ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 160: 90 คะแนน!
บทที่ 160: 90 คะแนน!
โจวเซียนหลงรับลูกบอลผนึกมาอย่างตื่นเต้น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตรวจดูทุกซอกทุกมุมของมันโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาขณะที่หมุนมันช้า ๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งหมดที่รอคำตอบอยู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้นและประกาศออกมาเสียงดัง “มันได้ผล”
ฟึ่บ…ผู้อำนวยการของสำนักงานกิจการภายในลุกขึ้นยืนและมองลูกบอลผนึกอย่างเหลือเชื่อ
ฟึ่บ…ศาสตราจารย์ยวีเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขายกมือที่สั่นเทาเพื่อปรับระดับแว่นตาของตัวเอง ลูกบอลผนึกอาจจะยังไม่เป็นประโยชน์สำหรับหน่วยสอบสวนพิเศษในทันที แต่มันสิ่งที่มีค่ามหาศาลสำหรับศูนย์วิจัย SRC! และด้วยสิ่งนี้ มันจะต้องมีประโยชน์สำหรับหน่วยสอบสวนพิเศษในภายหลังอย่างแน่นอน!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ…พวกระดับสูงของสำนักต่างลุกขึ้นยืนทันที หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าที่นี่คือห้องบรรยาย พวกเขาก็อาจจะเดินไปดูลูกบอลผนึกไปแล้ว
เตงงงงง….ทันใดนั้นเสียงระฆังที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของการบรรยายก็ดังก้องไปทั่วห้องและขัดจังหวะความคิดของทุกคน นักเรียนระดับ A ไปจนถึง Z ต่างหันไปมองเหล่าผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ด้านหลังห้องด้วยสายตาไม่พอใจทันที
การบรรยายจบแล้ว…
ให้ตายเถอะ มันจบแล้วจริง ๆ เหรอ?
การบรรยายเปิดจะจบลงแบบนี้ได้เนี่ยนะ?!
ฉินเย่ยังไม่ทันได้พูดประเด็นสำคัญเลยด้วยซ้ำ! นี่เพิ่งกำลังจะมาถึงจุดไคลแมกซ์เองนะ…แต่กลับจบแบบนี้น่ะนะ? ไม่ได้การ…คนแก่พวกนี้รบกวนเด็กนักเรียนของเขาเกินไปแล้ว!
นักศึกษาพากันจ้องมองกลุ่มชายสูงวัยที่อยู่ด้านหลังของห้องอย่างไม่พอใจ ต้องขอขอบคุณ ‘คณะผู้สังเกตการณ์’ พวกนี้ที่ทำให้พวกเขาจับประเด็นอะไรไม่ได้เลย นี่คนพวกนี้ตั้งใจจะปล่อยให้พวกเขาตายคาสนามรบของจริงในอนาคตหรือไง?
ในขณะเดียวกัน ทีมผู้ประเมินต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกันกับเหล่านักเรียน พวกเขาจ้องมองลูกบอลผนึกวิญญาณในมือของโจวเซียนหลงด้วยความตกตะลึง บางคนถึงกระทั่งต้องกลับตาลงและเคาะนิ้วบนโต๊ะเบา ๆ ขณะที่ในหัวก็คิดทฤษฎีใหม่ที่ฉินเย่ได้เสนอให้กับพวกเขาในวันนี้ตลอดการบรรยายสองชั่วโมง
ใช่แล้ว ระยะเวลาสองชั่วโมงผ่านไปภายในพริบตา
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่ พวกเขาได้เตรียมใจไว้เลยว่าตัวเองจะต้องนั่งทนฟังการบรรยายสองชั่วโมงอย่างเบื่อหน่าย เพราะจากใบประเมินนั่นทำให้พวกเขาคิดว่าฉินเย่จะใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็น่าจะบรรยายจบได้แล้ว
แต่ตอนนี้ พวกเขาแต่ละคนกลับรู้สึกว่าระยะเวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมานั้นผ่านไปเร็วเกินไป…มันผ่านไปเร็วเกินไปจริง ๆ! ฉินเย่ยังไม่ทันได้ลงรายละเอียดอะไรเลยด้วยซ้ำ…แล้วพวกเขาก็ต้องรออีกตั้งสามวันกว่าจะถึงการบรรยายครั้งต่อไปของอีกฝ่าย ลักษณะของภูตผีคลุ้มคลั่งคืออะไร? แล้วเขาสามารถบอกได้อย่างไรว่าเมืองอื่น ๆ ในจีนเริ่มแสดงสัญญาณของจุดตัดระหว่างสองภพออกมาแล้วหรือยัง? แล้วยังการปรากฏขึ้นของรังของวิญญาณนับหมื่นแห่งนั่นอีก?
“เด็กคนนี้…” หม่าช่างหลง ผู้อำนวยการของสำนักงานกิจการภายในถอนหายใจออกมา “คนรุ่นใหม่มาแทนที่คนรุ่นเก่า การบรรยายนี้…เปิดหูเปิดตาของพวกเราจริง ๆ”
“ในอนาคต การบรรยายของเขาจะต้องกลายเป็นหนึ่งในวิชาสำคัญของสำนักแน่ ๆ” จูโย่วเต๋อหัวเราะเบา ๆ “แต่…นี่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ น่ะหรือ?”
นอกเหนือจากโจวเซียนหลงและสวี่อันกั๋ว คนอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ประเมินต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม
นี่คือห้องบรรยาย
นี่คือการบรรยายเปิดของสำนักฝึกตนแห่งแรก
และพวกเขาต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้ประเมิน
เนื่องจากพวกเขาจะต้องเขียนการประเมินลงไปทันทีที่สิ้นสุดการบรรยาย และฉินเย่ก็ทำผลงานออกมาได้ดีเกินไป ทำให้หลังจากนั้นพวกเขาจำต้องใช้เวลาประเมินประสิทธิภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนที่จะสรุปคะแนนช้ากว่าที่กำหนดในตอนแรก
แต่ถึงอย่างนั้น…
พวกเขาจะควรจะให้คะแนนอีกฝ่ายเท่าไหร่ดีล่ะ?!
นี่เป็นการบรรยายที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อนักเรียน แต่เหล่าผู้ประเมินกลับเป็นฝ่ายถามคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่โจวเซียนหลง สวี่อันกั๋ว และคนอื่น ๆ เองก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องลูกบอลผนึกอย่างตื่นเต้น แทนที่จะบอกว่านี่เป็นการบรรยายสำหรับนักเรียน หากพูดตรง ๆ กลายเป็นว่า…พวกเขาคือกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบรรยายนี้เสียอย่างนั้น
ซึ่งนั่นทำให้…การให้คะแนนในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย….
“คุณคิดว่าอย่างไร?” หลงฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลหันไปถามชายชุดดำทั้งสี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
นี่คุณจงใจใช่ไหม?
ชายทั้งสี่ โดยเฉพาะชายผู้ที่กล่าวหาความสามารถของฉินเย่ก่อนหน้านี้รู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ที่บริเวณลำคอของตน พวกเขาแน่นิ่งไป ไม่เอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
จริงหรือที่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคิดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้?
และเขาจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความจริงที่เขาเพิ่งพูดได้ในครั้งต่อไปหรือไม่?
จริงอยู่ที่เขาไม่สามารถบอกข้อมูลเชิงลึกหรือทฤษฎีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ จริงอยู่ที่คำพูดของเขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่า การเชื่อมโยงข้อมูลสองสามอย่างที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น…แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าอาจารย์ฉินมีข้อมูลมากมายที่จะมอบให้กับเหล่านักศึกษา! เมื่อคิดว่าตัวเองได้กล่าวหาคนตรงหน้าไปก่อนหน้านี้…กลายเป็นว่าพวกเขาคือคนที่โง่เองมาตลอด…โง่งี่เง่าจริง ๆ….
“ทุกท่าน?” โจวหรู่ผิง ผู้อำนวยการสำนักวิชาการเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถามไปทางกลุ่มของศูนย์วิจัย SRC พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องหลักการวิชาการต่าง ๆ ดังนั้นทำให้เขาสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงเงียบไปแบบนี้?
“อะแฮม….เอ่อ ครับ…” ชายทั้งสามมองหน้ากันและกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าเสียงปรบมือเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขาเสียก่อน
แปะ แปะ แปะ…
เหล่านักเรียนยังคงนั่งอยู่ในห้องบรรยาย นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้ร่ำเรียนมาหลายสิบปีที่พวกเขารู้สึกความตื่นเต้นและคาดหวังถึงอนาคตข้างหน้าได้ถึงขนาดนี้ ทุกคนต่างหันกลับไปมองอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงปรบมือที่ไม่คาดคิดดังขึ้น
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าศาสตราจารย์ยวีของศูนย์วิจัย SRC เป็นใคร พวกเขาเห็นเพียงชายที่มีหนวดและผมสีขาวคนหนึ่งกำลังยิ้มบาง ๆ และปรบมือให้กับความพยายามของฉินเย่ก็เท่านั้น เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ไปสู่คนกลุ่มหนึ่ง ไปสู่คนนับร้อย และในที่สุดนักเรียนทั้งหมดก็พากันปรบมือเสียงดังไปทั่วห้องประชุม!
แปะ แปะ แปะ…เสียงปรบมือดังกึกก้อง ฉินเย่เพียงโค้งให้กับทุกคนอย่างช้า ๆ “ขอบคุณ ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน”
หลินฮั่นและเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างกัดฟันกรอดขณะที่ปรบมือตามอย่างไม่เต็มใจนัก ซู่เฟิงเหลือบมองเพื่อนของตนและเอ่ยว่า “นายไม่รู้สึกเครียดกับการบรรยายของตัวเองที่จะจัดขึ้นบ่ายนี้เลยหรือไง?”
“รู้สึกสิ… แต่ฉันทำอะไรได้ล่ะ?”
เสียงปรบมือยังคงดังต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบวินาที ศาสตราจารย์ยวีเป็นผู้เริ่มตบมือ และสมาชิกของศูนย์วิจัย SRC คนอื่น ๆ ก็ทำตามทันที พวกเขาคือผู้ที่ปรบมือให้กับฉินเย่เป็นคนแรก และผู้บริหารระดับสูงของสำนักเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำตาม อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องเห็นแก่หน้าของศูนย์วิจัย SRC…เพราะคนกลุ่มนี้ คือผู้ที่จัดเตรียมสื่อการสอนทั้งหมด….
“ดี เยี่ยมมาก” ศาสตราจารย์ยวีสูดหายใจเข้าช้า ๆ และมองไปที่ฉินเย่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและความตื่นเต้น “ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ผมคาดหวังที่จะได้ฟังการบรรยายที่ดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะเกินกว่าความรู้ที่ผมมี แต่ตอนนี้…”
เดี๋ยวก่อน!
สวี่อันกั๋ว โจวหรู่ผิง หม่าช่างหลง จูโย่วเต๋อ และผู้ประเมินคนอื่น ๆ ต่างหันไปมองศาสตราจารย์ยวีตาโต ราวกับพวกเขาเพิ่งเห็นผีไม่ปาน ตาแก่นี่…หรือว่าคุณกำลังพยายามที่จะ….
แม้ว่าสวี่อันกั๋วจะจ้องเขม็งไปที่ชายสูงวัยจนลูกตาของเขาแทบจะถลนออกมา แต่ศาสตราจารย์ยวีก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและปรบมือเบา ๆ “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้มานั่งอยู่ในการบรรยายที่เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา และสำหรับพวกเราทุกคนแบบนี้เลย!”
ให้ตายเถอะ…
สวี่อันกั๋วเริ่มรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี ตาแก่นี่คิดจะเล่นนอกบทอีกแล้ว!…นี่อีกฝ่ายพยายามจะล้มล้างกฎของพวกเขาอยู่หรือไง? ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาควรจะปิดปากสหายผู้สูงศักดิ์จากศูนย์วิจัย SRC อย่างไร? โปรดบอกทีเถอะ…
“ศาสตราจารย์ยวี…”
“ผู้อำนวยการสวี่” ศาสตราจารย์ยวีหันกลับไปหาสวี่อันกั๋วพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและเอ่ยต่อ “ผมรับรองได้เลยว่าหัวข้อวิจัยนี้จะต้องส่งถึงมือของสมาคมจิตศาสตร์อาถรรพณ์ภายในครึ่งปี และทันทีที่เราได้รับการอนุมัติ…คุณคิดดูสิว่าเราจะจับวิญญาณได้มากแค่ไหน?”
“ผม…”
“ใช่ คุณคิดถูกแล้ว หัวข้อของอาจารย์ฉินนั้นยิ่งใหญ่มาก การประเภทของวิญญาณและความสามารถของพวกมัน ทั้งมุมมองและข้อมูลของเขานั้นแปลกใหม่และน่าสนใจมาก ผมสงสัยจริง ๆ ว่าจะมีผู้ฝึกตนสักกี่คนที่จะตื่นเต้นกับข้อมูลเชิงลึกพวกนี้ทันทีที่มันได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง? สำหรับการบรรยายครั้งนี้ ผมให้คุณไปเลย 9 คะแนน”
ให้ตาย….อย่าบอกนะว่าคุณกำลังรอวินาทีนี้มาโดยตลอด? แล้วคุณก็ทำลงไปจริง ๆ ด้วย!
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณบอกว่าตัวเองไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะสนับสนุนเขาหรอกหรือ?!
นี่คุณไม่สนใจหน้าตาของตัวเองแล้วใช่ไหม?!
สวี่อันกั๋วรู้สึกได้ว่าหางตาของเขากำลังกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ต้องยอมรับ การบรรยายเปิดของฉินเย่ในครั้งนี้ดีมาก แต่…
เมื่อใดก็ตามที่มีคำว่า ‘แต่’ ปรากฏขึ้น มันย่อมไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ดี
นี่คือสำนักฝึกตนแห่งแรก! และมันก็ยังมีอาจารย์คนอื่น ๆ ที่จะต้องทำการบรรยายเปิดอีกสี่สาขา! ดังนั้นจึงยังมีอาจารย์จากสาขาอื่นอีกสี่คนที่รอบรรยายต่อจากอาจารย์ฉินนะคุณ! จู่ ๆ คุณจะโผล่มาและมอบ 9 คะแนนให้เขาทันทีแบบนี้ได้อย่างไร?! ถึงผมจะอยากให้คะแนนเขาสูง ๆ เหมือนกัน แต่คุณไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างเลยเหรอ?!
เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์ยวีไม่สนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย คนอื่นน่ะเหรอ? ‘คนอื่น’ ไม่เคยให้ความช่วยเหลือเขาแก้ปัญหาทางวิชาการ และ ‘คนอื่น’ ก็ไม่เคยช่วยเขาปัญหาเขตการไล่ล่าที่เมืองไดซานด้วยเช่นกัน…หัวใจของเขาแทบจะตายด้านกับคำว่า ‘คนอื่น’ ไปแล้ว….
ชายสองคนจ้องหน้ากัน ความตึงเครียดพลันพุ่งสูงขึ้น สายตาของผู้เฒ่ายวีสื่อออกมาชัดเจนว่า ‘ทำไม? คำพูดของฉันมันไม่มีน้ำหนักแล้วหรือไง? พวกนายไม่อยากได้ทรัพยากรการสอนในภาคเรียนถัดไปแล้วสินะ?’
สวี่อันกั๋วสื่อสารทางสายตา:….ถึงคุณจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา…ทำไมเราถึงไม่นั่งลง จิบชา ทานขนม หรือแม้แต่นวดเท้าแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ไปด้วยก่อนล่ะ?
ผู้เฒ่ายวีสื่อสารทางสายตา: นักเรียนจากสาขาวิทยาศาสตร์และการทำวิจัยและสาขาทฤษฎีจะต้องเข้าฝึกงานภาคบังคับกับทางศูนย์วิจัย SRC ใช่ไหม? นายอยากให้เราปฏิเสธพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? อีกอย่างฉันไม่มีทางถอนคำพูดของตัวเองหรอกนะ หรือว่านายจะให้คะแนนเขาแค่ 8 คะแนน ก็ได้นะ แล้วหลังจากนั้นนายก็ไปเขียนร่างหลักสูตรและพวกตำราเรียนเองก็แล้วกัน!
สวี่อันกั๋วสื่อสารทางสายตา: ……
ให้ตายเถอะ!
ทุกคนรวมถึงเหล่านักเรียนต่างมองไปที่ผู้อำนวยการสวี่ สวี่อันกั๋วกวาดสายตามองซู่เฟิง หลินฮั่น หลี่หยุนเซวี่ย และโจวฉินเฟิ่นอย่างท้อแแท้ใจ…
เฮ้อ…หลังจากนี้ เด็กพวกนี้จะยื่นคำขอเพื่อเปลี่ยนสาขาไหมนะ?
อาจจะไม่ก็ได้…อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถส่งมอบเรื่องนี้ให้โจวเซียนหลงเป็นคนจัดการแทนได้! โอเค เยี่ยมมาก!
“9 คะแนน!” หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาหลายวินาที สวี่อันกั๋วก็ยอมจำนนต่อพลังแห่งความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาของผู้เฒ่ายวี…
ผู้เฒ่ายวียิ้มอย่างพึงพอใจ เขานั่งลงอย่างผู้ชนะพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกถ้วยชาของตนขึ้นมาจิบ จากนั้นจึงมองฉินเย่อย่างรู้กัน ตราบใดที่ผมลงมือเอง คุณก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
ฉินเย่มองตอบ รับทราบครับ
ด้วยการอนุมัติของสวี่อันกั๋ว โจวหรู่ผิงก็ยกมือขึ้น “ผมให้ 9 คะแนนเช่นกันครับ”
จูโย่วเต๋อมองทีมเปลวเพลิงทั้งหมดอย่างเห็นใจก่อนจะยักไหล่ และพูดด้วยเช่นกัน “9 คะแนน”
“9 คะแนน”
“ผมก็ 9 คะแนนเช่นกัน”
“การบรรยายของอาจารย์ฉินเต็มไปด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เขาสามารถผสมผสานความรู้ทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมเองก็ให้ 9 คะแนนเช่นกัน”
สมาชิกทั้งสิบของคณะผู้ประเมินต่างก็ให้ 9 คะแนนเท่ากัน!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือในวันแรกของการสอน ฉินเย่ทำคะแนนได้ 90 คะแนน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์! และมันก็เป็นการให้คะแนนสดทันทีหลังการบรรยายจบลง!
ทุกอย่างดำเนินต่อไป การบรรยายแรกของวันจบลงท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ดังสนั่น และหลินฮั่นก็ปฏิเสธคำเชิญไปทานอาหารเที่ยงของฉินเย่เพื่อเป็นการประท้วงต่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย ฉินเย่ก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ที่ซึ่งเขาลงชื่อเข้าใช้ในเว็บไซต์ของสำนักฝึกตนแห่งแรกเป็นครั้งแรก
นี่คือเว็บไซต์ที่หลี่เทาเป็นคนออกแบบและสร้างขึ้นโดยใช้ประสบการณ์จากเว็บไซต์ฤกษ์มงคลของตน เขาตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าโครงการนำร่องของทางสำนักจะสามารถเห็นได้จากคนทั่วทั้งประเทศ และเว็บไซต์นี้ก็เป็นเพียงการเตรียมการล่วงหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เพราะว่าตอนนี้ยังมีอาจารย์อยู่ไม่ถึง 200 คน หน้าเว็บไซต์ดูเรียบง่ายไม่โดดเด่นอะไร แต่ใช้ประโยชน์ได้ครบครัน
มีตั้งแต่ตาราง คะแนนการสอน ผลงานในอดีต การแสดงความคิดเห็น และคะแนนรวมทั้งหมดต่างถูกระบุไว้อย่างละเอียด ทันทีที่เขาลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตัวเอง
“เจ้าดูอะไรอยู่?” อาร์ทิสถามขณะที่นางยังคงเพลิดเพลินอยู่กับการเล่นวิดีโอเกม
“คะแนนของข้า” ฉินเย่กรอกรหัสลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หลับตาและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “จะทำอย่างไรดีอาร์ตี้? ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าความมั่นใจของข้ามันกำลังพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมา….”
“Triple kill!” หลังจากการสังหารติดต่อกันสามครั้งอย่างน่าประทับใจ นางก็ตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ “ดูเหมือนว่าการบรรยายของเจ้าจะผ่านไปด้วยดีนะ เหมือนอย่างที่ข้ามักพูดเสมอว่าความสำเร็จในจิตศาสตร์อาถรรพณ์ของแดนมนุษย์นั้นไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มวิจัยของยมโลกสมัยก่อน ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมามนุษย์พวกนี้ทำการวิจัยของพวกเขาอย่างไร…อ้อ…แต่มันก็ดีที่พวกเขาสามารถดูดซับและเก็บเกี่ยวพลังจากแก่นแท้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้”
ตารางคะแนนของเหล่าอาจารย์ในตอนนี้…ฉินเย่มองไปที่หน้าจอของอาร์ทิส “มันก็เพราะว่าข้าทำการบรรยายออกมาได้ดีด้วยต่างหาก…ท่านอยู่อันดับใดแล้ว? ดูเหมือนว่ากำลังตึงมือเลยนี่? ให้ตายเถอะ! นั่นมัน Q Flash Combo [1] กับ Blue Essence[2]?!”
“อีก 339 แต้มก็จะถึงระดับแกรนด์มาสเตอร์ [3]” อาร์ทิสยังคงเพลิดเพลินอยู่กับเกมของตัวเอง “อย่ามากวนข้า เป้าหมายของข้าก็คือขึ้นเป็นระดับชาเลนเจอร์ [4] ให้ได้ในคืนนี้ พูดถึงเรื่องนี้ ข้าสามารถหาเงินได้จำนวนมากจากการสตรีมเกมใช่หรือไม่? ข้าจะสามารถช่วยลดภาระทางการเงินของเจ้าได้ด้วย…เจ้าคิดว่าข้าควรใช้โต้ยวูหรือ Panda TV [5] ดี?”
ฉินเย่แทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธเมื่อหันไปเห็น!
เขาจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าการสตรีมเกมของผู้เล่นระดับชาเลนเจอร์เป็นผู้หญิง แต่เขาไม่มีทางโอเคแน่นอนหากผู้หญิงคนนั้นเป็นตุ๊กตายางตัวหนึ่งแบบนี้!!!
[1] หมายถึงสกิลในเกม LoL
[2] หน่วยเงินในเกมที่ใช้ในการซื้อตัวละครและของตกแต่งตัวละคร
[3] ระดับผู้เล่นที่รองจากระดับสูงสุดในเกม LOL
[4] ระดับผู้เล่นสูงสุดในเกม LOL
[5] เว็บไซต์สตรีมมิ่งในประเทศจีน
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 160: 90 คะแนน!
บทที่ 160: 90 คะแนน!
โจวเซียนหลงรับลูกบอลผนึกมาอย่างตื่นเต้น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตรวจดูทุกซอกทุกมุมของมันโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาขณะที่หมุนมันช้า ๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งหมดที่รอคำตอบอยู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้นและประกาศออกมาเสียงดัง “มันได้ผล”
ฟึ่บ…ผู้อำนวยการของสำนักงานกิจการภายในลุกขึ้นยืนและมองลูกบอลผนึกอย่างเหลือเชื่อ
ฟึ่บ…ศาสตราจารย์ยวีเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขายกมือที่สั่นเทาเพื่อปรับระดับแว่นตาของตัวเอง ลูกบอลผนึกอาจจะยังไม่เป็นประโยชน์สำหรับหน่วยสอบสวนพิเศษในทันที แต่มันสิ่งที่มีค่ามหาศาลสำหรับศูนย์วิจัย SRC! และด้วยสิ่งนี้ มันจะต้องมีประโยชน์สำหรับหน่วยสอบสวนพิเศษในภายหลังอย่างแน่นอน!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ…พวกระดับสูงของสำนักต่างลุกขึ้นยืนทันที หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าที่นี่คือห้องบรรยาย พวกเขาก็อาจจะเดินไปดูลูกบอลผนึกไปแล้ว
เตงงงงง….ทันใดนั้นเสียงระฆังที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของการบรรยายก็ดังก้องไปทั่วห้องและขัดจังหวะความคิดของทุกคน นักเรียนระดับ A ไปจนถึง Z ต่างหันไปมองเหล่าผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ด้านหลังห้องด้วยสายตาไม่พอใจทันที
การบรรยายจบแล้ว…
ให้ตายเถอะ มันจบแล้วจริง ๆ เหรอ?
การบรรยายเปิดจะจบลงแบบนี้ได้เนี่ยนะ?!
ฉินเย่ยังไม่ทันได้พูดประเด็นสำคัญเลยด้วยซ้ำ! นี่เพิ่งกำลังจะมาถึงจุดไคลแมกซ์เองนะ…แต่กลับจบแบบนี้น่ะนะ? ไม่ได้การ…คนแก่พวกนี้รบกวนเด็กนักเรียนของเขาเกินไปแล้ว!
นักศึกษาพากันจ้องมองกลุ่มชายสูงวัยที่อยู่ด้านหลังของห้องอย่างไม่พอใจ ต้องขอขอบคุณ ‘คณะผู้สังเกตการณ์’ พวกนี้ที่ทำให้พวกเขาจับประเด็นอะไรไม่ได้เลย นี่คนพวกนี้ตั้งใจจะปล่อยให้พวกเขาตายคาสนามรบของจริงในอนาคตหรือไง?
ในขณะเดียวกัน ทีมผู้ประเมินต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกันกับเหล่านักเรียน พวกเขาจ้องมองลูกบอลผนึกวิญญาณในมือของโจวเซียนหลงด้วยความตกตะลึง บางคนถึงกระทั่งต้องกลับตาลงและเคาะนิ้วบนโต๊ะเบา ๆ ขณะที่ในหัวก็คิดทฤษฎีใหม่ที่ฉินเย่ได้เสนอให้กับพวกเขาในวันนี้ตลอดการบรรยายสองชั่วโมง
ใช่แล้ว ระยะเวลาสองชั่วโมงผ่านไปภายในพริบตา
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่ พวกเขาได้เตรียมใจไว้เลยว่าตัวเองจะต้องนั่งทนฟังการบรรยายสองชั่วโมงอย่างเบื่อหน่าย เพราะจากใบประเมินนั่นทำให้พวกเขาคิดว่าฉินเย่จะใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็น่าจะบรรยายจบได้แล้ว
แต่ตอนนี้ พวกเขาแต่ละคนกลับรู้สึกว่าระยะเวลาสองชั่วโมงที่ผ่านมานั้นผ่านไปเร็วเกินไป…มันผ่านไปเร็วเกินไปจริง ๆ! ฉินเย่ยังไม่ทันได้ลงรายละเอียดอะไรเลยด้วยซ้ำ…แล้วพวกเขาก็ต้องรออีกตั้งสามวันกว่าจะถึงการบรรยายครั้งต่อไปของอีกฝ่าย ลักษณะของภูตผีคลุ้มคลั่งคืออะไร? แล้วเขาสามารถบอกได้อย่างไรว่าเมืองอื่น ๆ ในจีนเริ่มแสดงสัญญาณของจุดตัดระหว่างสองภพออกมาแล้วหรือยัง? แล้วยังการปรากฏขึ้นของรังของวิญญาณนับหมื่นแห่งนั่นอีก?
“เด็กคนนี้…” หม่าช่างหลง ผู้อำนวยการของสำนักงานกิจการภายในถอนหายใจออกมา “คนรุ่นใหม่มาแทนที่คนรุ่นเก่า การบรรยายนี้…เปิดหูเปิดตาของพวกเราจริง ๆ”
“ในอนาคต การบรรยายของเขาจะต้องกลายเป็นหนึ่งในวิชาสำคัญของสำนักแน่ ๆ” จูโย่วเต๋อหัวเราะเบา ๆ “แต่…นี่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ น่ะหรือ?”
นอกเหนือจากโจวเซียนหลงและสวี่อันกั๋ว คนอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ประเมินต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม
นี่คือห้องบรรยาย
นี่คือการบรรยายเปิดของสำนักฝึกตนแห่งแรก
และพวกเขาต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้ประเมิน
เนื่องจากพวกเขาจะต้องเขียนการประเมินลงไปทันทีที่สิ้นสุดการบรรยาย และฉินเย่ก็ทำผลงานออกมาได้ดีเกินไป ทำให้หลังจากนั้นพวกเขาจำต้องใช้เวลาประเมินประสิทธิภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนที่จะสรุปคะแนนช้ากว่าที่กำหนดในตอนแรก
แต่ถึงอย่างนั้น…
พวกเขาจะควรจะให้คะแนนอีกฝ่ายเท่าไหร่ดีล่ะ?!
นี่เป็นการบรรยายที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อนักเรียน แต่เหล่าผู้ประเมินกลับเป็นฝ่ายถามคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้แต่โจวเซียนหลง สวี่อันกั๋ว และคนอื่น ๆ เองก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องลูกบอลผนึกอย่างตื่นเต้น แทนที่จะบอกว่านี่เป็นการบรรยายสำหรับนักเรียน หากพูดตรง ๆ กลายเป็นว่า…พวกเขาคือกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบรรยายนี้เสียอย่างนั้น
ซึ่งนั่นทำให้…การให้คะแนนในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย….
“คุณคิดว่าอย่างไร?” หลงฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลหันไปถามชายชุดดำทั้งสี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
นี่คุณจงใจใช่ไหม?
ชายทั้งสี่ โดยเฉพาะชายผู้ที่กล่าวหาความสามารถของฉินเย่ก่อนหน้านี้รู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ที่บริเวณลำคอของตน พวกเขาแน่นิ่งไป ไม่เอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
จริงหรือที่เด็กหนุ่มตรงหน้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคิดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้?
และเขาจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความจริงที่เขาเพิ่งพูดได้ในครั้งต่อไปหรือไม่?
จริงอยู่ที่เขาไม่สามารถบอกข้อมูลเชิงลึกหรือทฤษฎีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ จริงอยู่ที่คำพูดของเขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่า การเชื่อมโยงข้อมูลสองสามอย่างที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น…แม้แต่คนโง่ก็สามารถบอกได้ว่าอาจารย์ฉินมีข้อมูลมากมายที่จะมอบให้กับเหล่านักศึกษา! เมื่อคิดว่าตัวเองได้กล่าวหาคนตรงหน้าไปก่อนหน้านี้…กลายเป็นว่าพวกเขาคือคนที่โง่เองมาตลอด…โง่งี่เง่าจริง ๆ….
“ทุกท่าน?” โจวหรู่ผิง ผู้อำนวยการสำนักวิชาการเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถามไปทางกลุ่มของศูนย์วิจัย SRC พวกเขาเป็นที่รู้จักในเรื่องหลักการวิชาการต่าง ๆ ดังนั้นทำให้เขาสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงเงียบไปแบบนี้?
“อะแฮม….เอ่อ ครับ…” ชายทั้งสามมองหน้ากันและกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าเสียงปรบมือเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขาเสียก่อน
แปะ แปะ แปะ…
เหล่านักเรียนยังคงนั่งอยู่ในห้องบรรยาย นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้ร่ำเรียนมาหลายสิบปีที่พวกเขารู้สึกความตื่นเต้นและคาดหวังถึงอนาคตข้างหน้าได้ถึงขนาดนี้ ทุกคนต่างหันกลับไปมองอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงปรบมือที่ไม่คาดคิดดังขึ้น
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าศาสตราจารย์ยวีของศูนย์วิจัย SRC เป็นใคร พวกเขาเห็นเพียงชายที่มีหนวดและผมสีขาวคนหนึ่งกำลังยิ้มบาง ๆ และปรบมือให้กับความพยายามของฉินเย่ก็เท่านั้น เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ไปสู่คนกลุ่มหนึ่ง ไปสู่คนนับร้อย และในที่สุดนักเรียนทั้งหมดก็พากันปรบมือเสียงดังไปทั่วห้องประชุม!
แปะ แปะ แปะ…เสียงปรบมือดังกึกก้อง ฉินเย่เพียงโค้งให้กับทุกคนอย่างช้า ๆ “ขอบคุณ ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน”
หลินฮั่นและเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างกัดฟันกรอดขณะที่ปรบมือตามอย่างไม่เต็มใจนัก ซู่เฟิงเหลือบมองเพื่อนของตนและเอ่ยว่า “นายไม่รู้สึกเครียดกับการบรรยายของตัวเองที่จะจัดขึ้นบ่ายนี้เลยหรือไง?”
“รู้สึกสิ… แต่ฉันทำอะไรได้ล่ะ?”
เสียงปรบมือยังคงดังต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบวินาที ศาสตราจารย์ยวีเป็นผู้เริ่มตบมือ และสมาชิกของศูนย์วิจัย SRC คนอื่น ๆ ก็ทำตามทันที พวกเขาคือผู้ที่ปรบมือให้กับฉินเย่เป็นคนแรก และผู้บริหารระดับสูงของสำนักเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำตาม อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องเห็นแก่หน้าของศูนย์วิจัย SRC…เพราะคนกลุ่มนี้ คือผู้ที่จัดเตรียมสื่อการสอนทั้งหมด….
“ดี เยี่ยมมาก” ศาสตราจารย์ยวีสูดหายใจเข้าช้า ๆ และมองไปที่ฉินเย่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและความตื่นเต้น “ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ผมคาดหวังที่จะได้ฟังการบรรยายที่ดี แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะเกินกว่าความรู้ที่ผมมี แต่ตอนนี้…”
เดี๋ยวก่อน!
สวี่อันกั๋ว โจวหรู่ผิง หม่าช่างหลง จูโย่วเต๋อ และผู้ประเมินคนอื่น ๆ ต่างหันไปมองศาสตราจารย์ยวีตาโต ราวกับพวกเขาเพิ่งเห็นผีไม่ปาน ตาแก่นี่…หรือว่าคุณกำลังพยายามที่จะ….
แม้ว่าสวี่อันกั๋วจะจ้องเขม็งไปที่ชายสูงวัยจนลูกตาของเขาแทบจะถลนออกมา แต่ศาสตราจารย์ยวีก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและปรบมือเบา ๆ “ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้มานั่งอยู่ในการบรรยายที่เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา และสำหรับพวกเราทุกคนแบบนี้เลย!”
ให้ตายเถอะ…
สวี่อันกั๋วเริ่มรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี ตาแก่นี่คิดจะเล่นนอกบทอีกแล้ว!…นี่อีกฝ่ายพยายามจะล้มล้างกฎของพวกเขาอยู่หรือไง? ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเขาควรจะปิดปากสหายผู้สูงศักดิ์จากศูนย์วิจัย SRC อย่างไร? โปรดบอกทีเถอะ…
“ศาสตราจารย์ยวี…”
“ผู้อำนวยการสวี่” ศาสตราจารย์ยวีหันกลับไปหาสวี่อันกั๋วพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและเอ่ยต่อ “ผมรับรองได้เลยว่าหัวข้อวิจัยนี้จะต้องส่งถึงมือของสมาคมจิตศาสตร์อาถรรพณ์ภายในครึ่งปี และทันทีที่เราได้รับการอนุมัติ…คุณคิดดูสิว่าเราจะจับวิญญาณได้มากแค่ไหน?”
“ผม…”
“ใช่ คุณคิดถูกแล้ว หัวข้อของอาจารย์ฉินนั้นยิ่งใหญ่มาก การประเภทของวิญญาณและความสามารถของพวกมัน ทั้งมุมมองและข้อมูลของเขานั้นแปลกใหม่และน่าสนใจมาก ผมสงสัยจริง ๆ ว่าจะมีผู้ฝึกตนสักกี่คนที่จะตื่นเต้นกับข้อมูลเชิงลึกพวกนี้ทันทีที่มันได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง? สำหรับการบรรยายครั้งนี้ ผมให้คุณไปเลย 9 คะแนน”
ให้ตาย….อย่าบอกนะว่าคุณกำลังรอวินาทีนี้มาโดยตลอด? แล้วคุณก็ทำลงไปจริง ๆ ด้วย!
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณบอกว่าตัวเองไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะสนับสนุนเขาหรอกหรือ?!
นี่คุณไม่สนใจหน้าตาของตัวเองแล้วใช่ไหม?!
สวี่อันกั๋วรู้สึกได้ว่าหางตาของเขากำลังกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ต้องยอมรับ การบรรยายเปิดของฉินเย่ในครั้งนี้ดีมาก แต่…
เมื่อใดก็ตามที่มีคำว่า ‘แต่’ ปรากฏขึ้น มันย่อมไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ดี
นี่คือสำนักฝึกตนแห่งแรก! และมันก็ยังมีอาจารย์คนอื่น ๆ ที่จะต้องทำการบรรยายเปิดอีกสี่สาขา! ดังนั้นจึงยังมีอาจารย์จากสาขาอื่นอีกสี่คนที่รอบรรยายต่อจากอาจารย์ฉินนะคุณ! จู่ ๆ คุณจะโผล่มาและมอบ 9 คะแนนให้เขาทันทีแบบนี้ได้อย่างไร?! ถึงผมจะอยากให้คะแนนเขาสูง ๆ เหมือนกัน แต่คุณไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างเลยเหรอ?!
เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์ยวีไม่สนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย คนอื่นน่ะเหรอ? ‘คนอื่น’ ไม่เคยให้ความช่วยเหลือเขาแก้ปัญหาทางวิชาการ และ ‘คนอื่น’ ก็ไม่เคยช่วยเขาปัญหาเขตการไล่ล่าที่เมืองไดซานด้วยเช่นกัน…หัวใจของเขาแทบจะตายด้านกับคำว่า ‘คนอื่น’ ไปแล้ว….
ชายสองคนจ้องหน้ากัน ความตึงเครียดพลันพุ่งสูงขึ้น สายตาของผู้เฒ่ายวีสื่อออกมาชัดเจนว่า ‘ทำไม? คำพูดของฉันมันไม่มีน้ำหนักแล้วหรือไง? พวกนายไม่อยากได้ทรัพยากรการสอนในภาคเรียนถัดไปแล้วสินะ?’
สวี่อันกั๋วสื่อสารทางสายตา:….ถึงคุณจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา…ทำไมเราถึงไม่นั่งลง จิบชา ทานขนม หรือแม้แต่นวดเท้าแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ไปด้วยก่อนล่ะ?
ผู้เฒ่ายวีสื่อสารทางสายตา: นักเรียนจากสาขาวิทยาศาสตร์และการทำวิจัยและสาขาทฤษฎีจะต้องเข้าฝึกงานภาคบังคับกับทางศูนย์วิจัย SRC ใช่ไหม? นายอยากให้เราปฏิเสธพวกเขาอย่างนั้นเหรอ? อีกอย่างฉันไม่มีทางถอนคำพูดของตัวเองหรอกนะ หรือว่านายจะให้คะแนนเขาแค่ 8 คะแนน ก็ได้นะ แล้วหลังจากนั้นนายก็ไปเขียนร่างหลักสูตรและพวกตำราเรียนเองก็แล้วกัน!
สวี่อันกั๋วสื่อสารทางสายตา: ……
ให้ตายเถอะ!
ทุกคนรวมถึงเหล่านักเรียนต่างมองไปที่ผู้อำนวยการสวี่ สวี่อันกั๋วกวาดสายตามองซู่เฟิง หลินฮั่น หลี่หยุนเซวี่ย และโจวฉินเฟิ่นอย่างท้อแแท้ใจ…
เฮ้อ…หลังจากนี้ เด็กพวกนี้จะยื่นคำขอเพื่อเปลี่ยนสาขาไหมนะ?
อาจจะไม่ก็ได้…อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถส่งมอบเรื่องนี้ให้โจวเซียนหลงเป็นคนจัดการแทนได้! โอเค เยี่ยมมาก!
“9 คะแนน!” หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาหลายวินาที สวี่อันกั๋วก็ยอมจำนนต่อพลังแห่งความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาของผู้เฒ่ายวี…
ผู้เฒ่ายวียิ้มอย่างพึงพอใจ เขานั่งลงอย่างผู้ชนะพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกถ้วยชาของตนขึ้นมาจิบ จากนั้นจึงมองฉินเย่อย่างรู้กัน ตราบใดที่ผมลงมือเอง คุณก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
ฉินเย่มองตอบ รับทราบครับ
ด้วยการอนุมัติของสวี่อันกั๋ว โจวหรู่ผิงก็ยกมือขึ้น “ผมให้ 9 คะแนนเช่นกันครับ”
จูโย่วเต๋อมองทีมเปลวเพลิงทั้งหมดอย่างเห็นใจก่อนจะยักไหล่ และพูดด้วยเช่นกัน “9 คะแนน”
“9 คะแนน”
“ผมก็ 9 คะแนนเช่นกัน”
“การบรรยายของอาจารย์ฉินเต็มไปด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เขาสามารถผสมผสานความรู้ทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมเองก็ให้ 9 คะแนนเช่นกัน”
สมาชิกทั้งสิบของคณะผู้ประเมินต่างก็ให้ 9 คะแนนเท่ากัน!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือในวันแรกของการสอน ฉินเย่ทำคะแนนได้ 90 คะแนน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์! และมันก็เป็นการให้คะแนนสดทันทีหลังการบรรยายจบลง!
ทุกอย่างดำเนินต่อไป การบรรยายแรกของวันจบลงท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ดังสนั่น และหลินฮั่นก็ปฏิเสธคำเชิญไปทานอาหารเที่ยงของฉินเย่เพื่อเป็นการประท้วงต่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หลังจากทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย ฉินเย่ก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ที่ซึ่งเขาลงชื่อเข้าใช้ในเว็บไซต์ของสำนักฝึกตนแห่งแรกเป็นครั้งแรก
นี่คือเว็บไซต์ที่หลี่เทาเป็นคนออกแบบและสร้างขึ้นโดยใช้ประสบการณ์จากเว็บไซต์ฤกษ์มงคลของตน เขาตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าโครงการนำร่องของทางสำนักจะสามารถเห็นได้จากคนทั่วทั้งประเทศ และเว็บไซต์นี้ก็เป็นเพียงการเตรียมการล่วงหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เพราะว่าตอนนี้ยังมีอาจารย์อยู่ไม่ถึง 200 คน หน้าเว็บไซต์ดูเรียบง่ายไม่โดดเด่นอะไร แต่ใช้ประโยชน์ได้ครบครัน
มีตั้งแต่ตาราง คะแนนการสอน ผลงานในอดีต การแสดงความคิดเห็น และคะแนนรวมทั้งหมดต่างถูกระบุไว้อย่างละเอียด ทันทีที่เขาลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตัวเอง
“เจ้าดูอะไรอยู่?” อาร์ทิสถามขณะที่นางยังคงเพลิดเพลินอยู่กับการเล่นวิดีโอเกม
“คะแนนของข้า” ฉินเย่กรอกรหัสลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หลับตาและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “จะทำอย่างไรดีอาร์ตี้? ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าความมั่นใจของข้ามันกำลังพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมา….”
“Triple kill!” หลังจากการสังหารติดต่อกันสามครั้งอย่างน่าประทับใจ นางก็ตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ “ดูเหมือนว่าการบรรยายของเจ้าจะผ่านไปด้วยดีนะ เหมือนอย่างที่ข้ามักพูดเสมอว่าความสำเร็จในจิตศาสตร์อาถรรพณ์ของแดนมนุษย์นั้นไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มวิจัยของยมโลกสมัยก่อน ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมามนุษย์พวกนี้ทำการวิจัยของพวกเขาอย่างไร…อ้อ…แต่มันก็ดีที่พวกเขาสามารถดูดซับและเก็บเกี่ยวพลังจากแก่นแท้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้”
ตารางคะแนนของเหล่าอาจารย์ในตอนนี้…ฉินเย่มองไปที่หน้าจอของอาร์ทิส “มันก็เพราะว่าข้าทำการบรรยายออกมาได้ดีด้วยต่างหาก…ท่านอยู่อันดับใดแล้ว? ดูเหมือนว่ากำลังตึงมือเลยนี่? ให้ตายเถอะ! นั่นมัน Q Flash Combo [1] กับ Blue Essence[2]?!”
“อีก 339 แต้มก็จะถึงระดับแกรนด์มาสเตอร์ [3]” อาร์ทิสยังคงเพลิดเพลินอยู่กับเกมของตัวเอง “อย่ามากวนข้า เป้าหมายของข้าก็คือขึ้นเป็นระดับชาเลนเจอร์ [4] ให้ได้ในคืนนี้ พูดถึงเรื่องนี้ ข้าสามารถหาเงินได้จำนวนมากจากการสตรีมเกมใช่หรือไม่? ข้าจะสามารถช่วยลดภาระทางการเงินของเจ้าได้ด้วย…เจ้าคิดว่าข้าควรใช้โต้ยวูหรือ Panda TV [5] ดี?”
ฉินเย่แทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธเมื่อหันไปเห็น!
เขาจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าการสตรีมเกมของผู้เล่นระดับชาเลนเจอร์เป็นผู้หญิง แต่เขาไม่มีทางโอเคแน่นอนหากผู้หญิงคนนั้นเป็นตุ๊กตายางตัวหนึ่งแบบนี้!!!
[1] หมายถึงสกิลในเกม LoL
[2] หน่วยเงินในเกมที่ใช้ในการซื้อตัวละครและของตกแต่งตัวละคร
[3] ระดับผู้เล่นที่รองจากระดับสูงสุดในเกม LOL
[4] ระดับผู้เล่นสูงสุดในเกม LOL
[5] เว็บไซต์สตรีมมิ่งในประเทศจีน
Comments