ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]บทที่ 473: ศาสตร์ต้องห้ามทั้งสี่
บทที่ 473: ศาสตร์ต้องห้ามทั้งสี่
ลิมโบ…สายลมนรกส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่พวกมันพัดโชยไปยังดอกลบความทรงจำที่อยู่บนพื้น
อสูรวิญญาณที่มีขนาดประมาณ 20 เมตรนอนนิ่งอยู่บนพื้น เปล่งประกายแสงสีทองไปรอบ ๆ ราวกับดวงอาทิตย์ที่สดใสภายในลิมโบที่มืดมิด มันเป็นภาพที่ดูงดงามและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
อาร์ทิสยืนอยู่ด้านข้างของตี้ทิงโดยที่ก้มหน้าต่ำ เหมือนกับเด็กนักเรียนที่ถูกลงโทษจากการไม่ได้ทำการบ้าน
นี่คือภาพแรกที่ฉินเย่ได้เห็นทันทีที่เขามาถึงที่ลิมโบ
ตี้ทิง…ตัวเล็กลง?
เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าอสูรวิญญาณขนาดใหญ่อย่างตี้ทิงนั้นมีขนาดเล็กลงเป็นอย่างมาก! แต่ถึงอย่างนั้น…เขาก็สามารถบอกได้ว่าความเข้มข้นของพลังหยินที่แผ่ออกมาจากร่างของมันยังคงหนาแน่นดังเดิม!
มันจะต้องมีค่ามากกว่า 30 ล้านอย่างแน่นอนในตอนก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็สมเหตุสมผล หากตี้ทิงที่บาดเจ็บสาหัสยังแผ่ค่าพลังหยินออกมาประมาณ 30 ล้าน เช่นนั้น…ความแข็งแกร่งของมันในเวลานี้ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 40 ล้าน!
ความกลัวที่อยู่ภายในใจของฉินเย่ไม่ใช่บางสิ่งบางอย่างที่เหยื่อต้องประสบเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ล่าอีกต่อไป กลับกันมันเป็นความกลัวและความสิ้นหวังของการถูกปราบปรามโดยสมบูรณ์ ราวกับว่าทั้งลิมโบได้ถูกควบคุมภายใต้สิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่อยู่ตรงหน้าของเขา มันรู้สึกราวกับว่าการกะพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียวของตี้ทิงสามารถทำให้อุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งชนเข้ากับร่างของเขาอย่างจังได้
นี่คือพลังของขั้นพระยมอย่างนั้นหรือ… มันเหมือนกับธรรมชาติ พลังที่ทำให้เขาต้องขนลุกชันไปหมด แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความรู้สึกสงบสุขขึ้นภายในจิตใจของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กกว่า เขาถือถุงกัญชาแมวไว้ในมือและแย้มยิ้มขณะที่ประสานฝ่ามือและกำปั้นเพื่อแสดงความเคารพอีกฝ่าย
“ไม่ได้เจอกันเสียนานนะ”
ตี้ทิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
มันลอบสังเกตฉินเย่อย่างละเอียดด้วยดวงตาสีทองที่เปล่งประกายของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ขั้นตุลาการนรกที่แท้จริง สวรรค์ได้ยอมรับเจ้าในฐานะของผู้สืบทอดแล้ว… เจ้าหนู เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ข้าทำความเคารพเจ้า ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป…”
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของตี้ทิงก็วูบไหวอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่จมูกของมันขยุกขยิกเล็กน้อย จากนั้น มันก็หันหน้าไปรอบ ๆ ก่อนจะจ้องไปที่ถุงที่อยู่ในมือของฉินเย่
กลิ่นนี้…สูตรนี้…นี่มัน…!
“เอ่อ…” สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่สูงศักดิ์ของยมโลกหยุดชะงักไปและชี้ไปที่ถุงดังกล่าว “นั่นมันสิ่งใดกัน?”
ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะลอบกลอกตาภายในใจ ฮ่า ๆๆ…อย่างที่คิด…แม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถหลีกหนีจากกับดักของกลิ่นที่หอมหวนนี้ได้
ยิ่งใหญ่หรือ?
สุดยอดอย่างนั้นหรือ?
กล้าดีอย่างไรกันถึงเรียกเขามาที่ลิมโบ? ดูตัวเองด้วย กระดิกหางไปมาอยู่ตรงหน้าข้า ราวกับว่าต้องการจะร้องขอความเมตตาจากข้า…
แน่นอน ความคิดที่ผุดขึ้นภายในใจของฉินเย่นั้นแตกต่างจากท่าทีที่แสดงออกของเขาอย่างชัดเจนขณะที่เด็กหนุ่มเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง “นี่คือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้านำมาเพื่อมอบให้ท่าน”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ดึงเชือกออก
ในเสี้ยววินาทีต่อมา ถุง ๆ หนึ่งก็ลอยเข้าไปในปากของตี้ทิงโดยไม่มีคำเตือนใดๆ
จากนั้น…เสียงเคี้ยวก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ใบหน้าของตี้ทิงยังคงเคร่งขรึมดังเดิม แต่หางของมันกลับแกว่งไปมาอย่างแรงจนดูไม่ต่างอะไรกับใบพัดของเครื่องบิน! เศษฝุ่นและเศษดินที่อยู่ด้านหลังฟุ้งกระจายไปหมด!
ห้านาทีต่อมา ร่างของตี้ทิงสั่นไหวเบา ๆ และล้มตัวลงนอนกับพื้น มันอยากจะยืดตัวอย่างขี้เกียจ แต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้เนื่องจากมันไม่เหมาะกับบรรยากาศที่ตึงเครียดของการพบกันในครั้งนี้ ขณะที่พยายามรักษาสีหน้าจริงจังบนใบหน้า มันก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างล่องลอย “มะ …ไม่เลว”
ให้ตายเถอะ… นี่คือการปะทะกันระหว่างผู้ที่เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองสองคน! อาร์ทิสแอบกลอกตาภายในใจอย่างห้ามไม่ได้
จะว่าไป ท่านตี้ทิง…ท่านช่วยมีความเคารพตัวเองและอย่ายอมจำนนต่อสิ่งล่อใจอย่างกัญชาแมวอย่างง่ายดายขนาดนี้ได้หรือไม่?! ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังทำให้มันเป็นเรื่องยากที่ข้าจะรักษาภาพลักษณ์ของท่านที่คงอยู่ภายในใจของข้าเอาไว้? ท่านไม่คิดหรือว่าสีหน้าของท่านและภาษากายที่แสดงออกมานั้นขัดกันอย่างสิ้นเชิง?
ฉินเย่แย้มยิ้มและพยักหน้า ดี ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้รับการปฏิบัติที่ดีจากข้าไปแล้ว ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่ดีกว่านี้สักนิด จากนั้นเด็กหนุ่มก็กระแอมออกมาเบาๆ “ท่านตี้ทิง ท่านเรียกข้ามาที่นี่ด้วยธุระอันใดกัน?”
เขาอาจจะเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ที่มีคุณสมบัติ แต่ระดับขั้นการบ่มเพาะของเขาก็ยังอยู่แค่ขั้นตุลาการนรกเท่านั้น ดังนั้นฉินเย่จึงไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับการกล่าวถึงด้วยความเคารพ
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง หางขนาดใหญ่ก็ฟาดลงมาบนพื้น ส่งผลให้ดอกไม้ที่อยู่ด้านล่างกระจัดกระจายไปหมด แต่ก่อนที่ทุกคนจะสามารถตอบสนองได้ทัน หางของตี้ทิงก็ปัดไปที่พื้นด้านข้างและฟาดลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนั้น มันยังคงเหวี่ยงหางต่อไปอย่างรุนแรง
พระเจ้า… มันสุดยอดเสียจนเขาเผลอกลั้นหายใจ…!
ฉินเย่ก้าวถอยหลังและมองดูตี้ทิงเหวี่ยงหางของมันไปมาเป็นระยะเวลากว่า 15 นาทีเต็ม จนกระทั่งตี้ทิงลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา เห็นได้ชัดว่ามันกำลังสั่นเทาด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า
เสี้ยววินาทีต่อมา เด็กหนุ่มและตี้ทิงสบตากัน ราวกับทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง จากนั้นตี้ทิงก็ยอมเป็นฝ่ายอ่อนข้อลงพร้อมกับเอ่ยว่า “สิ่งที่อยู่ในถุงนั้น…ยิ่งมาก ยิ่งดี”
จากนั้นมันก็ชี้ลงที่พื้น “นั่งลง”
ฉินเย่นั่งลงอย่างไม่เต็มใจนัก ถุงกัญชาแมวหนึ่งถุงสำหรับสิทธิ์ในการนั่งลงตรงหน้าของตี้ทิงเนี่ยนะ? นี่เขาเป็นอะไรสำหรับอสูรวิญญาณตรงหน้ากัน? กีวีj?
อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ว่าแววตาของตี้ทิงอ่อนลงเล็กน้อย มันกระแอมออกมาเบา ๆ และปรับสีหน้าประมาณสามวินาทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “ดอกสามชาติสามภพมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ตอนนี้…ข้าสามารถช่วยเจ้าโจมตีได้หนึ่งครั้ง”
ดวงตาของฉินเย่พลันเปล่งประกายขึ้นทันที ในที่สุดตี้ทิงก็สามารถจู่โจมได้แล้วอย่างนั้นหรือ?!
การโจมตีของขั้นพระยม!
แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเย่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตี้ทิงจะบอกเรื่องนี้กับเขาหรือไม่หากเขาไม่ได้นำถุงกัญชาแมวมาด้วย…
“แต่…” อสูรศักดิ์สิทธิ์รีบเอ่ยข่าวร้ายที่มาพร้อมกับข่าวดีในทันที “มันไม่มีทางที่ข้าจะสามารถระบุตำแหน่งของการโจมตีได้ ข้าอาจจะฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่ข้าจะสามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึก”
ฉินเย่ขมวดคิ้ว ความคิดแรกของเขาก็คือการใช้การโจมตีดังกล่าวเพื่อข่มขู่ราชาผี
มันคุ้มค่า!
เมื่อราชาโค่นล้มขงโม่ได้แล้ว ปัญหาทั้งสองอย่างที่ยังคงค้างอยู่ภายในใจของเขาก็จะได้รับการแก้ไขไปพร้อมกัน เมื่อถึงเวลานั้น ยมโลกก็จะสามารถปกครองมณฑลชายฝั่งทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์! จากนั้น มันก็จะต้องใช้เวลาอีกประมาณสิบปีก่อนที่ยมโลกจะสามารถรวบรวมกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งเพียงพอและมุ่งหน้าไปสู่รังของราชาผีแห่งพิภพเปรตที่อยู่ที่พื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง!
ตี้ทิงเอ่ยต่อ “เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่าข้าต้องการอธิบายให้เจ้าฟังถึงความแตกต่างระหว่างขั้นตุลาการนรกที่แท้จริงและตุลาการนรกธรรมดาทั่วไปของยมโลก ข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าคือผู้สืบทอดคนต่อไปของจ้าวนรกหมายความว่าความแตกต่างเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงภายในเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่ส่งผลต่อโลกใต้พิภพทั้งหมดด้วย!”
“อีกความหมายหนึ่งก็คือ ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเจ้าจะส่งผลกระทบกับยมโลกทั้งหมด!”
เสียงของตี้ทิงดังก้องกังวานอย่างยิ่งใหญ่ “อรากษสอาจจะเป็นตุลาการนรกที่ทรงพลังในหมู่ตุลาการนรกทั้งหมด แต่มันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างในยมโลกที่แม้แต่ขั้นตุลาการนรกก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นวันนี้ ข้าจะเป็นผู้อธิบายความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้เจ้าฟังด้วยตัวเอง…”
ฉินเย่อ้าปากค้าง
เขา…ไม่ได้อยู่ในลิมโบอีกต่อไป!
ในวินาทีนั้น เขารู้สึกราวกับว่าสติของเขาหลุดลอยออกไปยังที่ไหนสักแห่ง ผืนดินขนาด 9,600,000 ตารางกิโลเมตรของโลกใต้พิภพของจีนปรากฏขึ้นใต้เท้าและเริ่มหมุนเบา ๆ ขณะที่เปลวแสงสีทองจาง ๆ ออกมา ในขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็ลอยอยู่กลางอากาศราวกับเทพเจ้า
ไม่คิดเลยว่าตี้ทิงจะสามารถดึงเขามายังมิติเสมือนจริงได้โดยที่ไม่สร้างความผันผวนของพลังหยินเลยแม้แต่น้อย…ในวินาทีนี้ เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่เกี่ยวกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวของวิญญาณขั้นพระยม
“นี่คือแผนที่ภาพรวมของยมโลกที่ยายเมิ่งได้ซ่อนไว้ระหว่างหัวคิ้วของเจ้ามาโดยตลอด แต่เจ้าไม่เคยได้ใช้มันเนื่องจากเจ้าได้รับการช่วยเหลือจากอรากษส ข้าไม่คิดว่ายายเมิ่งจะนึกถึงความเป็นไปได้ที่เจ้าจะสามารถปราบปรามวิญญาณของนางลงได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของเจ้า ดังนั้นจงอย่าตื่นตระหนกไป” เสียงของตี้ทิงดังขึ้นให้ได้ยินจากรอบด้าน “ประการแรก เจ้าจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่ายมทูตที่แท้จริงของยมโลกนั้นหมายความว่าเช่นไร?”
“…ยมทูตจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นยมทูตที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีอำนาจในการสั่งการที่เทียบเท่ากับขอบเขตของระดับขั้นบ่มเพาะของตัวเองในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม อำนาจในการสั่งการในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขอบเขตพื้นที่ แต่หมายถึงจำนวนของวิญญาณที่ยอมจำนนอยู่ภายใต้พวกเขา จำนวนวิญญาณที่อยู่ภายในนครชฺวีฟู่ในตอนที่เจ้าเข้าควบคุมนั้นเท่ากับจำนวนวิญญาณของทั่วทั้งมณฑลซานตงเมื่อร้อยปีก่อน นอกจากนี้ วิญญาณนั้นยังมีความหลากหลาย แต่ละตนล้วนมีส่วนช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐศาสตร์ การทหาร หรือมนุษยศาสตร์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมสวรรค์จึงยอมรับเจ้าในฐานะของยมทูตที่แท้จริงเมื่อการต่อสู้ที่นครชฺวีฟู่ใกล้จะได้รับชัยชนะ…”
“และทันทีที่เจ้ากลายเป็นยมทูตที่แท้จริงของยมโลก...ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!”
ตู้ม!!!
แสงสีทองปะทุขึ้นในความว่างเปล่า ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ เขามองเห็นแผ่นยันต์สีขาวจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศและบินไปมาราวกับแมลงในอากาศ ยิ่งกว่านั้น เขายังสามารถบอกได้ด้วยว่ายันต์แต่ละแผ่นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“พวกนี้คือ…?”
“ยันต์หยิน” ตี้ทิงเอ่ย “ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างแดนมนุษย์และโลกใต้พิภพ”
“มีเพียงขั้นตุลาการนรกเท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับยันต์หยินได้ และมีเพียงยมทูตที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นมันได้ ยันต์หยินนั้นคือโครงสร้างหลักของทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใต้พิภพ เช่นเดียวกันกับที่การที่อะตอมคือโครงสร้างหลักของทุกสิ่งทุกอย่างในแดนมนุษย์ ไม่ว่าเจ้า ข้า หรือส่วนใดของยมโลก ทั้งหมดล้วนถือกำเนิดขึ้นมาจากยันต์หยินทั้งสิ้น”
ทันใดนั้นเอง กรงเล็บขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นและค่อย ๆ ขยับไปมาในอากาศ ขณะที่มันเคลื่อนตัว ยันต์หยินที่อยู่โดยรอบก็จะลอยมาที่ปลายกรงเล็บดังกล่าว ไม่กี่วินาทีต่อมา…พลังหยินที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากมัน!
ฉินเย่ขนลุกชันไปหมด ร่างของเขาสั่นเทาอย่างไม่สามารถห้ามได้!
ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ…มันรุนแรงกว่าของตี้ทิงในตอนนี้เสียอีก! เขามีลางสังหรณ์เลยว่าหากทักษะนี้ถูกปลดปล่อยออกมา…มันจะต้องสามารถทำลายล้างเมืองทั้งเมืองได้ในคราวเดียว!
กรงเล็บมายาของตี้ทิงยังคงขยับไปมาในอากาศ แม้ว่ามันเคลื่อนที่ช้าลง แต่จำนวนยันต์หยินที่รวมตัวกันที่ปลายนิ้วกลับเพิ่มมากขึ้น! ห้านาทีต่อมา… มันแทบจะเหมือนกับว่าดวงอาทิตย์ได้ก่อตัวขึ้นที่ปลายนิ้ว! มันคือดวงอาทิตย์ที่ก่อตัวขึ้นจากพลังหยิน!
พลังหยินสีทอง!
นอกจากนี้ ยันต์หยินจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงหลั่งไหลมาจากทั่วทุกทิศทาง แทบจะเหมือนกับว่า… มันคือทางช้างเผือกของยันต์หยิน!
“ศาสตร์ต้องห้าม ทัณฑ์สวรรค์นิรันดร์” ตี้ทิงเอ่ยเสียงหอบขณะที่มันเหวี่ยงดวงอาทิตย์ที่อยู่ที่ปลายกรงเล็บของตัวเองลงไปที่พื้นด้วยเสียงดังสนั่น!
ทัศนวิสัยตรงหน้าของฉินเย่สั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง และมันก็ซูมลงไปยังเมืองที่อยู่ด้านล่าง ณ จุดนั้น เขามองจากมุมสูงขณะที่ดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ตกลงไปยังเมืองด้านล่าง ส่งผลให้เมืองทั้งเมืองสลายไปโดยสมบูรณ์ กลุ่มก้อนพลังหยินที่มีรูปร่างคล้ายกับกะโหลกลอยขึ้นจากพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านล่างสลายไปในพริบตา แม้แต่กลุ่มเมฆที่ปกคลุมเมืองก็ถูกพัดหายไปจนหมด หลังจากนั้นไม่นาน ทัศนวิสัยของเขาก็ถูกดึงห่างออกมาจากพื้น จนกระทั่งเขาสามารถมองเห็นภาพของมณฑลทั้งมณฑล
คลื่นกระแทกสีดำที่น่าตกตะลึงได้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง พุ่งผ่านเมืองทุกเมือง นครทุกนคร จนกระทั่งกลืนกินพื้นที่กว่าครึ่งมณฑล!
“พระเจ้า…!” เขาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง “นี่ใช่…อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่?!”
“เจ้าจะบอกว่ามันคืออาวุธนิวเคลียร์ของโลกใต้พิภพก็ได้” เสียงของตี้ทิงแฝงไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าขณะที่มันเอ่ยต่อ “แต่การใช้ศาสตร์นี้ก็นับว่าเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเคร่งครัดภายใต้อนุสัญญาที่ได้รับความเห็นชอบจากโลกใต้พิภพทั้ง 27 แห่ง และศาสตร์ต้องห้ามดังกล่าวก็มีอยู่ทั้งสิ้นสี่ศาสตร์ด้วยกัน”
“ศาสตร์ต้องห้ามของโลกใต้พิภพจีน...ทัณฑ์สวรรค์นิรันดร์”
“ศาสตร์ต้องห้ามของโลกใต้พิภพฮินดูสถาน…ศิวะ”
“ศาสตร์ต้องห้ามของโลกใต้พิภพอาร์โกส…หอกแห่งคำสาบาน”
“ศาสตร์ต้องห้ามของโลกใต้พิภพอียิปต์…วงล้อแห่งการการทำลายล้าง”
แม้แต่ตี้ทิงก็เสียงสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อต้องเอ่ยถึงศาสตร์ต้องห้ามเหล่านี้ “นี่เป็นเพียงการจำลองเท่านั้น แต่ข้าก็จะต้องใช้พลังหยินไปจำนวนมากเช่นกันในการจะสร้างมันขึ้นมา เจ้าหนู…เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
ฉินเย่เงียบไป…
ไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างทั้งร่างของเขาก็สั่นเทาขณะที่เขาตะโกนกลับไป “ไม่ใช่ว่านี่คือ…สนธิสัญญาของโลกใต้พิภพเกี่ยวกับการห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์?!”
ความหมายแฝงของสิ่งเหล่านี้มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป!
ประเทศที่ครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ได้รับตำแหน่งใดในเวทีโลก?
ห้าสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ![1]
พวกเขาล้วนเป็นผู้กุมอำนาจในภูมิภาคของตนเอง!
เมื่อพูดถึงเรื่องระดับของการพัฒนา ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว สวัสดิการสังคม จีนยังคงอยู่ห่างจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างแดฮันและญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น…
เหตุใดจีนจึงถือว่าเป็นเสียงของทวีปตะวันออก?
พลังอำนาจของชาติ? เศรษฐกิจ? อำนาจทางการทหาร?
แน่นอน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม มันยังมีเหตุผลหลักเหตุผลหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ระดับโลกได้
และนั่นก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ภายในครอบครอง!
และด้วยเหตุนี้ อาวุธนิวเคลียร์ของโลกใต้พิภพจึงถูกสร้างขึ้นจากยันต์ทั้งสิ้น!
แม้ว่ายันต์จะไม่สามารถทำหน้าที่อื่นได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกมันสามารถถูกควบคุมเพื่อใช้สร้างศาสตร์ที่มีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวได้ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้การค้นคว้าและพัฒนา!
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…
จีน...ไม่สามารถเข้าถึงศาสตร์ต้องห้ามเหล่านั้นหรือแม้แต่การใช้ยันต์ได้อีกแล้ว
ทัณฑ์สวรรค์นิรันดร์อาจจะเป็นศาสตร์ที่สูญหายไปตามกาลเวลา
เป็นครั้งแรกในระยะเวลาหลายปี ฉินเย่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ในอีก 150 ปีหลังจากนี้ เมื่ออาณาเขตเวทแห่งมหาเทพทั้งเก้าพังทลายลง เขาเกรงว่าสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าอาจจะไม่ใช่แค่กองทัพของโลกใต้พิภพอื่น ๆ เสียแล้วที่รอพวกเขาอยู่
มันมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากศาสตร์ต้องห้ามมากมายพร้อมกัน!
[1] หมายถึงจีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ
Comments