ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 273: เอกสารหัวสีแดงฉบับแรก (1)
บทที่ 273: เอกสารหัวสีแดงฉบับแรก (1)
ภายในโถงเสริมนั้นถือว่าเงียบมากเมื่อเทียบกับเสียงพูดคุยด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเย่ก็ไม่ได้ควบคุมความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เวลานี้ ประตูของโถงเสริมคือสำนักงานสูงสุดของยมโลกที่ใช้สำหรับตัดสินใจเรื่องสำคัญส่วนใหญ่ แต่สภาพของสถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นถือได้ว่ายังขาดอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ในการชงชาสักถ้วยด้วยซ้ำ
เครื่องบันทึกห้าเครื่องถูกวางรออยู่ก่อนแล้วและมันก็พร้อมที่จะบันทึกเนื้อหาทั้งหมดในการประชุม ฉินเย่เอ่ยต่อ “มีอะไรหลายอย่างที่เราจะต้องจัดการ เรื่องแรก เราจะต้องแจกจ่ายสิ่งของอำนวยความสะดวกด้านสันทนาการและความบันเทิงให้เสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งเดือน ยิ่งเราทำทุกอย่างล่าช้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่คำขอบคุณของเหล่าพลเมืองจะแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ”
ทุกคนพยักหน้า ทันใดนั้นเอง สายลมรุนแรงก็พัดผ่านเข้ามาทางประตูอาร์ทิสก้าวเข้ามาในห้องและพยักหน้าให้กับฉินเย่ “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักการเรียงลำดับความสำคัญแล้ว ข้าไม่รู้สึกถึงรัศมีของเจ้าที่แดนมนุษย์ ดังนั้นจึงเลือกมาดูที่นี่แทน และปรากฏว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่จริง ๆ ถูกต้อง มันมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่เราจะต้องรีบดำเนินการ และมันก็มีเวลาน้อยเหลือเกิน ดังนั้นเราจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ”
ฉินเย่เลิ่กคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เขาต้องประหลาดใจอยู่แล้ว… อาร์ทิสนั้นจัดได้ว่าเป็นพวกที่ขี้เกียจถึงขีดสุด ที่ผ่านมานางทำอะไรในฐานะของตุลาการนรกบ้าง ? สร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับโลกจนทำให้ตัวเองถูกส่งไปอยู่ในหุบเหวลึกมาเป็นเวลากว่าพันปี ? ทำไมจู่ ๆ นางถึงลงทุนมาตามหาเขาถึงที่นี่ ?
ไม่… หากพูดให้ถูกก็คือนางดูเหมือนจะเป็นห่วงเขามากขึ้นตั้งแต่ที่เขาได้สมุดแห่งความเป็นตายกลับมา
หรือว่านาง… จะตกหลุมรักความหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของเขา ?
บรื้อออ… ฉินเย่ตัวสั่นและรีบสลัดความคิดพวกนั้นไปขณะเอ่ยต่อ “นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือจัดตั้งระบบการเช่ายืมขึ้นมา หากใครมีความคิดเห็นอะไรก็สามารถพูดขึ้นมาได้เลย”
กู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามีข้อเสนอ เราสามารถออกแบบระบบเช่ายืมตามระบบให้ยืมหนังสือในห้องสมุดของแดนมนุษย์ได้หากเราติดป้ายให้กับสิ่งของทั้งหมดด้วยเลขทะเบียนที่ไม่ซ้ำกัน แต่เพื่อที่จะให้ระบบเช่ายืมนี้สามารถทำงานได้ เราจำเป็นจะต้องจัดการกับปัญหาหลัก ๆ สองอย่าง”
“ปัญหาแรกก็คือเรื่องบัตรประจำตัวประชาชน” เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “และอย่างที่สองก็คือการจัดตั้งระบบสกุลเงิน”
ฉินเย่พยักหน้า… สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ ฉินเย่ไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เลยสักนิด และเขาก็นึกมันขึ้นมาได้ในตอนที่กู่ชิงเอ่ยถึงมัน ใช่แล้ว เขาสามารถใช้โอกาสนี้ในการจัดตั้งระบบระบุตัวตนและระบบสกุลเงินได้ ! นั่นจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด !
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่ก็คือเขาอยู่ในยุคสมัยใหม่ และเขาก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าตนเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของรัฐบาลมาจากแดนมนุษย์อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงการดำเนินการของมัน
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปได้รับการยอมรับจากฉินเย่ ชายสูงวัยก็เอ่ยต่อ “เราจะไม่สามารถจัดตั้งระบบเช่ายืมได้จนกว่าระบบระบุตัวตนจะถูกจัดตั้งขึ้นเสียก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครยืมอะไร ? หากสวนจี้ชั่งระยะ 1 เสร็จสมบูรณ์ เราก็สามารถปรับระบบนี้ใช้กับการลงทะเบียนครัวเรือนได้เช่นกัน แต่นั่นยังเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ นอกจากนี้… ไม่ว่าช้าก็เร็วเราก็ต้องจัดตั้งระบบระบุตัวตนอยู่แล้ว ดังนั้นจะจัดการทั้งหมดตอนนี้เลยก็ไม่เสียหายอะไร…”
“ข้าขอแทรกเล็กน้อย” อาร์ทิสที่นั่งอยู่ที่ที่ของตนเคาะโต๊ะเบา ๆ “ยมโลกมีวิธีการระบุตัวตนของมันเอง ทันทีที่พื้นที่ของเราขยายถึงระดับเมือง อสูรวิญญาณที่รู้จักกันในชื่ออสูรร้อยตาจะปรากฏตัวขึ้น มันเป็นอสูรที่ฉลาดมาก ร่างของมันเต็มไปด้วยต่อมประสาทสัมผัสที่ช่วยในการรับรู้ที่สามารถระบุและตรวจสอบตัวตนได้ นอกจากนี้มันยังสามารถเลี้ยงดูได้อีกด้วย ด้วยความช่วยเหลือของอสูรเหล่านี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกังวลเรื่องการระบุตัวตนของเหล่าวิญญาณเลยสักนิด ข้ายังจำได้ว่าในเมืองแต่ละเมืองของยมโลกแห่งเก่า… มันจะมีอสูรร้อยตาอย่างน้อยสิบกว่าตัว ดังนั้นระบบระบุตัวตนสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“อ่า เป็นเช่นนั้นเอง…” กู่ชิงพยักหน้าเบา ๆ “นั่นนับว่าเป็นข่าวดี มันจะช่วยเราลดกำลังคนได้มาก ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่าเราสามารถพักเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ส่วนเรื่องการจัดตั้งระบบสกุลเงิน… ท่านอรากษส ท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าที่ยมโลกแห่งเก่าจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ?”
อาร์ทิสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ที่ยมโลกแห่งเก่าใช้สกุลเงินกระดาษ เจ้าจะเรียกว่ามันคือธนบัตรนรกก็ได้ ทั้งหมดจะถูกพิมพ์โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายการเงินของยมโลก หัวหน้าของฝ่ายการเงินตนก่อนอยู่ขั้นฝู่จวิน เขาเป็นชายผู้ซึ่งแข่งขันกับฉินกวงหวางสำหรับตำแหน่งพระยมถึงสามครั้ง เท่าที่ข้ารู้ เขามักจะทิ้งร่องรอยของพลังหยินของตัวเองลงไปในธนบัตรนรกทุกฉบับที่ได้รับการผลิตเพื่อรับรองว่าธนบัตรนั้นเป็นของจริง”
“การทำรอยประทับนี้ค่อนข้างคล้ายกับลายน้ำพิเศษที่อยู่ในธนบัตรของแดนมนุษย์ ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะสามารถรู้ได้ว่าธนบัตรที่เจ้าใช้นั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราในตอนนี้ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการใช้ประโยชน์จากหินวิญญาณ แต่ถึงกระนั้น เราจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเราหาเหมืองหินวิญญาณที่อยู่ที่นี่เจอ หินวิญญาณที่ว่านี่คือหนึ่งในสกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในโลกใต้พิภพทั้งหมด”
แสดงว่ามันไม่มีทางเลือกใดที่พวกเขาสามารถใช้ได้เลยในตอนนี้… กู่ชิงขมวดคิ้วยุ่ง แต่ทันใดนั้นฉินเย่ก็ยิ้มออกมา “ที่จริง มันไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยแม้แต่น้อย”
โดยไม่เว้นช่องว่าง เขาอธิบายต่อ “มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ครอบครองเครื่องพิมพ์ วิญญาณตนอื่นจะสามารถทำธนบัตรปลอมขึ้นมาได้อย่างไร ? สิ่งเดียวที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือกำหนดจำนวนเงินในระบบเพื่อที่มันจะได้ไม่น้อยหรือมากจนเกินไปเท่านั้น หวงเลี่ยงชวน”
ชายสูงวัยประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ฉินเย่ก็เรียกชื่อตน “ท่านฉินต้องการจะรับสั่งอะไรข้าเช่นนั้นหรือ ?”
ฉินเย่เลื่อนสายตาออกไปมองท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป “การเตรียมการสำหรับระบบสกุลเงินไปถึงไหนแล้ว ?”
“ข้ากำลังจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านได้ทราบอยู่พอดี” หวงเลี่ยงชวนหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมา เขาเปิดมัน เผยให้เห็นแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนมากมาย “จากคำสั่งสุดท้ายของท่านในครั้งที่แล้ว สิ่งแรกที่ข้าทำก็คือหาผู้มีความสามารถมาเพื่อรวมกลุ่มงานหลัก ในตอนนี้เรามีฝ่ายศิลป์สิบกว่าตน ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์ในการตีพิมพ์หรือผลิตเงินตรามาก่อน และยังมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์อีกสี่ตน พวกเราได้ช่วยกันวางแผนเกี่ยวกับการดำเนินการของระบบสกุลเงินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้น… มันก็ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอื่น ๆ ที่ยังคงต้องรอการใช้งานและการแก้ไขกันที่หน้างานอีกที”
เขากระแอมออกมาเบาๆ “เพราะสุดท้ายแล้ว… นี่ก็เป็นครั้งแรกของพวกเราที่ต้องมาจัดการระบบสกุลเงินตั้งแต่แรกเริ่มแบบนี้…”
“ทำไมเราถึงต้องการฝ่ายศิลป์มากมายขนาดนั้น ?” หนึ่งในหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินถามอย่างไม่เข้าใจ
ฉินเย่แย้มยิ้ม “แน่นอน มันจำเป็นที่จะต้องรวบรวมฝ่ายศิลป์เพื่อออกแบบแม่พิมพ์ที่จะใช้ในการผลิตธนบัตรนรก เจ้ามีตัวอย่างหรือไม่ ?”
“ท่านอยากจะดูเลยหรือไม่ ?” ชายสูงวัยรีบพลิกหน้ากระดาษ “พวกเราใช้ภาพของท่านเป็นแบบ…”
หะ ? เจ้าว่าอย่างไรนะ ?
ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้น ใครจะไปนึกว่าจู่ ๆ ภาพของเขาจะถูกใช้เป็นลายบนธนบัตร ! นี่มันเป็นเกียรติมากจริง ๆ…
แค่มอบเพียวแวบเดียว อาร์ทิสสามารถบอกได้ทันทีว่าภายในหัวของเด็กหนุ่มกำลังมีความคิดแบบไหนอยู่ นางจึงเอ่ยแทรกขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเราสามารถยืนยันรายละเอียดพวกนี้ได้ในอนาคต ธนบัตรของยมโลกจะต้องถูกผลิตขึ้นมาในหลากหลายสกุลเงิน ข้าจะกลับไปที่ยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำรูปของจ้าวนรกองค์แรกและองค์ที่สองมาให้เจ้า พวกเราไม่ควรจะเมินเฉยต่อความสำเร็จของรุ่นก่อน ๆ เอาล่ะ พวกเรานอกเรื่องไปมากแล้ว กลับมาพูดถึงประเด็นหลักเสียที เหล่ากู่ ท่านมีข้อสงสัยหรือสิ่งที่อย่างจะเสนออีกหรือไม่ ?”
นี่เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาล การผิดพลาดเพียงนิดเดียวสามารถส่งผลกับชีวิตของประชาชนได้ และการปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็อาจกินเวลายืดยาวไปอย่างไม่มีกำหนด
“สำหรับตอนนี้ข้ามีเพียงเท่านั้น” กู่ชิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ข้าอยากจะเสนอให้เราชะลอการพัฒนาลงได้หรือไม่ ? ทั้งหมดนี้คือปัญหาระดับชาติที่สามารถแตกแยกย่อยออกไปได้ และเราะก็ควรคิดทบทวนให้ดีเพื่อที่จะระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอกจากนี้ พวกเรายังต้องจัดตั้งระบบเช่ายืมขึ้นมาในเวลาเดียวกันกับที่ระบบสกุลเงินถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วย การดำเนินทั้งสองอย่างร่วมกันน่าจะทำให้การขนส่งราบรื่นมากยิ่งขึ้น”
เครื่องบันทึกเสียงทั้งห้าทำหน้าที่บันทึกเนื้อหาการประชุมอย่างละเอียด ฉินเย่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นหัวข้อแรกของเราก็เป็นอันสรุปตามนั้น อีกสองสามวันเราจะมาประชุมกันอีกครั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดที่ลงลึกมากขึ้น”
เขายิ้ม “ทุกท่าน ข้าเชื่อว่ามันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราจะต้องหารือกัน ภาระที่พวกเราแบกไว้นั้นหนักหนาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่าการมีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ นั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นข้าจะปรับและลดความถี่ของการประชุมลงให้ได้ให้มากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งเดียวที่ข้าอยากจะขอก็คือข้าอยากให้พวกเจ้าทุกตนเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความเข้มงวดที่จะมาถึงในภายภาคหน้า”
ไม่มีใครคัดค้านอะไรออกมา
วิญญาณทั้งหมดยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่าการปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของวัสดุและอุปกรณ์จำนวนมากย่อมนำไปสู่การจัดตั้งกฎข้อบังคับ หน่วยงาน และบริษัท นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเพิกเฉยหรือสรุปได้ด้วยการหารือแบบคร่าว ๆ ทุกนโยบายที่ถูกร่างออกมาจะต้องมีการพูดคุยอย่างละเอียดถี่ถ้วนและทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะสามารถนำไปปรับใช้จริงในท้ายที่สุด
แต่ถึงกระนั้น ผลประโยชน์ของการมีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้นั้นมีค่ายิ่งกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นการปูทางสำหรับการทำงานการเมืองของพวกเขาในอนาคต !
อันที่จริง พวกเขาอาจจะได้กลายเป็นผู้ว่าราชการระดับมณฑลเลยก็เป็นได้ !
“มาต่อกันสำหรับเรื่องที่สอง” ฉินเย่ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ยมโลกต้องการเสียง”
“ตอนนี้เราสามารถพูดได้แล้วว่ายมโลกกำลังเดินกลับสู่วันคืนแห่งความรุ่งโรจน์ในอดีตอีกครั้ง พวกเราจำเป็นจะต้องทำให้ประชาชนของเรารู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ความยากลำบากแบบใดที่เรากำลังประสบ…” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยต่อ “รวมไปถึงศัตรูของเรา”
“ศัตรู ?” ดวงตาของวิญญาณทั้งหมดวูบไหวขณะที่ถามออกมาเบา ๆ
ฉินเย่เหลือบไปมองอาร์ทิสเพื่อขออนุญาตเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า เด็กหนุ่มก็เอ่ยต่อ “พวกเจ้าทุกตนคงไม่ได้คิดว่าเราเป็นยมโลกเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่หรอกใช่หรือไม่ ?”
มันเป็นเพียงประโยคง่าย ๆ ทว่ามันกลับสามารถทำให้ผู้ได้ฟังต่างอ้าปากค้างอย่างหวาดกลัว บางตนถึงขนาดกับลุกขึ้นยืน
เพราะความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ประโยคดังกล่าวนั้นมันลึกล้ำยิ่ง !
พวกเขาทั้งหมดต่างมาจากยุคสมัยของการแพร่หลายทางข้อมูล และพวกเขาก็ย่อมเข้าใจความหมายที่ฉินเย่ต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี !
ผู้ที่ล้าหลังจะถูกกำจัดในทันที นี่คือบทเรียนอันเจ็บปวดที่จีนได้เรียนรู้ผ่านการเสียเลือด หยาดเหงื่อ และหยาดน้ำตา ! พวกเขาเคยเป็นหนึ่งในหมู่ประเทศมหาอำนาจในโลก แต่การบุกรุกเข้ามาของบางสิ่งบางอย่างที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างฝิ่นกลับนำไปสู่สงครามฝิ่น ซึ่งสุดท้ายแล้วนำไปสู่การล่มสลายของทั้งประเทศ และเส้นทางสู่การฟื้นฟูในปัจจุบันก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และหยาดน้ำตาจำนวนมาก ! ยมโลกเองก็ไม่ต่างกัน
“ในอีกไม่ช้านี้เราจะมีแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ที่จะมาเข้าร่วมกับกองกำลังนรกในฐานะผู้บังคับบัญชาการทหาร” ฉินเย่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงเอ่ยต่อราวกับพูดเรื่องทั่ว ๆ ไป “ชื่อของเขาคือโอดะ โนบูนางะ… ใช่ โอดะ โนบูนางะผู้นั้น พวกเราเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ช่องแคบสึชิมะเพื่อรักษาดวงวิญญาณของเขาเอาไว้”
คำพูดของเด็กหนุ่มกระตุ้นต่อมความรู้สึกของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี “มันมีทฤษฎีที่น่าสนใจทฤษฎีหนึ่งที่อาจจะสามารถนำมาปรับใช้ได้สำหรับที่นี่ โลกใต้พิภพทุกแห่งนั้นเป็นเหมือนกับนักล่าที่อาศัยอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าที่มืดมิด การดำรงอยู่ใด ๆ ที่ถูกพบว่ามีการป้องกันไม่เพียงพอจะถูกกำจัดโดยฝ่ายอื่น ๆ ทันที !”
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และสบตากับวิญญาณทั้งหมด “ยมโลกของเราเคยเป็นหนึ่งในโลกใต้พิภพที่ทรงอำนาจที่สุดของโลก แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว ! หากโลกใต้พิภพแห่งอื่น ๆ รู้ถึงสถานะของยมโลกแห่งใหม่ในตอนนี้ พวกเขาจะต้องยกกองทัพมาเพื่อท้าทายอำนาจของเราเป็นแน่ ! ตอนนี้พวกเราอาจจะยังปลอดภัย แต่ผู้ใดจะรู้ว่าความสงบนี้จะคงอยู่กับเราไปอีกนานเพียงใด ดังนั้น ยมโลกจำเป็นจะต้องพัฒนากองกำลังป้องกันของตัวเองขึ้นมาก่อนที่อันตรายที่แท้จริงจะมาถึง !”
ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
กู่ชิงอ้าปากค้าง และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ วิญญาณทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงขณะที่คำพูดของฉินเย่ค่อย ๆ สลักลงไปในใจของพวกเขา
“นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจ และข้าก็เชื่อว่าพวกเจ้าต้องการเวลาเพื่อย่อยข้อมูลทั้งหมด เพราะในไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าก็ต้องได้รู้อยู่ดี” อาร์ทิสเอ่ยขึ้น “ข้าจะนำแผนผังกองกำลังของโลกใต้พิภพแห่งอื่นมาให้เพื่อที่พวกเจ้าจะได้เข้าใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่เราจะต้องเผชิญหน้ามากขึ้น…”
ฉินเย่ขัดจังหวะอีกฝ่ายและดึงกลับเข้าเรื่อง “ดังนั้น เราจึงต้องการเวทีสำหรับการปราศรัยและการติดต่อสื่อสาร !”
เขาลุกขึ้นยืนและวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะขณะที่โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย “การกำจัดประชากรทุกตนที่ไม่พึงพอใจกับการทำงานของเราไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ถาวร ผู้ใจะเข้าร่วมกองกำลังของเราและมีส่วนร่วมในการพัฒนายมโลกหากเราจะทำการกำจัดเหล่าวิญญาณไปเรื่อย ๆ? ดังนั้น เวทีสำหรับการปราศรัยและการติดต่อสื่อสารจึงมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลาย เราไม่เพียงแต่ต้องการบอกประชาชนของเราเกี่ยวกับศัตรูที่แข็งแกร่งที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ แต่เรายังอยากเสริมสร้างความสามัคคีของทุกตนผ่านการปราศรัยสาธารณะด้วย ! นี่จะทำหน้าที่เป็นฐานกระบอกเสียงของรัฐบาลของเรา !”
“พวกเราต้องการมือและปาก นี่เป็นทางเดียวที่ยมโลกจะสามารถตามโลกใต้พิภพอื่น ๆ ที่มีประวัติศาสตร์กว่าพันปีซึ่งนำหน้าเราอยู่ทัน”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
ข่าวที่พวกเขาเพิ่งได้ยินนั้นน่าตกตะลึงเกินไป และพวกเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น จากนั้นกู่ชิงก็เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า “นายท่าน เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าในเวลานี้ โลกใต้พิภพแห่งใดที่ถือว่าทรงอำนาจมากที่สุด ?”
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบว่า “น่าจะเป็นโลกใต้พิภพของทางฝั่งยุโรป ข้ารู้มาจากพวกสหายเก่า ๆ ว่าหลังจากที่มีการจัดตั้งสมาพันธ์ยุโรปขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โลกใต้พิภพของยุโรปหลายแห่งก็ตั้งใจที่เปิดพรมแดนของตนและหลอมรวมเข้าด้วยกัน หากพวกเขาทำสำเร็จ พวกเขาจะต้องกลายเป็นโลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้มันยังรวมถึงโลกใต้พิภพของเฮดีส หนึ่งในสี่ยมโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย”
“แต่โลกใต้พิภพทุกแห่งที่ตั้งใจจะรวมตัวกันต่างก็มีประวัติศาสตร์มานานกว่าพันปีทั้งสิ้น และมันจะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเขาจะเปิดพรมแดนของตนเอง ดังนั้น มันยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหลายสิบปีกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำให้ความฝันนี้เป็นจริงได้”
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 273: เอกสารหัวสีแดงฉบับแรก (1)
บทที่ 273: เอกสารหัวสีแดงฉบับแรก (1)
ภายในโถงเสริมนั้นถือว่าเงียบมากเมื่อเทียบกับเสียงพูดคุยด้านนอก แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเย่ก็ไม่ได้ควบคุมความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เวลานี้ ประตูของโถงเสริมคือสำนักงานสูงสุดของยมโลกที่ใช้สำหรับตัดสินใจเรื่องสำคัญส่วนใหญ่ แต่สภาพของสถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นถือได้ว่ายังขาดอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่มีอุปกรณ์ในการชงชาสักถ้วยด้วยซ้ำ
เครื่องบันทึกห้าเครื่องถูกวางรออยู่ก่อนแล้วและมันก็พร้อมที่จะบันทึกเนื้อหาทั้งหมดในการประชุม ฉินเย่เอ่ยต่อ “มีอะไรหลายอย่างที่เราจะต้องจัดการ เรื่องแรก เราจะต้องแจกจ่ายสิ่งของอำนวยความสะดวกด้านสันทนาการและความบันเทิงให้เสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งเดือน ยิ่งเราทำทุกอย่างล่าช้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่คำขอบคุณของเหล่าพลเมืองจะแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ”
ทุกคนพยักหน้า ทันใดนั้นเอง สายลมรุนแรงก็พัดผ่านเข้ามาทางประตูอาร์ทิสก้าวเข้ามาในห้องและพยักหน้าให้กับฉินเย่ “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักการเรียงลำดับความสำคัญแล้ว ข้าไม่รู้สึกถึงรัศมีของเจ้าที่แดนมนุษย์ ดังนั้นจึงเลือกมาดูที่นี่แทน และปรากฏว่าเจ้าก็อยู่ที่นี่จริง ๆ ถูกต้อง มันมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่เราจะต้องรีบดำเนินการ และมันก็มีเวลาน้อยเหลือเกิน ดังนั้นเราจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ”
ฉินเย่เลิ่กคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เขาต้องประหลาดใจอยู่แล้ว… อาร์ทิสนั้นจัดได้ว่าเป็นพวกที่ขี้เกียจถึงขีดสุด ที่ผ่านมานางทำอะไรในฐานะของตุลาการนรกบ้าง ? สร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับโลกจนทำให้ตัวเองถูกส่งไปอยู่ในหุบเหวลึกมาเป็นเวลากว่าพันปี ? ทำไมจู่ ๆ นางถึงลงทุนมาตามหาเขาถึงที่นี่ ?
ไม่… หากพูดให้ถูกก็คือนางดูเหมือนจะเป็นห่วงเขามากขึ้นตั้งแต่ที่เขาได้สมุดแห่งความเป็นตายกลับมา
หรือว่านาง… จะตกหลุมรักความหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของเขา ?
บรื้อออ… ฉินเย่ตัวสั่นและรีบสลัดความคิดพวกนั้นไปขณะเอ่ยต่อ “นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือจัดตั้งระบบการเช่ายืมขึ้นมา หากใครมีความคิดเห็นอะไรก็สามารถพูดขึ้นมาได้เลย”
กู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามีข้อเสนอ เราสามารถออกแบบระบบเช่ายืมตามระบบให้ยืมหนังสือในห้องสมุดของแดนมนุษย์ได้หากเราติดป้ายให้กับสิ่งของทั้งหมดด้วยเลขทะเบียนที่ไม่ซ้ำกัน แต่เพื่อที่จะให้ระบบเช่ายืมนี้สามารถทำงานได้ เราจำเป็นจะต้องจัดการกับปัญหาหลัก ๆ สองอย่าง”
“ปัญหาแรกก็คือเรื่องบัตรประจำตัวประชาชน” เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “และอย่างที่สองก็คือการจัดตั้งระบบสกุลเงิน”
ฉินเย่พยักหน้า… สมกับที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ ฉินเย่ไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้เลยสักนิด และเขาก็นึกมันขึ้นมาได้ในตอนที่กู่ชิงเอ่ยถึงมัน ใช่แล้ว เขาสามารถใช้โอกาสนี้ในการจัดตั้งระบบระบุตัวตนและระบบสกุลเงินได้ ! นั่นจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด !
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่ก็คือเขาอยู่ในยุคสมัยใหม่ และเขาก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าตนเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของรัฐบาลมาจากแดนมนุษย์อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงการดำเนินการของมัน
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปได้รับการยอมรับจากฉินเย่ ชายสูงวัยก็เอ่ยต่อ “เราจะไม่สามารถจัดตั้งระบบเช่ายืมได้จนกว่าระบบระบุตัวตนจะถูกจัดตั้งขึ้นเสียก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครยืมอะไร ? หากสวนจี้ชั่งระยะ 1 เสร็จสมบูรณ์ เราก็สามารถปรับระบบนี้ใช้กับการลงทะเบียนครัวเรือนได้เช่นกัน แต่นั่นยังเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ นอกจากนี้… ไม่ว่าช้าก็เร็วเราก็ต้องจัดตั้งระบบระบุตัวตนอยู่แล้ว ดังนั้นจะจัดการทั้งหมดตอนนี้เลยก็ไม่เสียหายอะไร…”
“ข้าขอแทรกเล็กน้อย” อาร์ทิสที่นั่งอยู่ที่ที่ของตนเคาะโต๊ะเบา ๆ “ยมโลกมีวิธีการระบุตัวตนของมันเอง ทันทีที่พื้นที่ของเราขยายถึงระดับเมือง อสูรวิญญาณที่รู้จักกันในชื่ออสูรร้อยตาจะปรากฏตัวขึ้น มันเป็นอสูรที่ฉลาดมาก ร่างของมันเต็มไปด้วยต่อมประสาทสัมผัสที่ช่วยในการรับรู้ที่สามารถระบุและตรวจสอบตัวตนได้ นอกจากนี้มันยังสามารถเลี้ยงดูได้อีกด้วย ด้วยความช่วยเหลือของอสูรเหล่านี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกังวลเรื่องการระบุตัวตนของเหล่าวิญญาณเลยสักนิด ข้ายังจำได้ว่าในเมืองแต่ละเมืองของยมโลกแห่งเก่า… มันจะมีอสูรร้อยตาอย่างน้อยสิบกว่าตัว ดังนั้นระบบระบุตัวตนสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“อ่า เป็นเช่นนั้นเอง…” กู่ชิงพยักหน้าเบา ๆ “นั่นนับว่าเป็นข่าวดี มันจะช่วยเราลดกำลังคนได้มาก ถ้าเช่นนั้นข้าคิดว่าเราสามารถพักเรื่องนี้ไว้ก่อนได้ส่วนเรื่องการจัดตั้งระบบสกุลเงิน… ท่านอรากษส ท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าที่ยมโลกแห่งเก่าจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ?”
อาร์ทิสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ที่ยมโลกแห่งเก่าใช้สกุลเงินกระดาษ เจ้าจะเรียกว่ามันคือธนบัตรนรกก็ได้ ทั้งหมดจะถูกพิมพ์โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายการเงินของยมโลก หัวหน้าของฝ่ายการเงินตนก่อนอยู่ขั้นฝู่จวิน เขาเป็นชายผู้ซึ่งแข่งขันกับฉินกวงหวางสำหรับตำแหน่งพระยมถึงสามครั้ง เท่าที่ข้ารู้ เขามักจะทิ้งร่องรอยของพลังหยินของตัวเองลงไปในธนบัตรนรกทุกฉบับที่ได้รับการผลิตเพื่อรับรองว่าธนบัตรนั้นเป็นของจริง”
“การทำรอยประทับนี้ค่อนข้างคล้ายกับลายน้ำพิเศษที่อยู่ในธนบัตรของแดนมนุษย์ ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะสามารถรู้ได้ว่าธนบัตรที่เจ้าใช้นั้นเป็นของจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราในตอนนี้ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการใช้ประโยชน์จากหินวิญญาณ แต่ถึงกระนั้น เราจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเราหาเหมืองหินวิญญาณที่อยู่ที่นี่เจอ หินวิญญาณที่ว่านี่คือหนึ่งในสกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในโลกใต้พิภพทั้งหมด”
แสดงว่ามันไม่มีทางเลือกใดที่พวกเขาสามารถใช้ได้เลยในตอนนี้… กู่ชิงขมวดคิ้วยุ่ง แต่ทันใดนั้นฉินเย่ก็ยิ้มออกมา “ที่จริง มันไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยแม้แต่น้อย”
โดยไม่เว้นช่องว่าง เขาอธิบายต่อ “มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่ครอบครองเครื่องพิมพ์ วิญญาณตนอื่นจะสามารถทำธนบัตรปลอมขึ้นมาได้อย่างไร ? สิ่งเดียวที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือกำหนดจำนวนเงินในระบบเพื่อที่มันจะได้ไม่น้อยหรือมากจนเกินไปเท่านั้น หวงเลี่ยงชวน”
ชายสูงวัยประหลาดใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ฉินเย่ก็เรียกชื่อตน “ท่านฉินต้องการจะรับสั่งอะไรข้าเช่นนั้นหรือ ?”
ฉินเย่เลื่อนสายตาออกไปมองท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป “การเตรียมการสำหรับระบบสกุลเงินไปถึงไหนแล้ว ?”
“ข้ากำลังจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านได้ทราบอยู่พอดี” หวงเลี่ยงชวนหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมา เขาเปิดมัน เผยให้เห็นแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนมากมาย “จากคำสั่งสุดท้ายของท่านในครั้งที่แล้ว สิ่งแรกที่ข้าทำก็คือหาผู้มีความสามารถมาเพื่อรวมกลุ่มงานหลัก ในตอนนี้เรามีฝ่ายศิลป์สิบกว่าตน ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์ในการตีพิมพ์หรือผลิตเงินตรามาก่อน และยังมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์อีกสี่ตน พวกเราได้ช่วยกันวางแผนเกี่ยวกับการดำเนินการของระบบสกุลเงินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้น… มันก็ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอื่น ๆ ที่ยังคงต้องรอการใช้งานและการแก้ไขกันที่หน้างานอีกที”
เขากระแอมออกมาเบาๆ “เพราะสุดท้ายแล้ว… นี่ก็เป็นครั้งแรกของพวกเราที่ต้องมาจัดการระบบสกุลเงินตั้งแต่แรกเริ่มแบบนี้…”
“ทำไมเราถึงต้องการฝ่ายศิลป์มากมายขนาดนั้น ?” หนึ่งในหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินถามอย่างไม่เข้าใจ
ฉินเย่แย้มยิ้ม “แน่นอน มันจำเป็นที่จะต้องรวบรวมฝ่ายศิลป์เพื่อออกแบบแม่พิมพ์ที่จะใช้ในการผลิตธนบัตรนรก เจ้ามีตัวอย่างหรือไม่ ?”
“ท่านอยากจะดูเลยหรือไม่ ?” ชายสูงวัยรีบพลิกหน้ากระดาษ “พวกเราใช้ภาพของท่านเป็นแบบ…”
หะ ? เจ้าว่าอย่างไรนะ ?
ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้น ใครจะไปนึกว่าจู่ ๆ ภาพของเขาจะถูกใช้เป็นลายบนธนบัตร ! นี่มันเป็นเกียรติมากจริง ๆ…
แค่มอบเพียวแวบเดียว อาร์ทิสสามารถบอกได้ทันทีว่าภายในหัวของเด็กหนุ่มกำลังมีความคิดแบบไหนอยู่ นางจึงเอ่ยแทรกขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเราสามารถยืนยันรายละเอียดพวกนี้ได้ในอนาคต ธนบัตรของยมโลกจะต้องถูกผลิตขึ้นมาในหลากหลายสกุลเงิน ข้าจะกลับไปที่ยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำรูปของจ้าวนรกองค์แรกและองค์ที่สองมาให้เจ้า พวกเราไม่ควรจะเมินเฉยต่อความสำเร็จของรุ่นก่อน ๆ เอาล่ะ พวกเรานอกเรื่องไปมากแล้ว กลับมาพูดถึงประเด็นหลักเสียที เหล่ากู่ ท่านมีข้อสงสัยหรือสิ่งที่อย่างจะเสนออีกหรือไม่ ?”
นี่เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาล การผิดพลาดเพียงนิดเดียวสามารถส่งผลกับชีวิตของประชาชนได้ และการปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็อาจกินเวลายืดยาวไปอย่างไม่มีกำหนด
“สำหรับตอนนี้ข้ามีเพียงเท่านั้น” กู่ชิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ข้าอยากจะเสนอให้เราชะลอการพัฒนาลงได้หรือไม่ ? ทั้งหมดนี้คือปัญหาระดับชาติที่สามารถแตกแยกย่อยออกไปได้ และเราะก็ควรคิดทบทวนให้ดีเพื่อที่จะระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นอกจากนี้ พวกเรายังต้องจัดตั้งระบบเช่ายืมขึ้นมาในเวลาเดียวกันกับที่ระบบสกุลเงินถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วย การดำเนินทั้งสองอย่างร่วมกันน่าจะทำให้การขนส่งราบรื่นมากยิ่งขึ้น”
เครื่องบันทึกเสียงทั้งห้าทำหน้าที่บันทึกเนื้อหาการประชุมอย่างละเอียด ฉินเย่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นหัวข้อแรกของเราก็เป็นอันสรุปตามนั้น อีกสองสามวันเราจะมาประชุมกันอีกครั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดที่ลงลึกมากขึ้น”
เขายิ้ม “ทุกท่าน ข้าเชื่อว่ามันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราจะต้องหารือกัน ภาระที่พวกเราแบกไว้นั้นหนักหนาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่าการมีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ นั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นข้าจะปรับและลดความถี่ของการประชุมลงให้ได้ให้มากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งเดียวที่ข้าอยากจะขอก็คือข้าอยากให้พวกเจ้าทุกตนเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความเข้มงวดที่จะมาถึงในภายภาคหน้า”
ไม่มีใครคัดค้านอะไรออกมา
วิญญาณทั้งหมดยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่าการปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของวัสดุและอุปกรณ์จำนวนมากย่อมนำไปสู่การจัดตั้งกฎข้อบังคับ หน่วยงาน และบริษัท นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเพิกเฉยหรือสรุปได้ด้วยการหารือแบบคร่าว ๆ ทุกนโยบายที่ถูกร่างออกมาจะต้องมีการพูดคุยอย่างละเอียดถี่ถ้วนและทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะสามารถนำไปปรับใช้จริงในท้ายที่สุด
แต่ถึงกระนั้น ผลประโยชน์ของการมีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้นั้นมีค่ายิ่งกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นการปูทางสำหรับการทำงานการเมืองของพวกเขาในอนาคต !
อันที่จริง พวกเขาอาจจะได้กลายเป็นผู้ว่าราชการระดับมณฑลเลยก็เป็นได้ !
“มาต่อกันสำหรับเรื่องที่สอง” ฉินเย่ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ยมโลกต้องการเสียง”
“ตอนนี้เราสามารถพูดได้แล้วว่ายมโลกกำลังเดินกลับสู่วันคืนแห่งความรุ่งโรจน์ในอดีตอีกครั้ง พวกเราจำเป็นจะต้องทำให้ประชาชนของเรารู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ความยากลำบากแบบใดที่เรากำลังประสบ…” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยต่อ “รวมไปถึงศัตรูของเรา”
“ศัตรู ?” ดวงตาของวิญญาณทั้งหมดวูบไหวขณะที่ถามออกมาเบา ๆ
ฉินเย่เหลือบไปมองอาร์ทิสเพื่อขออนุญาตเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้า เด็กหนุ่มก็เอ่ยต่อ “พวกเจ้าทุกตนคงไม่ได้คิดว่าเราเป็นยมโลกเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่หรอกใช่หรือไม่ ?”
มันเป็นเพียงประโยคง่าย ๆ ทว่ามันกลับสามารถทำให้ผู้ได้ฟังต่างอ้าปากค้างอย่างหวาดกลัว บางตนถึงขนาดกับลุกขึ้นยืน
เพราะความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ประโยคดังกล่าวนั้นมันลึกล้ำยิ่ง !
พวกเขาทั้งหมดต่างมาจากยุคสมัยของการแพร่หลายทางข้อมูล และพวกเขาก็ย่อมเข้าใจความหมายที่ฉินเย่ต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี !
ผู้ที่ล้าหลังจะถูกกำจัดในทันที นี่คือบทเรียนอันเจ็บปวดที่จีนได้เรียนรู้ผ่านการเสียเลือด หยาดเหงื่อ และหยาดน้ำตา ! พวกเขาเคยเป็นหนึ่งในหมู่ประเทศมหาอำนาจในโลก แต่การบุกรุกเข้ามาของบางสิ่งบางอย่างที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างฝิ่นกลับนำไปสู่สงครามฝิ่น ซึ่งสุดท้ายแล้วนำไปสู่การล่มสลายของทั้งประเทศ และเส้นทางสู่การฟื้นฟูในปัจจุบันก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และหยาดน้ำตาจำนวนมาก ! ยมโลกเองก็ไม่ต่างกัน
“ในอีกไม่ช้านี้เราจะมีแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ที่จะมาเข้าร่วมกับกองกำลังนรกในฐานะผู้บังคับบัญชาการทหาร” ฉินเย่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงเอ่ยต่อราวกับพูดเรื่องทั่ว ๆ ไป “ชื่อของเขาคือโอดะ โนบูนางะ… ใช่ โอดะ โนบูนางะผู้นั้น พวกเราเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ช่องแคบสึชิมะเพื่อรักษาดวงวิญญาณของเขาเอาไว้”
คำพูดของเด็กหนุ่มกระตุ้นต่อมความรู้สึกของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี “มันมีทฤษฎีที่น่าสนใจทฤษฎีหนึ่งที่อาจจะสามารถนำมาปรับใช้ได้สำหรับที่นี่ โลกใต้พิภพทุกแห่งนั้นเป็นเหมือนกับนักล่าที่อาศัยอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของป่าที่มืดมิด การดำรงอยู่ใด ๆ ที่ถูกพบว่ามีการป้องกันไม่เพียงพอจะถูกกำจัดโดยฝ่ายอื่น ๆ ทันที !”
เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และสบตากับวิญญาณทั้งหมด “ยมโลกของเราเคยเป็นหนึ่งในโลกใต้พิภพที่ทรงอำนาจที่สุดของโลก แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว ! หากโลกใต้พิภพแห่งอื่น ๆ รู้ถึงสถานะของยมโลกแห่งใหม่ในตอนนี้ พวกเขาจะต้องยกกองทัพมาเพื่อท้าทายอำนาจของเราเป็นแน่ ! ตอนนี้พวกเราอาจจะยังปลอดภัย แต่ผู้ใดจะรู้ว่าความสงบนี้จะคงอยู่กับเราไปอีกนานเพียงใด ดังนั้น ยมโลกจำเป็นจะต้องพัฒนากองกำลังป้องกันของตัวเองขึ้นมาก่อนที่อันตรายที่แท้จริงจะมาถึง !”
ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
กู่ชิงอ้าปากค้าง และดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ วิญญาณทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงขณะที่คำพูดของฉินเย่ค่อย ๆ สลักลงไปในใจของพวกเขา
“นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจ และข้าก็เชื่อว่าพวกเจ้าต้องการเวลาเพื่อย่อยข้อมูลทั้งหมด เพราะในไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าก็ต้องได้รู้อยู่ดี” อาร์ทิสเอ่ยขึ้น “ข้าจะนำแผนผังกองกำลังของโลกใต้พิภพแห่งอื่นมาให้เพื่อที่พวกเจ้าจะได้เข้าใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่เราจะต้องเผชิญหน้ามากขึ้น…”
ฉินเย่ขัดจังหวะอีกฝ่ายและดึงกลับเข้าเรื่อง “ดังนั้น เราจึงต้องการเวทีสำหรับการปราศรัยและการติดต่อสื่อสาร !”
เขาลุกขึ้นยืนและวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะขณะที่โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย “การกำจัดประชากรทุกตนที่ไม่พึงพอใจกับการทำงานของเราไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหาที่ถาวร ผู้ใจะเข้าร่วมกองกำลังของเราและมีส่วนร่วมในการพัฒนายมโลกหากเราจะทำการกำจัดเหล่าวิญญาณไปเรื่อย ๆ? ดังนั้น เวทีสำหรับการปราศรัยและการติดต่อสื่อสารจึงมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลาย เราไม่เพียงแต่ต้องการบอกประชาชนของเราเกี่ยวกับศัตรูที่แข็งแกร่งที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ แต่เรายังอยากเสริมสร้างความสามัคคีของทุกตนผ่านการปราศรัยสาธารณะด้วย ! นี่จะทำหน้าที่เป็นฐานกระบอกเสียงของรัฐบาลของเรา !”
“พวกเราต้องการมือและปาก นี่เป็นทางเดียวที่ยมโลกจะสามารถตามโลกใต้พิภพอื่น ๆ ที่มีประวัติศาสตร์กว่าพันปีซึ่งนำหน้าเราอยู่ทัน”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
ข่าวที่พวกเขาเพิ่งได้ยินนั้นน่าตกตะลึงเกินไป และพวกเขาก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น จากนั้นกู่ชิงก็เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า “นายท่าน เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าในเวลานี้ โลกใต้พิภพแห่งใดที่ถือว่าทรงอำนาจมากที่สุด ?”
อาร์ทิสที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบว่า “น่าจะเป็นโลกใต้พิภพของทางฝั่งยุโรป ข้ารู้มาจากพวกสหายเก่า ๆ ว่าหลังจากที่มีการจัดตั้งสมาพันธ์ยุโรปขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โลกใต้พิภพของยุโรปหลายแห่งก็ตั้งใจที่เปิดพรมแดนของตนและหลอมรวมเข้าด้วยกัน หากพวกเขาทำสำเร็จ พวกเขาจะต้องกลายเป็นโลกใต้พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้มันยังรวมถึงโลกใต้พิภพของเฮดีส หนึ่งในสี่ยมโลกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย”
“แต่โลกใต้พิภพทุกแห่งที่ตั้งใจจะรวมตัวกันต่างก็มีประวัติศาสตร์มานานกว่าพันปีทั้งสิ้น และมันจะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเขาจะเปิดพรมแดนของตนเอง ดังนั้น มันยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหลายสิบปีกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำให้ความฝันนี้เป็นจริงได้”
Comments