ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน

โจวกุ้ยพาหัวเซียงซิ่วมาที่บริษัทปล่อยเงินกู้ และทั้งสองก็เดินเข้าไปในสำนักงานโดยตรง

“คุณหนูหัวเชิฐนั่งรอก่อนสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปเตรียมสัญญามา”

โจวกุ้ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

หัวเซียงซิ่วพยักหน้าโดยไวและตอบว่า

“ได้ค่ะ รบกวนคุณโจวแล้ว”

โจวกุ้ยเดินออกไปและตรงมายังห้องทำงานของเลขา

“เลขาหลี่ เตรียมเอกสารสัญญากับกาแฟสักแก้ว”

โจวกุ้ยออกคำสั่งและเดินเข้าไปในห้องประชุมเพียงลำพัง หันซ้ายแลขวาพอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงรีบหยิบมือถือโทรหาจ้าวเฉียนทันที

“ฮาโหลครับคุณชายจ้าว ผมพาเธอมาตามแผนเรียบร้อย”

โจวกุ้ยเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกลัวคนอื่นได้ยิน

จ้าวเฉียนฮัมเพลงเดินอย่างสบายอารมณ์ เอ่ยปากสั่งต่อไปว่า

“ให้เธอเซ็นสัญญากู้ยืมตามแผนที่วางไว้เลย”

โจวกุ้ยรีบกล่าวยืนยันกับจ้าวเฉียนว่า

“ไม่ต้องกังวลครับ ผมกำลังดำเนินการในจุดนี้อยู่ ตามข้อบังคับของประเทศ หากอัตราดอกเบี้ยรวมเกิน36%จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่คุณหนูสกุลหัวคนนี้ไม่น่าจะรู้เรื่องข้อกฎหมาย เราน่าจะหลอกเงินเธอมาได้เยอะอยู่ครับ”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่น เอ่ยตอบไปว่า

“เท่าไหนเท่ากัน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่า แผนใช้เงินกู้นอกระบบจะสามารถบ่อนทำลายตระกูลหัวได้แหะ นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน ไม่ต้องคิดมาก”

โจวกุ้ยรีบเอ่ยตอบน้ำเสียงสุภาพกลับไป

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบเซ็นสัญญากับเธอเลย”

จ้าวเฉียนส่งเสียงตอบคำหนึ่งและกดวางสายไป

ในเวลาเดียวกัน หยิงเสวี่ยเฉิงและบรรดาเพื่อนนักข่าวของหัวเซียงซิ่วก็ทยอยส่งข้อความหาจ้าวเฉียนทีละคนสองคน เพื่อรายงานสถานการณ์ให้ทราบ

หัวเซียงซิ่วผู้ซึ่งไร้ทางออก แน่นอนว่าเธอจะต้องติดต่อเพื่อนที่เป็นนักข่าวแน่นอน แต่เธอลืมอะไรไปรึเปล่า? สำนักข่าวทั้งหมดของเมืองหวานจิ้งล้วนถูกซื้อโดยตระกูลจ้าวไปหมดแล้ว ดังนั้น คิดว่าบรรดาเพื่อนนักข่าวเหล่านี้จะอยู่ฝ่ายไหน?

หัวเซียงซิ่วคนนี้ติดกับของจ้าวเฉียนตั้งแต่มาหาพวกเพื่อนนักข่าวแล้ว

จ้าวเฉียนที่อ่านข้อความเหล่านั้นก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ

หัวเซียงซิ่วเซ็นสัญญาเงินกู้และออกจากบริษัทของโจวกุ้ยอย่างมีความสุข เธอโทรหาหยิงเสวี่ยเฉิงและคนอื่นๆ ทันที เพื่อขอให้พวกเขารีบเขียนบทความโจมตีจ้าวเฉียนโดยเร็วที่สุด

ในไม่ช้าทั้งสื่อสำนักบนโลกอืนเตอร์เน็ตและในทีวี ก็เกิดข้อพิพาทครั้งใหญ่ คดีความของจ้าวเฉียนเมื่อหกปีก่อนถูกขุดขึ้นมาจนเป็นทีพูดคุยกันต่างๆนาๆ

“ไม่คิดเลยว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในหยานจิ้งจริงๆ? แล้วทำไมคดีนี้ถึงไม่ถูกสอบสวนล่ะ?”

“ไหนว่ารัฐบาลกำลังกวาดล้างความอยุติธรรมครั้งใหญ่? แต่ทำไมยังปล่อยให้ชายคนนี้ลอยนวลอยู่ล่ะ? เพราะรวยงั้นเหรอ?”

“เห้ออ…มีเงินมันก็ดีแบบนี้แหละ ถ้าเกิดเรื่องอะไรเข้าก็มีแพะรับบาปแทน ต่างจากคนจนๆ อย่างพวกเรา อย่าว่าแต่ทำอะไรผิดเลย บางทีเขาอาจถูกลากเข้าคุกโดยไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ!”

……….

ชาวเน็ตทั้งหลายต่างพูดถึงเรื่องนี้จนกลายมาเป็นประเด็นร้อน ความคิดเห็นของพวกเขาทั้งหมดเป็นไปในทางเดียวกัน ทุกคนล้วนเกลียดชังตำรวจที่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ไม่ว่าจะยังไงทางตำรวจจะต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงไขเรื่องนี้ต่อหน้าประชาชน

ณ เวลานี้เอง เมื่อถูกแรงกดดันจากประชาชนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทางตำรวจเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือการประชุมหารือกับทุกฝ่าย เพื่อหามาตรการรับมือที่ดีที่สุด

หลินเซียะคิดว่าเรื่องนี้สมควรออกตั้งโต๊ะแถลงก็จริง แต่คำถามคือจะหาหลักฐานยังไง? ไม่มีทั้งคลิปวีดีโอและภาพแล้ว

ในท้ายที่สุดนี้บรรยากาศการประชุมกดดันถึงขีดสุด ทุกนทนไม่ไหวแล้วจึงแนะให้หลินเซียะโทรคุยกับจ้าวเฉียนเป็นการส่วนตัว

หลินเซียะเองก็เห็นด้วยเช่นกัน จ้าวเฉียนสมควรรับรู้เรื่องดังกล่าวมากที่สุด และตัวเขาเองน่าจะหาทางหนีทาไล่ได้ดีที่สุดเช่นกัน

ดังนั้นหลินเซียะจึงโทรหาจ้าวเฉียนทันทีและขอให้เขามายังสำนักงานเขต

หนึ่งชั่วโมงต่อมา จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงสำนักงานเขต

หลินเซียะเข้าพบกับเขาและเชิญเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวทันที พร้อมเข้าเรื่องเลยว่า

“คุณชายจ้าวได้เห็นข่าวบนโลกอินเตอร์เน็ตรึยังครับ? ตอนนี้คดีความเก่าของคุณถูกรื้อขึ้นมาแล้ว พวกเราจำเป็นต้องตั้งโต๊ะแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้”

จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักและเอ่ยถามกลับไปว่า

“ทำไมผู้ว่าหลินถึงดูประหม่าขนาดนี้? ชาวเน็ตเป็นยังไงก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ชอบเสพดราม่าเป็นชีวิตจิตใจ ผ่านไปสามวันก็ลืมกันไปหมดแล้ว คอยดูเถอะครับ…เดี๋ยวจะมีข่าวใหม่ที่ร้อนแรงกว่านี้ออกมาแทนแน่นอน”

คำพูดของจ้าวเฉียนไม่ใช่ว่ากำลังเล่นตลกกับหลินเซียะ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น บางคนสนใจไม่ถึงวันด้วยซ้ำก็ลืมไปแล้ว ดังนั้นให้เวลามากสุดที่สามวัน ยังไงซะทุกคนก็จะเลิกสนใจไปเอง และหันเหไปสนใจข่าวใหม่ประเด็นร้อนแรงกว่า

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต่างจากข่าวประเด็นร้อนอื่นๆ เล็กน้อย เพราะนี่เป็นผลงานชิ้นเอกของหัวเซียงซิ่ว ดังนั้นกระแสจึงน่าจะนานกว่าปกติเล็กน้อย และในจุดนี้จ้าวเฉียนก็ตระหนักถึงเป็นอย่างดี

“สิ่งที่ผู้ว่าหลินควรกังวลคือ ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว ปรากฎว่าเป็นฝีมือของหัวเซียงซิ่วจริงๆ เธอทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบนอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ จากนั้นก็ขุดเรื่องผมในอดีตขึ้นมาโจมตี ผมคิดว่าผู้ว่าหลินลองไปคุยกับหัวเซินซวนก่อนดีกว่า ว่าเขามีความเห็นว่ายังไง?”

จ้าวเฉียนกล่าวแนะไป

หลินเซียะที่รับฟังก็รู้สึกว่าคำพูดของจ้าวเฉียนสมเหตุสมผลดี และเขายังทราบอีกว่า หัวเซินซวนยังไม่รู้แน่ว่านี่เป็นฝีมือของหลานสาวตัวเอง ดังนั้นยิ่งควรชี้แจงให้ทราบเข้าไปใหญ่

เช่นนั้นแล้วหลินเซียะจึงโทรเรียกหัวเซินซวนเข้าพบต่อหน้าจ้าวเฉียนทันที

แต่หัวเซินซวนที่กำลังดูข่าวอยู่ในขณะนี้ เขาก็สังหรณ์ใจได้ในทันใดว่า นี่ไม่ใช่เป็นการขุดข่าวของจ้าวเฉียนขึ้นมาโดยบังเอิญ ดังนั้นเขาจึงเรียกหัวฉีเฉินมาด่าจนอีกฝ่ายยืนก้มหน้าก้มตาราวกับเด็กกำลังกระทำความผิดมา

ในตอนนั้นเองหลินเซียะก็โทรเข้าไปพอดี หัวเซินซวนรับสายและรีบเอ่ยปากขอโทษอย่างรวดเร็วว่า

“ฮาโหล ผู้ว่าหลิน ผมทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ผมต้องขอโทษจริงๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้ใหญ่อย่างเราเองที่ไม่สั่งสอนเด็กให้อยู่กับร่องกับรอย”

หลินเซียะถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่ กล่าวน้ำเสียงเย็นว่า

“ดีแล้วที่คุณหัวยังอุตส่าห์รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด! งั้นผมขอถามคุณหัวตรงนี้เลยก็แล้วกัน หวังว่าคุณจะตอบตามความจริงนะครับ เรื่องทั้งหมดนี้ที่หัวเซียงซิ่วก่อขึ้น คุณรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่?”

หัวเซินซวนสะดุ้งเฮือกทันที สายนี้ที่ผู้ว่าหลินโทรมาไม่ใช่เพื่อตำหนิเขา แต่เป็นเพื่อทดสอบว่าเขามีส่วนเอี่ยวด้วยหรือไม่

หัวเซินซวนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“ผู้ว่าหลินคิดมากเกินไปแล้ว ผมจะไปรู้เห็นเป็นใจกับแผนการโง่ๆ ของเธอได้ยังไง? เธอหนีออกจากบ้านไม่รับฟังพวกผมพูดอะไรสักคำ แล้วผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังเช่นกันว่าเธอทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ลงไป”

หลินเซียะพ่นลมหายใจเย็นชาใส่อีกครา กล่าวขึ้นว่า

“คุณหัวคิดว่าผมโง่รึเปล่า? ถ้าคุณไม่รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ แล้วเธอไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมายในการซื่อช่องสื่อกับพื้นที่โฆษณาบนอินเตอร์เน็ต? ถึงผมเองจะไม่ค่อยทราบเรื่องเกณฑ์ราคาเรื่องการโฆษณามากเท่าไหร่ แต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่เงินเก็บของเด็กสาวคนหนึ่งจ่าวไหวแน่นอน”

พอหัวเซินซวนถูกถามกลับไปแบบนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก ขนาดที่ว่าไม่รู้เลยว่าตนเองควรจะให้คำตอบอย่างไรแก่อีกฝ่าย

มันเป็นอย่างที่ผู้ว่าหลินพูดไปทุกประการ หลานสาวของเขาไปหาเงินมาจ่ายค่าสื่อตั้งมากมายขนาดนั้นมาจากไหน?

“ผู้ว่าหลิน ผมขอตัวโทรหาเซียงซิ่วก่อนได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

หัวเซินซวนเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“ตกลง! ได้ความยังไงแล้วรีบโทรกลับมาหาผม! เร็วหน่อยยิ่งดีนะครับ!”

หลินเซียะตอบ

“แน่นอนครับ แน่นอน…”

หัวเซินซวนกดวางสายไปทันทีจากนั้นก็รีบโทรหาหัวเซียงซิ่วต่อโดยไว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี 283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน

Now you are reading ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี Chapter 283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่283 ไปหาเงินตั้งมากมายมาจากไหน

โจวกุ้ยพาหัวเซียงซิ่วมาที่บริษัทปล่อยเงินกู้ และทั้งสองก็เดินเข้าไปในสำนักงานโดยตรง

“คุณหนูหัวเชิฐนั่งรอก่อนสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปเตรียมสัญญามา”

โจวกุ้ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

หัวเซียงซิ่วพยักหน้าโดยไวและตอบว่า

“ได้ค่ะ รบกวนคุณโจวแล้ว”

โจวกุ้ยเดินออกไปและตรงมายังห้องทำงานของเลขา

“เลขาหลี่ เตรียมเอกสารสัญญากับกาแฟสักแก้ว”

โจวกุ้ยออกคำสั่งและเดินเข้าไปในห้องประชุมเพียงลำพัง หันซ้ายแลขวาพอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงรีบหยิบมือถือโทรหาจ้าวเฉียนทันที

“ฮาโหลครับคุณชายจ้าว ผมพาเธอมาตามแผนเรียบร้อย”

โจวกุ้ยเอ่ยเสียงแผ่วราวกับกลัวคนอื่นได้ยิน

จ้าวเฉียนฮัมเพลงเดินอย่างสบายอารมณ์ เอ่ยปากสั่งต่อไปว่า

“ให้เธอเซ็นสัญญากู้ยืมตามแผนที่วางไว้เลย”

โจวกุ้ยรีบกล่าวยืนยันกับจ้าวเฉียนว่า

“ไม่ต้องกังวลครับ ผมกำลังดำเนินการในจุดนี้อยู่ ตามข้อบังคับของประเทศ หากอัตราดอกเบี้ยรวมเกิน36%จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่คุณหนูสกุลหัวคนนี้ไม่น่าจะรู้เรื่องข้อกฎหมาย เราน่าจะหลอกเงินเธอมาได้เยอะอยู่ครับ”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่น เอ่ยตอบไปว่า

“เท่าไหนเท่ากัน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่า แผนใช้เงินกู้นอกระบบจะสามารถบ่อนทำลายตระกูลหัวได้แหะ นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน ไม่ต้องคิดมาก”

โจวกุ้ยรีบเอ่ยตอบน้ำเสียงสุภาพกลับไป

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบเซ็นสัญญากับเธอเลย”

จ้าวเฉียนส่งเสียงตอบคำหนึ่งและกดวางสายไป

ในเวลาเดียวกัน หยิงเสวี่ยเฉิงและบรรดาเพื่อนนักข่าวของหัวเซียงซิ่วก็ทยอยส่งข้อความหาจ้าวเฉียนทีละคนสองคน เพื่อรายงานสถานการณ์ให้ทราบ

หัวเซียงซิ่วผู้ซึ่งไร้ทางออก แน่นอนว่าเธอจะต้องติดต่อเพื่อนที่เป็นนักข่าวแน่นอน แต่เธอลืมอะไรไปรึเปล่า? สำนักข่าวทั้งหมดของเมืองหวานจิ้งล้วนถูกซื้อโดยตระกูลจ้าวไปหมดแล้ว ดังนั้น คิดว่าบรรดาเพื่อนนักข่าวเหล่านี้จะอยู่ฝ่ายไหน?

หัวเซียงซิ่วคนนี้ติดกับของจ้าวเฉียนตั้งแต่มาหาพวกเพื่อนนักข่าวแล้ว

จ้าวเฉียนที่อ่านข้อความเหล่านั้นก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ

หัวเซียงซิ่วเซ็นสัญญาเงินกู้และออกจากบริษัทของโจวกุ้ยอย่างมีความสุข เธอโทรหาหยิงเสวี่ยเฉิงและคนอื่นๆ ทันที เพื่อขอให้พวกเขารีบเขียนบทความโจมตีจ้าวเฉียนโดยเร็วที่สุด

ในไม่ช้าทั้งสื่อสำนักบนโลกอืนเตอร์เน็ตและในทีวี ก็เกิดข้อพิพาทครั้งใหญ่ คดีความของจ้าวเฉียนเมื่อหกปีก่อนถูกขุดขึ้นมาจนเป็นทีพูดคุยกันต่างๆนาๆ

“ไม่คิดเลยว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในหยานจิ้งจริงๆ? แล้วทำไมคดีนี้ถึงไม่ถูกสอบสวนล่ะ?”

“ไหนว่ารัฐบาลกำลังกวาดล้างความอยุติธรรมครั้งใหญ่? แต่ทำไมยังปล่อยให้ชายคนนี้ลอยนวลอยู่ล่ะ? เพราะรวยงั้นเหรอ?”

“เห้ออ…มีเงินมันก็ดีแบบนี้แหละ ถ้าเกิดเรื่องอะไรเข้าก็มีแพะรับบาปแทน ต่างจากคนจนๆ อย่างพวกเรา อย่าว่าแต่ทำอะไรผิดเลย บางทีเขาอาจถูกลากเข้าคุกโดยไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ!”

……….

ชาวเน็ตทั้งหลายต่างพูดถึงเรื่องนี้จนกลายมาเป็นประเด็นร้อน ความคิดเห็นของพวกเขาทั้งหมดเป็นไปในทางเดียวกัน ทุกคนล้วนเกลียดชังตำรวจที่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ไม่ว่าจะยังไงทางตำรวจจะต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงไขเรื่องนี้ต่อหน้าประชาชน

ณ เวลานี้เอง เมื่อถูกแรงกดดันจากประชาชนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทางตำรวจเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือการประชุมหารือกับทุกฝ่าย เพื่อหามาตรการรับมือที่ดีที่สุด

หลินเซียะคิดว่าเรื่องนี้สมควรออกตั้งโต๊ะแถลงก็จริง แต่คำถามคือจะหาหลักฐานยังไง? ไม่มีทั้งคลิปวีดีโอและภาพแล้ว

ในท้ายที่สุดนี้บรรยากาศการประชุมกดดันถึงขีดสุด ทุกนทนไม่ไหวแล้วจึงแนะให้หลินเซียะโทรคุยกับจ้าวเฉียนเป็นการส่วนตัว

หลินเซียะเองก็เห็นด้วยเช่นกัน จ้าวเฉียนสมควรรับรู้เรื่องดังกล่าวมากที่สุด และตัวเขาเองน่าจะหาทางหนีทาไล่ได้ดีที่สุดเช่นกัน

ดังนั้นหลินเซียะจึงโทรหาจ้าวเฉียนทันทีและขอให้เขามายังสำนักงานเขต

หนึ่งชั่วโมงต่อมา จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงสำนักงานเขต

หลินเซียะเข้าพบกับเขาและเชิญเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวทันที พร้อมเข้าเรื่องเลยว่า

“คุณชายจ้าวได้เห็นข่าวบนโลกอินเตอร์เน็ตรึยังครับ? ตอนนี้คดีความเก่าของคุณถูกรื้อขึ้นมาแล้ว พวกเราจำเป็นต้องตั้งโต๊ะแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้”

จ้าวเฉียนหัวเราะคิกคักและเอ่ยถามกลับไปว่า

“ทำไมผู้ว่าหลินถึงดูประหม่าขนาดนี้? ชาวเน็ตเป็นยังไงก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ชอบเสพดราม่าเป็นชีวิตจิตใจ ผ่านไปสามวันก็ลืมกันไปหมดแล้ว คอยดูเถอะครับ…เดี๋ยวจะมีข่าวใหม่ที่ร้อนแรงกว่านี้ออกมาแทนแน่นอน”

คำพูดของจ้าวเฉียนไม่ใช่ว่ากำลังเล่นตลกกับหลินเซียะ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น บางคนสนใจไม่ถึงวันด้วยซ้ำก็ลืมไปแล้ว ดังนั้นให้เวลามากสุดที่สามวัน ยังไงซะทุกคนก็จะเลิกสนใจไปเอง และหันเหไปสนใจข่าวใหม่ประเด็นร้อนแรงกว่า

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต่างจากข่าวประเด็นร้อนอื่นๆ เล็กน้อย เพราะนี่เป็นผลงานชิ้นเอกของหัวเซียงซิ่ว ดังนั้นกระแสจึงน่าจะนานกว่าปกติเล็กน้อย และในจุดนี้จ้าวเฉียนก็ตระหนักถึงเป็นอย่างดี

“สิ่งที่ผู้ว่าหลินควรกังวลคือ ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบมาแล้ว ปรากฎว่าเป็นฝีมือของหัวเซียงซิ่วจริงๆ เธอทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบนอินเตอร์เน็ตและสื่อต่างๆ จากนั้นก็ขุดเรื่องผมในอดีตขึ้นมาโจมตี ผมคิดว่าผู้ว่าหลินลองไปคุยกับหัวเซินซวนก่อนดีกว่า ว่าเขามีความเห็นว่ายังไง?”

จ้าวเฉียนกล่าวแนะไป

หลินเซียะที่รับฟังก็รู้สึกว่าคำพูดของจ้าวเฉียนสมเหตุสมผลดี และเขายังทราบอีกว่า หัวเซินซวนยังไม่รู้แน่ว่านี่เป็นฝีมือของหลานสาวตัวเอง ดังนั้นยิ่งควรชี้แจงให้ทราบเข้าไปใหญ่

เช่นนั้นแล้วหลินเซียะจึงโทรเรียกหัวเซินซวนเข้าพบต่อหน้าจ้าวเฉียนทันที

แต่หัวเซินซวนที่กำลังดูข่าวอยู่ในขณะนี้ เขาก็สังหรณ์ใจได้ในทันใดว่า นี่ไม่ใช่เป็นการขุดข่าวของจ้าวเฉียนขึ้นมาโดยบังเอิญ ดังนั้นเขาจึงเรียกหัวฉีเฉินมาด่าจนอีกฝ่ายยืนก้มหน้าก้มตาราวกับเด็กกำลังกระทำความผิดมา

ในตอนนั้นเองหลินเซียะก็โทรเข้าไปพอดี หัวเซินซวนรับสายและรีบเอ่ยปากขอโทษอย่างรวดเร็วว่า

“ฮาโหล ผู้ว่าหลิน ผมทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ผมต้องขอโทษจริงๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของผู้ใหญ่อย่างเราเองที่ไม่สั่งสอนเด็กให้อยู่กับร่องกับรอย”

หลินเซียะถอนหายใจใส่เฮือกใหญ่ กล่าวน้ำเสียงเย็นว่า

“ดีแล้วที่คุณหัวยังอุตส่าห์รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด! งั้นผมขอถามคุณหัวตรงนี้เลยก็แล้วกัน หวังว่าคุณจะตอบตามความจริงนะครับ เรื่องทั้งหมดนี้ที่หัวเซียงซิ่วก่อขึ้น คุณรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่?”

หัวเซินซวนสะดุ้งเฮือกทันที สายนี้ที่ผู้ว่าหลินโทรมาไม่ใช่เพื่อตำหนิเขา แต่เป็นเพื่อทดสอบว่าเขามีส่วนเอี่ยวด้วยหรือไม่

หัวเซินซวนรีบตอบกลับไปทันทีว่า

“ผู้ว่าหลินคิดมากเกินไปแล้ว ผมจะไปรู้เห็นเป็นใจกับแผนการโง่ๆ ของเธอได้ยังไง? เธอหนีออกจากบ้านไม่รับฟังพวกผมพูดอะไรสักคำ แล้วผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังเช่นกันว่าเธอทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้ลงไป”

หลินเซียะพ่นลมหายใจเย็นชาใส่อีกครา กล่าวขึ้นว่า

“คุณหัวคิดว่าผมโง่รึเปล่า? ถ้าคุณไม่รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ แล้วเธอไปเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมายในการซื่อช่องสื่อกับพื้นที่โฆษณาบนอินเตอร์เน็ต? ถึงผมเองจะไม่ค่อยทราบเรื่องเกณฑ์ราคาเรื่องการโฆษณามากเท่าไหร่ แต่มันคงไม่ใช่สิ่งที่เงินเก็บของเด็กสาวคนหนึ่งจ่าวไหวแน่นอน”

พอหัวเซินซวนถูกถามกลับไปแบบนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก ขนาดที่ว่าไม่รู้เลยว่าตนเองควรจะให้คำตอบอย่างไรแก่อีกฝ่าย

มันเป็นอย่างที่ผู้ว่าหลินพูดไปทุกประการ หลานสาวของเขาไปหาเงินมาจ่ายค่าสื่อตั้งมากมายขนาดนั้นมาจากไหน?

“ผู้ว่าหลิน ผมขอตัวโทรหาเซียงซิ่วก่อนได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

หัวเซินซวนเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“ตกลง! ได้ความยังไงแล้วรีบโทรกลับมาหาผม! เร็วหน่อยยิ่งดีนะครับ!”

หลินเซียะตอบ

“แน่นอนครับ แน่นอน…”

หัวเซินซวนกดวางสายไปทันทีจากนั้นก็รีบโทรหาหัวเซียงซิ่วต่อโดยไว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+