ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 310: ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (2)
บทที่ 310: ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (2)
พลังหยินจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลดูไม่ต่างอะไรกับดอกปี่อั้นสีดำที่เบ่งบานอยู่เหนือมหาสมุทรเลยสักนิด สุนัขโครงกระดูกทั้งหมดหมอบลงกับพื้น ก้มหน้าต่ำขณะที่เปิดทางให้กับผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้เป็นนายของมัน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เงินกระดาษสีขาวก็เริ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศจากใจกลางกลุ่มก้อนของพลังหยิน แพร่กระจายไปโดยรอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุดราวกับต้องการจะปูทางสำหรับการมาถึงของบุคคลสำคัญ และก็ตามมาด้วยเสียงของปี่โหวที่แหลมสูงและแปลกประหลาดก่อนที่คนกระดาษหลายสิบตัวจะเดินออกมาจากกลุ่มก้อนพลังสีดำพร้อมกับกลองและฆ้องของพวกมัน
ขบวนของคนกระดาษเผยให้เห็นเกี้ยวสีแดงขนาดใหญ่ที่พวกมันแบกอยู่บนไหล่ เกี้ยวดังกล่าวดูเก่าและเห็นได้ชัดว่าผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้ว อันที่จริง มันดูไม่ต่างอะไรกับเกี้ยวที่ถูกขุดขึ้นมาจากแหล่งโบราณคดีเลยสักนิด
มือที่เหี่ยวย่นเปิดผ้าม่านขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงก่ำที่จ้องมองออกมาจากภายในความมืด แสงสีทองของดวงอาทิตย์เผยให้เห็นเงาราง ๆ ของผู้ที่อยู่ด้านใน
มันคือร่างของชายสูงวัยหัวโล้นคนหนึ่ง
เขามีขนคิ้วสีขาวแต่ไม่มีหนวด ดวงตาเป็นสีแดงก่ำและแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวที่สง่างามราวจักรพรรดิ ผิวของเขาเต็มไปด้วยรอยฝ้าที่คนสูงอายุส่วนใหญ่มักมีให้เห็น อีกฝ่ายดูเหมือนกับมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะไร้ร่องรอยของความมีชีวิตชีวา มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาเพิ่งคลานออกมาจากหลุมศพ
เงียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา กำแพงทหารวิญญาณที่ยืนอยู่หน้าปูซานก็แยกตัวออก เปิดทางให้ม้าโครงกระดูกที่มีความสูงสองเมตรที่แบกรับร่างของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งในชุดเกราะสีทองของเขาเอาไว้เดินออกมา เปลวไฟนรกในดวงตาของเขาลุกโชนขึ้น และเขาก็จ้องชายสูงวัยที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของผืนน้ำก่อนจะเอ่ยออกมา “เจ้านี่เอง…”
“การเอาตัวรอดจากบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของพิภพอสูรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
“ใช่แล้ว มันไม่ง่าย” ชายสูงวัยตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะหัวเราะออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูแปลกประหลาดอย่างมาก มันแทบจะเหมือนกับว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย มีแค่มุมปากของเขาเท่านั้นที่ยกขึ้น เผยให้เห็นซี่ฟันที่แหลมคมด้านใน
“ข้าไม่ได้พยายามที่จะเป็นศัตรูกับท่าน” ชายสูงวัยปลดม่านบนเกี้ยวของตนลงอีกครั้ง “ข้ากำลังตามหาบางอย่าง ยอมให้ข้าผ่านไป และข้าสัญญาว่าจะไม่ยุ่งอะไรกับโลกใต้พิภพของฮันยางแม้แต่ปลายเล็บ”
“กลับไปซะ” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ยมโลกยังคงมีอยู่ ดังนั้นเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือว่าตัวเองมีสิทธิ์มายื่นข้อเสนอเหล่านี้กับข้า ?”
“แค่ก แค่ก แค่ก…” เสียงไออย่างรุนแรงดังให้ได้ยินจากด้านในของเกี้ยว “อย่างนี้นี่เอง… ยมโลกยังมีอยู่จริง ๆ …ใช่ เมื่อประมาณปีที่แล้วข้าเองก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่คล้ายกับการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่… เยี่ยมมาก… เยี่ยมจริง ๆ …ไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมา…”
ตู้ม !!!
ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบ พลังหยินก็ระเบิดออกมาจากเกี้ยวราวกับคลื่นสึนามิที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึงร้อยเมตร ! ลูกไฟวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนลุกโชนขึ้นจากด้านในความมืด ในขณะที่เสียงคร่ำครวญของเหล่าวิญญาณดังก้องไปทั่ว มันแทบจะเหมือนกับว่ารอยแยกที่นำไปสู่ขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 ได้เปิดออกไม่มีผิด !!
เสียงขู่ของชายสูงวัยฟังดูเหมือนกับงูพิษ “ท่านคือผู้ที่ขายข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งยมโลกแห่งใหม่ให้กับเรา ดังนั้นท่านคิดหรือว่าตัวเองมีสิทธิ์มาพูดจากับข้าด้วยท่าทางเช่นนั้น พูดจาราวกับตัวเองยึดถือคุณธรรมสูงส่ง ?!”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งยังคงเงียบ แต่เขาก็ยังยืนหยัดอย่างอดทน
ฟึ่บ… กลุ่มก้อนพลังหยินที่สูงร้อยเมตรค่อยก่อตัวรวมกันจนเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของชายชรา และเปลวไฟนรกสีแดงเข้มสองดวงก็ลุกโชนขึ้นในจุดที่เป็นดวงตา จ้องมองไปที่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเขม็ง วิญญาณที่กรีดร้องจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าลวงตาก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น… แถวของแสงสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นในความมืด
พวกมันคือแถวของโคมไฟสีแดงที่ดูเหมือนจะทอดยาวไปตามถนนเพื่อนำไปสู่นครเฟิงตู สายลมที่น่าขนลุกพัดผ่านพร้อมกับวิญญาณจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นโดยรอบ
“พวกเราทั้งหมดไม่สามารถแน่ใจได้ว่ายมโลกแห่งใหม่ถูกก่อตั้งขึ้นหรือไม่” ภาพลวงตาในอากาศยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่ท่านกลับยืนยันมันให้เรา มันเป็นเพราะอะไร ?”
“เพราะว่าท่านเองก็ต้องการที่จะลุกขึ้นต่อต้านอำนาจของยมโลกเช่นกัน ! เป้าหมายของเราไปในทิศทางเดียวกัน ! พวกเราไม่ต้องการที่จะเป็นหุ่นเชิดของยมโลกแห่งเก่าอีกต่อไป โลกอยู่ในกำมือของเรา และมันก็พร้อมที่จะให้เราได้เก็บเกี่ยว… เพราะฉะนั้น ข้าขอถามท่านอีกครั้ง ท่านมีสิทธิ์อะไรที่จะยึดถือหลักคุณธรรมสูงส่งในการสนทนาของเราในครั้งนี้ ?!”
“มันยังมีข้อแตกต่างอยู่” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยออกมาในที่สุด
เขาชูหอกในมือขึ้น และทหารวิญญาณที่อยู่โดยรอบก็ยืนก่อตัวกันเป็นค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็เล็งหอกของตนไปยังเกี้ยวสีแดงตรงหน้าขณะที่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยต่อ “ข้าคือตัวตนที่ได้รับคำอวยพรจากสวรรค์และมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ! ข้าสมควรได้รับบัลลังก์และครองแผ่นดินจีน ! แม้แต่พวกราชทูตทั้ง 12 ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับข้าผู้นี้ได้ นับประสาอะไรกับราชาผีแห่งสังสารวัฏที่ไม่ต่างอะไรกับปีศาจในสายตาของข้า !”
“จุดประสงค์ในการขึ้นครองบัลลังก์ของข้าก็คือนำแสงสว่างกลับมาสู่โลกและทำให้แผ่นดินจีนกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในยุคราชวงศ์ซ่งอีกครั้ง ! เจ้ากล้าเอาจุดประสงค์ส่วนตัวของตัวเองมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร ?!”
กลับเข้ามาภายในเกี้ยว ดวงตาของชายสูงวัยวาวโรจน์ขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เขากำที่วางแขนแน่น เล็บมือยืดยาวออกประมาณหนึ่งนิ้ว ดวงตาสีขาวเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ในขณะที่ที่รูม่านตาเปลี่ยนเป็นสีขาว หลังจากนั้นพลังหยินจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ชายสูงวัยกัดฟันที่แหลมคมของตนแน่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีของเหลวหนืดสีดำไหลออกมาจากปากของตนและเปื้อนเสื้อคลุมยาวที่ตนสวมอยู่
มันคือน้ำศพ
เมื่อคน ๆ หนึ่งตายไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะหยุดทำงาน แบคทีเรียและไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่าง เจริญเติบโตและเปื่อยเน่าลงเรื่อย ๆ แบคทีเรียและไวรัสเหล่านี้จะเริ่มย่อยสลายน้ำตาลและโปรตีนเพื่อสร้างเป็นสารประกอบที่สามารถละลายน้ำได้ และสิ่งที่ถูกผลิตออกมาก็ถูกเรียกว่าน้ำศพ
ภายในไม่กี่วินาที น้ำศพพวกนั้นก็เริ่มส่งเสียงซ่าออกมาบนเสื้อผ้าก่อนที่จะกัดกร่อนมันด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า !
ทันใดนั้น มือคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยร้อยช้ำสีม่วงก็รีบดึงเสื้อคลุมออก
มันเป็นมือของเด็ก
วินาทีต่อมา ชายสูงวัยก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอนหลังพิงพนักภายในเกี้ยวและหัวเราะเสียงเย็น “แล้วถ้าหากข้าดึงดันที่จะเข้าไปเล่า ?”
“เจ้าจะลองดูก็ได้” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยามก่อนจะชูหอกขึ้นในอากาศอีกครั้ง เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงกลองสงครามก็ดังสนั่นไปทั่ว ส่งผลให้ผิวน้ำปั่นป่วนอย่างรุนแรง จากนั้นกำแพงทหารม้าก็แยกออกจากกันราวกับทะเลแดงอีกครั้ง และทหารราบนับพันก็พุ่งออกมา
พวกเขาเองก็สวมชุดเกราะจีนโบราณเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ใช่โครงกระดูก มือข้างหนึ่งถือดาบในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือโล่ ทันทีที่พวกเขายืนก่อตัวเป็นค่ายกลอยู่ด้านหน้าทะเลปูซาน พวกเขาก็ยกดาบขึ้นและเหวี่ยงลงพร้อมกัน
ตู้ม !
ชายสูงวัยหรี่ตาลง การโจมตีที่พร้อมเพรียงกันของทหารพวกนี้ได้สร้างคลื่นยักษ์ที่สูงกว่าสิบเมตรขึ้นมา
และมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังมองเห็นคันธนูและลูกธนูจำนวนมากที่ชูขึ้นไปในอากาศด้านหลังของกำแพงทหารอีกด้วย หากพูดให้ถูกก็คือมันยังมีพลธนูอีกสามแถวที่ยืนเรียงตัวกันอยู่ด้านหลังของพลทหารถือโล่ด้านหน้า และจำนวนกองกำลังทหารทั้งหมดก็ยืดตัวยาวออกไปหลายร้อยเมตร
พรึ่บ… หัวลูกศรอันแรกลุกโชนขึ้นราวกับเปลวไฟที่น่าขนลุกในยามราตรี ราวกับเป็นสิ่งกระตุ้น หัวลูกศรอื่น ๆ เองก็เริ่มลุกโชนขึ้นเช่นกัน หนึ่ง… สาม… ร้อย… พัน… 5 พัน… หมื่น !!
ลูกไฟนรกหมื่นดวงถูกจุดขึ้นอย่างถูกเตรียมไว้ก่อนแล้วและพร้อมที่จะยิงเข้ามาในทะเลด้านหน้าของปูซานทันทีที่ได้รับคำสั่ง !
“ทหารวิญญาณ 3 หมื่นนาย… ฮ่า ๆๆ …หลิวจี้หนู [1] ข้าราชการศักดินาสามารถมีกองกำลังทหารในครอบครองได้เพียง 5,000 นายเท่านั้น ช่างกล้าดีจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าท่านจะสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมา !” ชายสูงวัยไม่ได้ดูตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขาเพียงหัวเราะออกมาอย่างโหยหวน “ข้าเข้าใจแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการจะบอกก็คือมันไม่สำคัญว่าราชทูตทั้ง 12 ตนใดจะต่อต้านยมโลกแห่งใหม่ แต่ผู้ที่ชนะจะได้เป็นผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์และครอบครองอำนาจสูงสุดไป แต่ข้า ราชาผี ไม่ถูกนับรวมในจุดนี้ ?”
หลิวอวี้เหลือบตามองไปยังทิศทางของยมโลก “ผิดแล้ว”
“สิ่งที่ข้าต้องการจะพูดก็คือไม่มีพวกเจ้าตนใดที่มีคุณสมบัติเพียงพอเลยสักนิด !”
เงียบ
พลังหยินเหนือน่านน้ำเบื้องหน้าปูซานหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันกลืนกินร่างของสุนัขโครงกระดูกทุกตัวที่หมอบอยู่บนพื้น ก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำจำนวนมากจะปรากฏขึ้นในความมืด ในอีกด้านหนึ่ง ทหารวิญญาณกว่า 3 หมื่นตนที่ก่อตัวเป็นค่ายกลต่างก็เตรียมพร้อมสำหรับสัญญาณในการต่อสู้ พลังหยินที่หลั่งไหลออกมานั้นหนาแน่นจนปกคลุมท้องฟ้าจนหมด ในขณะที่จุดสีแดงดังกล่าวก็ดูไม่ต่างอะไรกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิทและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ที่เป็นเจ้าเหนือหัวของพวกเขา
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงของฝ่ายตรงข้ามก็ดังขึ้น “ก็ได้… ครั้งนี้ข้าจะยอมรามือไปก่อน แต่ข้ามีคำถามข้อหนึ่งที่อยากจะถาม และข้าก็หวังว่าจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งจะตอบออกมาตามความจริง ไม่เช่นนั้น…”
เสียงของเขาแหลมขึ้นและอีกฝ่ายก็เริ่มพูดราวกับเด็กอายุสามขวบ เสียงของเขาเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “โปรดอย่าโทษข้าที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ! เพราะอย่างไรแล้วข้าก็เป็นภูตผีคลุ้มคลั่ง ในขณะที่ท่านเป็นเพียงตุลาการนรก !”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเพียงเอ่ยออกมาอย่างเหยียดหยาม “ยิง”
“สมุดแห่งความเป็นตายอยู่ที่ใด ?!!” เสียงดังกล่าวแหลมสูงและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “บอกข้ามาว่าสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ที่ใด แล้วข้าจะไปจากที่นี่ทันที !”
“หืม…” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งกำที่คุมบังเหียนม้าของตนแน่นและระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงใส่ความมืดและถามออกไป “กลัวอย่างนั้นหรือ ?”
ตู้ม !
ทันใดนั้น จุดสีแดงจำนวนมากในกลุ่มก่อนพลังหยินก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้มันมีจำนวนเพียงไม่กี่พัน แต่ตอนนี้… จำนวนของมันพุ่งสูงขึ้นไปถึงหมื่น ! หากพูดกันตามจริง มันอาจจะไม่เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใดหากจะบอกว่าจำนวนของมันมีมาถึงหนึ่งแสน !
ฟึ่บ… เหล่าพลธนูที่ยืนอยู่ด้านหลังจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งดึงสายธนูของพวกเขา ทหารม้าด้านหน้าส่งเสียงโห่ร้องและจะโน้มตัวมาข้างหน้า ถือหอกไว้ข้างตน เตรียมพร้อมที่จะพุ่งตัวออกไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง
ความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งสถานที่ขณะที่กลุ่มก้อนพลังหยินยังคงปั่นป่วนไม่หยุด วินาทีต่อมา คนกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนที่ใบหน้าถูกวาดอย่างลวก ๆ สวมหมวกทรงสูง เสื้อคลุมสีดำและถือไม้ขกสังปั๊งก็ลอยออกมาจากกลุ่มก้อนพลังหยินราวกับฝูงผึ้ง !
ซ่ากกกก !! เสียงร้องของวิญญาณนับพันดังขึ้นท่ามกลางเปลวไฟนรกที่ลุกโชติช่วงอยู่บนฟ้า ขณะที่คนกระดาษยังคงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีจำนวนกว่าแสนตน !
แม้แต่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเองก็ไม่สามารถรักษาแววตานิ่งสงบได้อีกต่อไป
“ใช่แล้ว… ข้ากลัว…” เสียงของชายสูงวัยดังมาจากในความมืด มันแหบพร่าและเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่ข้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จบภายใต้กงล้อแห่งสังสารวัฏ… และตอนนี้ข้าก็หวาดกลัวเป็นอย่างมากเนื่องจากยมโลกกำลังซ่อนตัวจากข้าโดยที่ข้าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย… เพราะฉะนั้นเรามาเลิกสนใจเรื่องนั้นและมาพูดเรื่องของเราไม่ดีกว่าหรือ ?”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ และเงยหน้าขึ้น “ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดเช่นกัน”
เขาสั่งให้ม้าของตนหมุนตัวและกลับไปอยู่รวมกับกองกำลังทหารของตน “บางทียมทูตของยมโลกแห่งใหม่อาจจะสามารถปกปิดมันไว้ได้ ข้าเองก็ไม่ได้อยู่ในยมโลก ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เหตุใด… เจ้าไม่ลองดูด้วยตัวเองเล่า ?”
พรึ่บ… ขณะที่เขาจากไป กองกำลังทหาร 3 หมื่นนายเองก็ค่อย ๆ ลดลงราวกับกระแสน้ำ
หลังจากนั้น พื้นที่เหนือผิวน้ำทะเลก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง ไม่กี่นาทีต่อมา พลังหยินจำนวนมากก็หดตัวกลับไปราวกับพวกมันหายเข้าไปในรอยแยกที่เปิดออกจากที่ไกล ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบสุขก่อนหน้านี้
หลายนาทีต่อมา วิญญาณที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของบัณฑิตจีนในสมัยโบราณพลันลอยมาหาจักรพรรดิหวู่แห่งซ่ง “ฝ่าบาท เขาได้จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งพยักหน้าในขณะที่วิญญาณตรงหน้ายังคงเอ่ยต่อด้วยเสียงแหบพร่า “คำแนะนำของพระองค์เมื่อครู่นั้นช่างยอดเยี่ยม ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถสรุปความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยมโลกแห่งใหม่ได้ แต่ราชาผีพวกนั้นจะต้องเป็นกังวลมากกว่าเราอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรแล้วพวกมันก็รู้ดีว่าการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่นั้นหมายความว่ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะถูกลากกลับไปสู่ความทรมานที่ไม่รู้จบภายใต้กงล้อแห่งสังสารวัฏอีกครั้ง มันไม่เสียหายอะไรที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายไปทดสอบดูสถานการณ์ก่อนเรา”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดและพึมพำกับตัวเอง “สมุดแห่งความเป็นตาย… พลังหยินของยมโลกแห่งใหม่นั้นยังอ่อนมาก มันจึงไม่มีผู้ใดสามารถระบุตำแหน่งของมันได้หากพวกเขาตั้งใจที่จะหลบซ่อนตัวต่อไป แต่หากอีกฝ่านสามารถเก็บสมุดแห่งความเป็นตายไปได้ พลังหยินของยมโลกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมันก็จะถูกตรวจจับได้ในทันที หากพูดอีกอย่างก็คือ… แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่ายมโลกแห่งใหม่ได้สมุดแห่งความเป็นตายไปจริง ๆ”
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ช่องแคบสึชิมะ แต่ถึงอย่างนั้น… เขาก็มั่นใจว่าสมุดแห่งความเป็นตายได้ปรากฏขึ้นและก็หายไปอีกครั้ง น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ว่ามันถูกกลืนกินเข้าไปโดยช่องแคบแห่งนี้หรือมีผู้ใดได้มันไปกันแน่
และหากเป็นอย่างหลัง… อีกฝ่ายเป็นใครกันล่ะ ?
“ฝ่าบาท แล้วเรื่อง… พวกคนจากแดนมนุษย์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ?” บัณฑิตผู้นั้นโค้งคำนับและถามอย่างสุภาพ
ดวงตาของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเป็นประกายเย็นยะเยือก “ฆ่ามันซะ”
“ผู้ใดก็ตามที่กล้าย่างเท้าเข้ามาในช่องแคบสึชิมะจะต้องถูกกำจัดทั้งหมด ญี่ปุ่นเองก็ทำแบบนี้เช่นกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่บุคคลที่สามจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“รับบัญชา !”
กองทัพขนาดใหญ่จากไปในเวลาไม่นาน ทิ้งไว้เพียงศพสี่ศพที่ลอยอยู่เหนือน้ำทะเล
โดยกระดูกแขนเสื้อของศพทั้งสี่มีเครื่องหมายของหน่วยอัลบาทรอสสลักอยู่
[1] อีกชื่อหนึ่งของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งนอกจากชื่อหลิวอวี้
Comments
ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] 310: ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (2)
บทที่ 310: ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (2)
พลังหยินจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลดูไม่ต่างอะไรกับดอกปี่อั้นสีดำที่เบ่งบานอยู่เหนือมหาสมุทรเลยสักนิด สุนัขโครงกระดูกทั้งหมดหมอบลงกับพื้น ก้มหน้าต่ำขณะที่เปิดทางให้กับผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้เป็นนายของมัน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เงินกระดาษสีขาวก็เริ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศจากใจกลางกลุ่มก้อนของพลังหยิน แพร่กระจายไปโดยรอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุดราวกับต้องการจะปูทางสำหรับการมาถึงของบุคคลสำคัญ และก็ตามมาด้วยเสียงของปี่โหวที่แหลมสูงและแปลกประหลาดก่อนที่คนกระดาษหลายสิบตัวจะเดินออกมาจากกลุ่มก้อนพลังสีดำพร้อมกับกลองและฆ้องของพวกมัน
ขบวนของคนกระดาษเผยให้เห็นเกี้ยวสีแดงขนาดใหญ่ที่พวกมันแบกอยู่บนไหล่ เกี้ยวดังกล่าวดูเก่าและเห็นได้ชัดว่าผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้ว อันที่จริง มันดูไม่ต่างอะไรกับเกี้ยวที่ถูกขุดขึ้นมาจากแหล่งโบราณคดีเลยสักนิด
มือที่เหี่ยวย่นเปิดผ้าม่านขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีแดงก่ำที่จ้องมองออกมาจากภายในความมืด แสงสีทองของดวงอาทิตย์เผยให้เห็นเงาราง ๆ ของผู้ที่อยู่ด้านใน
มันคือร่างของชายสูงวัยหัวโล้นคนหนึ่ง
เขามีขนคิ้วสีขาวแต่ไม่มีหนวด ดวงตาเป็นสีแดงก่ำและแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวที่สง่างามราวจักรพรรดิ ผิวของเขาเต็มไปด้วยรอยฝ้าที่คนสูงอายุส่วนใหญ่มักมีให้เห็น อีกฝ่ายดูเหมือนกับมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะไร้ร่องรอยของความมีชีวิตชีวา มันแทบจะเหมือนกับว่าเขาเพิ่งคลานออกมาจากหลุมศพ
เงียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา กำแพงทหารวิญญาณที่ยืนอยู่หน้าปูซานก็แยกตัวออก เปิดทางให้ม้าโครงกระดูกที่มีความสูงสองเมตรที่แบกรับร่างของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งในชุดเกราะสีทองของเขาเอาไว้เดินออกมา เปลวไฟนรกในดวงตาของเขาลุกโชนขึ้น และเขาก็จ้องชายสูงวัยที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของผืนน้ำก่อนจะเอ่ยออกมา “เจ้านี่เอง…”
“การเอาตัวรอดจากบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของพิภพอสูรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
“ใช่แล้ว มันไม่ง่าย” ชายสูงวัยตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะหัวเราะออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูแปลกประหลาดอย่างมาก มันแทบจะเหมือนกับว่ากล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย มีแค่มุมปากของเขาเท่านั้นที่ยกขึ้น เผยให้เห็นซี่ฟันที่แหลมคมด้านใน
“ข้าไม่ได้พยายามที่จะเป็นศัตรูกับท่าน” ชายสูงวัยปลดม่านบนเกี้ยวของตนลงอีกครั้ง “ข้ากำลังตามหาบางอย่าง ยอมให้ข้าผ่านไป และข้าสัญญาว่าจะไม่ยุ่งอะไรกับโลกใต้พิภพของฮันยางแม้แต่ปลายเล็บ”
“กลับไปซะ” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ยมโลกยังคงมีอยู่ ดังนั้นเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือว่าตัวเองมีสิทธิ์มายื่นข้อเสนอเหล่านี้กับข้า ?”
“แค่ก แค่ก แค่ก…” เสียงไออย่างรุนแรงดังให้ได้ยินจากด้านในของเกี้ยว “อย่างนี้นี่เอง… ยมโลกยังมีอยู่จริง ๆ …ใช่ เมื่อประมาณปีที่แล้วข้าเองก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่คล้ายกับการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่… เยี่ยมมาก… เยี่ยมจริง ๆ …ไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมา…”
ตู้ม !!!
ทว่าก่อนที่เขาจะพูดจบ พลังหยินก็ระเบิดออกมาจากเกี้ยวราวกับคลื่นสึนามิที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึงร้อยเมตร ! ลูกไฟวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนลุกโชนขึ้นจากด้านในความมืด ในขณะที่เสียงคร่ำครวญของเหล่าวิญญาณดังก้องไปทั่ว มันแทบจะเหมือนกับว่ารอยแยกที่นำไปสู่ขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 ได้เปิดออกไม่มีผิด !!
เสียงขู่ของชายสูงวัยฟังดูเหมือนกับงูพิษ “ท่านคือผู้ที่ขายข้อมูลเกี่ยวกับการก่อตั้งยมโลกแห่งใหม่ให้กับเรา ดังนั้นท่านคิดหรือว่าตัวเองมีสิทธิ์มาพูดจากับข้าด้วยท่าทางเช่นนั้น พูดจาราวกับตัวเองยึดถือคุณธรรมสูงส่ง ?!”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งยังคงเงียบ แต่เขาก็ยังยืนหยัดอย่างอดทน
ฟึ่บ… กลุ่มก้อนพลังหยินที่สูงร้อยเมตรค่อยก่อตัวรวมกันจนเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของชายชรา และเปลวไฟนรกสีแดงเข้มสองดวงก็ลุกโชนขึ้นในจุดที่เป็นดวงตา จ้องมองไปที่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเขม็ง วิญญาณที่กรีดร้องจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าลวงตาก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น… แถวของแสงสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นในความมืด
พวกมันคือแถวของโคมไฟสีแดงที่ดูเหมือนจะทอดยาวไปตามถนนเพื่อนำไปสู่นครเฟิงตู สายลมที่น่าขนลุกพัดผ่านพร้อมกับวิญญาณจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นโดยรอบ
“พวกเราทั้งหมดไม่สามารถแน่ใจได้ว่ายมโลกแห่งใหม่ถูกก่อตั้งขึ้นหรือไม่” ภาพลวงตาในอากาศยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่ท่านกลับยืนยันมันให้เรา มันเป็นเพราะอะไร ?”
“เพราะว่าท่านเองก็ต้องการที่จะลุกขึ้นต่อต้านอำนาจของยมโลกเช่นกัน ! เป้าหมายของเราไปในทิศทางเดียวกัน ! พวกเราไม่ต้องการที่จะเป็นหุ่นเชิดของยมโลกแห่งเก่าอีกต่อไป โลกอยู่ในกำมือของเรา และมันก็พร้อมที่จะให้เราได้เก็บเกี่ยว… เพราะฉะนั้น ข้าขอถามท่านอีกครั้ง ท่านมีสิทธิ์อะไรที่จะยึดถือหลักคุณธรรมสูงส่งในการสนทนาของเราในครั้งนี้ ?!”
“มันยังมีข้อแตกต่างอยู่” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยออกมาในที่สุด
เขาชูหอกในมือขึ้น และทหารวิญญาณที่อยู่โดยรอบก็ยืนก่อตัวกันเป็นค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็เล็งหอกของตนไปยังเกี้ยวสีแดงตรงหน้าขณะที่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเอ่ยต่อ “ข้าคือตัวตนที่ได้รับคำอวยพรจากสวรรค์และมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ! ข้าสมควรได้รับบัลลังก์และครองแผ่นดินจีน ! แม้แต่พวกราชทูตทั้ง 12 ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับข้าผู้นี้ได้ นับประสาอะไรกับราชาผีแห่งสังสารวัฏที่ไม่ต่างอะไรกับปีศาจในสายตาของข้า !”
“จุดประสงค์ในการขึ้นครองบัลลังก์ของข้าก็คือนำแสงสว่างกลับมาสู่โลกและทำให้แผ่นดินจีนกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในยุคราชวงศ์ซ่งอีกครั้ง ! เจ้ากล้าเอาจุดประสงค์ส่วนตัวของตัวเองมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร ?!”
กลับเข้ามาภายในเกี้ยว ดวงตาของชายสูงวัยวาวโรจน์ขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เขากำที่วางแขนแน่น เล็บมือยืดยาวออกประมาณหนึ่งนิ้ว ดวงตาสีขาวเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ในขณะที่ที่รูม่านตาเปลี่ยนเป็นสีขาว หลังจากนั้นพลังหยินจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ชายสูงวัยกัดฟันที่แหลมคมของตนแน่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีของเหลวหนืดสีดำไหลออกมาจากปากของตนและเปื้อนเสื้อคลุมยาวที่ตนสวมอยู่
มันคือน้ำศพ
เมื่อคน ๆ หนึ่งตายไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะหยุดทำงาน แบคทีเรียและไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่าง เจริญเติบโตและเปื่อยเน่าลงเรื่อย ๆ แบคทีเรียและไวรัสเหล่านี้จะเริ่มย่อยสลายน้ำตาลและโปรตีนเพื่อสร้างเป็นสารประกอบที่สามารถละลายน้ำได้ และสิ่งที่ถูกผลิตออกมาก็ถูกเรียกว่าน้ำศพ
ภายในไม่กี่วินาที น้ำศพพวกนั้นก็เริ่มส่งเสียงซ่าออกมาบนเสื้อผ้าก่อนที่จะกัดกร่อนมันด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า !
ทันใดนั้น มือคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยร้อยช้ำสีม่วงก็รีบดึงเสื้อคลุมออก
มันเป็นมือของเด็ก
วินาทีต่อมา ชายสูงวัยก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอนหลังพิงพนักภายในเกี้ยวและหัวเราะเสียงเย็น “แล้วถ้าหากข้าดึงดันที่จะเข้าไปเล่า ?”
“เจ้าจะลองดูก็ได้” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยามก่อนจะชูหอกขึ้นในอากาศอีกครั้ง เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงกลองสงครามก็ดังสนั่นไปทั่ว ส่งผลให้ผิวน้ำปั่นป่วนอย่างรุนแรง จากนั้นกำแพงทหารม้าก็แยกออกจากกันราวกับทะเลแดงอีกครั้ง และทหารราบนับพันก็พุ่งออกมา
พวกเขาเองก็สวมชุดเกราะจีนโบราณเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ใช่โครงกระดูก มือข้างหนึ่งถือดาบในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือโล่ ทันทีที่พวกเขายืนก่อตัวเป็นค่ายกลอยู่ด้านหน้าทะเลปูซาน พวกเขาก็ยกดาบขึ้นและเหวี่ยงลงพร้อมกัน
ตู้ม !
ชายสูงวัยหรี่ตาลง การโจมตีที่พร้อมเพรียงกันของทหารพวกนี้ได้สร้างคลื่นยักษ์ที่สูงกว่าสิบเมตรขึ้นมา
และมันยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังมองเห็นคันธนูและลูกธนูจำนวนมากที่ชูขึ้นไปในอากาศด้านหลังของกำแพงทหารอีกด้วย หากพูดให้ถูกก็คือมันยังมีพลธนูอีกสามแถวที่ยืนเรียงตัวกันอยู่ด้านหลังของพลทหารถือโล่ด้านหน้า และจำนวนกองกำลังทหารทั้งหมดก็ยืดตัวยาวออกไปหลายร้อยเมตร
พรึ่บ… หัวลูกศรอันแรกลุกโชนขึ้นราวกับเปลวไฟที่น่าขนลุกในยามราตรี ราวกับเป็นสิ่งกระตุ้น หัวลูกศรอื่น ๆ เองก็เริ่มลุกโชนขึ้นเช่นกัน หนึ่ง… สาม… ร้อย… พัน… 5 พัน… หมื่น !!
ลูกไฟนรกหมื่นดวงถูกจุดขึ้นอย่างถูกเตรียมไว้ก่อนแล้วและพร้อมที่จะยิงเข้ามาในทะเลด้านหน้าของปูซานทันทีที่ได้รับคำสั่ง !
“ทหารวิญญาณ 3 หมื่นนาย… ฮ่า ๆๆ …หลิวจี้หนู [1] ข้าราชการศักดินาสามารถมีกองกำลังทหารในครอบครองได้เพียง 5,000 นายเท่านั้น ช่างกล้าดีจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าท่านจะสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมา !” ชายสูงวัยไม่ได้ดูตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย กลับกัน เขาเพียงหัวเราะออกมาอย่างโหยหวน “ข้าเข้าใจแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการจะบอกก็คือมันไม่สำคัญว่าราชทูตทั้ง 12 ตนใดจะต่อต้านยมโลกแห่งใหม่ แต่ผู้ที่ชนะจะได้เป็นผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์และครอบครองอำนาจสูงสุดไป แต่ข้า ราชาผี ไม่ถูกนับรวมในจุดนี้ ?”
หลิวอวี้เหลือบตามองไปยังทิศทางของยมโลก “ผิดแล้ว”
“สิ่งที่ข้าต้องการจะพูดก็คือไม่มีพวกเจ้าตนใดที่มีคุณสมบัติเพียงพอเลยสักนิด !”
เงียบ
พลังหยินเหนือน่านน้ำเบื้องหน้าปูซานหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันกลืนกินร่างของสุนัขโครงกระดูกทุกตัวที่หมอบอยู่บนพื้น ก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำจำนวนมากจะปรากฏขึ้นในความมืด ในอีกด้านหนึ่ง ทหารวิญญาณกว่า 3 หมื่นตนที่ก่อตัวเป็นค่ายกลต่างก็เตรียมพร้อมสำหรับสัญญาณในการต่อสู้ พลังหยินที่หลั่งไหลออกมานั้นหนาแน่นจนปกคลุมท้องฟ้าจนหมด ในขณะที่จุดสีแดงดังกล่าวก็ดูไม่ต่างอะไรกับกลุ่มดาวบนท้องฟ้า บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิทและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ที่เป็นเจ้าเหนือหัวของพวกเขา
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงของฝ่ายตรงข้ามก็ดังขึ้น “ก็ได้… ครั้งนี้ข้าจะยอมรามือไปก่อน แต่ข้ามีคำถามข้อหนึ่งที่อยากจะถาม และข้าก็หวังว่าจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งจะตอบออกมาตามความจริง ไม่เช่นนั้น…”
เสียงของเขาแหลมขึ้นและอีกฝ่ายก็เริ่มพูดราวกับเด็กอายุสามขวบ เสียงของเขาเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “โปรดอย่าโทษข้าที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของเรา ! เพราะอย่างไรแล้วข้าก็เป็นภูตผีคลุ้มคลั่ง ในขณะที่ท่านเป็นเพียงตุลาการนรก !”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเพียงเอ่ยออกมาอย่างเหยียดหยาม “ยิง”
“สมุดแห่งความเป็นตายอยู่ที่ใด ?!!” เสียงดังกล่าวแหลมสูงและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “บอกข้ามาว่าสมุดแห่งความเป็นตายอยู่ที่ใด แล้วข้าจะไปจากที่นี่ทันที !”
“หืม…” จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งกำที่คุมบังเหียนม้าของตนแน่นและระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงใส่ความมืดและถามออกไป “กลัวอย่างนั้นหรือ ?”
ตู้ม !
ทันใดนั้น จุดสีแดงจำนวนมากในกลุ่มก่อนพลังหยินก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้มันมีจำนวนเพียงไม่กี่พัน แต่ตอนนี้… จำนวนของมันพุ่งสูงขึ้นไปถึงหมื่น ! หากพูดกันตามจริง มันอาจจะไม่เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใดหากจะบอกว่าจำนวนของมันมีมาถึงหนึ่งแสน !
ฟึ่บ… เหล่าพลธนูที่ยืนอยู่ด้านหลังจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งดึงสายธนูของพวกเขา ทหารม้าด้านหน้าส่งเสียงโห่ร้องและจะโน้มตัวมาข้างหน้า ถือหอกไว้ข้างตน เตรียมพร้อมที่จะพุ่งตัวออกไปทันทีที่ได้รับคำสั่ง
ความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งสถานที่ขณะที่กลุ่มก้อนพลังหยินยังคงปั่นป่วนไม่หยุด วินาทีต่อมา คนกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนที่ใบหน้าถูกวาดอย่างลวก ๆ สวมหมวกทรงสูง เสื้อคลุมสีดำและถือไม้ขกสังปั๊งก็ลอยออกมาจากกลุ่มก้อนพลังหยินราวกับฝูงผึ้ง !
ซ่ากกกก !! เสียงร้องของวิญญาณนับพันดังขึ้นท่ามกลางเปลวไฟนรกที่ลุกโชติช่วงอยู่บนฟ้า ขณะที่คนกระดาษยังคงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีจำนวนกว่าแสนตน !
แม้แต่จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเองก็ไม่สามารถรักษาแววตานิ่งสงบได้อีกต่อไป
“ใช่แล้ว… ข้ากลัว…” เสียงของชายสูงวัยดังมาจากในความมืด มันแหบพร่าและเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่ข้าต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จบภายใต้กงล้อแห่งสังสารวัฏ… และตอนนี้ข้าก็หวาดกลัวเป็นอย่างมากเนื่องจากยมโลกกำลังซ่อนตัวจากข้าโดยที่ข้าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย… เพราะฉะนั้นเรามาเลิกสนใจเรื่องนั้นและมาพูดเรื่องของเราไม่ดีกว่าหรือ ?”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ และเงยหน้าขึ้น “ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดเช่นกัน”
เขาสั่งให้ม้าของตนหมุนตัวและกลับไปอยู่รวมกับกองกำลังทหารของตน “บางทียมทูตของยมโลกแห่งใหม่อาจจะสามารถปกปิดมันไว้ได้ ข้าเองก็ไม่ได้อยู่ในยมโลก ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เหตุใด… เจ้าไม่ลองดูด้วยตัวเองเล่า ?”
พรึ่บ… ขณะที่เขาจากไป กองกำลังทหาร 3 หมื่นนายเองก็ค่อย ๆ ลดลงราวกับกระแสน้ำ
หลังจากนั้น พื้นที่เหนือผิวน้ำทะเลก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง ไม่กี่นาทีต่อมา พลังหยินจำนวนมากก็หดตัวกลับไปราวกับพวกมันหายเข้าไปในรอยแยกที่เปิดออกจากที่ไกล ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบสุขก่อนหน้านี้
หลายนาทีต่อมา วิญญาณที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของบัณฑิตจีนในสมัยโบราณพลันลอยมาหาจักรพรรดิหวู่แห่งซ่ง “ฝ่าบาท เขาได้จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งพยักหน้าในขณะที่วิญญาณตรงหน้ายังคงเอ่ยต่อด้วยเสียงแหบพร่า “คำแนะนำของพระองค์เมื่อครู่นั้นช่างยอดเยี่ยม ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถสรุปความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยมโลกแห่งใหม่ได้ แต่ราชาผีพวกนั้นจะต้องเป็นกังวลมากกว่าเราอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรแล้วพวกมันก็รู้ดีว่าการก่อตั้งยมโลกขึ้นมาใหม่นั้นหมายความว่ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะถูกลากกลับไปสู่ความทรมานที่ไม่รู้จบภายใต้กงล้อแห่งสังสารวัฏอีกครั้ง มันไม่เสียหายอะไรที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายไปทดสอบดูสถานการณ์ก่อนเรา”
จักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดและพึมพำกับตัวเอง “สมุดแห่งความเป็นตาย… พลังหยินของยมโลกแห่งใหม่นั้นยังอ่อนมาก มันจึงไม่มีผู้ใดสามารถระบุตำแหน่งของมันได้หากพวกเขาตั้งใจที่จะหลบซ่อนตัวต่อไป แต่หากอีกฝ่านสามารถเก็บสมุดแห่งความเป็นตายไปได้ พลังหยินของยมโลกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมันก็จะถูกตรวจจับได้ในทันที หากพูดอีกอย่างก็คือ… แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่ายมโลกแห่งใหม่ได้สมุดแห่งความเป็นตายไปจริง ๆ”
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ช่องแคบสึชิมะ แต่ถึงอย่างนั้น… เขาก็มั่นใจว่าสมุดแห่งความเป็นตายได้ปรากฏขึ้นและก็หายไปอีกครั้ง น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ว่ามันถูกกลืนกินเข้าไปโดยช่องแคบแห่งนี้หรือมีผู้ใดได้มันไปกันแน่
และหากเป็นอย่างหลัง… อีกฝ่ายเป็นใครกันล่ะ ?
“ฝ่าบาท แล้วเรื่อง… พวกคนจากแดนมนุษย์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ?” บัณฑิตผู้นั้นโค้งคำนับและถามอย่างสุภาพ
ดวงตาของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งเป็นประกายเย็นยะเยือก “ฆ่ามันซะ”
“ผู้ใดก็ตามที่กล้าย่างเท้าเข้ามาในช่องแคบสึชิมะจะต้องถูกกำจัดทั้งหมด ญี่ปุ่นเองก็ทำแบบนี้เช่นกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่บุคคลที่สามจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“รับบัญชา !”
กองทัพขนาดใหญ่จากไปในเวลาไม่นาน ทิ้งไว้เพียงศพสี่ศพที่ลอยอยู่เหนือน้ำทะเล
โดยกระดูกแขนเสื้อของศพทั้งสี่มีเครื่องหมายของหน่วยอัลบาทรอสสลักอยู่
[1] อีกชื่อหนึ่งของจักรพรรดิหวู่แห่งซ่งนอกจากชื่อหลิวอวี้
Comments