก่อนหัวเราะพลางกล่าว “พี่หยาน พวกพี่มาไวกว่าอีก ทำไมไปอยู่ด้านหลังได้ล่ะ”

“พวกเราแวะปิ้งย่างบาร์บีคิว พวกนายเหมือนกันเหรอ” ฉู่ชวิ๋นรับคำพลางโบกเนื้องูหลามในมือ “ลองหน่อยไหม รสชาติไม่เลวเลย”

ปิ้งย่าง?

เปลือกตาจังเฟิงหลิงกระตุกเหมือนเต้นระบำ แกหลอกคนโง่หรือไงเดินทางไกลกว่า 200 กิโล ฝ่าพายุหิมะเพื่อมาแวะปิ้งย่าง?

“แกล้อเล่นหรือไง” ความแค้นที่จังเฟิงหลิงมีต่อฉู่ชวิ๋นไม่น้อยไปกว่าที่มีต่อหยานหวูซวงเลย

“ฉันจะล้อเล่นอะไร” ฉู่ชวิ๋นมีท่าทีไม่เข้าใจ “พวกเรามาเที่ยวมาปิ้งย่างจริงๆ นายดูที่นี่สิ ภูเขาเขียวขจี ลำธารหลั่งไหล ทิวทัศน์ราวภาพวาด เหมาะแก่การเดินป่ามาก ไม่คิดว่าคุณชายจังก็มีอารมณ์สุนทรีย์แบบนี้ด้วย”

ภูเขาเขียวขจี ลำธารหลั่งไหล? ทิวทัศน์ราวภาพวาด?

ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด นอกจากหินประหลาดสูงชัน พายุหิมะอันหนาวเหน็บ ที่นี่มีทิวทัศน์ตรงไหนสวยบ้าง

“มันคือมโนภาพน่ะ ต้องใช้ใจสัมผัสความงามของธรรมชาติ พวกนายไม่รู้สึกถึงทิวทัศน์ราวภาพวาด ความอบอุ่นราวใบไม้ผลิ เป็นเพราะว่ามโนภาพของพวกนายยังไม่พอ ระดับการฝึกฝนตื้นเขินเกินไป” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยท่าทีจริงจัง

“มโนภาพบ้าบออะไรของแก” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจ พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริงงั้นแหละ

“พี่หยาน พวกเราจับกลุ่มไปด้วยกันไหม ให้พวกเราได้สัมผัสเสน่ห์ของทิวทัศน์อันสวยงามนี้บ้าง” จังเฟิงหลิงมองหยานหวูซวง เขาตัดสินใจว่าจะไม่สนฉู่ชวิ๋น จะได้ไม่โมโหตาย ถ้าไม่ใช่ไอ้บ้านนอกนี่ร่างกายแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อฆ่าได้ยากยิ่ง เขาคงฆ่ามันเพื่อชำระแค้นไปแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 302 เรามาที่นี่เพื่อกินบาร์บีคิว

หยานหวูซวงไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจความหมายของฉู่ชวิ๋นได้ในทันที

เขากำลังจะเอ่ยปากแต่จู่ ๆ…

“มีคนมา” ผู้หญิงผมม่วงขัดคำพูดของเขาก่อน

หยานหวูซวงเงี่ยหูฟัง มีเสียงฝีเท้าเบา ๆ กำลังเข้าใกล้มาจริง ๆ ด้วย

“พวกเราซ่อนตัวก่อน ให้พวกเขาช่วยเคลียร์ทางให้พวกเรา” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

ทุกคนไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังก้อนหินยักษ์ประหลาดก้อนหนึ่ง

อีกฝ่ายไม่นานก็มาถึง พวกเขาพูดคุยระหว่างทาง

“นายน้อย หยานหวูซวงอาจจะเข้าไปในหุบเขาแล้ว”

เป็นพวกจังเฟิงหลิงนั่นเอง นอกจากจังเฟิงหลิงแล้วยังมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อีก 10 กว่าคนที่พลังลมปราณแกร่งกล้า

“พอดีเลย มีไอ้โง่นั้นนำทาง พวกเราจะได้ประหยัดแรง” จังเฟิงหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา

ฉู่ชวิ๋นที่หลบอยู่หลังหินยักษ์ยิ้มแล้วขยิบตาใส่หยานหวูซวง

หยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี นี่เขาโดนด่าเป็นไอ้โง่งั้นเหรอ รู้งี้เมื่อคืนเขาน่าจะฟันจังเฟิงหลิงให้หนักมือกว่านี้

“นายน้อย พวกเรายังต้องระวังตัว วานรยักษ์ตัวเมื่อกี้น่ากลัวมากๆ” หนึ่งในนั้นพูด

“กลัวอะไร มีหยานหวูซวงเป็นหน่วยกล้าตายอยู่ข้างหน้า พวกเราแค่เดินไปเรื่อย ๆ อย่างเดียวก็พอ ไม่แน่เขาอาจจะเจอกับจักรพรรดิอสูรที่เก่งกาจจนตายอนาถอยู่กลางทางก็ได้” น้ำเสียงจังเฟิงหลิงเต็มไปด้วยความล้อเลียน

“ถึงไม่ตายแต่ทำให้มันบาดเจ็บได้ก็ยังดี พวกเราจะได้ฉวยโอกาสนี้ปลิดชีพมันซะ”

พวกเขาเสียดสีกันคนละประโยค 2 ประโยค ไม่รู้ตัวเลยว่าหยานหวูซวงซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา

ถ้าไม่ใช่ฉู่ชวิ๋นดึงหยานหวูซวงเอาไว้ เขาคงพุ่งออกไปสู้กับคนพวกนี้แล้ว

ไอ้คนพวกนี้คำก็ไอ้โง่ 2 คำก็ไอ้งั่ง เขาโมโหจนจมูกแทบพ่นควันออกมาได้

“ไปเร็ว ตามให้ติด ๆ หยานหวูซวงไอ้คนจอมแผนการณ์ คิดจะนำหน้าพวกเราเข้าไปในซากโบราณสถานจะให้มันทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด”

จังเฟิงหลิงเอ่ย

ทุกคนเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าสู่ข้างในหุบเขา

พอพวกเขาไปไกลแล้วฉู่ชวิ๋นถึงยอมปล่อยหยานหวูซวง

หยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็นับถือความคิดของฉู่ชวิ๋น ไม่อย่างนั้นเขาคงได้เป็นไอ้โง่ในการเดินทางครั้งนี้จริงๆ

แม้ฉู่ชวิ๋นจะดูบื้อๆ เป็นคนมุทะลุ แต่ก็มีความละเอียดรอบคอบอยู่จริง ๆ เป็นคนซื้อบื้อที่ฉลาดในเรื่องชั่ว ๆ

ถ้าฉู่ชวิ๋นรู้ว่าหยานหวูซวงคิดกับเขายังไง ฉู่ชวิ๋นคงต่อยเขาจนหัวบวมเป่ง

“กลุ่มอื่น ๆ กว่าจะมาถึงคงต้องใช้เวลา พวกเรากินให้อิ่มท้องแล้วค่อยเดินทางต่อ” ฉู่ชวิ๋นลากหางงูหลามยาว 2-3 เมตรไปที่บ่อน้ำก่อนจะเริ่มถลกหนังเพื่อทำความสะอาด

หยานหวูซวงหน้าไม่สู้ดี เขาเห็นฉู่ชวิ๋นแล่ได้เสียเปล่ามาก ๆ เห็นทีจะต้องเข้าไปช่วยเตือนสักหน่อยแล้ว

ภายในบ่อน้ำ ดวงตาใหญ่เท่าโคมไฟคู่หนึ่งปรากฏ มันจ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างแค้นเคือง

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นก็เห็น มันคืองูหลามยักษ์นั่นเอง แต่มันไม่กล้าขึ้นมาอีก

“มองอะไร แน่จริงแกก็ขึ้นมาเลย” ฉู่ชวิ๋นท้าทาย

งูหลามยักษ์ตัวนั้นขยับร่างกายอันใหญ่โต น้ำในบ่อกระเด็นขึ้นสูงหลายเมตร หยานหวูซวงกำลังดูอยู่ ฉู่ชวิ๋นจึงใช้ลมปราณจำแลงไม่ได้ โดนน้ำสาดใส่จนเป็นลูกหมาตกน้ำ

หยานหวูซวงเห็นท่าไม่ดีก็ชักกระบี่เข้ามาช่วย พอเห็นตาคู่ใหญ่ใต้น้ำก็ฟันกระบี่ลงไปอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียวงูหลามยักษ์ก็มุดหายลงไปใต้น้ำ ไอกระบี่ทำให้น้ำในบ่อกระเด็นออกมาและเป็นฉู่ชวิ๋นที่รับเคราะห์ไปอีกครั้ง

“หยานหวูซวง ไอ้เวร มาเก็บกวาดเลย” ฉู่ชวิ๋นหน้าดำคร่ำเครียด โยนงานถลกหนังทำความสะอาดให้หยานหวูซวง

หยานหวูซวงหัวเราะฝืดๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ อีกอย่าง ตัวเขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาน เคยทำงานล้างนู่นล้างนี่ซะเมื่อไหร่ แถมเขาไม่อยากกินเนื้องู แค่คิดก็ไม่สบายตัวแล้ว

สุดท้ายเขาก็ให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งไปทำ

ควันโขมง กลิ่นหอมกระจายออกมา

หน้าของหยานหวูซวงบึ้งตึงอีกครั้ง เพราะฉู่ชวิ๋นเอากระบี่สีเขียว 3 ศอกของเขาจิ้มเนื้องูหลามหนัก 10 กว่ากิโลไปย่างไฟแทนไม้เสียบ

จ๊อก

ของเหลวสีเหลืองทองไหลออกมา ฉู่ชวิ๋นคอยพลิกเนื้องูหลามที่เริ่มสุกจนเป็นสีเหลืองขึ้นเรื่อยๆ

เสียดายอย่างเดียวคือไม่มีน้ำจิ้ม ออกจากบ้านรอบหน้าต้องพกติดตัวไว้ด้วยแล้วแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นคิดในใจ

ผ่านไปไม่นานเนื้องูหลามก็สุก เนื้อเป็นสีทองระยิบระยับ กลิ่นหอมฉุยโชยเข้าจมูก

ฉู่ชวิ๋นฉีกมาชิ้นนึงโยนเข้าปากลองชิม ถึงไม่มีน้ำจิ้มแต่มันกลับหอมอร่อยเป็นพิเศษ

“มา ฉันเลี้ยงเนื้องูหลามทุกคนเอง”

ฉู่ชวิ๋นฉีกอีกชิ้นหนึ่งยื่นให้ผู้หญิงผมม่วง แต่เธอถอยหลังไปหลายก้าว ยังไงซะก็ไม่ยอมกิน

“น้องหยาน เร็ว นี่ของอร่อยเลยนะ”

หยานหวูซวงส่ายหัว แม้เขาจะเป็นผู้ชายแต่ก็รักสะอาด รู้สึกไม่ดีกับตัวลื่น ๆ อย่างพวกงูมาก

“พวกนายล่ะ” ฉู่ชวิ๋นมองจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 อีก 4 คน

แต่ทั้ง 4 คนล้วนส่ายหัว ไม่มีใครยอมกิน

“ไม่รู้จักเพลิดเพลินกับสิ่งรอบข้างซะเลย” ฉู่ชวิ๋นพึมพำก่อนจะกินเนื้อคำโต

เห็นฉู่ชวิ๋นกินท่าทางน่าอร่อย คนอื่นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันอร่อยขนาดนั้นจริงๆเหรอ

“คุณชายหลิว ขอผมสักชิ้นได้รึเปล่า” 1 ในนั้นเห็นฉู่ชวิ๋นกินน่าอร่อยก็อยากชิมบ้าง

ฉู่ชวิ๋นฉีกให้เขาชิ้นใหญ่ประมาณ 2 กรัมได้

“ขอบคุณคุณชายหลิว” คน ๆ นั้นรับไปและลองกัดคำนึงอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย คุณภาพเนื้อหอมหวาน เข้าปากก็ละลาย ที่สำคัญภายในเนื้อมีพลังงาน กินเข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่นสบายตัวจนบอกไม่ถูก

เขากลั้นไม่ไหว เริ่มสวาปามคำโต

อร่อยขนาดนั้นจริงๆเหรอ 3 คนที่เหลือสงสัยจึงเข้าไปขอชิ้นเล็กๆมาชิมด้วย จากนั้นทั้ง 3 คนก็ขอฉู่ชวิ๋นกินใหญ่

ต่อมา เนื้อทั้ง 10 กว่ากิโลถูกฉู่ชวิ๋นและพวกเขา 4 คนสวาปามลงท้องหมด

“ตรงนั้นยังมีอีกเยอะ อยากกินก็ไปย่างเพิ่มเลย” ฉู่ชวิ๋นบอก

ทั้ง 4 คนลุกขึ้นพรึ่บพรั่บ แต่ละคนแบกเนื้องูหลามชิ้นบะเร่อไปที่บ่อน้ำ ลอกหนังทำความสะอาดและเริ่มย่าง

เนื้อพวกนี้สดและนิ่มมาก พลังข้างในถูกดูดซับไป ทุกคนกินไป 2 กิโลก็ยังไม่รู้สึกจุก สุดท้ายแม้แต่หยานหวูซวงยังเข้าร่วมด้วย

นอกจากผู้หญิงผมม่วงที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมกิน พวกผู้ชายล้วนถือเนื้องูหลามชิ้นบะเริ่มกัดกิน จนสุดท้ายกินไม่ลงแล้วจริง ๆ ถึงยอมหยุด

เนื้องูหลามที่ยังไม่ได้ย่างก็โดนจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิขอแบ่งไปอย่างไม่ละอาย บอกว่าเอากลับไปค่อยกิน

“มีคนมา” ผู้หญิงผมม่วงเตือน

ทั้ง 7 คนอำพรางตัวหลังหินยักษ์อีกครั้ง

คนสวมชุดม่วง 10 กว่าคนเดินทางผ่านไปโดยที่พูดคุยกันอยู่

“นี่คือคนของหอคอยอาภรณ์ม่วง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่พวกเขาก็มาด้วย”

หยานหวูซวงเอ่ย

หอคอยอาภรณ์ม่วงเป็นองค์กรที่ลึกลับมาก อิทธิพลใหญ่โต เรียกว่าองค์กรนักฆ่าก็ว่าได้ รับทุกงาน เอาเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก ชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จากนั้นก็มีคนผ่านไปอีกหลายพวก ล้วนมาจากต่างสำนัก

“พวกเราก็ไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นเอ่ย

ทั้ง 7 คนมุ่งหน้าสู่ภายในหุบเขาตามหลังคนพวกนี้ไป

……

โฮกก

สิงโตสีเหลืองทองตัวใหญ่ตัวหนึ่งกระโดดออกมาคำรามอย่างน่ากลัว มีแสงเปล่งอยู่รอบ ๆ ตัวมัน ขนของมันเปรียบเสมือนผ้าฝ้าย คลื่นเสียงแผ่ขยายตามความโกรธของมันออกมา

จังเฟิงหลิงอยากจะบ้าตาย เรียกได้ว่าเขาสู้ด้วยเลือดเนื้อมาตลอดทั้งทาง เลือดบนเสื้อยังไม่ทันจะแห้งก็มีจักรพรรดิอสูรโผล่มาอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้มีตะขาบดำตัวใหญ่เท่าแท่นบด เป็นถึงสัตว์อสูรขั้นจักรพรรดิระดับ 6 หางตะขาบอย่างกับตะขอเหล็ก ตวัดเบา ๆ พื้นดินก็แตกสลายพออ้าปากก็พ่นเมือกพิษที่สามารถละลายหินผาได้ กว่าพวกเขาจะกำจัดมันได้ก็มีคนหนึ่งต้องบาดเจ็บสาหัส

ยังไม่ทันจะได้หายใจก็มีเจ้าสิงโตเหลืองทองโผล่มาอีก แถมมันยงถนัดโจมตีด้วยคลื่นเสียง รับมือยากยิ่ง

มันคล้ายกับวิชา สิงโตคำราม ในตำนานเลย

คลื่นเสียงจู่โจมมาเป็นระลอก ๆ พวกเขาเอี๊ยวตัวหลบ หินประหลาดสูงหลายเมตรสะเทือนจนระเบิดดังตู้ม

“ฆ่ามัน!”

จังเฟิงหลิงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด ทุกคนลงมือต่อสู้กับสิงโตเหลืองทองพร้อมกัน ลมปราณมากมายปรากฏ ดุดัน แข็งกร้าว

สิงโตเหลืองทองตัวนี้แข็งแกร่งอย่างมาก เข้าใกล้ความเป็นอสรูขั้นจักรพรรดิระดับ 7 สุดๆ สามารถปะทะตรงๆกับจังเฟิงหลิงได้

ศึกนึ้ลำบากมาก ทุกคนรับมือกับสิงโตเหลืองทองพร้อมกันก็ยังไม่ได้เปรียบ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 คนนึงโดนบี้จนเละ

สุดท้ายจังเฟิงหลิงต้องยอมใช้ของวิเศษลึกลับที่แข็งแกร่งมากจนทำให้ สิงโตเหลืองทองกลัวจนหนีไป

“นายน้อย พวกหยานหวูซวงผ่านไปได้ยังไง” คนหนึ่งถามอย่างสงสัย

มีแววเย็นยะเยือกอยู่ในนัยน์ตาของจังเฟิงหลิง เขาพูดอย่างโมโห

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์ พวกเราติดกับแล้ว”

เขาเข้าใจเรื่องราวแล้ววานรหิมะหน้าหุบเขาโดนหยานหวูซวงฆ่าไป ทำให้พวกมันรู้ดีว่าด้านในจะยิ่งอันตรายขึ้นจึงหาที่แอบซ่อนตัว พวกเขาโดน

หยานหวูซวงหลอกเข้าให้แล้ว

“ซ่อนตัวกันให้หมด” จังเฟิงหลิงสั่ง เขาไม่อยากเป็นไอ้โง่ที่คอยเปิดทางให้ใครอีกแล้ว

ผ่านไปพักใหญ่ คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงก็ผ่านตรงที่ ๆ พวกเขาพรางตัว

“นายน้อย พวกเราจะตามไปไหม”

“พรางตัวต่อ ซากโบราณสถานยังไม่ปรากฏเลย รีบทำไม”

ทั้งหมดพรางตัวไว้

จนกระทั่งมีคนผ่านไปหลายกลุ่มแล้ว จังเฟิงหลิงก็ยังรออยู่ เขากำลังรอ

หยานหวูซวง

สวรรค์มีตา ในที่สุดเขาก็เจอพวกหยานหวูซวง

สุดท้าย พอได้เห็นก็โมโหจนปอดแทบระเบิด

หยานหวูซวงและพวกไอ้หนุ่มไร้นามเดินถือเนื้อสีเหลือง ๆ ชิ้นใหญ่ในมือกันทุกคน เดินไปกินไป สุขีอย่างถึงที่สุด อย่างกับมาเที่ยวเล่น

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ทั้ง 4 คนของตระกูลหยานโลภมากเกินไป ก่อนหน้านี้ย่างเนื้อไว้เยอะเกิน จะทิ้งก็เสียดาย ทุกคนจึงเดินไปกินไป

“มีคน” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปากพลางมองไปที่ด้านหลังของหินก้อนหนึ่ง

“ท่าทางจะมีคนคิดเหมือนพวกเรา” ฉู่ชวิ๋นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลังหินก้อนนั้นก็คือพวกจังเฟิงหลิง

“สหาย ออกมาเถอะ” หยานหวูซวงตะโกน

จังเฟิงหลิงเดินพาคนกลุ่มหนึ่งออกจากหลังหินด้วยสีหน้าคร่ำเครียด

“ที่แท้ก็น้องจังนี่เอง มาไวดีนี่” หยานหวูซวงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หน้าอกจังเฟิงหลิวขึ้นลงอย่างแรก เขาพยายามสะกดความโมโหเอาไว้ ก่อนหัวเราะพลางกล่าว “พี่หยาน พวกพี่มาไวกว่าอีก ทำไมไปอยู่ด้านหลังได้ล่ะ”

“พวกเราแวะปิ้งย่างบาร์บีคิว พวกนายเหมือนกันเหรอ” ฉู่ชวิ๋นรับคำพลางโบกเนื้องูหลามในมือ “ลองหน่อยไหม รสชาติไม่เลวเลย”

ปิ้งย่าง?

เปลือกตาจังเฟิงหลิงกระตุกเหมือนเต้นระบำ แกหลอกคนโง่หรือไงเดินทางไกลกว่า 200 กิโล ฝ่าพายุหิมะเพื่อมาแวะปิ้งย่าง?

“แกล้อเล่นหรือไง” ความแค้นที่จังเฟิงหลิงมีต่อฉู่ชวิ๋นไม่น้อยไปกว่าที่มีต่อหยานหวูซวงเลย

“ฉันจะล้อเล่นอะไร” ฉู่ชวิ๋นมีท่าทีไม่เข้าใจ “พวกเรามาเที่ยวมาปิ้งย่างจริงๆ นายดูที่นี่สิ ภูเขาเขียวขจี ลำธารหลั่งไหล ทิวทัศน์ราวภาพวาด เหมาะแก่การเดินป่ามาก ไม่คิดว่าคุณชายจังก็มีอารมณ์สุนทรีย์แบบนี้ด้วย”

ภูเขาเขียวขจี ลำธารหลั่งไหล? ทิวทัศน์ราวภาพวาด?

ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาด นอกจากหินประหลาดสูงชัน พายุหิมะอันหนาวเหน็บ ที่นี่มีทิวทัศน์ตรงไหนสวยบ้าง

“มันคือมโนภาพน่ะ ต้องใช้ใจสัมผัสความงามของธรรมชาติ พวกนายไม่รู้สึกถึงทิวทัศน์ราวภาพวาด ความอบอุ่นราวใบไม้ผลิ เป็นเพราะว่ามโนภาพของพวกนายยังไม่พอ ระดับการฝึกฝนตื้นเขินเกินไป” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยท่าทีจริงจัง

“มโนภาพบ้าบออะไรของแก” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจ พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริงงั้นแหละ

“พี่หยาน พวกเราจับกลุ่มไปด้วยกันไหม ให้พวกเราได้สัมผัสเสน่ห์ของทิวทัศน์อันสวยงามนี้บ้าง” จังเฟิงหลิงมองหยานหวูซวง เขาตัดสินใจว่าจะไม่สนฉู่ชวิ๋น จะได้ไม่โมโหตาย ถ้าไม่ใช่ไอ้บ้านนอกนี่ร่างกายแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อฆ่าได้ยากยิ่ง เขาคงฆ่ามันเพื่อชำระแค้นไปแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+