ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 292: ความวุ่นวาย (3)

Now you are reading ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] Chapter 292: ความวุ่นวาย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292: ความวุ่นวาย (3)

หัวใจของฉินเย่กระตุกด้วยความหวาดกลัว “สะ สะ สมุดแห่งความเป็นตายมีความรู้สึกอย่างนั้นหรือ ?! เหมือนกับหมิงชีหยินน่ะหรือ ?!”

ว่าที่จ้าวนรกขมิบก้นของตัวเองแน่นด้วยความกลัว และนั่นก็ทำให้ตุลาการนรกรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กี่นาทีต่อมานางก็กลอกตาและเอ่ยว่า “ก็ไม่เชิง”

ฉินเย่กระแอมออกมาด้วยความกระดากอายก่อนจะหันไปมองเหล่าประชากรและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า “นั่นเป็นการสรุปสำหรับเรื่องแรก ต่อไป ข้าจะประกาศเรื่องที่สอง ในอีกหนึ่งเดือน ในพิธีอัญเชิญสมุดแห่งความเป็นตาย เราจะจัดตั้งกองกำลังกลุ่มแรกของยมโลกซึ่งมีชื่อว่ากองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลกขึ้น และผู้นำของกองกำลังทั้งหมดก็คือโอดะโนบูนางะ ปรบมือต้อนรับเขาด้วย”

น่าเสียดาย แต่มันกลับไม่มีเสียงปรบมือดังขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

วิญญาณทั้งหมดเริ่มมองหน้ากันและกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พวกเขารู้ดีว่าโอดะโนบูนางะเป็นใคร แต่พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของกองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลก !

บรรยากาศโดยรอบเกิดความอึดอัดขึ้นทันที

แต่ถึงกระนั้น โนบูนางะก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด เขาเพียงเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของฉินเย่และโค้งคำนับวิญญาณทั้งหมดก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาด้วยความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม “ข้ามีนามว่าโอดะโนบูนางะ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณ”

แปะ แปะ แปะ… ซูตงเซวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเริ่มปรมมือ และเสียงปรบมือจากผู้คนก็เริ่มดังตามมาในเวลาไม่นาน แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามให้พวกเขาเงียบเสียงลง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะสับสนเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ เพราะการล่มสลายของยมโลกแห่งเก่า เหล่าแม่ทัพผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์จีนทั้งหมดจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์แล้ว นอกจากนี้ ยมโลกในตอนนี้ก็สามารถรับได้เฉพาะวิญญาณที่อยู่ภายในเมืองเป่าอันเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเราไม่สามารถหาตัวแม่ทัพที่แข็งแกร่งในเวลานี้ได้”

จากนั้นเสียงของเขาก็เข้มขึ้น และเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “ภายในสิ้นปีนี้ อดีตข้าราชการศักดินาจำนวนหนึ่งจะเดินทางมายังยมโลก แต่มันไม่ควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองหรือมิตรภาพแต่อย่างใด โลกของโลกใต้พิภพไม่มีพื้นที่สำหรับมิตรภาพ สิ่งเดียวที่โลกใต้พิภพทุกแห่งพูดถึงก็คือความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ หากข้าราชการศักดินาพวกนี้เห็นว่ายมโลกแห่งใหม่นั้นอ่อนแอ ไร้อำนาจ และยังปราศจากกองกำลังภายในสิ้นปีนี้ พวกเจ้าก็คงพอจะเดาได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา”

เงียบ

ข่าวที่น่าตกใจที่ฉินเย่ได้เอ่ยออกมาทำให้ประชาชนทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความกตะลึงและมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

ยมโลก… ไม่ใช่โลกใต้พิภพเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ ?

ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมารจากสงคราม… อาจเป็นภัยต่อยมโลก ?

“พวกเขา… จะบุกมารุกรานเราหรือไม่ ?” หนึ่งในพลเมืองที่ยืนอยู่หน้าสุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือไปด้วยความตกใจ หลังจากได้ประสบกับความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองในจีนมาตลอดหลายสิบปี ข่าวที่เพิ่งได้ยินเป็นเหมือนการปลุกพวกเขาให้ตื่นกลับมาสู่ความจริงอย่างรุนแรง

“แน่นอนที่สุด” ครั้งนี้เป็นโนบูนางะเองที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ “ความตายใจทำให้แม้แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดต้องล่มสลาย นั่นรวมถึงราชวงศ์ฉิงที่เคยมีอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็ตาม พวกเขาคงจะคิดว่าตนเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมาก และแผ่นดินจีนจะไม่ยอมให้มีการรุกรานจากต่างชาติเป็นอันขาด”

ฉินเย่เอ่ยต่อจากที่โนบูนางะค้างไว้ “ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใดกล้ามารุกราน ! ไม่มีใครสามารถไว้ใจใครได้ ! เราต้องจับตาดูพวกเขาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ! เพราะอย่างไรแล้ว มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องแผ่นดินของตัวเองได้ !”

“พวกเราไม่มีแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงชายแดนญี่ปุ่นเพื่อหาไดเมียวผู้ที่เต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อเรา เราไม่มีกองทัพ ดังนั้นเราถึงต้องไปนำมรดกจากยมโลกแห่งเก่าเพื่อหาทางแก้ไข เราทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อที่เราจะสามารถพูดกับโลกใต้พิภพอื่น ๆ ได้อย่างภาคภูมิ ! เราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ถูกดูถูกโดยโลกใต้พิภพอื่น ๆ! ทีนี้ ลองบอกข้าที มีผู้ใดยังไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก ?!”

เงียบ

ไม่กี่วินาทีต่อมา…

“ไม่ !”

“ไม่เลย !!”

“พวกเราจะต้องสนับสนุนมันอย่างแน่นอน !”

“พวกเราจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ ! ท่านจ้าวนรกทรงตรัสถูกแล้ว ! ชาติที่ไม่มีกองกำลังไม่ถือว่าเป็นชาติ เหมือนดั่งเช่นที่แผ่นดินจีนเฉิดฉายในแดนมนุษย์ ยมโลกก็จะด้อยกว่ากันไม่ได้ !”

เสียงโห่ร้องดังสนั่นขึ้น อาร์ทิสมองฉินเย่อย่างสุขุม ผู้ที่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามและการทะเลาะวิวาทย่อมมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ วิธีการของฉินเย่อาจจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่เคยทำอะไรพลาดเลยเมื่อเป็นเรื่องพวกนี้

ความเจ็บปวดและความทรมานจากเมื่อหลายสิบปีก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ที่ต้องเริ่มทุกอย่างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นไม่มีทางลืมภาพที่ถูกสลักอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจของพวกเขาได้ ในเสี้ยววินาทีนั้น ประชากรมากมายที่หัวใจของพวกเขาถูกกระตุ้นโดยคำพูดของฉินเย่ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เกณฑ์เข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก

ฉินเย่รู้ว่าเขาได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเท่านั้นมันยังไม่เพียงพอ

สงครามย่อมนำไปสู่ความตายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็ไม่มีใครอยากจะตาย ‘เพื่อประโยชน์ส่วนรวม’ นั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะชักจูงให้ทุกคนสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อสิ่งนั้น เขาต้องการมากกว่านี้

“เงียบ” เขาข่มความรู้สึกมากมายภายในใจและเอ่ยต่อ “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อที่ยมโลกจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับโลกใต้พิภพ กองกำลังและวิญญาณอื่น ๆ กองกำลังของเราจะไม่เพียงแต่แสดงอำนาจและการป้องกันเท่านั้น การเสียสละนั้นเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ข้าจะขอให้คำมั่นเลยว่าจะให้เกียรติกับผู้ที่เต็มใจกับการเสียสละในครั้งนี้ ! ประการแรก ในวันที่กองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลกถูกจัดตั้งขึ้น ข้าจะสั่งให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นตรงหน้าของประตูนรกซึ่งชื่อของเหล่าทหารวิญญาณทุกตนที่ถูกสังหารในหน้าที่จะถูกสลักเอาไว้ นี่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะคงอยู่ตลอดกาลของเจ้า ! ไม่ว่าในอนาคตยมโลกจะขยายใหญ่มากเพียงใด แต่อนุสาวรีย์ผู้พลีชีพก็จะคงอยู่ที่ตรงหน้าประตูนรกตลอดไป !”

ฉินเย่คิดที่จะรักษาเกียรติให้กับเหล่านักรบและทหาร ! ทำให้การที่เข้าร่วมกองทัพคือกลายเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ ! แดนมนุษย์เองก็ทำสิ่งที่คล้ายกันนี้ แต่ฉินเย่รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างไรแล้ว มีเจ้าหน้าที่ต่อต้านยาเสพติดที่ตั้งกี่คนที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างเงียบ ๆ ในหน้าที่ในแต่ละปี ? การทำงานของพวกเขาควรได้รับการยกย่อง !

แดนมนุษย์ได้พลาดที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรทัดฐานทางอุดมการณ์ในช่วงต้นของการปฏิรูป น่าเสียดายที่กว่าที่พวกเขาจะตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองมันก็สายไปเสียแล้ว ยมโลกถูกสร้างเลียนแบบมาจากความพยายามในการปฏิรูปจีน แต่… พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเดินในเส้นทางเดียวกัน

ฉินเย่รู้ถึงโศกนาฏกรรมของระบบทุนนิยมเป็นอย่างดี เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ได้ประสบกับการปฏิรูปและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาอย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ได้เห็นวันที่สังคมเมินเฉยต่อชายชราที่ล้มลงกับพื้นมาด้วยตาของตัวเอง

“ประการที่สอง ทหารทุกตนจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าอยู่ในสวนจี้ชั่งระยะ 1 และหากพวกเขาต้องตายในหน้าที่ ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาจะถูกเก็บไว้เพื่อลูกหลายของพวกเขาสืบไป สุดท้าย สิ่งอำนาจความสะดวกในด้านการบันเทิงและสันทนาการทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกองทัพก่อนเป็นอันดับแรก !”

เงียบ

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที มือจำนวนมากก็ชูขึ้นกลางอากาศ

“ข้าขอสมัคร !”

“ชีวิตของข้าเป็นของผะ… ยมโลก !!”

“ขอสมัครเข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก !”

“มีข้อจำกัดทางอายุหรือไม่ ?”

“พวกเราต้องมีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนหรือไม่ ?”

มูลค่าของสิ่ง ๆ หนึ่งจะต้องถูกนำเสนอโดยเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทราบมูลค่า นี่คือทางเดียวที่จะสามารถถ่ายทอดมูลค่าของมันให้กับพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะไม่รู้ถึงมูลค่าของเพชรด้วยซ้ำแม้ว่ามันถูกนำมาเสนอตรงหน้าก็ตาม

สำหรับเหล่าประชากรทั้งหมด พวกเขาได้ล่องลอยไปมาตลอดเกือบหนึ่งปี และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับความบันเทิงและสันทนาการก็ไม่ต่างอะไรกับของที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาให้

นอกจากนี้ สำหรับพวกที่ได้นอนอยู่ภายใต้ดวงดาวและเผชิญหน้ากับสภาพอากาศมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี บ้านคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเขา !

“เงียบ !” เสียงของฉินเย่ดังก้องไปทั่ว “ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะสมัครให้ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ตรวจสอบอดีตกรรมของซูตงเซวี่ยภายในระยะเวลาสองอาทิตย์เพื่อที่จะส่งใบสมัคร ทีนี้ เราจะพูดถึงเรื่องที่สาม”

“นี่จะเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งอุตสาหกรรมสื่อแห่งยมโลก”

เขากระแอมออกมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าประชากรทุกตนที่นี่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปและกำลังทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มันยังมีเรื่องของการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ด้วย หากเราสามารถเจรจาต่อรองกับข้าราชการศักดินาตนอื่น ๆ สำเร็จ มันก็อาจจะนำไปสู่การเปิดพรมแดนและการออกวีซ่าสำหรับนักข่าวต่างประเทศ แบบนั้น พวกเจ้าก็จะสามารถรับรู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเรากำลังอยู่ได้มากขึ้น โลกใต้พิภพอื่น ๆ เป็นอย่างไร เหตุใดเราถึงต้องจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก และภัยคุกคามใดที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่”

หลังจากพูดไปประมาณ 40 นาที ในที่สุดเขาก็สรุปหัวข้อสุดท้ายด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“สุดท้าย ข้าจะทำการตั้งกล่องเสนอความคิดเห็นขึ้นสิบกล่อง” เขาเอ่ยไปทั้ง ๆ เสียงที่แหบพร่า “ใครก็ตามที่มีคำแนะนำสามารถนำมาหย่อนลงในกล่องพวกนี้ได้ ทางเราจะเก็บมันทุก ๆ วันจันทร์และข้าจะตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม จงพึงระลึกไว้ว่าให้ใส่มาเฉพาะคำแนะนำเท่านั้น ไม่ใช่คำร้องเรียน ! ผู้กระทำผิดทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง”

เห้อ~… ในที่สุดก็จบ เขาคลึงขมับของตนเองอย่างเหนื่อยอ่อน เขาได้ให้ข้อมูลกับประชาชนไปมากพอที่จะให้ครุ่นคิดไปอีกหลายสัปดาห์ และมันก็ควรที่จะจบการประกาศลงตรงนี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือ “นี่คือทั้งหมดของการประชุมในวันนี้ พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ บริษัทก่อสร้างหยินต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ยมโลกจะไม่มีทางลืมผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อความพัฒนาของมัน”

สิ้นสุดเสียงพูด พลเมืองทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแยกออกไปเป็นกลุ่มสามถึงห้าตน พูดคุยเกี่ยวกับคำประกาศที่ตนเพิ่งได้ยินด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทั้งหมดสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ยมโลกกำลังก้าวไปสู่ช่วงเวลาการพัฒนาอย่างพุ่งทะยาน วันเวลาแห่งความเงียบและความน่าเบื่อได้สิ้นสุดลงแล้ว และไม้ฮวงหัวลี่ล็อตแรกก็ได้เปิดความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขตให้กับยมโลก !

มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวในเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากไม่มีอะไรเลย ?

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่มีวันสูญสิ้น แล้วยมโลกก็จะไม่พังพินาศตลอดไป ที่สำคัญที่สุด ประชากรนรกได้เริ่มมองเห็นแล้วว่าความหวังของพวกเขามีอยู่จริง ! พวกเขาได้รับความมั่นใจแล้วว่ามีคนสนับสนุนพวกเขาอยู่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม

“ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าได้ประกาศไปก่อนหน้านี้อย่างละเอียด” หวงเลี่ยงชวน กู่ชิงและหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินยังคงยืนอยู่กับที่ของตน ฉินเย่คลึงขมับของตัวเองเบา ๆ “หลังจากนี้เราจะมีการจัดประชุมเกี่ยวกับแผนการตลอดห้าปีสำหรับยมโลกขึ้น บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมการประชุมนี้”

กู่ชิงถามอย่างเป็นกังวล “นายท่าน เรายังมีโครงการอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าคิดว่าสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญตอนนี้ก็คือการลงมือปฏิบัติจริง สุนทรพจน์ที่ท่านได้พูดไปก่อนหน้านี้ยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อเราลงลึกถึงรายละเอียด มันดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมา เขาเดินนำคนทั้งหมดกลับเข้าไปในโถงเสริม นั่งลงบนเก้าอี้และเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าเองก็คิดถึงเรื่องนั้นเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราในตอนนี้ก็คือให้เวลาซูตงเซวี่ยในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา นอกจากนี้…”

เขายืดหลังตรงอีกครั้งและมองทุกคนที่อยู่โดยรอบด้วยสายตานิ่งสงบ “การประชุมที่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะมีเฉพาะบุคลากรที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของเราในตอนนี้เท่านั้น”

ไม่มีใครในที่นี้เป็นคนโง่ และพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่าการประชุมอย่างแน่นอน หูเฟิงจึงถามขึ้นมาว่า “ท่านกำลังจะบอกว่า… มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ ?”

“สำคัญกว่าวันนี้” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ประกายสังหารวาววาบขึ้นมาในแววตาของเขา “พวกเจ้าคิดว่าทุกอย่างที่ช้าพูดในวันนี้มันเพียงเพื่อที่จะจุดประกายความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นให้กับประชากรของข้าเท่านั้นหรืออย่างไร ?”

โดยไม่เว้นช่วง เขาเอ่ยต่อ “ไม่ ! ความจริงของเรื่องนี้ก็คือข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจำนวนข้าราชการศักดินาที่จะเดินทางมาในปลายปีนี้มีจำนวนเท่าใดกันแน่ แขกเหล่านี้ถือว่าเป็นคน ‘ของเรา’ เองและเราก็ไม่สามารถปกปิดความจริงเกี่ยวกับยมโลกจากพวกเขาได้ แต่… หากยมโลกไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้เร็วพอ พวกเขาจะต้องมองเราไม่ต่างอะไรกับชิ้นเนื้ออย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น… คน ‘ของเรา’ ก็อาจจะกลายเป็นใบมีดที่แทงเข้ามาในใจของเราแน่ ๆ”

เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มันไม่มีพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างชาติ สิ่งเดียวที่มีค่าคือผลประโยชน์ร่วมกัน ในเมื่อเราไม่สามารถรักษาพวกเขาเอาไว้ได้ เราก็ควรจะปล่อยพวกเขาไปพร้อมกับเงื่อนไขที่เป็นมิตร แต่เชื่อข้าเถอะ วันหนึ่งพวกเราจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่ายมโลกยังคงเป็นบ้านเกิดของพวกเขา !”

“และมันก็เป็นเพราะแรงกดดันจากคน ‘ของเรา’ เองที่ทำให้โนบูนางะและข้าเดินทางกลับไปยังยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำของบางอย่างกลับมา” ฉินเย่โบกมือและกองถุงเอกภพจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ “ถุงเหล่านี้มีมรดกที่สำคัญที่สุดของยมโลกแห่งเก่าเอาไว้ พวกเจ้าสามารถแบ่งงานประจำของตัวเองให้คนอื่นรับผิดชอบได้ แต่การจัดการเรื่องมรดกของยมโลกคือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องทำมันด้วยตัวเอง ! พวกเราจะให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด !”

“โชคดีที่ช่วงนี้ทางสำนักฝึกตนแห่งแรกยังอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ข้าจึงสามารถแบ่งเบาภาระงานจากพวกเจ้าได้บ้าง นอกจากนี้ มันไม่มีอะไรเร่งด่วนไปกว่าการตรวจดูมรดกเก่าจากยมโลกและการหาชุดเกราะและอาวุธที่เหมาะสมที่สุดให้กองทัพของเราอีกแล้ว”

“เพราะอย่างไร…” เสียงของฉินเย่ทุ้มลง “มันก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงหกเดือนเท่านั้นจนกว่าจะถึงปลายปี…”

ทุกอย่างล้วนมีลำดับความสำคัญของตัวเอง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องทำก็คือการทำให้โนบูนางะสามารถฝึกฝนกองกำลังชั้นยอดสำหรับการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ให้ได้ !

ความแข็งเร่งและอำนาจนั้นมาจากกระบอกปืน

“รับทราบ” คนทั้งหมดตอบรับอย่างจริงจัง พวกเขาทั้งหมดล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาของยมโลก และพวกเขาก็ไม่มีทางทรยศต่อยมโลกเป็นอันขาด กู่ชิงพึมพำ “ถ้าเช่นนั้น เราก็เริ่มตรวจดูสิ่งของทั้งหมดกันเลยเถอะ ท่านฉิน พวกเราควรจะเริ่มกันจุดใดดี ?”

“เริ่มจากนี่” ฉินเย่หยิบถุงเอกภพถุงหนึ่งมาและเปิดมันออก หากพูดกันตามจริง นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ยมโลกแห่งเก่าแล้ว

พลังหยินของเขาไหลเข้าสู่ถุง และมันก็เปิดออก จากนั้น… แผนที่ขนานเล็กหนึ่งนิ้วก็ลอยออกมาก่อนจะขยายตัวต่อหน้าของคนทั้งหมด ภายในเวลาไม่กี่วินาที มันกลายเป็นแผนที่ซึ่งมีขนาดสิบคูณสามเมตร ! ไม่น่าเชื่อ !

มันเป็นแผนที่ของทวีปทางตอนตะวันออกซึ่งถูกระบายด้วยสีและทำเครื่องหมายเอาไว้จนทั่ว ดวงตาของโนบูนางะเปล่งประกายขึ้น จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งคนของตน “มุไรคุง รีบไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด ผู้ใดก็ตามที่ขัดคำสั่งสังหารทันที !”

“รับทราบ !”

มุไรซาดาคัตสึจากไปทันทีและเหล่าคนที่เหลือก็เริ่มศึกษาแผนที่ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดเริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นรายชื่อที่ตนคุ้นเคยถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่ !

มันคือรายชื่อของเหล่าข้าราชการศักดินา !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 292: ความวุ่นวาย (3)

Now you are reading ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] Chapter 292: ความวุ่นวาย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292: ความวุ่นวาย (3)

หัวใจของฉินเย่กระตุกด้วยความหวาดกลัว “สะ สะ สมุดแห่งความเป็นตายมีความรู้สึกอย่างนั้นหรือ ?! เหมือนกับหมิงชีหยินน่ะหรือ ?!”

ว่าที่จ้าวนรกขมิบก้นของตัวเองแน่นด้วยความกลัว และนั่นก็ทำให้ตุลาการนรกรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กี่นาทีต่อมานางก็กลอกตาและเอ่ยว่า “ก็ไม่เชิง”

ฉินเย่กระแอมออกมาด้วยความกระดากอายก่อนจะหันไปมองเหล่าประชากรและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า “นั่นเป็นการสรุปสำหรับเรื่องแรก ต่อไป ข้าจะประกาศเรื่องที่สอง ในอีกหนึ่งเดือน ในพิธีอัญเชิญสมุดแห่งความเป็นตาย เราจะจัดตั้งกองกำลังกลุ่มแรกของยมโลกซึ่งมีชื่อว่ากองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลกขึ้น และผู้นำของกองกำลังทั้งหมดก็คือโอดะโนบูนางะ ปรบมือต้อนรับเขาด้วย”

น่าเสียดาย แต่มันกลับไม่มีเสียงปรบมือดังขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

วิญญาณทั้งหมดเริ่มมองหน้ากันและกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พวกเขารู้ดีว่าโอดะโนบูนางะเป็นใคร แต่พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของกองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลก !

บรรยากาศโดยรอบเกิดความอึดอัดขึ้นทันที

แต่ถึงกระนั้น โนบูนางะก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด เขาเพียงเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของฉินเย่และโค้งคำนับวิญญาณทั้งหมดก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาด้วยความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม “ข้ามีนามว่าโอดะโนบูนางะ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณ”

แปะ แปะ แปะ… ซูตงเซวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเริ่มปรมมือ และเสียงปรบมือจากผู้คนก็เริ่มดังตามมาในเวลาไม่นาน แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามให้พวกเขาเงียบเสียงลง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะสับสนเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ เพราะการล่มสลายของยมโลกแห่งเก่า เหล่าแม่ทัพผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์จีนทั้งหมดจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์แล้ว นอกจากนี้ ยมโลกในตอนนี้ก็สามารถรับได้เฉพาะวิญญาณที่อยู่ภายในเมืองเป่าอันเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเราไม่สามารถหาตัวแม่ทัพที่แข็งแกร่งในเวลานี้ได้”

จากนั้นเสียงของเขาก็เข้มขึ้น และเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “ภายในสิ้นปีนี้ อดีตข้าราชการศักดินาจำนวนหนึ่งจะเดินทางมายังยมโลก แต่มันไม่ควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองหรือมิตรภาพแต่อย่างใด โลกของโลกใต้พิภพไม่มีพื้นที่สำหรับมิตรภาพ สิ่งเดียวที่โลกใต้พิภพทุกแห่งพูดถึงก็คือความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ หากข้าราชการศักดินาพวกนี้เห็นว่ายมโลกแห่งใหม่นั้นอ่อนแอ ไร้อำนาจ และยังปราศจากกองกำลังภายในสิ้นปีนี้ พวกเจ้าก็คงพอจะเดาได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา”

เงียบ

ข่าวที่น่าตกใจที่ฉินเย่ได้เอ่ยออกมาทำให้ประชาชนทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความกตะลึงและมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

ยมโลก… ไม่ใช่โลกใต้พิภพเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ ?

ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมารจากสงคราม… อาจเป็นภัยต่อยมโลก ?

“พวกเขา… จะบุกมารุกรานเราหรือไม่ ?” หนึ่งในพลเมืองที่ยืนอยู่หน้าสุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือไปด้วยความตกใจ หลังจากได้ประสบกับความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองในจีนมาตลอดหลายสิบปี ข่าวที่เพิ่งได้ยินเป็นเหมือนการปลุกพวกเขาให้ตื่นกลับมาสู่ความจริงอย่างรุนแรง

“แน่นอนที่สุด” ครั้งนี้เป็นโนบูนางะเองที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ “ความตายใจทำให้แม้แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดต้องล่มสลาย นั่นรวมถึงราชวงศ์ฉิงที่เคยมีอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็ตาม พวกเขาคงจะคิดว่าตนเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมาก และแผ่นดินจีนจะไม่ยอมให้มีการรุกรานจากต่างชาติเป็นอันขาด”

ฉินเย่เอ่ยต่อจากที่โนบูนางะค้างไว้ “ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใดกล้ามารุกราน ! ไม่มีใครสามารถไว้ใจใครได้ ! เราต้องจับตาดูพวกเขาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ! เพราะอย่างไรแล้ว มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องแผ่นดินของตัวเองได้ !”

“พวกเราไม่มีแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงชายแดนญี่ปุ่นเพื่อหาไดเมียวผู้ที่เต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อเรา เราไม่มีกองทัพ ดังนั้นเราถึงต้องไปนำมรดกจากยมโลกแห่งเก่าเพื่อหาทางแก้ไข เราทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อที่เราจะสามารถพูดกับโลกใต้พิภพอื่น ๆ ได้อย่างภาคภูมิ ! เราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ถูกดูถูกโดยโลกใต้พิภพอื่น ๆ! ทีนี้ ลองบอกข้าที มีผู้ใดยังไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก ?!”

เงียบ

ไม่กี่วินาทีต่อมา…

“ไม่ !”

“ไม่เลย !!”

“พวกเราจะต้องสนับสนุนมันอย่างแน่นอน !”

“พวกเราจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ ! ท่านจ้าวนรกทรงตรัสถูกแล้ว ! ชาติที่ไม่มีกองกำลังไม่ถือว่าเป็นชาติ เหมือนดั่งเช่นที่แผ่นดินจีนเฉิดฉายในแดนมนุษย์ ยมโลกก็จะด้อยกว่ากันไม่ได้ !”

เสียงโห่ร้องดังสนั่นขึ้น อาร์ทิสมองฉินเย่อย่างสุขุม ผู้ที่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามและการทะเลาะวิวาทย่อมมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ วิธีการของฉินเย่อาจจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่เคยทำอะไรพลาดเลยเมื่อเป็นเรื่องพวกนี้

ความเจ็บปวดและความทรมานจากเมื่อหลายสิบปีก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ที่ต้องเริ่มทุกอย่างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นไม่มีทางลืมภาพที่ถูกสลักอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจของพวกเขาได้ ในเสี้ยววินาทีนั้น ประชากรมากมายที่หัวใจของพวกเขาถูกกระตุ้นโดยคำพูดของฉินเย่ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เกณฑ์เข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก

ฉินเย่รู้ว่าเขาได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเท่านั้นมันยังไม่เพียงพอ

สงครามย่อมนำไปสู่ความตายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็ไม่มีใครอยากจะตาย ‘เพื่อประโยชน์ส่วนรวม’ นั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะชักจูงให้ทุกคนสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อสิ่งนั้น เขาต้องการมากกว่านี้

“เงียบ” เขาข่มความรู้สึกมากมายภายในใจและเอ่ยต่อ “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อที่ยมโลกจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับโลกใต้พิภพ กองกำลังและวิญญาณอื่น ๆ กองกำลังของเราจะไม่เพียงแต่แสดงอำนาจและการป้องกันเท่านั้น การเสียสละนั้นเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ข้าจะขอให้คำมั่นเลยว่าจะให้เกียรติกับผู้ที่เต็มใจกับการเสียสละในครั้งนี้ ! ประการแรก ในวันที่กองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลกถูกจัดตั้งขึ้น ข้าจะสั่งให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นตรงหน้าของประตูนรกซึ่งชื่อของเหล่าทหารวิญญาณทุกตนที่ถูกสังหารในหน้าที่จะถูกสลักเอาไว้ นี่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะคงอยู่ตลอดกาลของเจ้า ! ไม่ว่าในอนาคตยมโลกจะขยายใหญ่มากเพียงใด แต่อนุสาวรีย์ผู้พลีชีพก็จะคงอยู่ที่ตรงหน้าประตูนรกตลอดไป !”

ฉินเย่คิดที่จะรักษาเกียรติให้กับเหล่านักรบและทหาร ! ทำให้การที่เข้าร่วมกองทัพคือกลายเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ ! แดนมนุษย์เองก็ทำสิ่งที่คล้ายกันนี้ แต่ฉินเย่รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างไรแล้ว มีเจ้าหน้าที่ต่อต้านยาเสพติดที่ตั้งกี่คนที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างเงียบ ๆ ในหน้าที่ในแต่ละปี ? การทำงานของพวกเขาควรได้รับการยกย่อง !

แดนมนุษย์ได้พลาดที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรทัดฐานทางอุดมการณ์ในช่วงต้นของการปฏิรูป น่าเสียดายที่กว่าที่พวกเขาจะตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองมันก็สายไปเสียแล้ว ยมโลกถูกสร้างเลียนแบบมาจากความพยายามในการปฏิรูปจีน แต่… พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเดินในเส้นทางเดียวกัน

ฉินเย่รู้ถึงโศกนาฏกรรมของระบบทุนนิยมเป็นอย่างดี เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ได้ประสบกับการปฏิรูปและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาอย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ได้เห็นวันที่สังคมเมินเฉยต่อชายชราที่ล้มลงกับพื้นมาด้วยตาของตัวเอง

“ประการที่สอง ทหารทุกตนจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าอยู่ในสวนจี้ชั่งระยะ 1 และหากพวกเขาต้องตายในหน้าที่ ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาจะถูกเก็บไว้เพื่อลูกหลายของพวกเขาสืบไป สุดท้าย สิ่งอำนาจความสะดวกในด้านการบันเทิงและสันทนาการทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกองทัพก่อนเป็นอันดับแรก !”

เงียบ

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที มือจำนวนมากก็ชูขึ้นกลางอากาศ

“ข้าขอสมัคร !”

“ชีวิตของข้าเป็นของผะ… ยมโลก !!”

“ขอสมัครเข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก !”

“มีข้อจำกัดทางอายุหรือไม่ ?”

“พวกเราต้องมีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนหรือไม่ ?”

มูลค่าของสิ่ง ๆ หนึ่งจะต้องถูกนำเสนอโดยเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทราบมูลค่า นี่คือทางเดียวที่จะสามารถถ่ายทอดมูลค่าของมันให้กับพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะไม่รู้ถึงมูลค่าของเพชรด้วยซ้ำแม้ว่ามันถูกนำมาเสนอตรงหน้าก็ตาม

สำหรับเหล่าประชากรทั้งหมด พวกเขาได้ล่องลอยไปมาตลอดเกือบหนึ่งปี และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับความบันเทิงและสันทนาการก็ไม่ต่างอะไรกับของที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาให้

นอกจากนี้ สำหรับพวกที่ได้นอนอยู่ภายใต้ดวงดาวและเผชิญหน้ากับสภาพอากาศมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี บ้านคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเขา !

“เงียบ !” เสียงของฉินเย่ดังก้องไปทั่ว “ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะสมัครให้ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ตรวจสอบอดีตกรรมของซูตงเซวี่ยภายในระยะเวลาสองอาทิตย์เพื่อที่จะส่งใบสมัคร ทีนี้ เราจะพูดถึงเรื่องที่สาม”

“นี่จะเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งอุตสาหกรรมสื่อแห่งยมโลก”

เขากระแอมออกมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าประชากรทุกตนที่นี่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปและกำลังทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มันยังมีเรื่องของการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ด้วย หากเราสามารถเจรจาต่อรองกับข้าราชการศักดินาตนอื่น ๆ สำเร็จ มันก็อาจจะนำไปสู่การเปิดพรมแดนและการออกวีซ่าสำหรับนักข่าวต่างประเทศ แบบนั้น พวกเจ้าก็จะสามารถรับรู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเรากำลังอยู่ได้มากขึ้น โลกใต้พิภพอื่น ๆ เป็นอย่างไร เหตุใดเราถึงต้องจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก และภัยคุกคามใดที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่”

หลังจากพูดไปประมาณ 40 นาที ในที่สุดเขาก็สรุปหัวข้อสุดท้ายด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“สุดท้าย ข้าจะทำการตั้งกล่องเสนอความคิดเห็นขึ้นสิบกล่อง” เขาเอ่ยไปทั้ง ๆ เสียงที่แหบพร่า “ใครก็ตามที่มีคำแนะนำสามารถนำมาหย่อนลงในกล่องพวกนี้ได้ ทางเราจะเก็บมันทุก ๆ วันจันทร์และข้าจะตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม จงพึงระลึกไว้ว่าให้ใส่มาเฉพาะคำแนะนำเท่านั้น ไม่ใช่คำร้องเรียน ! ผู้กระทำผิดทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง”

เห้อ~… ในที่สุดก็จบ เขาคลึงขมับของตนเองอย่างเหนื่อยอ่อน เขาได้ให้ข้อมูลกับประชาชนไปมากพอที่จะให้ครุ่นคิดไปอีกหลายสัปดาห์ และมันก็ควรที่จะจบการประกาศลงตรงนี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือ “นี่คือทั้งหมดของการประชุมในวันนี้ พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ บริษัทก่อสร้างหยินต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ยมโลกจะไม่มีทางลืมผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อความพัฒนาของมัน”

สิ้นสุดเสียงพูด พลเมืองทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแยกออกไปเป็นกลุ่มสามถึงห้าตน พูดคุยเกี่ยวกับคำประกาศที่ตนเพิ่งได้ยินด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทั้งหมดสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ยมโลกกำลังก้าวไปสู่ช่วงเวลาการพัฒนาอย่างพุ่งทะยาน วันเวลาแห่งความเงียบและความน่าเบื่อได้สิ้นสุดลงแล้ว และไม้ฮวงหัวลี่ล็อตแรกก็ได้เปิดความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขตให้กับยมโลก !

มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวในเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากไม่มีอะไรเลย ?

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่มีวันสูญสิ้น แล้วยมโลกก็จะไม่พังพินาศตลอดไป ที่สำคัญที่สุด ประชากรนรกได้เริ่มมองเห็นแล้วว่าความหวังของพวกเขามีอยู่จริง ! พวกเขาได้รับความมั่นใจแล้วว่ามีคนสนับสนุนพวกเขาอยู่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม

“ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าได้ประกาศไปก่อนหน้านี้อย่างละเอียด” หวงเลี่ยงชวน กู่ชิงและหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินยังคงยืนอยู่กับที่ของตน ฉินเย่คลึงขมับของตัวเองเบา ๆ “หลังจากนี้เราจะมีการจัดประชุมเกี่ยวกับแผนการตลอดห้าปีสำหรับยมโลกขึ้น บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมการประชุมนี้”

กู่ชิงถามอย่างเป็นกังวล “นายท่าน เรายังมีโครงการอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าคิดว่าสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญตอนนี้ก็คือการลงมือปฏิบัติจริง สุนทรพจน์ที่ท่านได้พูดไปก่อนหน้านี้ยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อเราลงลึกถึงรายละเอียด มันดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมา เขาเดินนำคนทั้งหมดกลับเข้าไปในโถงเสริม นั่งลงบนเก้าอี้และเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าเองก็คิดถึงเรื่องนั้นเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราในตอนนี้ก็คือให้เวลาซูตงเซวี่ยในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา นอกจากนี้…”

เขายืดหลังตรงอีกครั้งและมองทุกคนที่อยู่โดยรอบด้วยสายตานิ่งสงบ “การประชุมที่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะมีเฉพาะบุคลากรที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของเราในตอนนี้เท่านั้น”

ไม่มีใครในที่นี้เป็นคนโง่ และพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่าการประชุมอย่างแน่นอน หูเฟิงจึงถามขึ้นมาว่า “ท่านกำลังจะบอกว่า… มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ ?”

“สำคัญกว่าวันนี้” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ประกายสังหารวาววาบขึ้นมาในแววตาของเขา “พวกเจ้าคิดว่าทุกอย่างที่ช้าพูดในวันนี้มันเพียงเพื่อที่จะจุดประกายความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นให้กับประชากรของข้าเท่านั้นหรืออย่างไร ?”

โดยไม่เว้นช่วง เขาเอ่ยต่อ “ไม่ ! ความจริงของเรื่องนี้ก็คือข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจำนวนข้าราชการศักดินาที่จะเดินทางมาในปลายปีนี้มีจำนวนเท่าใดกันแน่ แขกเหล่านี้ถือว่าเป็นคน ‘ของเรา’ เองและเราก็ไม่สามารถปกปิดความจริงเกี่ยวกับยมโลกจากพวกเขาได้ แต่… หากยมโลกไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้เร็วพอ พวกเขาจะต้องมองเราไม่ต่างอะไรกับชิ้นเนื้ออย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น… คน ‘ของเรา’ ก็อาจจะกลายเป็นใบมีดที่แทงเข้ามาในใจของเราแน่ ๆ”

เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มันไม่มีพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างชาติ สิ่งเดียวที่มีค่าคือผลประโยชน์ร่วมกัน ในเมื่อเราไม่สามารถรักษาพวกเขาเอาไว้ได้ เราก็ควรจะปล่อยพวกเขาไปพร้อมกับเงื่อนไขที่เป็นมิตร แต่เชื่อข้าเถอะ วันหนึ่งพวกเราจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่ายมโลกยังคงเป็นบ้านเกิดของพวกเขา !”

“และมันก็เป็นเพราะแรงกดดันจากคน ‘ของเรา’ เองที่ทำให้โนบูนางะและข้าเดินทางกลับไปยังยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำของบางอย่างกลับมา” ฉินเย่โบกมือและกองถุงเอกภพจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ “ถุงเหล่านี้มีมรดกที่สำคัญที่สุดของยมโลกแห่งเก่าเอาไว้ พวกเจ้าสามารถแบ่งงานประจำของตัวเองให้คนอื่นรับผิดชอบได้ แต่การจัดการเรื่องมรดกของยมโลกคือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องทำมันด้วยตัวเอง ! พวกเราจะให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด !”

“โชคดีที่ช่วงนี้ทางสำนักฝึกตนแห่งแรกยังอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ข้าจึงสามารถแบ่งเบาภาระงานจากพวกเจ้าได้บ้าง นอกจากนี้ มันไม่มีอะไรเร่งด่วนไปกว่าการตรวจดูมรดกเก่าจากยมโลกและการหาชุดเกราะและอาวุธที่เหมาะสมที่สุดให้กองทัพของเราอีกแล้ว”

“เพราะอย่างไร…” เสียงของฉินเย่ทุ้มลง “มันก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงหกเดือนเท่านั้นจนกว่าจะถึงปลายปี…”

ทุกอย่างล้วนมีลำดับความสำคัญของตัวเอง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องทำก็คือการทำให้โนบูนางะสามารถฝึกฝนกองกำลังชั้นยอดสำหรับการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ให้ได้ !

ความแข็งเร่งและอำนาจนั้นมาจากกระบอกปืน

“รับทราบ” คนทั้งหมดตอบรับอย่างจริงจัง พวกเขาทั้งหมดล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาของยมโลก และพวกเขาก็ไม่มีทางทรยศต่อยมโลกเป็นอันขาด กู่ชิงพึมพำ “ถ้าเช่นนั้น เราก็เริ่มตรวจดูสิ่งของทั้งหมดกันเลยเถอะ ท่านฉิน พวกเราควรจะเริ่มกันจุดใดดี ?”

“เริ่มจากนี่” ฉินเย่หยิบถุงเอกภพถุงหนึ่งมาและเปิดมันออก หากพูดกันตามจริง นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ยมโลกแห่งเก่าแล้ว

พลังหยินของเขาไหลเข้าสู่ถุง และมันก็เปิดออก จากนั้น… แผนที่ขนานเล็กหนึ่งนิ้วก็ลอยออกมาก่อนจะขยายตัวต่อหน้าของคนทั้งหมด ภายในเวลาไม่กี่วินาที มันกลายเป็นแผนที่ซึ่งมีขนาดสิบคูณสามเมตร ! ไม่น่าเชื่อ !

มันเป็นแผนที่ของทวีปทางตอนตะวันออกซึ่งถูกระบายด้วยสีและทำเครื่องหมายเอาไว้จนทั่ว ดวงตาของโนบูนางะเปล่งประกายขึ้น จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งคนของตน “มุไรคุง รีบไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด ผู้ใดก็ตามที่ขัดคำสั่งสังหารทันที !”

“รับทราบ !”

มุไรซาดาคัตสึจากไปทันทีและเหล่าคนที่เหลือก็เริ่มศึกษาแผนที่ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดเริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นรายชื่อที่ตนคุ้นเคยถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่ !

มันคือรายชื่อของเหล่าข้าราชการศักดินา !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 292: ความวุ่นวาย (3)

Now you are reading ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] Chapter 292: ความวุ่นวาย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292: ความวุ่นวาย (3)

หัวใจของฉินเย่กระตุกด้วยความหวาดกลัว “สะ สะ สมุดแห่งความเป็นตายมีความรู้สึกอย่างนั้นหรือ ?! เหมือนกับหมิงชีหยินน่ะหรือ ?!”

ว่าที่จ้าวนรกขมิบก้นของตัวเองแน่นด้วยความกลัว และนั่นก็ทำให้ตุลาการนรกรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กี่นาทีต่อมานางก็กลอกตาและเอ่ยว่า “ก็ไม่เชิง”

ฉินเย่กระแอมออกมาด้วยความกระดากอายก่อนจะหันไปมองเหล่าประชากรและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า “นั่นเป็นการสรุปสำหรับเรื่องแรก ต่อไป ข้าจะประกาศเรื่องที่สอง ในอีกหนึ่งเดือน ในพิธีอัญเชิญสมุดแห่งความเป็นตาย เราจะจัดตั้งกองกำลังกลุ่มแรกของยมโลกซึ่งมีชื่อว่ากองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลกขึ้น และผู้นำของกองกำลังทั้งหมดก็คือโอดะโนบูนางะ ปรบมือต้อนรับเขาด้วย”

น่าเสียดาย แต่มันกลับไม่มีเสียงปรบมือดังขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

วิญญาณทั้งหมดเริ่มมองหน้ากันและกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พวกเขารู้ดีว่าโอดะโนบูนางะเป็นใคร แต่พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของกองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลก !

บรรยากาศโดยรอบเกิดความอึดอัดขึ้นทันที

แต่ถึงกระนั้น โนบูนางะก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด เขาเพียงเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของฉินเย่และโค้งคำนับวิญญาณทั้งหมดก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาด้วยความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม “ข้ามีนามว่าโอดะโนบูนางะ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณ”

แปะ แปะ แปะ… ซูตงเซวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเริ่มปรมมือ และเสียงปรบมือจากผู้คนก็เริ่มดังตามมาในเวลาไม่นาน แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามให้พวกเขาเงียบเสียงลง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะสับสนเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ เพราะการล่มสลายของยมโลกแห่งเก่า เหล่าแม่ทัพผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์จีนทั้งหมดจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์แล้ว นอกจากนี้ ยมโลกในตอนนี้ก็สามารถรับได้เฉพาะวิญญาณที่อยู่ภายในเมืองเป่าอันเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเราไม่สามารถหาตัวแม่ทัพที่แข็งแกร่งในเวลานี้ได้”

จากนั้นเสียงของเขาก็เข้มขึ้น และเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “ภายในสิ้นปีนี้ อดีตข้าราชการศักดินาจำนวนหนึ่งจะเดินทางมายังยมโลก แต่มันไม่ควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองหรือมิตรภาพแต่อย่างใด โลกของโลกใต้พิภพไม่มีพื้นที่สำหรับมิตรภาพ สิ่งเดียวที่โลกใต้พิภพทุกแห่งพูดถึงก็คือความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ หากข้าราชการศักดินาพวกนี้เห็นว่ายมโลกแห่งใหม่นั้นอ่อนแอ ไร้อำนาจ และยังปราศจากกองกำลังภายในสิ้นปีนี้ พวกเจ้าก็คงพอจะเดาได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา”

เงียบ

ข่าวที่น่าตกใจที่ฉินเย่ได้เอ่ยออกมาทำให้ประชาชนทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความกตะลึงและมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

ยมโลก… ไม่ใช่โลกใต้พิภพเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ ?

ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมารจากสงคราม… อาจเป็นภัยต่อยมโลก ?

“พวกเขา… จะบุกมารุกรานเราหรือไม่ ?” หนึ่งในพลเมืองที่ยืนอยู่หน้าสุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือไปด้วยความตกใจ หลังจากได้ประสบกับความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองในจีนมาตลอดหลายสิบปี ข่าวที่เพิ่งได้ยินเป็นเหมือนการปลุกพวกเขาให้ตื่นกลับมาสู่ความจริงอย่างรุนแรง

“แน่นอนที่สุด” ครั้งนี้เป็นโนบูนางะเองที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ “ความตายใจทำให้แม้แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดต้องล่มสลาย นั่นรวมถึงราชวงศ์ฉิงที่เคยมีอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็ตาม พวกเขาคงจะคิดว่าตนเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมาก และแผ่นดินจีนจะไม่ยอมให้มีการรุกรานจากต่างชาติเป็นอันขาด”

ฉินเย่เอ่ยต่อจากที่โนบูนางะค้างไว้ “ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใดกล้ามารุกราน ! ไม่มีใครสามารถไว้ใจใครได้ ! เราต้องจับตาดูพวกเขาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ! เพราะอย่างไรแล้ว มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องแผ่นดินของตัวเองได้ !”

“พวกเราไม่มีแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงชายแดนญี่ปุ่นเพื่อหาไดเมียวผู้ที่เต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อเรา เราไม่มีกองทัพ ดังนั้นเราถึงต้องไปนำมรดกจากยมโลกแห่งเก่าเพื่อหาทางแก้ไข เราทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อที่เราจะสามารถพูดกับโลกใต้พิภพอื่น ๆ ได้อย่างภาคภูมิ ! เราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ถูกดูถูกโดยโลกใต้พิภพอื่น ๆ! ทีนี้ ลองบอกข้าที มีผู้ใดยังไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก ?!”

เงียบ

ไม่กี่วินาทีต่อมา…

“ไม่ !”

“ไม่เลย !!”

“พวกเราจะต้องสนับสนุนมันอย่างแน่นอน !”

“พวกเราจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ ! ท่านจ้าวนรกทรงตรัสถูกแล้ว ! ชาติที่ไม่มีกองกำลังไม่ถือว่าเป็นชาติ เหมือนดั่งเช่นที่แผ่นดินจีนเฉิดฉายในแดนมนุษย์ ยมโลกก็จะด้อยกว่ากันไม่ได้ !”

เสียงโห่ร้องดังสนั่นขึ้น อาร์ทิสมองฉินเย่อย่างสุขุม ผู้ที่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามและการทะเลาะวิวาทย่อมมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ วิธีการของฉินเย่อาจจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่เคยทำอะไรพลาดเลยเมื่อเป็นเรื่องพวกนี้

ความเจ็บปวดและความทรมานจากเมื่อหลายสิบปีก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ที่ต้องเริ่มทุกอย่างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นไม่มีทางลืมภาพที่ถูกสลักอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจของพวกเขาได้ ในเสี้ยววินาทีนั้น ประชากรมากมายที่หัวใจของพวกเขาถูกกระตุ้นโดยคำพูดของฉินเย่ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เกณฑ์เข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก

ฉินเย่รู้ว่าเขาได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเท่านั้นมันยังไม่เพียงพอ

สงครามย่อมนำไปสู่ความตายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็ไม่มีใครอยากจะตาย ‘เพื่อประโยชน์ส่วนรวม’ นั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะชักจูงให้ทุกคนสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อสิ่งนั้น เขาต้องการมากกว่านี้

“เงียบ” เขาข่มความรู้สึกมากมายภายในใจและเอ่ยต่อ “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อที่ยมโลกจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับโลกใต้พิภพ กองกำลังและวิญญาณอื่น ๆ กองกำลังของเราจะไม่เพียงแต่แสดงอำนาจและการป้องกันเท่านั้น การเสียสละนั้นเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ข้าจะขอให้คำมั่นเลยว่าจะให้เกียรติกับผู้ที่เต็มใจกับการเสียสละในครั้งนี้ ! ประการแรก ในวันที่กองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลกถูกจัดตั้งขึ้น ข้าจะสั่งให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นตรงหน้าของประตูนรกซึ่งชื่อของเหล่าทหารวิญญาณทุกตนที่ถูกสังหารในหน้าที่จะถูกสลักเอาไว้ นี่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะคงอยู่ตลอดกาลของเจ้า ! ไม่ว่าในอนาคตยมโลกจะขยายใหญ่มากเพียงใด แต่อนุสาวรีย์ผู้พลีชีพก็จะคงอยู่ที่ตรงหน้าประตูนรกตลอดไป !”

ฉินเย่คิดที่จะรักษาเกียรติให้กับเหล่านักรบและทหาร ! ทำให้การที่เข้าร่วมกองทัพคือกลายเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ ! แดนมนุษย์เองก็ทำสิ่งที่คล้ายกันนี้ แต่ฉินเย่รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างไรแล้ว มีเจ้าหน้าที่ต่อต้านยาเสพติดที่ตั้งกี่คนที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างเงียบ ๆ ในหน้าที่ในแต่ละปี ? การทำงานของพวกเขาควรได้รับการยกย่อง !

แดนมนุษย์ได้พลาดที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรทัดฐานทางอุดมการณ์ในช่วงต้นของการปฏิรูป น่าเสียดายที่กว่าที่พวกเขาจะตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองมันก็สายไปเสียแล้ว ยมโลกถูกสร้างเลียนแบบมาจากความพยายามในการปฏิรูปจีน แต่… พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเดินในเส้นทางเดียวกัน

ฉินเย่รู้ถึงโศกนาฏกรรมของระบบทุนนิยมเป็นอย่างดี เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ได้ประสบกับการปฏิรูปและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาอย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ได้เห็นวันที่สังคมเมินเฉยต่อชายชราที่ล้มลงกับพื้นมาด้วยตาของตัวเอง

“ประการที่สอง ทหารทุกตนจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าอยู่ในสวนจี้ชั่งระยะ 1 และหากพวกเขาต้องตายในหน้าที่ ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาจะถูกเก็บไว้เพื่อลูกหลายของพวกเขาสืบไป สุดท้าย สิ่งอำนาจความสะดวกในด้านการบันเทิงและสันทนาการทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกองทัพก่อนเป็นอันดับแรก !”

เงียบ

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที มือจำนวนมากก็ชูขึ้นกลางอากาศ

“ข้าขอสมัคร !”

“ชีวิตของข้าเป็นของผะ… ยมโลก !!”

“ขอสมัครเข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก !”

“มีข้อจำกัดทางอายุหรือไม่ ?”

“พวกเราต้องมีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนหรือไม่ ?”

มูลค่าของสิ่ง ๆ หนึ่งจะต้องถูกนำเสนอโดยเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทราบมูลค่า นี่คือทางเดียวที่จะสามารถถ่ายทอดมูลค่าของมันให้กับพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะไม่รู้ถึงมูลค่าของเพชรด้วยซ้ำแม้ว่ามันถูกนำมาเสนอตรงหน้าก็ตาม

สำหรับเหล่าประชากรทั้งหมด พวกเขาได้ล่องลอยไปมาตลอดเกือบหนึ่งปี และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับความบันเทิงและสันทนาการก็ไม่ต่างอะไรกับของที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาให้

นอกจากนี้ สำหรับพวกที่ได้นอนอยู่ภายใต้ดวงดาวและเผชิญหน้ากับสภาพอากาศมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี บ้านคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเขา !

“เงียบ !” เสียงของฉินเย่ดังก้องไปทั่ว “ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะสมัครให้ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ตรวจสอบอดีตกรรมของซูตงเซวี่ยภายในระยะเวลาสองอาทิตย์เพื่อที่จะส่งใบสมัคร ทีนี้ เราจะพูดถึงเรื่องที่สาม”

“นี่จะเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งอุตสาหกรรมสื่อแห่งยมโลก”

เขากระแอมออกมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าประชากรทุกตนที่นี่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปและกำลังทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มันยังมีเรื่องของการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ด้วย หากเราสามารถเจรจาต่อรองกับข้าราชการศักดินาตนอื่น ๆ สำเร็จ มันก็อาจจะนำไปสู่การเปิดพรมแดนและการออกวีซ่าสำหรับนักข่าวต่างประเทศ แบบนั้น พวกเจ้าก็จะสามารถรับรู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเรากำลังอยู่ได้มากขึ้น โลกใต้พิภพอื่น ๆ เป็นอย่างไร เหตุใดเราถึงต้องจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก และภัยคุกคามใดที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่”

หลังจากพูดไปประมาณ 40 นาที ในที่สุดเขาก็สรุปหัวข้อสุดท้ายด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“สุดท้าย ข้าจะทำการตั้งกล่องเสนอความคิดเห็นขึ้นสิบกล่อง” เขาเอ่ยไปทั้ง ๆ เสียงที่แหบพร่า “ใครก็ตามที่มีคำแนะนำสามารถนำมาหย่อนลงในกล่องพวกนี้ได้ ทางเราจะเก็บมันทุก ๆ วันจันทร์และข้าจะตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม จงพึงระลึกไว้ว่าให้ใส่มาเฉพาะคำแนะนำเท่านั้น ไม่ใช่คำร้องเรียน ! ผู้กระทำผิดทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง”

เห้อ~… ในที่สุดก็จบ เขาคลึงขมับของตนเองอย่างเหนื่อยอ่อน เขาได้ให้ข้อมูลกับประชาชนไปมากพอที่จะให้ครุ่นคิดไปอีกหลายสัปดาห์ และมันก็ควรที่จะจบการประกาศลงตรงนี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือ “นี่คือทั้งหมดของการประชุมในวันนี้ พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ บริษัทก่อสร้างหยินต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ยมโลกจะไม่มีทางลืมผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อความพัฒนาของมัน”

สิ้นสุดเสียงพูด พลเมืองทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแยกออกไปเป็นกลุ่มสามถึงห้าตน พูดคุยเกี่ยวกับคำประกาศที่ตนเพิ่งได้ยินด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทั้งหมดสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ยมโลกกำลังก้าวไปสู่ช่วงเวลาการพัฒนาอย่างพุ่งทะยาน วันเวลาแห่งความเงียบและความน่าเบื่อได้สิ้นสุดลงแล้ว และไม้ฮวงหัวลี่ล็อตแรกก็ได้เปิดความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขตให้กับยมโลก !

มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวในเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากไม่มีอะไรเลย ?

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่มีวันสูญสิ้น แล้วยมโลกก็จะไม่พังพินาศตลอดไป ที่สำคัญที่สุด ประชากรนรกได้เริ่มมองเห็นแล้วว่าความหวังของพวกเขามีอยู่จริง ! พวกเขาได้รับความมั่นใจแล้วว่ามีคนสนับสนุนพวกเขาอยู่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม

“ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าได้ประกาศไปก่อนหน้านี้อย่างละเอียด” หวงเลี่ยงชวน กู่ชิงและหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินยังคงยืนอยู่กับที่ของตน ฉินเย่คลึงขมับของตัวเองเบา ๆ “หลังจากนี้เราจะมีการจัดประชุมเกี่ยวกับแผนการตลอดห้าปีสำหรับยมโลกขึ้น บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมการประชุมนี้”

กู่ชิงถามอย่างเป็นกังวล “นายท่าน เรายังมีโครงการอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าคิดว่าสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญตอนนี้ก็คือการลงมือปฏิบัติจริง สุนทรพจน์ที่ท่านได้พูดไปก่อนหน้านี้ยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อเราลงลึกถึงรายละเอียด มันดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมา เขาเดินนำคนทั้งหมดกลับเข้าไปในโถงเสริม นั่งลงบนเก้าอี้และเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าเองก็คิดถึงเรื่องนั้นเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราในตอนนี้ก็คือให้เวลาซูตงเซวี่ยในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา นอกจากนี้…”

เขายืดหลังตรงอีกครั้งและมองทุกคนที่อยู่โดยรอบด้วยสายตานิ่งสงบ “การประชุมที่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะมีเฉพาะบุคลากรที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของเราในตอนนี้เท่านั้น”

ไม่มีใครในที่นี้เป็นคนโง่ และพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่าการประชุมอย่างแน่นอน หูเฟิงจึงถามขึ้นมาว่า “ท่านกำลังจะบอกว่า… มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ ?”

“สำคัญกว่าวันนี้” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ประกายสังหารวาววาบขึ้นมาในแววตาของเขา “พวกเจ้าคิดว่าทุกอย่างที่ช้าพูดในวันนี้มันเพียงเพื่อที่จะจุดประกายความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นให้กับประชากรของข้าเท่านั้นหรืออย่างไร ?”

โดยไม่เว้นช่วง เขาเอ่ยต่อ “ไม่ ! ความจริงของเรื่องนี้ก็คือข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจำนวนข้าราชการศักดินาที่จะเดินทางมาในปลายปีนี้มีจำนวนเท่าใดกันแน่ แขกเหล่านี้ถือว่าเป็นคน ‘ของเรา’ เองและเราก็ไม่สามารถปกปิดความจริงเกี่ยวกับยมโลกจากพวกเขาได้ แต่… หากยมโลกไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้เร็วพอ พวกเขาจะต้องมองเราไม่ต่างอะไรกับชิ้นเนื้ออย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น… คน ‘ของเรา’ ก็อาจจะกลายเป็นใบมีดที่แทงเข้ามาในใจของเราแน่ ๆ”

เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มันไม่มีพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างชาติ สิ่งเดียวที่มีค่าคือผลประโยชน์ร่วมกัน ในเมื่อเราไม่สามารถรักษาพวกเขาเอาไว้ได้ เราก็ควรจะปล่อยพวกเขาไปพร้อมกับเงื่อนไขที่เป็นมิตร แต่เชื่อข้าเถอะ วันหนึ่งพวกเราจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่ายมโลกยังคงเป็นบ้านเกิดของพวกเขา !”

“และมันก็เป็นเพราะแรงกดดันจากคน ‘ของเรา’ เองที่ทำให้โนบูนางะและข้าเดินทางกลับไปยังยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำของบางอย่างกลับมา” ฉินเย่โบกมือและกองถุงเอกภพจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ “ถุงเหล่านี้มีมรดกที่สำคัญที่สุดของยมโลกแห่งเก่าเอาไว้ พวกเจ้าสามารถแบ่งงานประจำของตัวเองให้คนอื่นรับผิดชอบได้ แต่การจัดการเรื่องมรดกของยมโลกคือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องทำมันด้วยตัวเอง ! พวกเราจะให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด !”

“โชคดีที่ช่วงนี้ทางสำนักฝึกตนแห่งแรกยังอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ข้าจึงสามารถแบ่งเบาภาระงานจากพวกเจ้าได้บ้าง นอกจากนี้ มันไม่มีอะไรเร่งด่วนไปกว่าการตรวจดูมรดกเก่าจากยมโลกและการหาชุดเกราะและอาวุธที่เหมาะสมที่สุดให้กองทัพของเราอีกแล้ว”

“เพราะอย่างไร…” เสียงของฉินเย่ทุ้มลง “มันก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงหกเดือนเท่านั้นจนกว่าจะถึงปลายปี…”

ทุกอย่างล้วนมีลำดับความสำคัญของตัวเอง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องทำก็คือการทำให้โนบูนางะสามารถฝึกฝนกองกำลังชั้นยอดสำหรับการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ให้ได้ !

ความแข็งเร่งและอำนาจนั้นมาจากกระบอกปืน

“รับทราบ” คนทั้งหมดตอบรับอย่างจริงจัง พวกเขาทั้งหมดล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาของยมโลก และพวกเขาก็ไม่มีทางทรยศต่อยมโลกเป็นอันขาด กู่ชิงพึมพำ “ถ้าเช่นนั้น เราก็เริ่มตรวจดูสิ่งของทั้งหมดกันเลยเถอะ ท่านฉิน พวกเราควรจะเริ่มกันจุดใดดี ?”

“เริ่มจากนี่” ฉินเย่หยิบถุงเอกภพถุงหนึ่งมาและเปิดมันออก หากพูดกันตามจริง นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ยมโลกแห่งเก่าแล้ว

พลังหยินของเขาไหลเข้าสู่ถุง และมันก็เปิดออก จากนั้น… แผนที่ขนานเล็กหนึ่งนิ้วก็ลอยออกมาก่อนจะขยายตัวต่อหน้าของคนทั้งหมด ภายในเวลาไม่กี่วินาที มันกลายเป็นแผนที่ซึ่งมีขนาดสิบคูณสามเมตร ! ไม่น่าเชื่อ !

มันเป็นแผนที่ของทวีปทางตอนตะวันออกซึ่งถูกระบายด้วยสีและทำเครื่องหมายเอาไว้จนทั่ว ดวงตาของโนบูนางะเปล่งประกายขึ้น จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งคนของตน “มุไรคุง รีบไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด ผู้ใดก็ตามที่ขัดคำสั่งสังหารทันที !”

“รับทราบ !”

มุไรซาดาคัตสึจากไปทันทีและเหล่าคนที่เหลือก็เริ่มศึกษาแผนที่ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดเริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นรายชื่อที่ตนคุ้นเคยถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่ !

มันคือรายชื่อของเหล่าข้าราชการศักดินา !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 292: ความวุ่นวาย (3)

Now you are reading ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] Chapter 292: ความวุ่นวาย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 292: ความวุ่นวาย (3)

หัวใจของฉินเย่กระตุกด้วยความหวาดกลัว “สะ สะ สมุดแห่งความเป็นตายมีความรู้สึกอย่างนั้นหรือ ?! เหมือนกับหมิงชีหยินน่ะหรือ ?!”

ว่าที่จ้าวนรกขมิบก้นของตัวเองแน่นด้วยความกลัว และนั่นก็ทำให้ตุลาการนรกรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กี่นาทีต่อมานางก็กลอกตาและเอ่ยว่า “ก็ไม่เชิง”

ฉินเย่กระแอมออกมาด้วยความกระดากอายก่อนจะหันไปมองเหล่าประชากรและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า “นั่นเป็นการสรุปสำหรับเรื่องแรก ต่อไป ข้าจะประกาศเรื่องที่สอง ในอีกหนึ่งเดือน ในพิธีอัญเชิญสมุดแห่งความเป็นตาย เราจะจัดตั้งกองกำลังกลุ่มแรกของยมโลกซึ่งมีชื่อว่ากองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลกขึ้น และผู้นำของกองกำลังทั้งหมดก็คือโอดะโนบูนางะ ปรบมือต้อนรับเขาด้วย”

น่าเสียดาย แต่มันกลับไม่มีเสียงปรบมือดังขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

วิญญาณทั้งหมดเริ่มมองหน้ากันและกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? พวกเขารู้ดีว่าโอดะโนบูนางะเป็นใคร แต่พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าของกองพันทหารที่ 1 แห่งยมโลก !

บรรยากาศโดยรอบเกิดความอึดอัดขึ้นทันที

แต่ถึงกระนั้น โนบูนางะก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแต่อย่างใด เขาเพียงเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของฉินเย่และโค้งคำนับวิญญาณทั้งหมดก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาด้วยความสามารถทางภาษาที่ดีเยี่ยม “ข้ามีนามว่าโอดะโนบูนางะ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณ”

แปะ แปะ แปะ… ซูตงเซวี่ยกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเริ่มปรมมือ และเสียงปรบมือจากผู้คนก็เริ่มดังตามมาในเวลาไม่นาน แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ยกมือขึ้นเป็นเชิงปรามให้พวกเขาเงียบเสียงลง “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะสับสนเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่เหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ เพราะการล่มสลายของยมโลกแห่งเก่า เหล่าแม่ทัพผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์จีนทั้งหมดจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์แล้ว นอกจากนี้ ยมโลกในตอนนี้ก็สามารถรับได้เฉพาะวิญญาณที่อยู่ภายในเมืองเป่าอันเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเราไม่สามารถหาตัวแม่ทัพที่แข็งแกร่งในเวลานี้ได้”

จากนั้นเสียงของเขาก็เข้มขึ้น และเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “ภายในสิ้นปีนี้ อดีตข้าราชการศักดินาจำนวนหนึ่งจะเดินทางมายังยมโลก แต่มันไม่ควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองหรือมิตรภาพแต่อย่างใด โลกของโลกใต้พิภพไม่มีพื้นที่สำหรับมิตรภาพ สิ่งเดียวที่โลกใต้พิภพทุกแห่งพูดถึงก็คือความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ หากข้าราชการศักดินาพวกนี้เห็นว่ายมโลกแห่งใหม่นั้นอ่อนแอ ไร้อำนาจ และยังปราศจากกองกำลังภายในสิ้นปีนี้ พวกเจ้าก็คงพอจะเดาได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา”

เงียบ

ข่าวที่น่าตกใจที่ฉินเย่ได้เอ่ยออกมาทำให้ประชาชนทั้งหมดอ้าปากค้างด้วยความกตะลึงและมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ

ยมโลก… ไม่ใช่โลกใต้พิภพเพียงแห่งเดียวที่มีอยู่ ?

ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมารจากสงคราม… อาจเป็นภัยต่อยมโลก ?

“พวกเขา… จะบุกมารุกรานเราหรือไม่ ?” หนึ่งในพลเมืองที่ยืนอยู่หน้าสุดถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังเจือไปด้วยความตกใจ หลังจากได้ประสบกับความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองในจีนมาตลอดหลายสิบปี ข่าวที่เพิ่งได้ยินเป็นเหมือนการปลุกพวกเขาให้ตื่นกลับมาสู่ความจริงอย่างรุนแรง

“แน่นอนที่สุด” ครั้งนี้เป็นโนบูนางะเองที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความมั่นใจ “ความตายใจทำให้แม้แต่อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดต้องล่มสลาย นั่นรวมถึงราชวงศ์ฉิงที่เคยมีอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็ตาม พวกเขาคงจะคิดว่าตนเองแข็งแกร่งและมีอำนาจมาก และแผ่นดินจีนจะไม่ยอมให้มีการรุกรานจากต่างชาติเป็นอันขาด”

ฉินเย่เอ่ยต่อจากที่โนบูนางะค้างไว้ “ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ใดกล้ามารุกราน ! ไม่มีใครสามารถไว้ใจใครได้ ! เราต้องจับตาดูพวกเขาด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ! เพราะอย่างไรแล้ว มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องแผ่นดินของตัวเองได้ !”

“พวกเราไม่มีแม่ทัพ ดังนั้นข้าจึงเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงชายแดนญี่ปุ่นเพื่อหาไดเมียวผู้ที่เต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อเรา เราไม่มีกองทัพ ดังนั้นเราถึงต้องไปนำมรดกจากยมโลกแห่งเก่าเพื่อหาทางแก้ไข เราทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อที่เราจะสามารถพูดกับโลกใต้พิภพอื่น ๆ ได้อย่างภาคภูมิ ! เราทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ถูกดูถูกโดยโลกใต้พิภพอื่น ๆ! ทีนี้ ลองบอกข้าที มีผู้ใดยังไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก ?!”

เงียบ

ไม่กี่วินาทีต่อมา…

“ไม่ !”

“ไม่เลย !!”

“พวกเราจะต้องสนับสนุนมันอย่างแน่นอน !”

“พวกเราจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ ! ท่านจ้าวนรกทรงตรัสถูกแล้ว ! ชาติที่ไม่มีกองกำลังไม่ถือว่าเป็นชาติ เหมือนดั่งเช่นที่แผ่นดินจีนเฉิดฉายในแดนมนุษย์ ยมโลกก็จะด้อยกว่ากันไม่ได้ !”

เสียงโห่ร้องดังสนั่นขึ้น อาร์ทิสมองฉินเย่อย่างสุขุม ผู้ที่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงสงครามและการทะเลาะวิวาทย่อมมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ วิธีการของฉินเย่อาจจะออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่เคยทำอะไรพลาดเลยเมื่อเป็นเรื่องพวกนี้

ความเจ็บปวดและความทรมานจากเมื่อหลายสิบปีก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของวิญญาณทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้ว ผู้ที่ต้องเริ่มทุกอย่างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นไม่มีทางลืมภาพที่ถูกสลักอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจของพวกเขาได้ ในเสี้ยววินาทีนั้น ประชากรมากมายที่หัวใจของพวกเขาถูกกระตุ้นโดยคำพูดของฉินเย่ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เกณฑ์เข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก

ฉินเย่รู้ว่าเขาได้ทำให้ปัญหาทุกอย่างชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเท่านั้นมันยังไม่เพียงพอ

สงครามย่อมนำไปสู่ความตายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็ไม่มีใครอยากจะตาย ‘เพื่อประโยชน์ส่วนรวม’ นั้นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะชักจูงให้ทุกคนสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อสิ่งนั้น เขาต้องการมากกว่านี้

“เงียบ” เขาข่มความรู้สึกมากมายภายในใจและเอ่ยต่อ “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อที่ยมโลกจะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับโลกใต้พิภพ กองกำลังและวิญญาณอื่น ๆ กองกำลังของเราจะไม่เพียงแต่แสดงอำนาจและการป้องกันเท่านั้น การเสียสละนั้นเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และมันก็เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ข้าจะขอให้คำมั่นเลยว่าจะให้เกียรติกับผู้ที่เต็มใจกับการเสียสละในครั้งนี้ ! ประการแรก ในวันที่กองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลกถูกจัดตั้งขึ้น ข้าจะสั่งให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นตรงหน้าของประตูนรกซึ่งชื่อของเหล่าทหารวิญญาณทุกตนที่ถูกสังหารในหน้าที่จะถูกสลักเอาไว้ นี่เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะคงอยู่ตลอดกาลของเจ้า ! ไม่ว่าในอนาคตยมโลกจะขยายใหญ่มากเพียงใด แต่อนุสาวรีย์ผู้พลีชีพก็จะคงอยู่ที่ตรงหน้าประตูนรกตลอดไป !”

ฉินเย่คิดที่จะรักษาเกียรติให้กับเหล่านักรบและทหาร ! ทำให้การที่เข้าร่วมกองทัพคือกลายเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ ! แดนมนุษย์เองก็ทำสิ่งที่คล้ายกันนี้ แต่ฉินเย่รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เพราะอย่างไรแล้ว มีเจ้าหน้าที่ต่อต้านยาเสพติดที่ตั้งกี่คนที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างเงียบ ๆ ในหน้าที่ในแต่ละปี ? การทำงานของพวกเขาควรได้รับการยกย่อง !

แดนมนุษย์ได้พลาดที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างบรรทัดฐานทางอุดมการณ์ในช่วงต้นของการปฏิรูป น่าเสียดายที่กว่าที่พวกเขาจะตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองมันก็สายไปเสียแล้ว ยมโลกถูกสร้างเลียนแบบมาจากความพยายามในการปฏิรูปจีน แต่… พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเดินในเส้นทางเดียวกัน

ฉินเย่รู้ถึงโศกนาฏกรรมของระบบทุนนิยมเป็นอย่างดี เพราะอย่างไรแล้วเขาก็ได้ประสบกับการปฏิรูปและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาอย่างเต็มรูปแบบ และเขาก็ได้เห็นวันที่สังคมเมินเฉยต่อชายชราที่ล้มลงกับพื้นมาด้วยตาของตัวเอง

“ประการที่สอง ทหารทุกตนจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าอยู่ในสวนจี้ชั่งระยะ 1 และหากพวกเขาต้องตายในหน้าที่ ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาจะถูกเก็บไว้เพื่อลูกหลายของพวกเขาสืบไป สุดท้าย สิ่งอำนาจความสะดวกในด้านการบันเทิงและสันทนาการทั้งหมดจะถูกส่งไปยังกองทัพก่อนเป็นอันดับแรก !”

เงียบ

ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที มือจำนวนมากก็ชูขึ้นกลางอากาศ

“ข้าขอสมัคร !”

“ชีวิตของข้าเป็นของผะ… ยมโลก !!”

“ขอสมัครเข้ากองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก !”

“มีข้อจำกัดทางอายุหรือไม่ ?”

“พวกเราต้องมีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนหรือไม่ ?”

มูลค่าของสิ่ง ๆ หนึ่งจะต้องถูกนำเสนอโดยเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทราบมูลค่า นี่คือทางเดียวที่จะสามารถถ่ายทอดมูลค่าของมันให้กับพลเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะไม่รู้ถึงมูลค่าของเพชรด้วยซ้ำแม้ว่ามันถูกนำมาเสนอตรงหน้าก็ตาม

สำหรับเหล่าประชากรทั้งหมด พวกเขาได้ล่องลอยไปมาตลอดเกือบหนึ่งปี และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับความบันเทิงและสันทนาการก็ไม่ต่างอะไรกับของที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาให้

นอกจากนี้ สำหรับพวกที่ได้นอนอยู่ภายใต้ดวงดาวและเผชิญหน้ากับสภาพอากาศมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี บ้านคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับพวกเขา !

“เงียบ !” เสียงของฉินเย่ดังก้องไปทั่ว “ผู้ที่มีความประสงค์ที่จะสมัครให้ไปติดต่อกับกลุ่มผู้ตรวจสอบอดีตกรรมของซูตงเซวี่ยภายในระยะเวลาสองอาทิตย์เพื่อที่จะส่งใบสมัคร ทีนี้ เราจะพูดถึงเรื่องที่สาม”

“นี่จะเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งอุตสาหกรรมสื่อแห่งยมโลก”

เขากระแอมออกมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าประชากรทุกตนที่นี่มีสิทธิ์ที่จะได้รู้และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปและกำลังทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ มันยังมีเรื่องของการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ด้วย หากเราสามารถเจรจาต่อรองกับข้าราชการศักดินาตนอื่น ๆ สำเร็จ มันก็อาจจะนำไปสู่การเปิดพรมแดนและการออกวีซ่าสำหรับนักข่าวต่างประเทศ แบบนั้น พวกเจ้าก็จะสามารถรับรู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเรากำลังอยู่ได้มากขึ้น โลกใต้พิภพอื่น ๆ เป็นอย่างไร เหตุใดเราถึงต้องจัดตั้งกองพันทหารที่หนึ่งแห่งยมโลก และภัยคุกคามใดที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่”

หลังจากพูดไปประมาณ 40 นาที ในที่สุดเขาก็สรุปหัวข้อสุดท้ายด้วยเสียงที่แหบแห้ง

“สุดท้าย ข้าจะทำการตั้งกล่องเสนอความคิดเห็นขึ้นสิบกล่อง” เขาเอ่ยไปทั้ง ๆ เสียงที่แหบพร่า “ใครก็ตามที่มีคำแนะนำสามารถนำมาหย่อนลงในกล่องพวกนี้ได้ ทางเราจะเก็บมันทุก ๆ วันจันทร์และข้าจะตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม จงพึงระลึกไว้ว่าให้ใส่มาเฉพาะคำแนะนำเท่านั้น ไม่ใช่คำร้องเรียน ! ผู้กระทำผิดทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง”

เห้อ~… ในที่สุดก็จบ เขาคลึงขมับของตนเองอย่างเหนื่อยอ่อน เขาได้ให้ข้อมูลกับประชาชนไปมากพอที่จะให้ครุ่นคิดไปอีกหลายสัปดาห์ และมันก็ควรที่จะจบการประกาศลงตรงนี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมือ “นี่คือทั้งหมดของการประชุมในวันนี้ พวกเจ้าสามารถแยกย้ายกันกลับไปทำงานได้ บริษัทก่อสร้างหยินต้องการความช่วยเหลือจากทุกฝ่าย ยมโลกจะไม่มีทางลืมผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อความพัฒนาของมัน”

สิ้นสุดเสียงพูด พลเมืองทั้งหมดก็แยกย้ายกันไป

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแยกออกไปเป็นกลุ่มสามถึงห้าตน พูดคุยเกี่ยวกับคำประกาศที่ตนเพิ่งได้ยินด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทั้งหมดสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ยมโลกกำลังก้าวไปสู่ช่วงเวลาการพัฒนาอย่างพุ่งทะยาน วันเวลาแห่งความเงียบและความน่าเบื่อได้สิ้นสุดลงแล้ว และไม้ฮวงหัวลี่ล็อตแรกก็ได้เปิดความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขตให้กับยมโลก !

มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวในเมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากไม่มีอะไรเลย ?

เผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่มีวันสูญสิ้น แล้วยมโลกก็จะไม่พังพินาศตลอดไป ที่สำคัญที่สุด ประชากรนรกได้เริ่มมองเห็นแล้วว่าความหวังของพวกเขามีอยู่จริง ! พวกเขาได้รับความมั่นใจแล้วว่ามีคนสนับสนุนพวกเขาอยู่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ตาม

“ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้งหมดทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าได้ประกาศไปก่อนหน้านี้อย่างละเอียด” หวงเลี่ยงชวน กู่ชิงและหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินยังคงยืนอยู่กับที่ของตน ฉินเย่คลึงขมับของตัวเองเบา ๆ “หลังจากนี้เราจะมีการจัดประชุมเกี่ยวกับแผนการตลอดห้าปีสำหรับยมโลกขึ้น บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมการประชุมนี้”

กู่ชิงถามอย่างเป็นกังวล “นายท่าน เรายังมีโครงการอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาอีกหรือไม่ ? หากไม่มี ข้าคิดว่าสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญตอนนี้ก็คือการลงมือปฏิบัติจริง สุนทรพจน์ที่ท่านได้พูดไปก่อนหน้านี้ยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อเราลงลึกถึงรายละเอียด มันดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมา เขาเดินนำคนทั้งหมดกลับเข้าไปในโถงเสริม นั่งลงบนเก้าอี้และเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าเองก็คิดถึงเรื่องนั้นเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกของเราในตอนนี้ก็คือให้เวลาซูตงเซวี่ยในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา นอกจากนี้…”

เขายืดหลังตรงอีกครั้งและมองทุกคนที่อยู่โดยรอบด้วยสายตานิ่งสงบ “การประชุมที่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะมีเฉพาะบุคลากรที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของเราในตอนนี้เท่านั้น”

ไม่มีใครในที่นี้เป็นคนโง่ และพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่าการประชุมอย่างแน่นอน หูเฟิงจึงถามขึ้นมาว่า “ท่านกำลังจะบอกว่า… มันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ ?”

“สำคัญกว่าวันนี้” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ประกายสังหารวาววาบขึ้นมาในแววตาของเขา “พวกเจ้าคิดว่าทุกอย่างที่ช้าพูดในวันนี้มันเพียงเพื่อที่จะจุดประกายความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้นให้กับประชากรของข้าเท่านั้นหรืออย่างไร ?”

โดยไม่เว้นช่วง เขาเอ่ยต่อ “ไม่ ! ความจริงของเรื่องนี้ก็คือข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจำนวนข้าราชการศักดินาที่จะเดินทางมาในปลายปีนี้มีจำนวนเท่าใดกันแน่ แขกเหล่านี้ถือว่าเป็นคน ‘ของเรา’ เองและเราก็ไม่สามารถปกปิดความจริงเกี่ยวกับยมโลกจากพวกเขาได้ แต่… หากยมโลกไม่สามารถจัดการเรื่องพวกนี้ได้เร็วพอ พวกเขาจะต้องมองเราไม่ต่างอะไรกับชิ้นเนื้ออย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น… คน ‘ของเรา’ ก็อาจจะกลายเป็นใบมีดที่แทงเข้ามาในใจของเราแน่ ๆ”

เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องโถง “มันไม่มีพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างชาติ สิ่งเดียวที่มีค่าคือผลประโยชน์ร่วมกัน ในเมื่อเราไม่สามารถรักษาพวกเขาเอาไว้ได้ เราก็ควรจะปล่อยพวกเขาไปพร้อมกับเงื่อนไขที่เป็นมิตร แต่เชื่อข้าเถอะ วันหนึ่งพวกเราจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่ายมโลกยังคงเป็นบ้านเกิดของพวกเขา !”

“และมันก็เป็นเพราะแรงกดดันจากคน ‘ของเรา’ เองที่ทำให้โนบูนางะและข้าเดินทางกลับไปยังยมโลกแห่งเก่าเพื่อนำของบางอย่างกลับมา” ฉินเย่โบกมือและกองถุงเอกภพจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ “ถุงเหล่านี้มีมรดกที่สำคัญที่สุดของยมโลกแห่งเก่าเอาไว้ พวกเจ้าสามารถแบ่งงานประจำของตัวเองให้คนอื่นรับผิดชอบได้ แต่การจัดการเรื่องมรดกของยมโลกคือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องทำมันด้วยตัวเอง ! พวกเราจะให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด !”

“โชคดีที่ช่วงนี้ทางสำนักฝึกตนแห่งแรกยังอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ข้าจึงสามารถแบ่งเบาภาระงานจากพวกเจ้าได้บ้าง นอกจากนี้ มันไม่มีอะไรเร่งด่วนไปกว่าการตรวจดูมรดกเก่าจากยมโลกและการหาชุดเกราะและอาวุธที่เหมาะสมที่สุดให้กองทัพของเราอีกแล้ว”

“เพราะอย่างไร…” เสียงของฉินเย่ทุ้มลง “มันก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงหกเดือนเท่านั้นจนกว่าจะถึงปลายปี…”

ทุกอย่างล้วนมีลำดับความสำคัญของตัวเอง ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องทำก็คือการทำให้โนบูนางะสามารถฝึกฝนกองกำลังชั้นยอดสำหรับการประชุมของราชสำนักที่จะถูกจัดขึ้นในปลายปีนี้ให้ได้ !

ความแข็งเร่งและอำนาจนั้นมาจากกระบอกปืน

“รับทราบ” คนทั้งหมดตอบรับอย่างจริงจัง พวกเขาทั้งหมดล้วนมีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาของยมโลก และพวกเขาก็ไม่มีทางทรยศต่อยมโลกเป็นอันขาด กู่ชิงพึมพำ “ถ้าเช่นนั้น เราก็เริ่มตรวจดูสิ่งของทั้งหมดกันเลยเถอะ ท่านฉิน พวกเราควรจะเริ่มกันจุดใดดี ?”

“เริ่มจากนี่” ฉินเย่หยิบถุงเอกภพถุงหนึ่งมาและเปิดมันออก หากพูดกันตามจริง นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ยมโลกแห่งเก่าแล้ว

พลังหยินของเขาไหลเข้าสู่ถุง และมันก็เปิดออก จากนั้น… แผนที่ขนานเล็กหนึ่งนิ้วก็ลอยออกมาก่อนจะขยายตัวต่อหน้าของคนทั้งหมด ภายในเวลาไม่กี่วินาที มันกลายเป็นแผนที่ซึ่งมีขนาดสิบคูณสามเมตร ! ไม่น่าเชื่อ !

มันเป็นแผนที่ของทวีปทางตอนตะวันออกซึ่งถูกระบายด้วยสีและทำเครื่องหมายเอาไว้จนทั่ว ดวงตาของโนบูนางะเปล่งประกายขึ้น จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งคนของตน “มุไรคุง รีบไปยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามาเป็นอันขาด ผู้ใดก็ตามที่ขัดคำสั่งสังหารทันที !”

“รับทราบ !”

มุไรซาดาคัตสึจากไปทันทีและเหล่าคนที่เหลือก็เริ่มศึกษาแผนที่ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดเริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เห็นรายชื่อที่ตนคุ้นเคยถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้บนแผนที่ !

มันคือรายชื่อของเหล่าข้าราชการศักดินา !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+