ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 272: ความรุ่งเรืองของยมโลก
บทที่ 272: ความรุ่งเรืองของยมโลก
ทาเคโนะที่ได้ยินเช่นนั้นแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ…
แม้ว่ามิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่นจะกลายเป็นกลุ่มมิตซูบิชิ และท่านอิวาซากิจะเกษียณไป แต่มันก็แทบจะไม่มีสิ่งใดที่มิตซูบิชิไม่สามารถจัดการได้ในญี่ปุ่น…
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป กลับกัน เขาเพียงโค้งคำนับให้อีกฝ่ายและเก็บเบอร์โทรศัพท์ของฉินเย่ไว้ “ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อคุณไม่ต้องการอะไรแล้วพวกเราคงต้องขอตัว… อ้อ ! เกือบลืม… คุณฉินครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าเช่าโกดังและคนงาน ท่านอิวาซากิได้ใช้บัญชีส่วนตัวของท่านจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ”
ก็สมเหตุสมผลอยู่… ฉินเย่ถอนหายใจออกมา นี่คือคำขอบคุณที่เกินความคาดหวังของเขาไปมากจริง ๆ
“ผมขอถามอะไรหน่อย” ฉินเย่กระแอมออกมาเบาๆ “เกี่ยวกับ… เอ่อ… คุณอิวาซากิ… สุขภาพของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?”
ทาเคโนะชะงักไปเล็กน้อย
ฉินเย่ยังคงยกมือปิดปากและกระแอมขณะที่บอกใบ้ออกไป “อย่างเช่น… เขาป่วยเป็นโรคเรื้อรังหรือไม่สามารถรักษาได้อย่างมะเร็ง เอดส์ มะเร็งเม็ดเลือด… อะไรบ้างไหม ? หรืออะไรที่มันรุนแรงน่ะ…”
ริมฝีปากของทาเคโนะสั่นเล็กน้อยขณะที่เอ่ยตอบออกไป “มะ ไม่ครับ… ร่างกายของนายท่านยังคงแข็งแกร่งราวกับตะปู เขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปีโดยไม่มีโรคภัยใด ๆ…”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือให้อีกฝ่ายอย่างเสียดาย “เข้าใจแล้ว คุณไปเถอะ”
จากนั้นเขาก็มองดูทาเคโนะที่จากไปพร้อมกับคนของตนอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
อ่าา… มนุษย์ผู้โง่เขลา นี่อีกฝ่ายรู้หรือเปล่าว่าตัวเองเพิ่งปฏิเสธความหวังดีจากว่าที่จ้าวนรกผู้นี้ไป ? มีอะไรให้ต้องกลัวกัน ? คนเราจะสามารถบอกได้หรือว่านรกจะมาเคาะที่หน้าประตูบ้านและต้อนรับตนเมื่อไหร่ ?
โดยไม่สนความโง่เขลาของเหล่ามนุษย์ที่เพิ่งเดินจากไป ฉินเย่มองดูทาเคโนะและคนของอีกฝ่ายขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างออกไปก่อนจะขับออกไปอย่างเป็นระเบียบ จากนั้น เขาก็หันกลับมามองของที่อยู่ในความครอบครองของตนตอนนี้ หัวใจของเด็กหนุ่มพองโตด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
อีกไม่นานยมโลกก็จะสามารถพัฒนาด้วยความเร็วเต็มสูบ !
เขาอดทนรอต่อไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าจนกระทั่งถึงเวลาตีสาม จากนั้น ด้วยท่าทางที่ดูราวกับคว้าอะไรบางอย่างในอากาศ ปึกยันต์ที่อาร์ทิสได้วาดเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาสะบัดมืออย่างมั่นใจราวกับต้องการจะอวดความร่ำรวยของตน และแผ่นยันต์ทั้งหมดก็ลอยไปติดอยู่ที่กองสินค้าที่อยู่โดยรอบ ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ลุกโชนขึ้นด้วยเปลวไฟสีเขียวหยกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์ และของในโกดังทั้งหมดก็ค่อย ๆ กลายเป็นผุยผงและกระจัดกระจายไปโดยรอบ
ฉินเย่มองดูและรออยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งทุกอย่างหายไปในกองไฟ เพราะปริมาณของที่ถูกเผานั้นจำนวนมาก เปลวไฟจึงยังคงลุกโชนต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะดับไป และทันทีที่ของชิ้นสุดท้ายหายไปพร้อมกับเปลวไฟ เศษตราจ้าวนรกในมือของฉินเย่ก็เปล่งแสงสว่างออกมา และไม่นาน ฉินเย่ก็พบว่าตนกลับมาอยู่ที่นรกที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่มีใครมาทักทายเขาเลยสักตน
ประชากรวิญญาณทั้งหมด รวมถึงเหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมต่างกำลังมองดูพื้นที่โล่งตรงหน้าประตูนรกที่ตอนนี้มีตู้คอนเทนเนอร์กว่าร้อยตู้วางอยู่อย่างเป็นระเบียบในรูปแบบของวงกลมด้วยความตกตะลึง และตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดก็ถูกเปิดอยู่
เงินกระดาษสีขาวกระจัดกระจายและปลิวว่อนไปทั่วราวกับกระดาษที่ใช้โปรยขว้างกันในวันรื่นเริง ในขณะที่บนท้องฟ้าที่มืดสนิทเกิดเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ทุก ๆ สิบนาที ตู้คอนเทนเนอร์จะตกลงมา ยมโลกในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างไม่หยุดหย่อน
ฉินเย่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปในทันที เขาเพียงยืนมองสีหน้าของวิญญาณแต่ละตนเงียบ ๆ
ตื่นเต้น ดีใจ และตกตะลึง คอนเทนเนอร์ทั้งหมดเต็มไปด้วยของมากมายที่สามารถเห็นได้ทั่วไปในแดนมนุษย์ แต่การปรากฏของพวกมันในยมโลกนั้นเป็นเหมือนกับแรงกระตุ้นให้กับประชากรวิญญาณ สร้างสีสันให้กับดินแดนที่เงียบสงัดได้เป็นอย่างดี
ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ซูตงเซวี่ยและเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไร ?”
“สุดยอดที่สุด…” หญิงสาวไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองฉินเย่ การปรากฏตัวของสิ่งของธรรมดาเหล่านี้ทำให้ลมหายใจของนางขาดห้วง “ไพ่นกกระจอก ไพ่โป๊กเกอร์ และยังหนังสือ ! พระเจ้า ! นะ นี่… นี่แทบจะเหมือนกับของขวัญคริสต์มาสที่มาถึงก่อนกำหนดไม่มีผิด !”
“เจ้าชอบหรือไม่ ?” เสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นดังขึ้นให้ได้ยินจากทั่วทุกที มันเป็นเหมือนกับดนตรีที่แสนไพเราะสำหรับเด็กหนุ่ม บางที… นี่อาจจะเป็นความหมายของคำกล่าวที่ว่าความสุขจะทวีขึ้นเมื่อพวกเราแบ่งปันกัน…
แต่เด็กหนุ่มหารู้ไม่ ประชากรภายใต้การปกครองและความก้าวหน้าของยมโลกได้เริ่มมีผลกระทบต่อจิตใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูตงเซวี่ยพยักหน้ารัวขณะที่นางยังคงจับจ้องไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ฉินเย่สามารถบอกได้จากสีหน้าของนางเลยว่านางกำลังคิดที่ว่าจะนำสิ่งของชิ้นไหนมาเป็นของตนดี เขากระแอมออกมาเบา ๆ เพื่อเรียกสติของอีกฝ่ายกลับมา และทันทีที่นางตระหนักได้ว่าตนพูดจากับฉินเย่อย่างไม่ทางการมาตลอด นางก็ตกใจและรีบเตรียมจะคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพอีกฝ่ายทันที แต่แล้วก็ต้องถูกเด็กหนุ่มดึงเอาไว้ ฉินเย่ชูนิ้วชี้แตะที่ปากของตนและส่ายหน้าเป็นการบอกอีกฝ่ายไม่ให้ส่งเสียงดัง
ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้น ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเหล่าวิญญาณที่ยังคงชี้นั่นชี้นี่ต่อไปขณะที่กระซิบกระซาบกันด้วยความประหลาดใจ “พระเจ้า… เรามีไพ่นกกระจอกอยู่ในนรกด้วยเหรอ ?”
“นิยาย ! สุดยอดไปเลย ! ข้าแทบจะตายเพราะความเบื่อหน่ายมาตลอดหลายเดือนที่ผ่าน”
“เดี๋ยวนะ… เจ้าตายไปแล้ว”
“โทษที ข้าพูดผิดเอง ข้าหมายถึงว่าข้าเกือบจะตายเป็นครั้งที่สองเพราะความเบื่อหน่ายนี่ !”
ฉินเย่ยังคงมองไปรอบ ๆ จนกระทั่งเห็นร่างที่คุ้นเคย หวงเลี่ยงชวน หนึ่งในมหาเศรษฐีจากแดนมนุษย์ ที่กำลังพยายามเบียดตัวไปอยู่ด้านหน้าของวิญญาณทั้งหมดเพื่อไปยังจุดที่กองไพ่นกกระจอกวางเรียงตัวอยู่อย่างเป็นระเบียบ อันที่จริง เขาพยายามอย่างมากจนดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ น่าเสียดายที่เขาเป็นวิญญาณผู้สูงอายุที่กำลังกายไม่ได้มีมาก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในระยะ 20 เมตรจากตู้คอนเทนเนอร์ได้เลย
นอกจากนี้ฉินเย่ยังเห็นเฉียนเทียนอี้ หูเฟิง และคนอื่น ๆ ที่ยังคงส่วมหมวกกันกระแทกกำลังจ้องไปที่ฟุตบอลและวัสดุที่เกี่ยวข้องด้วยความตื่นเต้น เหล่าวิญญาณที่รวมตัวกันอยู่ใกล้ ๆ เองก็พูดคุยถึงทีมฟุตบอลทีมโปรดของตัวเองและลีกฟุตบอลที่ชอบในขณะที่ยังมีชีวิตอย่างเพลิดเพลิน
ทุกตู้คอนเทนเนอร์ถูกล้อมรอบโดยกลุ่มวิญญาณที่อัดแน่นราวกับปลาซาร์ดีน เสียงพูดคุยอย่างร้อนระอุทำให้บรรยากาศในยมโลกครึกครื้นอีกครั้ง ฉินเย่พยายามซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งของธรรมดาจากแดนมนุษย์จะสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจได้มากขนาดนี้
อันที่จริง พวกมันได้รับความสนใจอย่างล้นเหลือ
มันแทบจะเหมือนกับกลุ่มแฟนคลับที่ได้เห็นการมาถูกของศิลปินที่ตนเองชอบ ทั่วทั้งสถานที่ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของความตื่นเต้น
มันเหมือนกับการเห็นโอเอซิสในทะเลทรายหรือไม่ก็ทวีปในมหาสมุทร
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือความตื่นเต้นของพวกวิญญาณตรงหน้านั้นทำให้หัวใจของฉินเย่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มและประสบความสำเร็จที่ยากจะอธิบาย
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และกระแอมเบา ๆ แม้ว่ามันจะดังไปทั่วแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอที่จะดึงความสนใจของเหล่าวิญญาณออกจากของตรงหน้าได้ กลับกัน มันเป็นเหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมที่อยู่รอบ ๆ ที่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกันขณะที่คุกเข่าลง
“ท่านจ้าวนรกจงเจริญ !”
“ท่านจ้าวนรกช่างชาญฉลาดยิ่งนัก !”
น่าพึงพอใจ… นับว่าน่าพึงพอใจมากจริง ๆ…
คำสรรเสริญพวกนี้ไม่ได้ออกมาเพราะความกลัวอีกต่อไป ครั้งนี้ คำพูดทั้งหมดถูกพูดออกมาด้วยความเคารพที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
ฉินเย่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจและเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “ทุกตน เงียบ”
ในที่สุดกลุ่มวิญญาณทั้งหมดก็เงียบเสียงลง และฉินเย่ก็เดินออกไปด้านหน้า พร้อมด้วยผู้ตรวจสอบอดีตกรรมอีกนับร้อยที่เดินตามหลัง เขาค่อย ๆ เดินไปที่ตู้คอนเทนเนอร์และตบมันเบา ๆ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกภายในใจของตนออกมาได้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายมากในยมโลก พวกเขาได้เห็นการก่อจลาจลของวิญญาณ ความไม่พอใจต่าง ๆ เขาถึงขั้นเดินทางไปยังทะเลตะวันออกเพื่อแย่งชิงดวงวิญญาณของโนบูนางะ ในที่สุดมันก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลของความพยายามของเขาแล้ว
และสิ่งที่เขาได้เห็นเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไปอีก
มันมีอะไรหลายอย่างที่เขาอยากจะพูด ไม่ว่าจะเป็น “พวกเจ้ามีความสุขไหม ?” หรือ “หลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องทำงานหนักแล้วนะ โอเคไหม ?”
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องพวกนั้นในตอนนี้ เพราะประชากรวิญญาณทุกตนได้ตอบคำถามพวกนี้ด้วยสีหน้าของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ของทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายให้กับพวกเจ้าทุกตนในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ ข้ารู้ดีว่าตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก…”
เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้คนทั้งหมด
ทั่วทั้งสถานที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
และมันก็ยังคงเงียบไปแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง ราวกับเวลาได้หยุดเดินไปอย่างกะทันหัน จากนั้นเสียงปรมมือก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัด ตามมาด้วยเสียงปรมมือที่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ และยมโลกก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงปรบมือที่ดังสนั่น
“นอกจากนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมเรายังไม่สามารถแจกจ่ายตอนนี้ได้ก็เพราะข้อจำกัดทางสถิติ” ฉินเย่เอามือไพล่หลังและเดินไปรอบ ๆ คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน เหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมที่อยู่รอบ ๆ จะถอยทางให้เขาอย่างเคารพ ฉินเย่ทาบมือของตนลงบนผิวตู้คอนเทนเนอร์ที่เย็นชืด ภายในใจของเขาร้อนขึ้นราวกับกำลังลุกโชนไปด้วยความมุ่งมั่น “อย่างที่พวกเจ้าทุกตนเห็น กว่าสิบตู้คอนเทนเนอร์ตรงหน้านี้เต็มไปด้วยของสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้มันยังมีวัสดุเกี่ยวกับสายการผลิตอีกมากมายอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อื่น ๆ ที่พวกเจ้าต่างก็คุ้นเคย แล้วพวกเราจะเอาอย่างไรกันต่อ ?”
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเห็นได้ชัดว่าฉินเย่นั้นพูดอะไรไม่ออกก่อนหน้านี้ แต่ทันทีที่ประตูสำหรับสุนทรพจน์เปิดออก คำพูดมากมายก็หลั่งไหลออกไปจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง
มันฟังดูย้อนแย้งกันใช่ไหม ? เขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย “สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือระเบียบข้อบังคับ ใครจะทำงานในแต่ละอุตสาหกรรมเหล่านี้ ? และใครจะคอยจัดการ ? เราจะคำนวณจำนวนการผลิตอย่างไร ? ทุกอย่างจำเป็นจะต้องหาคำตอบ นอกเหนือจากนั้น มันยังมีข้อจำกัดในสิ่งของเพื่อความบันเทิงพวกนี้อีกด้วย พวกเราจะต้องแบ่งกันใช้ เราจะจัดสรรทรัพยากรเหล่านี้อย่างไร ? คืนอย่างไร ? จะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับของเหล่านี้อย่างไร ? พวกเรายังไม่ได้จัดตั้งระบบขอยืมและนำมาคืนขึ้นมา”
ลมหายใจที่ติดขัดของวิญญาณทั้งหมดสงบลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น ประกายแห่งความหวังและความคาดหวังภายในแววตาของพวกเขากลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวมากที่สุดก็คือความหมดหวัง ตราบใดที่มันยังมีความหวัง พวกเขาก็เต็มใจที่จะอดทนรอเพื่อมัน แม้ว่านั่นจะหมายความว่าพวกเขาจะต้องรอไปอีกห้าหรือสิบปีก็ตาม
“หลังจากนี้ในยมโลกจะวุ่นวายมาก การมาถึงของสิ่งของเหล่านี้เป็นการประกาศว่าวันคืนแห่งความเบื่อหน่ายและความขี้เกียจได้สิ้นสุดลงแล้ว ระบบสกุลเงินกำลังจะถูกจัดตั้งขึ้นในอีกไม่ช้า ดังนั้น ข้าอยากจะขอให้พวกเจ้าให้เวลาเหล่าเจ้าหน้าที่ของยมโลกในการตรวจนับจำนวนของสินของทั้งหมด และในระหว่างนี้ ข้าอยากจะให้พวกเจ้านึกถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดและเตรียมพร้อมที่จะลงทะเบียนกับเราเมื่อเราเปิดรับสมัครในด้านต่าง ๆ”
ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่ดังก้อง “พวกเจ้าจะได้เป็นพนักงานกลุ่มแรกของยมโลกแห่งใหม่ ข้าขอยืนยันว่าพวกเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่นี้ ผู้ที่ข้ากำลังมองหาคือประชากรที่พร้อมที่จะส่งมอบถ่านในท่ามกลางพายุหิมะ ไม่ใช่พวกที่ทำเพียงเติมน้ำตาลไอซิ่งบนหน้าเค้ก !”
“หลังจากนี้ ข้าต้องการให้เหล่าหัวหน้าของบริษัทก่อสร้างหยินและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบสกุลเงินในยมโลกอยู่ต่อก่อน ส่วนที่เหลือทั้งหมดสามารถแยกย้ายได้”
ประชากรวิญญาณที่เหลือต่างพากันเดินจากไป ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่พวกเขาจะนอนอยู่ใต้ต้นไม้และมองดูท้องฟ้าอย่างขี้เกียจ ตอนนี้วิญญาณทั้งหมดต่างจับกลุ่มกันและพูดคุยถึงการพัฒนาของยมโลกด้วยความตื่นเต้น
ทุกสิ่งในยมโลกเริ่มจริงจังขึ้นแล้ว ! ใครจะรู้ บางที่ที่ดินรกร้างที่พวกเขายืนอยู่อาจจะเต็มไปด้วยตึกระฟ้าในระยะเวลาไม่กี่ปีก็เป็นได้ ! ไม่เห็นหรือว่ามีอุปกรณ์ทางวิศวกรรมและวัสดุก่อสร้างมากมายวางกองอยู่ด้านหลัง ?
ผู้ที่เคยประสบกับการปฏิรูปนโยบายของจีนและการเปิดพรมแดนของจีนย่อมรู้ดีที่สุดว่านกที่ตื่นเช้ากว่าย่อมได้กินหนอนตัวใหญ่ !
ฉินเย่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงพูดคุยที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องด้านหลัง เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ไม่ได้เห็นประกายแห่งความหวังในดวงตาของประชากรวิญญาณมาหลายเดือนแล้ว และเขาก็รู้ดีว่ามันสมควรแก่เวลาที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายระบายทุกอย่างออกมา ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปที่โถงเสริม ภายในไม่กี่วินาทีกู่ชิง หัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดของบริษัทก่อสร้างหยิน และหวงเลี่ยงชวนกับพวกก็เดินเข้ามา
“ท่านฉิน” กู่ชิงประสานมือและโค้งให้ฉินเย่อย่างเคารพ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่าชายสูงวัยเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “ครั้งนี้… ท่านทำได้ดีมากจริง ๆ!”
“ด้วยสิ่งของเหล่านี้ เราสามารถวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับยมโชกได้แล้ว !”
“ท่านคือผู้ที่ยื่นถ่านให้เราในวันคืนที่หนาวเหน็บ… นี่มันเหมือนกับพระเจ้าประทานมาชัด ๆ! ท่านรู้หรือไม่ว่าหัวใจของข้าเต้นแรงเพียงใดเมื่อข้าเห็นเครื่องจักรเหล่านี้ ?!”
“และนั่นยังไม่หมด ! ท่านฉิน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงที่ท่านนำมานั้นคือของจริง ! พวกมันเพียงพอที่จะทำให้เหล่าวิญญาณพึงพอใจไปได้อีกประมาณสิบปี ! หรือต่อให้ท่านตัดสินใจที่จะไม่สร้างสวนจี้ชั่งระยะที่ 1 ต่อก็ตาม !”
ฉินเย่เพียงรับคำชมของกลุ่มวิญญาณตรงหน้าโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา
เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็แทบจะกรีดเลือดของตัวเองกว่าจะได้สิ่งของเหล่านี้มา
จนกระทั่งวิญญาณทั้งหมดไม่มีคำพูดที่จะพูดต่อ เด็กหนุ่มก็เคาะโต๊ะอย่างไม่พอใจ “อ่าว พูดต่อสิ ! พวกเจ้าควรจะเอาอย่างผู้เฒ่ากู่เสียบ้าง คำศัพท์มากมายของเขาทำให้เขาสามารถเอ่ยต่อจนจบโดยไม่ซ้ำซาก หัดอ่านหนังสือให้มากกว่านี้ พวกเจ้าไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำให้ครูสอนภาษาของตัวเองผิดหวังบ้างหรืออย่างไร ?”
วิญญาณทั้งหมดปิดปากของตนทันที – … ในฐานะผู้นำสูงสุดของเรา ไม่ใช่ว่าท่านก็ควรจะไว้หน้าเราสักนิดหรอกหรือ ?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ฉินเย่ก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มหายไป “นั่งสิ”
จากนั้น ทันทีที่วิญญาณทั้งหมดนั่งลง เขาก็เริ่มเข้าประเด็นทันที “อย่างที่พวกเจ้าเห็น ของและวัสดุทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับยมโลกสำหรับการพัฒนาครั้งต่อ ๆ ไป แต่มันก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องทำ และระยะเวลาที่มีอยู่ก็น้อยมาก ดังนั้นข้าจะขอพูดอะไรบางอย่าง และข้าอยากให้พวกเจ้าแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เราจะต้องขับเคลื่อนแรงกระตุ้นนี้และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด”
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 272: ความรุ่งเรืองของยมโลก
บทที่ 272: ความรุ่งเรืองของยมโลก
ทาเคโนะที่ได้ยินเช่นนั้นแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
ช่างเป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ…
แม้ว่ามิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่นจะกลายเป็นกลุ่มมิตซูบิชิ และท่านอิวาซากิจะเกษียณไป แต่มันก็แทบจะไม่มีสิ่งใดที่มิตซูบิชิไม่สามารถจัดการได้ในญี่ปุ่น…
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป กลับกัน เขาเพียงโค้งคำนับให้อีกฝ่ายและเก็บเบอร์โทรศัพท์ของฉินเย่ไว้ “ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อคุณไม่ต้องการอะไรแล้วพวกเราคงต้องขอตัว… อ้อ ! เกือบลืม… คุณฉินครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าเช่าโกดังและคนงาน ท่านอิวาซากิได้ใช้บัญชีส่วนตัวของท่านจ่ายทั้งหมดแล้วนะครับ”
ก็สมเหตุสมผลอยู่… ฉินเย่ถอนหายใจออกมา นี่คือคำขอบคุณที่เกินความคาดหวังของเขาไปมากจริง ๆ
“ผมขอถามอะไรหน่อย” ฉินเย่กระแอมออกมาเบาๆ “เกี่ยวกับ… เอ่อ… คุณอิวาซากิ… สุขภาพของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?”
ทาเคโนะชะงักไปเล็กน้อย
ฉินเย่ยังคงยกมือปิดปากและกระแอมขณะที่บอกใบ้ออกไป “อย่างเช่น… เขาป่วยเป็นโรคเรื้อรังหรือไม่สามารถรักษาได้อย่างมะเร็ง เอดส์ มะเร็งเม็ดเลือด… อะไรบ้างไหม ? หรืออะไรที่มันรุนแรงน่ะ…”
ริมฝีปากของทาเคโนะสั่นเล็กน้อยขณะที่เอ่ยตอบออกไป “มะ ไม่ครับ… ร่างกายของนายท่านยังคงแข็งแกร่งราวกับตะปู เขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปีโดยไม่มีโรคภัยใด ๆ…”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือให้อีกฝ่ายอย่างเสียดาย “เข้าใจแล้ว คุณไปเถอะ”
จากนั้นเขาก็มองดูทาเคโนะที่จากไปพร้อมกับคนของตนอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
อ่าา… มนุษย์ผู้โง่เขลา นี่อีกฝ่ายรู้หรือเปล่าว่าตัวเองเพิ่งปฏิเสธความหวังดีจากว่าที่จ้าวนรกผู้นี้ไป ? มีอะไรให้ต้องกลัวกัน ? คนเราจะสามารถบอกได้หรือว่านรกจะมาเคาะที่หน้าประตูบ้านและต้อนรับตนเมื่อไหร่ ?
โดยไม่สนความโง่เขลาของเหล่ามนุษย์ที่เพิ่งเดินจากไป ฉินเย่มองดูทาเคโนะและคนของอีกฝ่ายขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างออกไปก่อนจะขับออกไปอย่างเป็นระเบียบ จากนั้น เขาก็หันกลับมามองของที่อยู่ในความครอบครองของตนตอนนี้ หัวใจของเด็กหนุ่มพองโตด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
อีกไม่นานยมโลกก็จะสามารถพัฒนาด้วยความเร็วเต็มสูบ !
เขาอดทนรอต่อไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าจนกระทั่งถึงเวลาตีสาม จากนั้น ด้วยท่าทางที่ดูราวกับคว้าอะไรบางอย่างในอากาศ ปึกยันต์ที่อาร์ทิสได้วาดเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นในมือ เขาสะบัดมืออย่างมั่นใจราวกับต้องการจะอวดความร่ำรวยของตน และแผ่นยันต์ทั้งหมดก็ลอยไปติดอยู่ที่กองสินค้าที่อยู่โดยรอบ ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ลุกโชนขึ้นด้วยเปลวไฟสีเขียวหยกที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์ และของในโกดังทั้งหมดก็ค่อย ๆ กลายเป็นผุยผงและกระจัดกระจายไปโดยรอบ
ฉินเย่มองดูและรออยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งทุกอย่างหายไปในกองไฟ เพราะปริมาณของที่ถูกเผานั้นจำนวนมาก เปลวไฟจึงยังคงลุกโชนต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะดับไป และทันทีที่ของชิ้นสุดท้ายหายไปพร้อมกับเปลวไฟ เศษตราจ้าวนรกในมือของฉินเย่ก็เปล่งแสงสว่างออกมา และไม่นาน ฉินเย่ก็พบว่าตนกลับมาอยู่ที่นรกที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่มีใครมาทักทายเขาเลยสักตน
ประชากรวิญญาณทั้งหมด รวมถึงเหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมต่างกำลังมองดูพื้นที่โล่งตรงหน้าประตูนรกที่ตอนนี้มีตู้คอนเทนเนอร์กว่าร้อยตู้วางอยู่อย่างเป็นระเบียบในรูปแบบของวงกลมด้วยความตกตะลึง และตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดก็ถูกเปิดอยู่
เงินกระดาษสีขาวกระจัดกระจายและปลิวว่อนไปทั่วราวกับกระดาษที่ใช้โปรยขว้างกันในวันรื่นเริง ในขณะที่บนท้องฟ้าที่มืดสนิทเกิดเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ทุก ๆ สิบนาที ตู้คอนเทนเนอร์จะตกลงมา ยมโลกในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างไม่หยุดหย่อน
ฉินเย่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปในทันที เขาเพียงยืนมองสีหน้าของวิญญาณแต่ละตนเงียบ ๆ
ตื่นเต้น ดีใจ และตกตะลึง คอนเทนเนอร์ทั้งหมดเต็มไปด้วยของมากมายที่สามารถเห็นได้ทั่วไปในแดนมนุษย์ แต่การปรากฏของพวกมันในยมโลกนั้นเป็นเหมือนกับแรงกระตุ้นให้กับประชากรวิญญาณ สร้างสีสันให้กับดินแดนที่เงียบสงัดได้เป็นอย่างดี
ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ซูตงเซวี่ยและเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไร ?”
“สุดยอดที่สุด…” หญิงสาวไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองฉินเย่ การปรากฏตัวของสิ่งของธรรมดาเหล่านี้ทำให้ลมหายใจของนางขาดห้วง “ไพ่นกกระจอก ไพ่โป๊กเกอร์ และยังหนังสือ ! พระเจ้า ! นะ นี่… นี่แทบจะเหมือนกับของขวัญคริสต์มาสที่มาถึงก่อนกำหนดไม่มีผิด !”
“เจ้าชอบหรือไม่ ?” เสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นดังขึ้นให้ได้ยินจากทั่วทุกที มันเป็นเหมือนกับดนตรีที่แสนไพเราะสำหรับเด็กหนุ่ม บางที… นี่อาจจะเป็นความหมายของคำกล่าวที่ว่าความสุขจะทวีขึ้นเมื่อพวกเราแบ่งปันกัน…
แต่เด็กหนุ่มหารู้ไม่ ประชากรภายใต้การปกครองและความก้าวหน้าของยมโลกได้เริ่มมีผลกระทบต่อจิตใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูตงเซวี่ยพยักหน้ารัวขณะที่นางยังคงจับจ้องไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ฉินเย่สามารถบอกได้จากสีหน้าของนางเลยว่านางกำลังคิดที่ว่าจะนำสิ่งของชิ้นไหนมาเป็นของตนดี เขากระแอมออกมาเบา ๆ เพื่อเรียกสติของอีกฝ่ายกลับมา และทันทีที่นางตระหนักได้ว่าตนพูดจากับฉินเย่อย่างไม่ทางการมาตลอด นางก็ตกใจและรีบเตรียมจะคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพอีกฝ่ายทันที แต่แล้วก็ต้องถูกเด็กหนุ่มดึงเอาไว้ ฉินเย่ชูนิ้วชี้แตะที่ปากของตนและส่ายหน้าเป็นการบอกอีกฝ่ายไม่ให้ส่งเสียงดัง
ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้น ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเหล่าวิญญาณที่ยังคงชี้นั่นชี้นี่ต่อไปขณะที่กระซิบกระซาบกันด้วยความประหลาดใจ “พระเจ้า… เรามีไพ่นกกระจอกอยู่ในนรกด้วยเหรอ ?”
“นิยาย ! สุดยอดไปเลย ! ข้าแทบจะตายเพราะความเบื่อหน่ายมาตลอดหลายเดือนที่ผ่าน”
“เดี๋ยวนะ… เจ้าตายไปแล้ว”
“โทษที ข้าพูดผิดเอง ข้าหมายถึงว่าข้าเกือบจะตายเป็นครั้งที่สองเพราะความเบื่อหน่ายนี่ !”
ฉินเย่ยังคงมองไปรอบ ๆ จนกระทั่งเห็นร่างที่คุ้นเคย หวงเลี่ยงชวน หนึ่งในมหาเศรษฐีจากแดนมนุษย์ ที่กำลังพยายามเบียดตัวไปอยู่ด้านหน้าของวิญญาณทั้งหมดเพื่อไปยังจุดที่กองไพ่นกกระจอกวางเรียงตัวอยู่อย่างเป็นระเบียบ อันที่จริง เขาพยายามอย่างมากจนดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ น่าเสียดายที่เขาเป็นวิญญาณผู้สูงอายุที่กำลังกายไม่ได้มีมาก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในระยะ 20 เมตรจากตู้คอนเทนเนอร์ได้เลย
นอกจากนี้ฉินเย่ยังเห็นเฉียนเทียนอี้ หูเฟิง และคนอื่น ๆ ที่ยังคงส่วมหมวกกันกระแทกกำลังจ้องไปที่ฟุตบอลและวัสดุที่เกี่ยวข้องด้วยความตื่นเต้น เหล่าวิญญาณที่รวมตัวกันอยู่ใกล้ ๆ เองก็พูดคุยถึงทีมฟุตบอลทีมโปรดของตัวเองและลีกฟุตบอลที่ชอบในขณะที่ยังมีชีวิตอย่างเพลิดเพลิน
ทุกตู้คอนเทนเนอร์ถูกล้อมรอบโดยกลุ่มวิญญาณที่อัดแน่นราวกับปลาซาร์ดีน เสียงพูดคุยอย่างร้อนระอุทำให้บรรยากาศในยมโลกครึกครื้นอีกครั้ง ฉินเย่พยายามซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้ เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งของธรรมดาจากแดนมนุษย์จะสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจได้มากขนาดนี้
อันที่จริง พวกมันได้รับความสนใจอย่างล้นเหลือ
มันแทบจะเหมือนกับกลุ่มแฟนคลับที่ได้เห็นการมาถูกของศิลปินที่ตนเองชอบ ทั่วทั้งสถานที่ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของความตื่นเต้น
มันเหมือนกับการเห็นโอเอซิสในทะเลทรายหรือไม่ก็ทวีปในมหาสมุทร
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นก็คือความตื่นเต้นของพวกวิญญาณตรงหน้านั้นทำให้หัวใจของฉินเย่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก มันเป็นความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มและประสบความสำเร็จที่ยากจะอธิบาย
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และกระแอมเบา ๆ แม้ว่ามันจะดังไปทั่วแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เพียงพอที่จะดึงความสนใจของเหล่าวิญญาณออกจากของตรงหน้าได้ กลับกัน มันเป็นเหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมที่อยู่รอบ ๆ ที่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงก่อนจะตะโกนออกมาพร้อมกันขณะที่คุกเข่าลง
“ท่านจ้าวนรกจงเจริญ !”
“ท่านจ้าวนรกช่างชาญฉลาดยิ่งนัก !”
น่าพึงพอใจ… นับว่าน่าพึงพอใจมากจริง ๆ…
คำสรรเสริญพวกนี้ไม่ได้ออกมาเพราะความกลัวอีกต่อไป ครั้งนี้ คำพูดทั้งหมดถูกพูดออกมาด้วยความเคารพที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
ฉินเย่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจและเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “ทุกตน เงียบ”
ในที่สุดกลุ่มวิญญาณทั้งหมดก็เงียบเสียงลง และฉินเย่ก็เดินออกไปด้านหน้า พร้อมด้วยผู้ตรวจสอบอดีตกรรมอีกนับร้อยที่เดินตามหลัง เขาค่อย ๆ เดินไปที่ตู้คอนเทนเนอร์และตบมันเบา ๆ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองควรจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อที่จะแสดงความรู้สึกภายในใจของตนออกมาได้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายมากในยมโลก พวกเขาได้เห็นการก่อจลาจลของวิญญาณ ความไม่พอใจต่าง ๆ เขาถึงขั้นเดินทางไปยังทะเลตะวันออกเพื่อแย่งชิงดวงวิญญาณของโนบูนางะ ในที่สุดมันก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลของความพยายามของเขาแล้ว
และสิ่งที่เขาได้เห็นเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไปอีก
มันมีอะไรหลายอย่างที่เขาอยากจะพูด ไม่ว่าจะเป็น “พวกเจ้ามีความสุขไหม ?” หรือ “หลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องทำงานหนักแล้วนะ โอเคไหม ?”
แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงเรื่องพวกนั้นในตอนนี้ เพราะประชากรวิญญาณทุกตนได้ตอบคำถามพวกนี้ด้วยสีหน้าของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ของทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายให้กับพวกเจ้าทุกตนในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ ข้ารู้ดีว่าตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก…”
เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้คนทั้งหมด
ทั่วทั้งสถานที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
และมันก็ยังคงเงียบไปแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง ราวกับเวลาได้หยุดเดินไปอย่างกะทันหัน จากนั้นเสียงปรมมือก็ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบสงัด ตามมาด้วยเสียงปรมมือที่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ และยมโลกก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงปรบมือที่ดังสนั่น
“นอกจากนี้ เหตุผลที่ว่าทำไมเรายังไม่สามารถแจกจ่ายตอนนี้ได้ก็เพราะข้อจำกัดทางสถิติ” ฉินเย่เอามือไพล่หลังและเดินไปรอบ ๆ คอนเทนเนอร์ทั้งหมด ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน เหล่าผู้ตรวจสอบอดีตกรรมที่อยู่รอบ ๆ จะถอยทางให้เขาอย่างเคารพ ฉินเย่ทาบมือของตนลงบนผิวตู้คอนเทนเนอร์ที่เย็นชืด ภายในใจของเขาร้อนขึ้นราวกับกำลังลุกโชนไปด้วยความมุ่งมั่น “อย่างที่พวกเจ้าทุกตนเห็น กว่าสิบตู้คอนเทนเนอร์ตรงหน้านี้เต็มไปด้วยของสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและความบันเทิงของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้มันยังมีวัสดุเกี่ยวกับสายการผลิตอีกมากมายอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อื่น ๆ ที่พวกเจ้าต่างก็คุ้นเคย แล้วพวกเราจะเอาอย่างไรกันต่อ ?”
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเห็นได้ชัดว่าฉินเย่นั้นพูดอะไรไม่ออกก่อนหน้านี้ แต่ทันทีที่ประตูสำหรับสุนทรพจน์เปิดออก คำพูดมากมายก็หลั่งไหลออกไปจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง
มันฟังดูย้อนแย้งกันใช่ไหม ? เขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเอ่ยออกไปด้วยเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย “สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือระเบียบข้อบังคับ ใครจะทำงานในแต่ละอุตสาหกรรมเหล่านี้ ? และใครจะคอยจัดการ ? เราจะคำนวณจำนวนการผลิตอย่างไร ? ทุกอย่างจำเป็นจะต้องหาคำตอบ นอกเหนือจากนั้น มันยังมีข้อจำกัดในสิ่งของเพื่อความบันเทิงพวกนี้อีกด้วย พวกเราจะต้องแบ่งกันใช้ เราจะจัดสรรทรัพยากรเหล่านี้อย่างไร ? คืนอย่างไร ? จะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับของเหล่านี้อย่างไร ? พวกเรายังไม่ได้จัดตั้งระบบขอยืมและนำมาคืนขึ้นมา”
ลมหายใจที่ติดขัดของวิญญาณทั้งหมดสงบลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น ประกายแห่งความหวังและความคาดหวังภายในแววตาของพวกเขากลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวมากที่สุดก็คือความหมดหวัง ตราบใดที่มันยังมีความหวัง พวกเขาก็เต็มใจที่จะอดทนรอเพื่อมัน แม้ว่านั่นจะหมายความว่าพวกเขาจะต้องรอไปอีกห้าหรือสิบปีก็ตาม
“หลังจากนี้ในยมโลกจะวุ่นวายมาก การมาถึงของสิ่งของเหล่านี้เป็นการประกาศว่าวันคืนแห่งความเบื่อหน่ายและความขี้เกียจได้สิ้นสุดลงแล้ว ระบบสกุลเงินกำลังจะถูกจัดตั้งขึ้นในอีกไม่ช้า ดังนั้น ข้าอยากจะขอให้พวกเจ้าให้เวลาเหล่าเจ้าหน้าที่ของยมโลกในการตรวจนับจำนวนของสินของทั้งหมด และในระหว่างนี้ ข้าอยากจะให้พวกเจ้านึกถึงสิ่งที่ตัวเองถนัดและเตรียมพร้อมที่จะลงทะเบียนกับเราเมื่อเราเปิดรับสมัครในด้านต่าง ๆ”
ฉินเย่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงที่ดังก้อง “พวกเจ้าจะได้เป็นพนักงานกลุ่มแรกของยมโลกแห่งใหม่ ข้าขอยืนยันว่าพวกเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่นี้ ผู้ที่ข้ากำลังมองหาคือประชากรที่พร้อมที่จะส่งมอบถ่านในท่ามกลางพายุหิมะ ไม่ใช่พวกที่ทำเพียงเติมน้ำตาลไอซิ่งบนหน้าเค้ก !”
“หลังจากนี้ ข้าต้องการให้เหล่าหัวหน้าของบริษัทก่อสร้างหยินและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบสกุลเงินในยมโลกอยู่ต่อก่อน ส่วนที่เหลือทั้งหมดสามารถแยกย้ายได้”
ประชากรวิญญาณที่เหลือต่างพากันเดินจากไป ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่พวกเขาจะนอนอยู่ใต้ต้นไม้และมองดูท้องฟ้าอย่างขี้เกียจ ตอนนี้วิญญาณทั้งหมดต่างจับกลุ่มกันและพูดคุยถึงการพัฒนาของยมโลกด้วยความตื่นเต้น
ทุกสิ่งในยมโลกเริ่มจริงจังขึ้นแล้ว ! ใครจะรู้ บางที่ที่ดินรกร้างที่พวกเขายืนอยู่อาจจะเต็มไปด้วยตึกระฟ้าในระยะเวลาไม่กี่ปีก็เป็นได้ ! ไม่เห็นหรือว่ามีอุปกรณ์ทางวิศวกรรมและวัสดุก่อสร้างมากมายวางกองอยู่ด้านหลัง ?
ผู้ที่เคยประสบกับการปฏิรูปนโยบายของจีนและการเปิดพรมแดนของจีนย่อมรู้ดีที่สุดว่านกที่ตื่นเช้ากว่าย่อมได้กินหนอนตัวใหญ่ !
ฉินเย่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงพูดคุยที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องด้านหลัง เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ไม่ได้เห็นประกายแห่งความหวังในดวงตาของประชากรวิญญาณมาหลายเดือนแล้ว และเขาก็รู้ดีว่ามันสมควรแก่เวลาที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายระบายทุกอย่างออกมา ดังนั้นเขาจึงเดินตรงไปที่โถงเสริม ภายในไม่กี่วินาทีกู่ชิง หัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดของบริษัทก่อสร้างหยิน และหวงเลี่ยงชวนกับพวกก็เดินเข้ามา
“ท่านฉิน” กู่ชิงประสานมือและโค้งให้ฉินเย่อย่างเคารพ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่าชายสูงวัยเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “ครั้งนี้… ท่านทำได้ดีมากจริง ๆ!”
“ด้วยสิ่งของเหล่านี้ เราสามารถวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับยมโชกได้แล้ว !”
“ท่านคือผู้ที่ยื่นถ่านให้เราในวันคืนที่หนาวเหน็บ… นี่มันเหมือนกับพระเจ้าประทานมาชัด ๆ! ท่านรู้หรือไม่ว่าหัวใจของข้าเต้นแรงเพียงใดเมื่อข้าเห็นเครื่องจักรเหล่านี้ ?!”
“และนั่นยังไม่หมด ! ท่านฉิน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงที่ท่านนำมานั้นคือของจริง ! พวกมันเพียงพอที่จะทำให้เหล่าวิญญาณพึงพอใจไปได้อีกประมาณสิบปี ! หรือต่อให้ท่านตัดสินใจที่จะไม่สร้างสวนจี้ชั่งระยะที่ 1 ต่อก็ตาม !”
ฉินเย่เพียงรับคำชมของกลุ่มวิญญาณตรงหน้าโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา
เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็แทบจะกรีดเลือดของตัวเองกว่าจะได้สิ่งของเหล่านี้มา
จนกระทั่งวิญญาณทั้งหมดไม่มีคำพูดที่จะพูดต่อ เด็กหนุ่มก็เคาะโต๊ะอย่างไม่พอใจ “อ่าว พูดต่อสิ ! พวกเจ้าควรจะเอาอย่างผู้เฒ่ากู่เสียบ้าง คำศัพท์มากมายของเขาทำให้เขาสามารถเอ่ยต่อจนจบโดยไม่ซ้ำซาก หัดอ่านหนังสือให้มากกว่านี้ พวกเจ้าไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำให้ครูสอนภาษาของตัวเองผิดหวังบ้างหรืออย่างไร ?”
วิญญาณทั้งหมดปิดปากของตนทันที – … ในฐานะผู้นำสูงสุดของเรา ไม่ใช่ว่าท่านก็ควรจะไว้หน้าเราสักนิดหรอกหรือ ?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ฉินเย่ก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่มหายไป “นั่งสิ”
จากนั้น ทันทีที่วิญญาณทั้งหมดนั่งลง เขาก็เริ่มเข้าประเด็นทันที “อย่างที่พวกเจ้าเห็น ของและวัสดุทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับยมโลกสำหรับการพัฒนาครั้งต่อ ๆ ไป แต่มันก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องทำ และระยะเวลาที่มีอยู่ก็น้อยมาก ดังนั้นข้าจะขอพูดอะไรบางอย่าง และข้าอยากให้พวกเจ้าแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เราจะต้องขับเคลื่อนแรงกระตุ้นนี้และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด”
Comments