ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 190: ตรวจค้น?!
บทที่ 190: ตรวจค้น?!
ฉินเย่แอบกลับเข้าหอพักของตน ตลอดทางที่ผ่าน เขาเห็นนักเรียนหลายคนของสำนักฝึกตนแห่งแรกยังคงมีคำว่าหวาดกลัวเขียนอยู่ทั่วใบหน้า ไม่มีใครกล้ายืนอยู่คนเดียวเลยสักคน อันที่จริง พวกเขาทั้งหมดต่างจับกลุ่มกัน 3-5 คนและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ทันทีที่เขาล้มตัวนอนลงบนเตียง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาตามโถงทางเดิน และก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นจากเตียง เขาก็ได้ยินเสียงกุญแจถูกเสียบเข้ามาที่ประตูห้อง จากนั้นเสียงกริ๊กก็ดังขึ้นเบา ๆ ตามมา และประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มคนกลุ่มจำนวนหนึ่งที่เดินเข้ามาโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เถาหราน โหลวชวน และเฉินจื้อลี่ 3 ศาสตราจารย์เดินเข้ามาและปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน….” ฉินเย่ยังไม่ลืมว่าเขากำลังแกล้งป่วยอยู่ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรงและแกล้งไอออกมาสองครั้ง “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ศาสตราจารย์ทั้งสามไม่พูดพร่ำทำเพลงและดึงครึ่งบนของผ้าห่มออกทันที ฉินเย่ตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนจากชุดลายพรางของตัวเอง
“ตรวจห้อง” เถาหรานเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อคืนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นในสำนักและพวกเราสามคนก็ได้รับหน้าที่ในการตรวจสอบห้องพักทุกห้อง ตอนนี้อาจารย์ผู้สอนทุกคนต่างไปรวมตัวกันที่ห้องบรรยาย ส่วนพวกนักเรียนกำลังเดินไปที่โรงยิม”
จากนั้นโหลวชวนก็เอ่ยต่อโดยไม่เว้นจังหวะ “คุณช่วยอธิบายทีได้หรือเปล่าว่าทำไมคุณถึงสวมชุดลายพรางแบบนี้?”
ซวยแล้ว…
ความคิดภายในหัวของฉินเย่ประมวลผลอย่างบ้าคลั่ง เขาควรอธิบายอย่างไรดี?
หลังจากที่กลับมาจากเขาอันฮั่วเขาก็ตรงขึ้นเตียงเลย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีคนไร้มารยาทอย่างตาแก่พวกนี้บุกเข้ามาในห้อง?! แถมยังดึงผ้าห่มออกจากตัวเขาแบบนี้อีก! นี่คนพวกนี้ไม่กลัวว่าจะเจอเขาหลับโดยไม่สวมเสื้อผ้า หรืออย่างไร? เรือนร่างที่สง่างามของข้าอาจทำให้พวกเจ้าตาบอดได้นะ!
เหตุได้ชัดเลยว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่ตาแก่พวกนี้จะนึกถึง
“ศาสตราจารย์ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ?” สิ่งที่เกิดขึ้นมันกะทันหันมาก ฉินเย่ลุกขึ้นนั่งและไอออกมา “ผมก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาตำแหน่งของอาจารย์ดีเด่นของตัวเองเอาไว้ แล้วผมจะไป….”
“พวกเราถามว่าทำไมคุณถึงสวมชุดลายพราง” เถาหรานนั่งลง สีหน้าของเขาไม่หลงเหลือความใจดีที่มักจะเห็นตามปกติ นอกจากนี้ชายสูงวัยยังมองฉินเย่ด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเจาะลึกเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดในจิตใจของเด็กหนุ่มอีกด้วย
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ และฉินเย่ก็กำลังกำหมัดแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มพร้อมกับหุบยิ้ม
เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้ศาสตราจารย์ทั้ง 3 คน กำลังแผ่จิตสังหารออกมาจากร่าง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันใหญ่เกินไป หากเขาตอบผิดเพียงครั้งเดียว คนพวกนี้จะต้องลงมือทันทีแน่ ๆ
“สองสามวันที่ผ่านมานี้ผมได้รับหน้าที่ให้ทำการลาดตระเวนในเวลากลางคืน และผมก็ประสบกับเหตุที่ไม่คาดคิด หัวหน้าโจวเองก็รู้เรื่องนี้ดี” หัวใจของเขาค่อย ๆ สงบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “เมื่อคืนนี้ ผมได้รับบาดเจ็บ และเปียกโชกเพราะสายฝน ผมรู้สึกเหนื่อยมากหลังจากกลับมา ดังนั้นผมเลยตรงมาที่เตียงทันทีโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”
เถาหรานจ้องหน้าอีกฝ่าย จากนั้นก็ยื่นมือไปใกล้ ๆ เด็กหนุ่ม
แม้ว่าชายสูงวัยจะเพียงยื่นมือมาตรงหน้า แต่ฉินเย่ก็กลับเริ่มรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เถาหราน…กำลังบีบรัดเขาด้วยพลังของยมทูตขาวดำระดับสูง และเขาก็เกือบจะต้านพลังนั้นไปโดยสัญชาตญาณเช่นกัน
ห้ามขยับ…
นี่เป็นเพราะว่าไม่มีทางที่ขั้นนักล่าวิญญาณจะสามารถต้านพลังของขั้นยมทูตขาวดำระดับสูงได้ในรัศมีที่ใกล้กันขนาดนี้ การขยับแม้แต่นิดเดียวจะเป็นการเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาได้เลื่อนเป็นขั้นยมทูตขาวดำเรียบร้อยแล้ว
นั่นจะต้องเป็นปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
คุณเลื่อนเป็นขั้นยมทูตขาวดำภายในคืนเดียวได้อย่างไร? ทางสำนักยังไม่ได้เริ่มการฝึกฝนเลยสักนิด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันใดนั้นเถาหรานก็เอื้อมมาจับที่แขนเสื้อและจับแขนของเขาเอาไว้ “แล้ว…รอยนี่ล่ะ?”
มันเป็นตอนนั้นเองที่ฉินเย่เห็นครอบเลือดบนแขนเสื้อของเขา มันเป็นคราบเลือดแห้งสีแดงเข้มที่กลืนไปกับลวดลายของชุดลายพรางของเขา และมันก็แทบจะมองไม่เห็นหากไม่ได้สังเกตดี ๆ
แต่เถาหรานก็ยังเห็นมันอยู่ดี
อะไรกัน…มันเปื้อนตั้งแต่เมื่อไหร่? อ่าาา….คงเป็นตอนที่เราสังหารเหล่ายมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้นแน่ ๆ
“นี่ไม่ได้มาจากแผลของคุณ” โหลวชวนเอ่ยถามนิ่ง ๆ ทว่าความกดดันที่เขาแผ่ออกมานั้นทำให้ผู้ถูกถามอึดอัด “มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เลือดของคุณจะกระเซ็นไปโดนส่วนนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแขนของคุณไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้มันยังค่อนข้างเห็นได้ชัดด้วยว่าคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บริเวณแขนเสื้อของคุณนั้นมาจากภายนอก ไม่ใช่ภายใน”
เอาล่ะ คุณจะอธิบายมันว่าอย่างไร?
สมองของฉินเย่กำลังประมวลผลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก “สถานที่ที่ผมเผชิญหน้ากับศัตรูคือแถว ๆ แม่น้ำ ผมไม่ทราบว่าหัวหน้าได้บอกพวกคุณเรื่องนี้หรือยัง….”
“เขาบอกแล้ว” เฉินจื้อลี่เอ่ยแทรกขึ้นมา
ฉินเย่พยักหน้าและอธิบายต่อ “คราบเลือดนั่นคงจะมาในขณะที่ผมต่อสู้เมื่อคืนนี้ ผมเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นมันเช่นกัน”
“เหล่าเฉิน” เถาหรานหันไปถาม “เจ้าตัวพวกนั้นที่เราเจอเมื่อเช้านี้มีบาดแผลบนร่างบ้างหรือเปล่า?”
เฉินจื้อลี่หลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ส่ายศีรษะ
หัวใจของฉินเย่ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
“ผมไม่ได้สังเกต” โชคดีที่คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขากลับมามีความหวังอีกครั้ง
เฉินจื้อลี่ขมวดคิ้วยุ่ง “ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินแบบนั้นใครจะไปสังเกตว่าศัตรูมีแผลบนไหล่หรือไม่? นอกจากนี้เราก็สามารถบอกได้จากคราบเลือดนี้ว่ารอยแผลนั้นคงไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไร ผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณสามารถฟื้นตัวจากมันได้ภายในวันเดียวอยู่แล้ว”
ฉินเย่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ เห็นได้ชัดว่าทางสำนักไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าการบุกเข้ามาของยมทูตนอกอาณาเขตนั้นเทียบได้กับการประกาศว่ายมโลกของชาตินั้น ๆ ได้สูญเสียความยิ่งใหญ่และอำนาจไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกับหายนะที่เกิดขึ้นในยมโลก แต่พวกเขาก็ยังสามารถเดาได้ว่าการล่มสลายของยมโลกนั้น ย่อมทำให้เกิดการแย่งชิงวิญญาณระดับสูงจากชาติอื่น ๆ
หยินและหยางสัมพันธ์กันอย่างไม่สามารถแยกได้ แดนมนุษย์จะเป็นอย่างไรในช่วงสองสามปีต่อจากนี้? ไม่มีใครรู้ และก็ไม่มีใครอยากลองดูด้วย
และการไม่รู้เรื่องอะไรนี่เอง ที่ทำให้ก่อเกิดเป็นความกลัว
“เอาเถอะ พักผ่อนซะ สภานักเรียนได้ตรวจสอบจำนวนนักเรียนและอาจารย์ทั้งหมดแล้ว คุณเองก็ต้องเตรียมตัวที่จะย้ายหอพักในคืนวันพรุ่งนี้เช่นกัน” เถาหรานลุกขึ้นยืน
ฉินเย่พยักหน้า เขารู้เรื่องนี้แล้ว
ทว่าประโยคถัดมาของชายสูงวัย กลับเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เริ่มกันเลย”
“เริ่ม…เริ่มอะไรครับ?” ฉินเย่เริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
“การตรวจค้นไง” ศาสตราจารย์เฉินแย้มยิ้ม “ห้องพักของอาจารย์ผู้สอนทุกคนจะต้องได้รับการตรวจค้นอย่างละเอียด คุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อคืน เราได้ถูกโจมตีโดยภูตผีกลุ่มหนึ่ง และวิญญาณพวกนั้นก็อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ ซึ่งตอนนี้ ขั้นนักล่าวิญญาณในสำนักของเราก็มีแต่กลุ่มอาจารย์เท่านั้น เราจึงสงสัยว่าอาจจะมีอาจารย์ผู้สอนบางท่านที่ถูกพวกมันสิงร่างอยู่ ด้วยเหตุนี้ กรุณาเข้าใจด้วยว่าพวกเราจะต้องทำการตรวจสอบตอนนี้เลย”
ความตึงเครียดภายในใจของฉินเย่ผ่อนคลายลงทันที เอาเลย…เชิญตรวจค้นตามสบาย…ผมไม่มีอะไรให้ต้องซ่อนทั้งนั้น เพราะอย่างไรแล้วสมบัติทั้งหมดก็ถูกนำไปไว้ที่ยมโลก–…..ไม่!!!!
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนทันทีที่ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว ปฏิกิริยาอย่างกะทันหันของเขาทำให้ชายสูงวัยทั้ง 3 หรี่ตามองอย่างกดดันทันที
แย่แล้ว! ฉิบหายแล้ว! พระเจ้า!!!
ฉินเย่แทบจะเป็นบ้า เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นป่วยได้อีกต่อไป เด็กหนุ่มกระโดดลงจากเตียงและมองศาสตราจารย์ทั้งสามด้วยแววตาอ้อนวอนของลูกสุนัข “คือว่าเรื่องนั้น…มันเป็นไปได้ไหมครับ…ที่จะไม่ตรวจห้องของผม?”
“ไม่ได้ ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น” ยิ่งฉินเย่เป็นแบบนี้ ความสงสัยของศาสตราจารย์ทั้งสามก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พวกเขายืนล้อมรอบฉินเย่ไว้ทันที
ฉินเย่เกำลังจะเป็นบ้า!
อาร์ทิส…ในไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะถลกหนังของท่านออกมาซะ!!!
ในห้องของเขามันไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเลยจริงๆ
นอกจากร่างที่ทำจากร่างซิลิโคนของตุลาการนรกบ้านั่น!!!
โอ้ ข้าแต่สวรรค์…ข้าจะยอมให้พวกเขาค้นพบอะไรแบบนั้นได้อย่างไร?! นั่นมันคือความอับอายและขายหน้าที่จะติดตัวข้าไปตลอดชีวิต! มันคือความลับดำมืดที่สุดและมันก็ไม่ควรมีใครได้เห็น! อ๊ากกก!
นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง…เหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้น…
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังจะถล่มลงมาตรงหน้า เมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ใช่…ที่นี่ไม่ได้มีเพียงตุ๊กตายางเท่านั้น แต่มันยังมีชุดชั้นใน…ผ้าอนามัย…และยังเครื่องสำอางอื่น ๆ ด้วย….
นี่คงเป็นจุดจบของเขาแล้วจริง ๆ….
เขาป้องกันห้องนี้ทั้งวันทั้งคืน…เขาไล่หวังเฉิงห่าวและจัดการหลินฮั่นเพื่อปกปิดสิ่งที่น่าอายเหล่านี้ แต่ทุกอย่างกลับต้องมาถูกเปิดเผยแบบนี้เนี่ยนะ? นี่คนพวกนี้ต้องการจะประชาทัณฑ์เขาในที่สาธารณะอย่างนั้นหรือ?!
“ทำไมเราไม่นั่งลงแล้วลองหาทางออกอื่นกันล่ะครับ…” เขาคว้าข้อมือของเถาหรานและขอร้อง “คุณเป็นศาสตราจารย์ของผม คุณสามารถยืนยันให้ผมได้ใช่ไหมครับ?”
เด็กนี่… ทำไมแววตาของเขาถึงสิ้นหวังขนาดนี้?
เถาหรานมองใบหน้าที่สิ้นหวังของฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้า ความหวังของฉินเย่หายไปในทันที
“เสี่ยวฉิน อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเองก็ต้องผ่านสิ่งนี้เหมือนกัน มันไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องยกเว้นคุณ ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นทางเดียวที่จะสามารถกู้ความน่าเชื่อถือของอาจารย์ทุกคนได้” เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจและเอ่ย “พวกคุณเชิญเริ่มได้เลย ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเพื่อความยุติธรรม”
โหลวชวนและเฉินจื้อลี่เหลือบมองฉินเย่อีกครั้ง จากนั้น ด้วยการโบกมืออย่างง่าย ๆ ของโหลวชวน ตู้ทั้งหมดก็เปิดออกพร้อมกัน สิ่งของที่อยู่ด้านในลอยออกมาราวกับมีปีก ผ้าม่านถูกดึงไปด้านข้างในขณะที่ลิ้นชักทั้งหมดเปิดออกด้วยตัวเอง ของทุกอย่างภายในห้องของฉินเย่ถูกเผยออกมาต่อสายตาของศาสตราจารย์ทั้ง 3 ทันที
ในเวลานี้ จิตวิญญาณของฉินเย่ได้จมลงไปอยู่ในหุบเหวที่ลึกที่สุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและมองเพดานด้วยความหดหู่อย่างถึงที่สุด ถ้าเขากระโดดตึกฆ่าตัวตายเสียมันจะเจ็บหรือเปล่านะ? เขาอาจจะไม่ตายด้วยซ้ำ…ถ้าอย่างนั้น เขาอาจจะต้องไปกระโดดที่หอนาฬิกาแทน…
“หืม?” บุคคลแรกที่ส่งเสียงครางอย่างตกตะลึงคือศาสตราจารย์โจวชวน ท่ามกลางสิ่งของของฉินเย่ที่ลอยอยู่ในอากาศตอนนี้ มีของอยู่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
“นี่มัน…อันเอ๋อเล่อ [1]?” เฉินจื้อลี่ขยับแว่นตาของตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง
นั่นมันน่าตกใจจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเจออะไรแบบนี้ในห้องพักของอาจารย์ผู้สอนที่เป็นผู้ชาย สถานการณ์ตอนนี้มันแปลกเกินไปแล้ว….
ดวงตาของเถาหรานโตขึ้นขณะที่จ้องมองแผ่นผ้าอนามัยที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองฉินเย่ที่ยังคงตกตะลึงราวกับเพิ่มเห็นผี จากนั้นจึงหันไปมองกลุ่มของที่มีสีสันมากมายบนพื้น ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ยกมือขึ้นและกระแอมออกมาเบา ๆ “มันไม่เพียงเท่านั้น…มันยังมี ชูเอ๋อเม่ย์ [2] อีกด้วย…ศาสตราจารย์ พวกคุณอยากจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหรือเปล่า?”
ศาสตราจารย์ทั้งสองมองดูห่อบรรจุภัณฑ์ จากนั้นจึงหันไปมองฉินเย่ที่ดูหดหู่อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นจึงส่ายหน้าพร้อมกัน
โอเค…เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่อยากให้ทำการตรวจค้นห้อง…ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เห็นด้านที่ไม่เคยรู้มาก่อนของอาจารย์ฉิน….ด้านที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็น…
แต่คนทั้งหมดไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ยิ่งของลอยออกมาจากตู้และลิ้นชักมากเท่าไหร่ ศาสตราจารย์ทั้งสามก็ยิ่งมีสีหน้าลังเลว่าควรค้นห้องต่อหรือไม่มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่บราลายลูกไม้ลอยออกมา คนทั้งหมดก็มองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนทันที
ไม่มีทาง…
เสี่ยวฉิน คุณอยากบอกเราเกี่ยวกับเรื่องความสนใจทางเพศของคุณหรือเปล่า…พวกเราหมายถึง ทำไมคุณถึงมีของพวกนี้อยู่ในห้องล่ะ?
“ถ้าผมจะบอกว่า…” ในที่สุดฉินเย่ก็ปีนออกมาจากก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวังและมองศาสตราจารย์ทั้ง 3 พูดขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องจริง! เรื่องจริงทั้งหมด!” จากนั้นเขาจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “พวกคุณจะเชื่อหรือเปล่าถ้าผมบอกว่าของพวกนี้ไม่ใช่ของผม?”
เถาหรานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึมกว่าเดิม “อาจารย์ฉิน ผมเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าอาจารย์ผู้สอนและนักเรียนห้ามมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเป็นอันขาด นี่คือกฎของทางสำนัก หากคุณข้ามเส้น แม้แต่ผมก็คงไม่สามารถปกป้องคุณได้! ทีนี่ บอกผมมา ของพวกนี้เป็นของใคร?!”
“…ของ…ผม! ของผมเองครับ!!” ฉินเย่กัดฟันและเอ่ยออกไปให้คนทั้งหมดได้ยิน
โอ้…พระเจ้าช่วย…ศาสตราจารย์ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงระคนสงสัย และยอมรับ
นี่คุณกำลังใช้ชีวิตเหมือนเด็กจากเมืองใหญ่อย่างแท้จริง!
[1] ยี่ห้อของผ้าอนามัย
[2] แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของผู้หญิง
Related
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 190: ตรวจค้น?!
บทที่ 190: ตรวจค้น?!
ฉินเย่แอบกลับเข้าหอพักของตน ตลอดทางที่ผ่าน เขาเห็นนักเรียนหลายคนของสำนักฝึกตนแห่งแรกยังคงมีคำว่าหวาดกลัวเขียนอยู่ทั่วใบหน้า ไม่มีใครกล้ายืนอยู่คนเดียวเลยสักคน อันที่จริง พวกเขาทั้งหมดต่างจับกลุ่มกัน 3-5 คนและพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ทันทีที่เขาล้มตัวนอนลงบนเตียง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาตามโถงทางเดิน และก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นจากเตียง เขาก็ได้ยินเสียงกุญแจถูกเสียบเข้ามาที่ประตูห้อง จากนั้นเสียงกริ๊กก็ดังขึ้นเบา ๆ ตามมา และประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มคนกลุ่มจำนวนหนึ่งที่เดินเข้ามาโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เถาหราน โหลวชวน และเฉินจื้อลี่ 3 ศาสตราจารย์เดินเข้ามาและปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน….” ฉินเย่ยังไม่ลืมว่าเขากำลังแกล้งป่วยอยู่ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรงและแกล้งไอออกมาสองครั้ง “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ศาสตราจารย์ทั้งสามไม่พูดพร่ำทำเพลงและดึงครึ่งบนของผ้าห่มออกทันที ฉินเย่ตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนจากชุดลายพรางของตัวเอง
“ตรวจห้อง” เถาหรานเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อคืนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นในสำนักและพวกเราสามคนก็ได้รับหน้าที่ในการตรวจสอบห้องพักทุกห้อง ตอนนี้อาจารย์ผู้สอนทุกคนต่างไปรวมตัวกันที่ห้องบรรยาย ส่วนพวกนักเรียนกำลังเดินไปที่โรงยิม”
จากนั้นโหลวชวนก็เอ่ยต่อโดยไม่เว้นจังหวะ “คุณช่วยอธิบายทีได้หรือเปล่าว่าทำไมคุณถึงสวมชุดลายพรางแบบนี้?”
ซวยแล้ว…
ความคิดภายในหัวของฉินเย่ประมวลผลอย่างบ้าคลั่ง เขาควรอธิบายอย่างไรดี?
หลังจากที่กลับมาจากเขาอันฮั่วเขาก็ตรงขึ้นเตียงเลย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีคนไร้มารยาทอย่างตาแก่พวกนี้บุกเข้ามาในห้อง?! แถมยังดึงผ้าห่มออกจากตัวเขาแบบนี้อีก! นี่คนพวกนี้ไม่กลัวว่าจะเจอเขาหลับโดยไม่สวมเสื้อผ้า หรืออย่างไร? เรือนร่างที่สง่างามของข้าอาจทำให้พวกเจ้าตาบอดได้นะ!
เหตุได้ชัดเลยว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่ตาแก่พวกนี้จะนึกถึง
“ศาสตราจารย์ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ?” สิ่งที่เกิดขึ้นมันกะทันหันมาก ฉินเย่ลุกขึ้นนั่งและไอออกมา “ผมก็กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาตำแหน่งของอาจารย์ดีเด่นของตัวเองเอาไว้ แล้วผมจะไป….”
“พวกเราถามว่าทำไมคุณถึงสวมชุดลายพราง” เถาหรานนั่งลง สีหน้าของเขาไม่หลงเหลือความใจดีที่มักจะเห็นตามปกติ นอกจากนี้ชายสูงวัยยังมองฉินเย่ด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเจาะลึกเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดในจิตใจของเด็กหนุ่มอีกด้วย
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ และฉินเย่ก็กำลังกำหมัดแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มพร้อมกับหุบยิ้ม
เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้ศาสตราจารย์ทั้ง 3 คน กำลังแผ่จิตสังหารออกมาจากร่าง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันใหญ่เกินไป หากเขาตอบผิดเพียงครั้งเดียว คนพวกนี้จะต้องลงมือทันทีแน่ ๆ
“สองสามวันที่ผ่านมานี้ผมได้รับหน้าที่ให้ทำการลาดตระเวนในเวลากลางคืน และผมก็ประสบกับเหตุที่ไม่คาดคิด หัวหน้าโจวเองก็รู้เรื่องนี้ดี” หัวใจของเขาค่อย ๆ สงบลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “เมื่อคืนนี้ ผมได้รับบาดเจ็บ และเปียกโชกเพราะสายฝน ผมรู้สึกเหนื่อยมากหลังจากกลับมา ดังนั้นผมเลยตรงมาที่เตียงทันทีโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า”
เถาหรานจ้องหน้าอีกฝ่าย จากนั้นก็ยื่นมือไปใกล้ ๆ เด็กหนุ่ม
แม้ว่าชายสูงวัยจะเพียงยื่นมือมาตรงหน้า แต่ฉินเย่ก็กลับเริ่มรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เถาหราน…กำลังบีบรัดเขาด้วยพลังของยมทูตขาวดำระดับสูง และเขาก็เกือบจะต้านพลังนั้นไปโดยสัญชาตญาณเช่นกัน
ห้ามขยับ…
นี่เป็นเพราะว่าไม่มีทางที่ขั้นนักล่าวิญญาณจะสามารถต้านพลังของขั้นยมทูตขาวดำระดับสูงได้ในรัศมีที่ใกล้กันขนาดนี้ การขยับแม้แต่นิดเดียวจะเป็นการเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาได้เลื่อนเป็นขั้นยมทูตขาวดำเรียบร้อยแล้ว
นั่นจะต้องเป็นปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
คุณเลื่อนเป็นขั้นยมทูตขาวดำภายในคืนเดียวได้อย่างไร? ทางสำนักยังไม่ได้เริ่มการฝึกฝนเลยสักนิด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทันใดนั้นเถาหรานก็เอื้อมมาจับที่แขนเสื้อและจับแขนของเขาเอาไว้ “แล้ว…รอยนี่ล่ะ?”
มันเป็นตอนนั้นเองที่ฉินเย่เห็นครอบเลือดบนแขนเสื้อของเขา มันเป็นคราบเลือดแห้งสีแดงเข้มที่กลืนไปกับลวดลายของชุดลายพรางของเขา และมันก็แทบจะมองไม่เห็นหากไม่ได้สังเกตดี ๆ
แต่เถาหรานก็ยังเห็นมันอยู่ดี
อะไรกัน…มันเปื้อนตั้งแต่เมื่อไหร่? อ่าาา….คงเป็นตอนที่เราสังหารเหล่ายมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้นแน่ ๆ
“นี่ไม่ได้มาจากแผลของคุณ” โหลวชวนเอ่ยถามนิ่ง ๆ ทว่าความกดดันที่เขาแผ่ออกมานั้นทำให้ผู้ถูกถามอึดอัด “มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เลือดของคุณจะกระเซ็นไปโดนส่วนนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแขนของคุณไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้มันยังค่อนข้างเห็นได้ชัดด้วยว่าคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บริเวณแขนเสื้อของคุณนั้นมาจากภายนอก ไม่ใช่ภายใน”
เอาล่ะ คุณจะอธิบายมันว่าอย่างไร?
สมองของฉินเย่กำลังประมวลผลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก “สถานที่ที่ผมเผชิญหน้ากับศัตรูคือแถว ๆ แม่น้ำ ผมไม่ทราบว่าหัวหน้าได้บอกพวกคุณเรื่องนี้หรือยัง….”
“เขาบอกแล้ว” เฉินจื้อลี่เอ่ยแทรกขึ้นมา
ฉินเย่พยักหน้าและอธิบายต่อ “คราบเลือดนั่นคงจะมาในขณะที่ผมต่อสู้เมื่อคืนนี้ ผมเองก็ไม่ทันสังเกตเห็นมันเช่นกัน”
“เหล่าเฉิน” เถาหรานหันไปถาม “เจ้าตัวพวกนั้นที่เราเจอเมื่อเช้านี้มีบาดแผลบนร่างบ้างหรือเปล่า?”
เฉินจื้อลี่หลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ส่ายศีรษะ
หัวใจของฉินเย่ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
“ผมไม่ได้สังเกต” โชคดีที่คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขากลับมามีความหวังอีกครั้ง
เฉินจื้อลี่ขมวดคิ้วยุ่ง “ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินแบบนั้นใครจะไปสังเกตว่าศัตรูมีแผลบนไหล่หรือไม่? นอกจากนี้เราก็สามารถบอกได้จากคราบเลือดนี้ว่ารอยแผลนั้นคงไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไร ผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณสามารถฟื้นตัวจากมันได้ภายในวันเดียวอยู่แล้ว”
ฉินเย่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ เห็นได้ชัดว่าทางสำนักไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าการบุกเข้ามาของยมทูตนอกอาณาเขตนั้นเทียบได้กับการประกาศว่ายมโลกของชาตินั้น ๆ ได้สูญเสียความยิ่งใหญ่และอำนาจไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกับหายนะที่เกิดขึ้นในยมโลก แต่พวกเขาก็ยังสามารถเดาได้ว่าการล่มสลายของยมโลกนั้น ย่อมทำให้เกิดการแย่งชิงวิญญาณระดับสูงจากชาติอื่น ๆ
หยินและหยางสัมพันธ์กันอย่างไม่สามารถแยกได้ แดนมนุษย์จะเป็นอย่างไรในช่วงสองสามปีต่อจากนี้? ไม่มีใครรู้ และก็ไม่มีใครอยากลองดูด้วย
และการไม่รู้เรื่องอะไรนี่เอง ที่ทำให้ก่อเกิดเป็นความกลัว
“เอาเถอะ พักผ่อนซะ สภานักเรียนได้ตรวจสอบจำนวนนักเรียนและอาจารย์ทั้งหมดแล้ว คุณเองก็ต้องเตรียมตัวที่จะย้ายหอพักในคืนวันพรุ่งนี้เช่นกัน” เถาหรานลุกขึ้นยืน
ฉินเย่พยักหน้า เขารู้เรื่องนี้แล้ว
ทว่าประโยคถัดมาของชายสูงวัย กลับเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เริ่มกันเลย”
“เริ่ม…เริ่มอะไรครับ?” ฉินเย่เริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก
“การตรวจค้นไง” ศาสตราจารย์เฉินแย้มยิ้ม “ห้องพักของอาจารย์ผู้สอนทุกคนจะต้องได้รับการตรวจค้นอย่างละเอียด คุณอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อคืน เราได้ถูกโจมตีโดยภูตผีกลุ่มหนึ่ง และวิญญาณพวกนั้นก็อยู่ขั้นนักล่าวิญญาณ ซึ่งตอนนี้ ขั้นนักล่าวิญญาณในสำนักของเราก็มีแต่กลุ่มอาจารย์เท่านั้น เราจึงสงสัยว่าอาจจะมีอาจารย์ผู้สอนบางท่านที่ถูกพวกมันสิงร่างอยู่ ด้วยเหตุนี้ กรุณาเข้าใจด้วยว่าพวกเราจะต้องทำการตรวจสอบตอนนี้เลย”
ความตึงเครียดภายในใจของฉินเย่ผ่อนคลายลงทันที เอาเลย…เชิญตรวจค้นตามสบาย…ผมไม่มีอะไรให้ต้องซ่อนทั้งนั้น เพราะอย่างไรแล้วสมบัติทั้งหมดก็ถูกนำไปไว้ที่ยมโลก–…..ไม่!!!!
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนทันทีที่ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว ปฏิกิริยาอย่างกะทันหันของเขาทำให้ชายสูงวัยทั้ง 3 หรี่ตามองอย่างกดดันทันที
แย่แล้ว! ฉิบหายแล้ว! พระเจ้า!!!
ฉินเย่แทบจะเป็นบ้า เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นป่วยได้อีกต่อไป เด็กหนุ่มกระโดดลงจากเตียงและมองศาสตราจารย์ทั้งสามด้วยแววตาอ้อนวอนของลูกสุนัข “คือว่าเรื่องนั้น…มันเป็นไปได้ไหมครับ…ที่จะไม่ตรวจห้องของผม?”
“ไม่ได้ ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น” ยิ่งฉินเย่เป็นแบบนี้ ความสงสัยของศาสตราจารย์ทั้งสามก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พวกเขายืนล้อมรอบฉินเย่ไว้ทันที
ฉินเย่เกำลังจะเป็นบ้า!
อาร์ทิส…ในไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะถลกหนังของท่านออกมาซะ!!!
ในห้องของเขามันไม่มีอะไรที่น่าสงสัยเลยจริงๆ
นอกจากร่างที่ทำจากร่างซิลิโคนของตุลาการนรกบ้านั่น!!!
โอ้ ข้าแต่สวรรค์…ข้าจะยอมให้พวกเขาค้นพบอะไรแบบนั้นได้อย่างไร?! นั่นมันคือความอับอายและขายหน้าที่จะติดตัวข้าไปตลอดชีวิต! มันคือความลับดำมืดที่สุดและมันก็ไม่ควรมีใครได้เห็น! อ๊ากกก!
นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง…เหตุการณ์นี้มันไม่เคยเกิดขึ้น…
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังจะถล่มลงมาตรงหน้า เมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ใช่…ที่นี่ไม่ได้มีเพียงตุ๊กตายางเท่านั้น แต่มันยังมีชุดชั้นใน…ผ้าอนามัย…และยังเครื่องสำอางอื่น ๆ ด้วย….
นี่คงเป็นจุดจบของเขาแล้วจริง ๆ….
เขาป้องกันห้องนี้ทั้งวันทั้งคืน…เขาไล่หวังเฉิงห่าวและจัดการหลินฮั่นเพื่อปกปิดสิ่งที่น่าอายเหล่านี้ แต่ทุกอย่างกลับต้องมาถูกเปิดเผยแบบนี้เนี่ยนะ? นี่คนพวกนี้ต้องการจะประชาทัณฑ์เขาในที่สาธารณะอย่างนั้นหรือ?!
“ทำไมเราไม่นั่งลงแล้วลองหาทางออกอื่นกันล่ะครับ…” เขาคว้าข้อมือของเถาหรานและขอร้อง “คุณเป็นศาสตราจารย์ของผม คุณสามารถยืนยันให้ผมได้ใช่ไหมครับ?”
เด็กนี่… ทำไมแววตาของเขาถึงสิ้นหวังขนาดนี้?
เถาหรานมองใบหน้าที่สิ้นหวังของฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ส่ายหน้า ความหวังของฉินเย่หายไปในทันที
“เสี่ยวฉิน อาจารย์ผู้สอนทุกท่านเองก็ต้องผ่านสิ่งนี้เหมือนกัน มันไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องยกเว้นคุณ ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นทางเดียวที่จะสามารถกู้ความน่าเชื่อถือของอาจารย์ทุกคนได้” เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจและเอ่ย “พวกคุณเชิญเริ่มได้เลย ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเพื่อความยุติธรรม”
โหลวชวนและเฉินจื้อลี่เหลือบมองฉินเย่อีกครั้ง จากนั้น ด้วยการโบกมืออย่างง่าย ๆ ของโหลวชวน ตู้ทั้งหมดก็เปิดออกพร้อมกัน สิ่งของที่อยู่ด้านในลอยออกมาราวกับมีปีก ผ้าม่านถูกดึงไปด้านข้างในขณะที่ลิ้นชักทั้งหมดเปิดออกด้วยตัวเอง ของทุกอย่างภายในห้องของฉินเย่ถูกเผยออกมาต่อสายตาของศาสตราจารย์ทั้ง 3 ทันที
ในเวลานี้ จิตวิญญาณของฉินเย่ได้จมลงไปอยู่ในหุบเหวที่ลึกที่สุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นและมองเพดานด้วยความหดหู่อย่างถึงที่สุด ถ้าเขากระโดดตึกฆ่าตัวตายเสียมันจะเจ็บหรือเปล่านะ? เขาอาจจะไม่ตายด้วยซ้ำ…ถ้าอย่างนั้น เขาอาจจะต้องไปกระโดดที่หอนาฬิกาแทน…
“หืม?” บุคคลแรกที่ส่งเสียงครางอย่างตกตะลึงคือศาสตราจารย์โจวชวน ท่ามกลางสิ่งของของฉินเย่ที่ลอยอยู่ในอากาศตอนนี้ มีของอยู่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่สะดุดตาเป็นพิเศษ
“นี่มัน…อันเอ๋อเล่อ [1]?” เฉินจื้อลี่ขยับแว่นตาของตัวเองด้วยสีหน้าตกตะลึง
นั่นมันน่าตกใจจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเจออะไรแบบนี้ในห้องพักของอาจารย์ผู้สอนที่เป็นผู้ชาย สถานการณ์ตอนนี้มันแปลกเกินไปแล้ว….
ดวงตาของเถาหรานโตขึ้นขณะที่จ้องมองแผ่นผ้าอนามัยที่ลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองฉินเย่ที่ยังคงตกตะลึงราวกับเพิ่มเห็นผี จากนั้นจึงหันไปมองกลุ่มของที่มีสีสันมากมายบนพื้น ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ยกมือขึ้นและกระแอมออกมาเบา ๆ “มันไม่เพียงเท่านั้น…มันยังมี ชูเอ๋อเม่ย์ [2] อีกด้วย…ศาสตราจารย์ พวกคุณอยากจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกหรือเปล่า?”
ศาสตราจารย์ทั้งสองมองดูห่อบรรจุภัณฑ์ จากนั้นจึงหันไปมองฉินเย่ที่ดูหดหู่อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นจึงส่ายหน้าพร้อมกัน
โอเค…เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่อยากให้ทำการตรวจค้นห้อง…ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เห็นด้านที่ไม่เคยรู้มาก่อนของอาจารย์ฉิน….ด้านที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็น…
แต่คนทั้งหมดไม่รู้เลยว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ยิ่งของลอยออกมาจากตู้และลิ้นชักมากเท่าไหร่ ศาสตราจารย์ทั้งสามก็ยิ่งมีสีหน้าลังเลว่าควรค้นห้องต่อหรือไม่มากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่บราลายลูกไม้ลอยออกมา คนทั้งหมดก็มองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนทันที
ไม่มีทาง…
เสี่ยวฉิน คุณอยากบอกเราเกี่ยวกับเรื่องความสนใจทางเพศของคุณหรือเปล่า…พวกเราหมายถึง ทำไมคุณถึงมีของพวกนี้อยู่ในห้องล่ะ?
“ถ้าผมจะบอกว่า…” ในที่สุดฉินเย่ก็ปีนออกมาจากก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวังและมองศาสตราจารย์ทั้ง 3 พูดขึ้นว่า “นี่เป็นเรื่องจริง! เรื่องจริงทั้งหมด!” จากนั้นเขาจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “พวกคุณจะเชื่อหรือเปล่าถ้าผมบอกว่าของพวกนี้ไม่ใช่ของผม?”
เถาหรานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึมกว่าเดิม “อาจารย์ฉิน ผมเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าอาจารย์ผู้สอนและนักเรียนห้ามมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเป็นอันขาด นี่คือกฎของทางสำนัก หากคุณข้ามเส้น แม้แต่ผมก็คงไม่สามารถปกป้องคุณได้! ทีนี่ บอกผมมา ของพวกนี้เป็นของใคร?!”
“…ของ…ผม! ของผมเองครับ!!” ฉินเย่กัดฟันและเอ่ยออกไปให้คนทั้งหมดได้ยิน
โอ้…พระเจ้าช่วย…ศาสตราจารย์ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงระคนสงสัย และยอมรับ
นี่คุณกำลังใช้ชีวิตเหมือนเด็กจากเมืองใหญ่อย่างแท้จริง!
[1] ยี่ห้อของผ้าอนามัย
[2] แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของผู้หญิง
Related
Comments