ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 232: แมงมุมดินหลี่กุ้ย
บทที่ 232: แมงมุมดินหลี่กุ้ย
แสงสว่าง ?
เขาขยี้ตา เมื่อครู่เขาเห็นแสงสว่างอย่างนั้นเหรอ ?
ม่านสีดำที่ปิดหน้าต่างอยู่ค่อนข้างบาง ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นภาพราง ๆ ของสิ่งที่อยู่ด้านนอกตู้โดยสารผ่านทางหน้าต่างได้ และภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดยามค่ำคืน ท่ามกลางทุ่งนาที่อยู่รอบ ๆ …มันกลับมีลำแสงแปลกประหลาดที่ดูเหมือนว่ากำลังไล่ตามการเคลื่อนที่ของรถไฟมาติด ๆ
แสงไฟดังกล่าวไม่ได้อยู่ห่างออกไปนัก จากการคาดคะเนของเขา มันน่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของแหล่งกำเนิดแสงกลับกระตุ้นความสงสัยของเขาขึ้นมา แสงนั่นมาจากไหนกัน ? แล้วมันตามความเร็วของรถไฟทันได้ยังไง ? เขาอดไม่ได้ที่จะพยายามเพ่งสายตามองมัน
แหล่งกำเนิดแสงนั้นพร่ามัว แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด อย่างไรก็ตามหม่าหยวนคุนไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรไม่ว่าเขาจะพยายามเพ่งสายตามองแค่ไหนก็ตาม แต่หลังจากที่เขาเริ่มใช้พลังปราณของตัวเองเขาก็สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจนขึ้น
จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมารูม่านตาของเขาก็หดตัวก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ คนอื่น ๆ ในตู้โดยสารหันไปมองทันที ผู้ฝึกตนขั้นยมเทพที่อยู่ในตู้โดยสารทั้งสี่ต่างหันไปมองหม่าหยวนคุน และพวกเขาก็พบว่าร่างของอีกฝ่ายกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้และริมฝีปากของเขาก็สั่นไม่หยุดขณะที่มือข้างหนึ่งชี้ไปนอกหน้าต่าง ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกและความคิดที่อยู่ในหัวของตนได้
“สะ ศัตรู…” หม่าหยวนคุณเอ่ยออกมาหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียง “สะ ศัตรู… ศัตรูบุก… ศัตรูบุก !!!”
เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน
แหล่งกำเนิดแสงดังกล่าวนั้นมาจากตะเกียงไฟ
ตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนที่ผ่านถิ่นทุรกันดารที่อยู่ห่างจากเมืองตงไห่ 100 กิโลเมตร
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆดำ กลุ่มดาวส่งแสงระยิบระยับ แต่แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ลำแสงนั้นกลับปรากฏขึ้นในความมืดและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเดียวกับรถไฟ
นอกจากนี้เขายังมองเห็นด้วยว่าสิ่งที่ถือตะเกียงไฟนั่นอยู่ไม่ใช่มนุษย์ !
เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน มันคือ… แมงมุมที่มีร่างของผู้หญิง !
อีกฝ่ายสวมหน้ากากญี่ปุ่น และผมที่ยาวไม่เป็นทรงของเธอก็กระจัดกระจายไปทั่วร่าง ส่วนจุดที่ควรจะเป็นตัวของแมงมุมกลับเป็นร่างของหญิงสาวพร้อมกับขาแมงมุมที่ยื่นออกมาจากร่าง เธอถือตะเกียงไฟสีแดงสดและกำลังติดตามรถไฟมาอย่างเงียบ ๆ!
สิ่งที่ทำให้เรื่องทั้งหมดแย่ลงก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นหม่าหยวนคุนเช่นกัน ศีรษะของเธอบิด 180 องศาและจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่น่ากลัว จากนั้น… เธอก็แย้มยิ้มเห็นฟัน
ริมฝีปากของเธอฉีกถึงหู แม้ว่าร่างดังกล่าวจะสวมหน้ากาก แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นปากสีแดงขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายใต้หน้ากากได้อยู่ดี
ทันทีที่เขาร้องออกมาเชือกเหรียญทองแดงที่ถูกผูกไว้ที่ตู้โดยสารแต่ละตู้พลันสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับหมดหวัง ทันใดนั้นเอง แผ่นยันต์ที่ถูกติดอยู่โดยรอบก็เริ่มกระพือและแสงจากหลอดไฟในตู้โดยสารก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ อย่างน่าหวาดกลัว !
เมื่อผีร้ายมาเยือน ความหวาดกลัวจึงบังเกิด
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณอาฆาตทั่วไปจะสามารถทำได้ ข้อเท็จจริงที่ว่าการปรากฏตัวของมันส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้หมายความว่า…” ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บริเวณแถวหน้าตัวสั่นเทาและลุกยืนขึ้น ริมฝีปากของเขากระตุกไม่หยุด แต่เขากลับไม่สามารถพูดให้จบประโยคได้
นี่คือวิญญาณร้ายที่มีอายุอย่างน้อย 100 ปี !
“รออะไรกันอยู่ ?!!” เขาหันไปรอบ ๆ และตะโกนเสียงดัง “เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ !! หรือว่าพวกคุณจะรอให้ความตายมาถึงตัว ?!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวทำให้คนทั้งหมดกลับมาได้สติอีกครั้ง ภายในชั่วพริบตา ทุกคนต่างหยิบดาบไม้มะฮอกกานี เหรียญปัญจจักรพรรดิ กระดิ่งทองแดง ยันต์แปดเหลี่ยม และเคลื่อนมืออื่น ๆ ที่คล้ายกันออกมา จากนั้นรีบไปประจำที่ของตนที่กลางตู้โดยสาร ยืนหลังชนกันเหมือนที่ได้ฝึกซ้อมเอาไว้
แต่วิญญาณร้ายอายุ 100 ปีไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นยมเทพระดับต้นจะสามารถรับมือได้ !
ฉึกฉัก ฉึกฉัก …เสียงของรถไฟที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดภายในตู้โดยสารไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจหรือวางใจเลยสักนิด กลับกัน เสียงที่ดังซ้ำ ๆ ของมันทำให้พวกเขาตึงเครียดกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่ถูกปิดปาก มัดมือ และวางอยู่บนโต๊ะอาหารของเทพแห่งความตายเพื่อรับฟังเสียงคนขายเนื้อที่กำลังลับมีดของตนอยู่ไกล ๆ!
เสียงเสียดสีของคมมีดทำให้พวกเขาใกล้จะสติแตกเข้าไปทุกที
อึก ! …หม่าหยวนคุนลอบกลืนน้ำลายอย่างกังวล เขาเพิ่งทะลุคอขวดและขึ้นเป็นขั้นยมเทพ ในขณะที่วิญญาณร้ายอายุ 100 ปีเป็นคู่ต่อสู้ที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ขั้นที่สูงกว่า มันจะต้องอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นความคิดที่ว่าตนต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้นทำให้เขาเหงื่อตกและสั่นไปทั้งร่าง
และวินาทีนั้นเอง เขาก็พบว่า… ภูมิทัศน์ด้านนอกได้เปลี่ยนไปแล้ว…
เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาพบว่าตอนนี้ภูมิทัศน์ด้านนอกได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน !
มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
มันเป็นสถานีรถไฟที่ดูเก่าอย่างไม่น่าเชื่อ ภาษาญี่ปุ่นปรากฏให้เห็นเต็มไปหมด และทั้งสถานีก็ดูทรุดโทรม เก้าอี้สำหรับนั่งรอพลิกคว่ำและอุปกรณ์และเครื่องมือมากมายกลาดเกลื่อนไปทั่ว มันดูเหมือนว่าเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีคนมาที่นี่ แสงไฟสลัวด้านนอกกะพริบไม่หยุด ส่งผลให้บรรยากาศทั้งหมดบีบคั้นจนหายใจไม่ออก
รอยคราบเลือดสีแดงเข้มมีให้เห็นในที่ทุกจุด และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกลุ่มชายและหญิงผู้มีใบหน้าซีดเผือดที่สวมเครื่องแต่งกายของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนและยืนจ้องมาที่พวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยดวงตาแดงก่ำจากทั้งสองฝั่งของชานชาลา !
บางคนที่มีรอยแผลขนาดใหญ่บริเวณลำคอ บางคนถือศีรษะไว้ด้วยมือของตน และยังพวกที่ครึ่งหนึ่งของกะโหลกศีรษะหายไป บนร่างของคนทั้งหมดมีรอยช้ำสีม่วงเข้มปรากฏให้เห็น มันเหมือนกับว่านี่เป็นขบวนแห่ของคนตายที่ถูกจัดขึ้นเพื่อส่งพวกเขาไปสู่โลกหลังความตายไม่มีผิด !
ภาพที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้หม่าหยวนคุณรู้สึกราวกับว่าจุดหมายปลายทางของรถไฟขบวนนี้ไม่ใช่สถานีตงไห่เหนือเลยสักนิด แต่มันคือเมืองใต้พิภพ ยมโลกของญี่ปุ่น…
ในค่ำคืนอันมืดมิด ขบวนรถไฟถูกนำมาสู่ชานชาลาที่น่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยเหล่าคนตาย ผู้ซึ่งเตรียมที่จะส่งพวกเขาไปสู่โลกหลังความตาย….
กึก กึก กึก กึก …ฟันของหม่าหยวนคุนกระทบอันไม่หยุด จากนั้นในวินาทีต่อมา แผ่นยันต์ที่ถูกแปะอยู่ทั่วขบวนตู้โดยสารพลันลุกเป็นไฟและเชือกที่ห้อยเหรียญทองแดงอยู่บริเวณทางเข้าก็ขาดออก !
เพล้ง !
เหรียญทองแดงแตกเป็นเสี่ยงๆ และในวินาทีนั้นเอง บนหลังคาของตู้โดยสารก็ปรากฏรูขนาดใหญ่แปดรูพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดที่จ้องมองลงมา หน้ากากบนใบหน้าพวกนั้นไม่ได้ปกปิดปากที่อ้ากว้างของมันแต่อย่างใด และเสียงคำรามที่แหลมสูงก็ดังขึ้น
พลังหยินจำนวนมากหลั่งไหลออกมาราวกับกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำที่รอดผ่านฟันสีดำอันแหลมคมของพวกมัน
แซ่กกกกกซ่าาาาาาาา !!!
มันคือแมงมุมตัวนั้น… !
ร่างของหม่าหยวนคุยแข็งค้าง และมันก็เป็นวินาทีนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าการฝึกฝนของตนนั้นไม่ได้เตรียมพร้อมให้ตัวเองมาเจออะไรแบบนี้เลยสักนิด อ่าา วิญญาณร้ายเป็นแบบนี้นี่เอง… มันใช้สิ่งแวดล้อมและความกลัวภายในจิตใจของมนุษย์ในการจู่โจมพวกเขา ! มันอยู่คนละระดับกับวิญญาณทั้งหมดที่เขาเคยใช้ฝึกฝนมาอย่างเทียบไม่ติด !
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่จ้องมองมาที่พวกเขา สายตาที่น่ากลัวยิ่งกว่าแมงมุมตัวนี้… !!
บริเวณชานชาลาด้านนอก ขบวนแห่งของคนตายได้ยกตะเกียงไฟสีขาวของตนขึ้นเพื่อมอบความสว่างไสวให้กับทั่วทั้งบริเวณ ตู้โดยสารของพวกเขาตกรางจากสถานีก่อนหน้านี้ และตอนนี้พวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่สิ่งที่น่ากลัวกว่า
“อย่าขยับ !!”
“รายงานพวกรุ่นพี่!”
“อย่าขยับ !! ห้ามถอยเด็ดขาด ! ใครถอย ฉันฆ่ามันแน่ !”
เสียงร้องมากมายดังขึ้น แต่ทันใดนั้นหลอดไฟภายในตู้โดยสารก็ดับลง
แสงไฟที่อยู่ในตู้โดยสารที่อยู่ไกลที่สุดพลันดับลง
ทุกคนที่หันไปมองต่างมองเห็นอย่างชัดเจน วิญญาณร้ายได้เผยร่างที่แท้จริงของมันออกมา ณ จุดที่แสงและเงามาบรรจบกัน
อีกฝ่ายสวมชุดรัดรูปสีดำ และแถบโพกหน้าผากสีทองขณะที่ห้อยหัวลงมาจากหลังคา ร่างของคนหรือวิญญาณตนนั้นโค้งงอราวกับสุนัขจิ้งจอกที่กำลังออกหาอาหาร ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็วและปรากฏตัวอีกครั้งในจุดต่าง ๆ
พรึ่บ… ไฟของตู้โดยสารอีกตู้หนึ่งดับลง และร่างดังกล่าวก็เคลื่อนตัวผ่านตู้โดยสารภายในพริบตา มันกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ …แสงไฟของตู้โดยสารดับลงทีละตู้ และร่างที่น่ากลัวก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เช่นกัน ! ทุกครั้งที่ไฟดับ มันจะเข้าใกล้พวกเขามากขึ้น และพวกเขา ก็มองเห็นลักษณะของมันชัดเจนขึ้นเช่นกัน ความตึงเครียดและบรรยากาศที่บีบคั้นโดยรอบรุนแรงขึ้น !
พรึ่บ… ในที่สุดไฟของตู้โดยสารขบวนสุดท้ายก็ดับลง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา ไฟดวงสุดท้ายที่เพิ่งดับไปคือหลอดไฟที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขานี่เอง
ไอ้เจ้าสิ่งนั้น… เข้ามาในตู้โดยสารของเราแล้วอย่างนั้นเหรอ ?
ห้อยตัวอยู่เหนือศีรษะของเรา จ้องมองกลุ่มมนุษย์ที่ตัวสั่นเทาราวกับนักล่าที่กำลังเล่นสนุกอยู่กับอาหารของตน
กึกกึกกึกกึ– …เสียงของรถไฟหยุดลงโดยสมบูรณ์ เวลานี้คนทั้งหมดนิ่งเงียบจนพวกเขาสามารถได้ยินเสียงฟันกระทบกันของใครบางคน
มือของหม่าหยวนคุนที่กำดาบไม้มะฮอกกานีอยู่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม มันอยู่ที่นี่…. มันอยู่ที่นี่แล้ว !
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเบา ๆ ภายในหัวของเขา หนี ! หนีไปตอนนี้เลย ! วิญญาณตนนี้มันอยู่คนละขั้นกับนาย ! นายตายแน่… หากยังอยู่ที่นี่ต่อ นายต้องตายแน่ ๆ!
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งถูกครอบงำด้วยความกลัว ร่างกายของพวกเขาจะไม่สามารถขยับเขยื้อน และทำได้เพียงแต่ยืนแข็งอยู่กับที่เท่านั้น
ขนบนร่างของเขาลุกชัน มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขนและเซลล์ในร่างกายของตัวเอง ความกลัวที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ! มันเหมือนกับว่ามีมือเย็น ๆ มาลูบที่แก้มเขาเบา ๆ
ไม่… มันมีคนกำลังลูบแก้มเขาอยู่จริง ๆ!
มือของมันเย็นชืด และมันก็ส่งกลิ่นเหม็นของศพออกมา เพียงชั่วพริบตา ตัวตนที่อยู่ด้านบนได้ห้อยตัวลงมาจากหลังคาเงียบ ๆ และตอนนี้มันก็กำลังลูบไล้ใบหน้าของผู้ที่อยู่ในตู้โดยสารด้วยนิ้วมือที่เย็นชืดของมัน
“ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมาจนถึงบัดนี้…” น้ำเสียงแหบพร่าดังก้องไปทั่ว “พวกเจ้าได้ทำตัวหยิ่งยโสและเหิมเกริมมาเป็นเวลานานมากแล้ว และมันก็นานเกินไป…”
“ดังนั้น… มันถึงเวลาแล้วที่พวกข้าจะสอนให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่ายอมจำนน…”
“จงจดจำชื่อของข้าเอาไว้ให้ดี ข้าคือหัวหน้าของนินจาลับแห่งคามากุระแห่งตระกูลโฮโจ Scarlet 01…”
ฉึก !!!! ไม่กี่วินาทีต่อมา เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปตามบานหน้าต่าง และเสียงกรีดร้องและครวญครางก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัดยามราตรี !
………………………………………………………..
“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ ?” ไป๋อี้ชานถามชายสวมหน้ากากอย่างประหลาดใจขณะที่ขบวนรถไฟแล่นเข้ามาในสถานี
“นี่ผมไม่เป็นที่ต้อนรับที่นี่อย่างนั้นเหรอ ?” ฉินเย่ตอบเสียงเรียบ
ผู้ติดตามของไป๋อี้ชานนั้นมีทั้งขั้นนักล่าวิญญาณและขั้นยมเทพ ดังนั้นทันทีที่ฉินเย่ปลดปล่อยพลังขั้นยมทูตขาวดำที่ถูกปลอมแปลงให้อยู่ในรูปของพลังปราณออกมา ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างอ้าปากค้างและเผลอก้าวถอยหลังด้วยความตกตะลึง
ขั้นยมทูตขาวดำ ?
ขั้นยมทูตขาวดำตัวเป็น ๆ?
คนที่มีอำนาจมากมายเช่นนี้… แม้ว่าจะอยู่ในหน่วยสอบสวนพิเศษก็ตามที ! ….นี่หัวหน้าไป๋สามารถไปขอความช่วยเหลือจากคน ๆ นี้มาได้อย่างไร ?
ยิ่งกว่านั้น… เมื่อฟังจากน้ำเสียงและลักษณะผิวพรรณของเขาแล้ว… เขายังค่อนข้างหนุ่มอีกด้วย ?
“ผมน่ากลัวเหรอ ?” ฉินเย่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเอ่ยถามอย่างไม่ได้สนใจนัก
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ครับ !”
“ไม่ครับ กรุณาอย่าเข้าใจผิด พวกเรารู้สึกดีใจมากที่คุณให้เกียรติมาที่นี่ !”
“ใช่แล้วครับ ! ถ้ามีคุณอยู่ การเดินทางครั้งนี้จะต้องราบรื่นแน่ !”
ฉินเย่ยังคงรักษาบุคลิกที่สูงส่งและเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เขามองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่แยแส จากนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา “ราบรื่นหรือ ?”
เมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังหยินที่รุนแรงสองสาย และเขาก็สามารถบอกได้ด้วยว่ามันเป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา !
นินจาลับแห่งคามากุระเคลื่อนไหวแล้ว… กองกำลังอันแข็งแกร่งที่มีอายุมานานกว่า 400 ปีได้เคลื่อนไหวแล้ว !
“คุณหมายความว่าอย่างไร…” ไป๋อี้ชานชะงักไป เสียงที่เอ่ยออกมาของเขาสั่นเทา ฉินเย่เพียงหันกลับไปมองขบวนรถไฟที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ “ตอนนี้… มันอาจจะไม่มีใครมีชีวิตรอดเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ”
“ว่ายังไงนะ ?!”
“เป็นไปได้อย่างไร ?!! ใครเป็นคนทำ ? มันเป็นฝีมือของใครกัน ? คุณรู้ใช่ไหมครับ ?”
“เป็นไปไม่ได้… พวกเราจ้างวานทีมระดับหัวกะทิเลยนะ… ใครจะกล้าสู้กับพวกเขา ?”
ฉินเย่ไม่ตอบ เขาเพียงสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังหยินเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้แน่ชัดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นบนรถไฟ
เอี๊ยดดดดดดดดด ! พร้อมกับเสียงเบรกที่แหลมเสียดหู ในที่สุดขบวนรถไฟก็เข้ามาในสถานี ยิ่งตู้โดยสารเคลื่อนตัวเข้ามามากเท่าไหร่ สีหน้าสงสัยของคนทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดก่อนจะกลายเป็นหวาดกลัวในท้ายที่สุด !
คราบเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งตู้โดยสาร และมันก็หนาจนไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้านใน อย่างไรก็ตามพวกเขารับรู้ได้ทันทีว่าคำพูดของฉินเย่นั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง
นี่คือขบวนรถไฟมรณะ !
“ตะ แต่… แต่นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!” ไป๋อี้ชานกรีดร้องออกมาอย่างเสียสติ “นักล่าวิญญาณสองคนเชียวนะ !! พวกเรามีขั้นนักล่าวิญญาณถึงสองคน ! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”
“ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี… ใช่ ! เกิดอะไรขึ้นกับถ้วยหรือเปล่า ?!”
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 232: แมงมุมดินหลี่กุ้ย
บทที่ 232: แมงมุมดินหลี่กุ้ย
แสงสว่าง ?
เขาขยี้ตา เมื่อครู่เขาเห็นแสงสว่างอย่างนั้นเหรอ ?
ม่านสีดำที่ปิดหน้าต่างอยู่ค่อนข้างบาง ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นภาพราง ๆ ของสิ่งที่อยู่ด้านนอกตู้โดยสารผ่านทางหน้าต่างได้ และภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดยามค่ำคืน ท่ามกลางทุ่งนาที่อยู่รอบ ๆ …มันกลับมีลำแสงแปลกประหลาดที่ดูเหมือนว่ากำลังไล่ตามการเคลื่อนที่ของรถไฟมาติด ๆ
แสงไฟดังกล่าวไม่ได้อยู่ห่างออกไปนัก จากการคาดคะเนของเขา มันน่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของแหล่งกำเนิดแสงกลับกระตุ้นความสงสัยของเขาขึ้นมา แสงนั่นมาจากไหนกัน ? แล้วมันตามความเร็วของรถไฟทันได้ยังไง ? เขาอดไม่ได้ที่จะพยายามเพ่งสายตามองมัน
แหล่งกำเนิดแสงนั้นพร่ามัว แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด อย่างไรก็ตามหม่าหยวนคุนไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรไม่ว่าเขาจะพยายามเพ่งสายตามองแค่ไหนก็ตาม แต่หลังจากที่เขาเริ่มใช้พลังปราณของตัวเองเขาก็สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้ชัดเจนขึ้น
จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมารูม่านตาของเขาก็หดตัวก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ คนอื่น ๆ ในตู้โดยสารหันไปมองทันที ผู้ฝึกตนขั้นยมเทพที่อยู่ในตู้โดยสารทั้งสี่ต่างหันไปมองหม่าหยวนคุน และพวกเขาก็พบว่าร่างของอีกฝ่ายกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้และริมฝีปากของเขาก็สั่นไม่หยุดขณะที่มือข้างหนึ่งชี้ไปนอกหน้าต่าง ไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกและความคิดที่อยู่ในหัวของตนได้
“สะ ศัตรู…” หม่าหยวนคุณเอ่ยออกมาหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาสุดเสียง “สะ ศัตรู… ศัตรูบุก… ศัตรูบุก !!!”
เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน
แหล่งกำเนิดแสงดังกล่าวนั้นมาจากตะเกียงไฟ
ตอนนี้พวกเขากำลังเคลื่อนที่ผ่านถิ่นทุรกันดารที่อยู่ห่างจากเมืองตงไห่ 100 กิโลเมตร
ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆดำ กลุ่มดาวส่งแสงระยิบระยับ แต่แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ลำแสงนั้นกลับปรากฏขึ้นในความมืดและเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเดียวกับรถไฟ
นอกจากนี้เขายังมองเห็นด้วยว่าสิ่งที่ถือตะเกียงไฟนั่นอยู่ไม่ใช่มนุษย์ !
เขามองเห็นมันอย่างชัดเจน มันคือ… แมงมุมที่มีร่างของผู้หญิง !
อีกฝ่ายสวมหน้ากากญี่ปุ่น และผมที่ยาวไม่เป็นทรงของเธอก็กระจัดกระจายไปทั่วร่าง ส่วนจุดที่ควรจะเป็นตัวของแมงมุมกลับเป็นร่างของหญิงสาวพร้อมกับขาแมงมุมที่ยื่นออกมาจากร่าง เธอถือตะเกียงไฟสีแดงสดและกำลังติดตามรถไฟมาอย่างเงียบ ๆ!
สิ่งที่ทำให้เรื่องทั้งหมดแย่ลงก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นหม่าหยวนคุนเช่นกัน ศีรษะของเธอบิด 180 องศาและจ้องมาที่เขาด้วยแววตาที่น่ากลัว จากนั้น… เธอก็แย้มยิ้มเห็นฟัน
ริมฝีปากของเธอฉีกถึงหู แม้ว่าร่างดังกล่าวจะสวมหน้ากาก แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นปากสีแดงขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายใต้หน้ากากได้อยู่ดี
ทันทีที่เขาร้องออกมาเชือกเหรียญทองแดงที่ถูกผูกไว้ที่ตู้โดยสารแต่ละตู้พลันสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับหมดหวัง ทันใดนั้นเอง แผ่นยันต์ที่ถูกติดอยู่โดยรอบก็เริ่มกระพือและแสงจากหลอดไฟในตู้โดยสารก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ อย่างน่าหวาดกลัว !
เมื่อผีร้ายมาเยือน ความหวาดกลัวจึงบังเกิด
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณอาฆาตทั่วไปจะสามารถทำได้ ข้อเท็จจริงที่ว่าการปรากฏตัวของมันส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้หมายความว่า…” ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บริเวณแถวหน้าตัวสั่นเทาและลุกยืนขึ้น ริมฝีปากของเขากระตุกไม่หยุด แต่เขากลับไม่สามารถพูดให้จบประโยคได้
นี่คือวิญญาณร้ายที่มีอายุอย่างน้อย 100 ปี !
“รออะไรกันอยู่ ?!!” เขาหันไปรอบ ๆ และตะโกนเสียงดัง “เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะ !! หรือว่าพวกคุณจะรอให้ความตายมาถึงตัว ?!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวทำให้คนทั้งหมดกลับมาได้สติอีกครั้ง ภายในชั่วพริบตา ทุกคนต่างหยิบดาบไม้มะฮอกกานี เหรียญปัญจจักรพรรดิ กระดิ่งทองแดง ยันต์แปดเหลี่ยม และเคลื่อนมืออื่น ๆ ที่คล้ายกันออกมา จากนั้นรีบไปประจำที่ของตนที่กลางตู้โดยสาร ยืนหลังชนกันเหมือนที่ได้ฝึกซ้อมเอาไว้
แต่วิญญาณร้ายอายุ 100 ปีไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นยมเทพระดับต้นจะสามารถรับมือได้ !
ฉึกฉัก ฉึกฉัก …เสียงของรถไฟที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดภายในตู้โดยสารไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจหรือวางใจเลยสักนิด กลับกัน เสียงที่ดังซ้ำ ๆ ของมันทำให้พวกเขาตึงเครียดกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับเหยื่อที่ถูกปิดปาก มัดมือ และวางอยู่บนโต๊ะอาหารของเทพแห่งความตายเพื่อรับฟังเสียงคนขายเนื้อที่กำลังลับมีดของตนอยู่ไกล ๆ!
เสียงเสียดสีของคมมีดทำให้พวกเขาใกล้จะสติแตกเข้าไปทุกที
อึก ! …หม่าหยวนคุนลอบกลืนน้ำลายอย่างกังวล เขาเพิ่งทะลุคอขวดและขึ้นเป็นขั้นยมเทพ ในขณะที่วิญญาณร้ายอายุ 100 ปีเป็นคู่ต่อสู้ที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ขั้นที่สูงกว่า มันจะต้องอยู่ขั้นนักล่าวิญญาณเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นความคิดที่ว่าตนต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้นทำให้เขาเหงื่อตกและสั่นไปทั้งร่าง
และวินาทีนั้นเอง เขาก็พบว่า… ภูมิทัศน์ด้านนอกได้เปลี่ยนไปแล้ว…
เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาพบว่าตอนนี้ภูมิทัศน์ด้านนอกได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน !
มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
มันเป็นสถานีรถไฟที่ดูเก่าอย่างไม่น่าเชื่อ ภาษาญี่ปุ่นปรากฏให้เห็นเต็มไปหมด และทั้งสถานีก็ดูทรุดโทรม เก้าอี้สำหรับนั่งรอพลิกคว่ำและอุปกรณ์และเครื่องมือมากมายกลาดเกลื่อนไปทั่ว มันดูเหมือนว่าเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีคนมาที่นี่ แสงไฟสลัวด้านนอกกะพริบไม่หยุด ส่งผลให้บรรยากาศทั้งหมดบีบคั้นจนหายใจไม่ออก
รอยคราบเลือดสีแดงเข้มมีให้เห็นในที่ทุกจุด และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกลุ่มชายและหญิงผู้มีใบหน้าซีดเผือดที่สวมเครื่องแต่งกายของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อนและยืนจ้องมาที่พวกเขาอย่างเงียบ ๆ ด้วยดวงตาแดงก่ำจากทั้งสองฝั่งของชานชาลา !
บางคนที่มีรอยแผลขนาดใหญ่บริเวณลำคอ บางคนถือศีรษะไว้ด้วยมือของตน และยังพวกที่ครึ่งหนึ่งของกะโหลกศีรษะหายไป บนร่างของคนทั้งหมดมีรอยช้ำสีม่วงเข้มปรากฏให้เห็น มันเหมือนกับว่านี่เป็นขบวนแห่ของคนตายที่ถูกจัดขึ้นเพื่อส่งพวกเขาไปสู่โลกหลังความตายไม่มีผิด !
ภาพที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้หม่าหยวนคุณรู้สึกราวกับว่าจุดหมายปลายทางของรถไฟขบวนนี้ไม่ใช่สถานีตงไห่เหนือเลยสักนิด แต่มันคือเมืองใต้พิภพ ยมโลกของญี่ปุ่น…
ในค่ำคืนอันมืดมิด ขบวนรถไฟถูกนำมาสู่ชานชาลาที่น่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยเหล่าคนตาย ผู้ซึ่งเตรียมที่จะส่งพวกเขาไปสู่โลกหลังความตาย….
กึก กึก กึก กึก …ฟันของหม่าหยวนคุนกระทบอันไม่หยุด จากนั้นในวินาทีต่อมา แผ่นยันต์ที่ถูกแปะอยู่ทั่วขบวนตู้โดยสารพลันลุกเป็นไฟและเชือกที่ห้อยเหรียญทองแดงอยู่บริเวณทางเข้าก็ขาดออก !
เพล้ง !
เหรียญทองแดงแตกเป็นเสี่ยงๆ และในวินาทีนั้นเอง บนหลังคาของตู้โดยสารก็ปรากฏรูขนาดใหญ่แปดรูพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดที่จ้องมองลงมา หน้ากากบนใบหน้าพวกนั้นไม่ได้ปกปิดปากที่อ้ากว้างของมันแต่อย่างใด และเสียงคำรามที่แหลมสูงก็ดังขึ้น
พลังหยินจำนวนมากหลั่งไหลออกมาราวกับกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำที่รอดผ่านฟันสีดำอันแหลมคมของพวกมัน
แซ่กกกกกซ่าาาาาาาา !!!
มันคือแมงมุมตัวนั้น… !
ร่างของหม่าหยวนคุยแข็งค้าง และมันก็เป็นวินาทีนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าการฝึกฝนของตนนั้นไม่ได้เตรียมพร้อมให้ตัวเองมาเจออะไรแบบนี้เลยสักนิด อ่าา วิญญาณร้ายเป็นแบบนี้นี่เอง… มันใช้สิ่งแวดล้อมและความกลัวภายในจิตใจของมนุษย์ในการจู่โจมพวกเขา ! มันอยู่คนละระดับกับวิญญาณทั้งหมดที่เขาเคยใช้ฝึกฝนมาอย่างเทียบไม่ติด !
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่จ้องมองมาที่พวกเขา สายตาที่น่ากลัวยิ่งกว่าแมงมุมตัวนี้… !!
บริเวณชานชาลาด้านนอก ขบวนแห่งของคนตายได้ยกตะเกียงไฟสีขาวของตนขึ้นเพื่อมอบความสว่างไสวให้กับทั่วทั้งบริเวณ ตู้โดยสารของพวกเขาตกรางจากสถานีก่อนหน้านี้ และตอนนี้พวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่สิ่งที่น่ากลัวกว่า
“อย่าขยับ !!”
“รายงานพวกรุ่นพี่!”
“อย่าขยับ !! ห้ามถอยเด็ดขาด ! ใครถอย ฉันฆ่ามันแน่ !”
เสียงร้องมากมายดังขึ้น แต่ทันใดนั้นหลอดไฟภายในตู้โดยสารก็ดับลง
แสงไฟที่อยู่ในตู้โดยสารที่อยู่ไกลที่สุดพลันดับลง
ทุกคนที่หันไปมองต่างมองเห็นอย่างชัดเจน วิญญาณร้ายได้เผยร่างที่แท้จริงของมันออกมา ณ จุดที่แสงและเงามาบรรจบกัน
อีกฝ่ายสวมชุดรัดรูปสีดำ และแถบโพกหน้าผากสีทองขณะที่ห้อยหัวลงมาจากหลังคา ร่างของคนหรือวิญญาณตนนั้นโค้งงอราวกับสุนัขจิ้งจอกที่กำลังออกหาอาหาร ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็วและปรากฏตัวอีกครั้งในจุดต่าง ๆ
พรึ่บ… ไฟของตู้โดยสารอีกตู้หนึ่งดับลง และร่างดังกล่าวก็เคลื่อนตัวผ่านตู้โดยสารภายในพริบตา มันกำลังเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ …แสงไฟของตู้โดยสารดับลงทีละตู้ และร่างที่น่ากลัวก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เช่นกัน ! ทุกครั้งที่ไฟดับ มันจะเข้าใกล้พวกเขามากขึ้น และพวกเขา ก็มองเห็นลักษณะของมันชัดเจนขึ้นเช่นกัน ความตึงเครียดและบรรยากาศที่บีบคั้นโดยรอบรุนแรงขึ้น !
พรึ่บ… ในที่สุดไฟของตู้โดยสารขบวนสุดท้ายก็ดับลง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา ไฟดวงสุดท้ายที่เพิ่งดับไปคือหลอดไฟที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขานี่เอง
ไอ้เจ้าสิ่งนั้น… เข้ามาในตู้โดยสารของเราแล้วอย่างนั้นเหรอ ?
ห้อยตัวอยู่เหนือศีรษะของเรา จ้องมองกลุ่มมนุษย์ที่ตัวสั่นเทาราวกับนักล่าที่กำลังเล่นสนุกอยู่กับอาหารของตน
กึกกึกกึกกึ– …เสียงของรถไฟหยุดลงโดยสมบูรณ์ เวลานี้คนทั้งหมดนิ่งเงียบจนพวกเขาสามารถได้ยินเสียงฟันกระทบกันของใครบางคน
มือของหม่าหยวนคุนที่กำดาบไม้มะฮอกกานีอยู่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม มันอยู่ที่นี่…. มันอยู่ที่นี่แล้ว !
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเบา ๆ ภายในหัวของเขา หนี ! หนีไปตอนนี้เลย ! วิญญาณตนนี้มันอยู่คนละขั้นกับนาย ! นายตายแน่… หากยังอยู่ที่นี่ต่อ นายต้องตายแน่ ๆ!
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งถูกครอบงำด้วยความกลัว ร่างกายของพวกเขาจะไม่สามารถขยับเขยื้อน และทำได้เพียงแต่ยืนแข็งอยู่กับที่เท่านั้น
ขนบนร่างของเขาลุกชัน มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกรูขุมขนและเซลล์ในร่างกายของตัวเอง ความกลัวที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ! มันเหมือนกับว่ามีมือเย็น ๆ มาลูบที่แก้มเขาเบา ๆ
ไม่… มันมีคนกำลังลูบแก้มเขาอยู่จริง ๆ!
มือของมันเย็นชืด และมันก็ส่งกลิ่นเหม็นของศพออกมา เพียงชั่วพริบตา ตัวตนที่อยู่ด้านบนได้ห้อยตัวลงมาจากหลังคาเงียบ ๆ และตอนนี้มันก็กำลังลูบไล้ใบหน้าของผู้ที่อยู่ในตู้โดยสารด้วยนิ้วมือที่เย็นชืดของมัน
“ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมาจนถึงบัดนี้…” น้ำเสียงแหบพร่าดังก้องไปทั่ว “พวกเจ้าได้ทำตัวหยิ่งยโสและเหิมเกริมมาเป็นเวลานานมากแล้ว และมันก็นานเกินไป…”
“ดังนั้น… มันถึงเวลาแล้วที่พวกข้าจะสอนให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่ายอมจำนน…”
“จงจดจำชื่อของข้าเอาไว้ให้ดี ข้าคือหัวหน้าของนินจาลับแห่งคามากุระแห่งตระกูลโฮโจ Scarlet 01…”
ฉึก !!!! ไม่กี่วินาทีต่อมา เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปตามบานหน้าต่าง และเสียงกรีดร้องและครวญครางก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัดยามราตรี !
………………………………………………………..
“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ ?” ไป๋อี้ชานถามชายสวมหน้ากากอย่างประหลาดใจขณะที่ขบวนรถไฟแล่นเข้ามาในสถานี
“นี่ผมไม่เป็นที่ต้อนรับที่นี่อย่างนั้นเหรอ ?” ฉินเย่ตอบเสียงเรียบ
ผู้ติดตามของไป๋อี้ชานนั้นมีทั้งขั้นนักล่าวิญญาณและขั้นยมเทพ ดังนั้นทันทีที่ฉินเย่ปลดปล่อยพลังขั้นยมทูตขาวดำที่ถูกปลอมแปลงให้อยู่ในรูปของพลังปราณออกมา ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างอ้าปากค้างและเผลอก้าวถอยหลังด้วยความตกตะลึง
ขั้นยมทูตขาวดำ ?
ขั้นยมทูตขาวดำตัวเป็น ๆ?
คนที่มีอำนาจมากมายเช่นนี้… แม้ว่าจะอยู่ในหน่วยสอบสวนพิเศษก็ตามที ! ….นี่หัวหน้าไป๋สามารถไปขอความช่วยเหลือจากคน ๆ นี้มาได้อย่างไร ?
ยิ่งกว่านั้น… เมื่อฟังจากน้ำเสียงและลักษณะผิวพรรณของเขาแล้ว… เขายังค่อนข้างหนุ่มอีกด้วย ?
“ผมน่ากลัวเหรอ ?” ฉินเย่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเอ่ยถามอย่างไม่ได้สนใจนัก
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ครับ !”
“ไม่ครับ กรุณาอย่าเข้าใจผิด พวกเรารู้สึกดีใจมากที่คุณให้เกียรติมาที่นี่ !”
“ใช่แล้วครับ ! ถ้ามีคุณอยู่ การเดินทางครั้งนี้จะต้องราบรื่นแน่ !”
ฉินเย่ยังคงรักษาบุคลิกที่สูงส่งและเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก เขามองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่แยแส จากนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา “ราบรื่นหรือ ?”
เมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังหยินที่รุนแรงสองสาย และเขาก็สามารถบอกได้ด้วยว่ามันเป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขา !
นินจาลับแห่งคามากุระเคลื่อนไหวแล้ว… กองกำลังอันแข็งแกร่งที่มีอายุมานานกว่า 400 ปีได้เคลื่อนไหวแล้ว !
“คุณหมายความว่าอย่างไร…” ไป๋อี้ชานชะงักไป เสียงที่เอ่ยออกมาของเขาสั่นเทา ฉินเย่เพียงหันกลับไปมองขบวนรถไฟที่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ “ตอนนี้… มันอาจจะไม่มีใครมีชีวิตรอดเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำ”
“ว่ายังไงนะ ?!”
“เป็นไปได้อย่างไร ?!! ใครเป็นคนทำ ? มันเป็นฝีมือของใครกัน ? คุณรู้ใช่ไหมครับ ?”
“เป็นไปไม่ได้… พวกเราจ้างวานทีมระดับหัวกะทิเลยนะ… ใครจะกล้าสู้กับพวกเขา ?”
ฉินเย่ไม่ตอบ เขาเพียงสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังหยินเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้แน่ชัดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นบนรถไฟ
เอี๊ยดดดดดดดดด ! พร้อมกับเสียงเบรกที่แหลมเสียดหู ในที่สุดขบวนรถไฟก็เข้ามาในสถานี ยิ่งตู้โดยสารเคลื่อนตัวเข้ามามากเท่าไหร่ สีหน้าสงสัยของคนทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดก่อนจะกลายเป็นหวาดกลัวในท้ายที่สุด !
คราบเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งตู้โดยสาร และมันก็หนาจนไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้านใน อย่างไรก็ตามพวกเขารับรู้ได้ทันทีว่าคำพูดของฉินเย่นั้นดูเหมือนจะเป็นความจริง
นี่คือขบวนรถไฟมรณะ !
“ตะ แต่… แต่นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!” ไป๋อี้ชานกรีดร้องออกมาอย่างเสียสติ “นักล่าวิญญาณสองคนเชียวนะ !! พวกเรามีขั้นนักล่าวิญญาณถึงสองคน ! นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”
“ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี… ใช่ ! เกิดอะไรขึ้นกับถ้วยหรือเปล่า ?!”
Comments