ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก 434 จบบริบูรณ์ (2)
ตอนที่ 434 จบบริบูรณ์ (2)
ตอนที่ 434 จบบริบูรณ์ (2)
ความต้องการของเธอมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง ดังนั้นก็เลยขอทุกข้ออย่างใจอยาก หลังจากขอพรเสร็จก็เป่า และตัดเค้กก้อนใหญ่
นอกจากนี้ยังมีรูปการ์ตูนน่ารัก ๆ บนหน้าเค้ก รูปวาดนี้มีความประณีตเป็นอย่างมากและเห็นได้ว่าคงเป็นงานฝีมือของพ่อครัวฉิน
มีของขวัญมากมาย เธอพยายามแกะของขวัญทุกชิ้นอย่างระมัดระวัง และของขวัญที่ได้รับไม่เพียงแต่จากคนรู้จักเท่านั้น แต่ยังมาจากผู้เช่าที่ไม่คุ้นเคย ชาวเมืองตงหยาง และของขวัญแสดงความยินดีจากฐานต่าง ๆ ล่วงหน้า…
เธอรู้สึกเหมือนได้แกะของขวัญวันเกิดทั้งหมดเมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมาในคราวเดียว มันทำให้เธอมีความสุขมาก หากนี่เป็นความฝันก็ยังไม่อยากจะตื่นขึ้นมา และในตอนนี้เหล่าอวี๋ผอก็ได้สั่งคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง ผลักของบางอย่างเข้ามาโดยใช้ผ้าสีแดงคลุมเอาไว้ แถมยังผูกด้วยริบบิ้นด้วย
“หนูเถามานี่หน่อยสิ”
ซูเถาที่กำลังตั้งใจแกะของขวัญอยู่ตัวชาวาบ แขนขาของเธออ่อนแรงเมื่อต้องยืนขึ้น
เหล่าอวี๋ผอเรียกเธอ แต่ร่างกายยังแข็งทื่อยืนนิ่งไม่ไหวติง
“เปิดมันดูสิ” เหล่าอวี๋ผอชี้ของขวัญชิ้นใหญ่และบอกซูเถา
“นี่คือของขวัญเหรอคะ?” ซูเถาถามด้วยความงุนงง
“รีบแกะเร็วเข้า อย่ามัวถามพิรี้พิไรอยู่เลย”
ซูเถาเหยียบขึ้นบนเก้าอี้ พร้อมดึงริบบิ้นและเปิดผ้าสีแดงออก ปืนขนาดใหญ่สองกระบอก ปรากฏขึ้นแก่สายตาผู้คนทั่วโรงอาหาร
“นี่คืออะไรคะ?” ซูเถาอ้าปากค้าง
เหล่าอวี๋ผอกล่าวว่า “นี่คือปืนใหญ่นิวเคลียส ต้องใช้ผลึกนิวเคลียสครั้งละสิบอัน และสามารถถล่มฐานที่มีประชากร 50,000 คนได้ เดิมทีตั้งใจจะใช้ในการรบเมื่อวานนี้ แต่มันจบลงก่อนที่จะเปิดตัว เป็นที่น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะได้ใช้งานอีกหรือเปล่า แต่คุณสามารถเก็บมันไว้เป็นของเล่นชิ้นใหญ่ก็ได้”
ทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกัน ที่บอกว่าจะทำเรื่องใหญ่ให้เถ้าแก่ซู และมันเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ…
“ขอบคุณนะคะคุณย่า” ซูเถายิ้มอย่างดีใจ
เหล่าอวี๋ผอยังคงมีคำพูดอีกมากมายอยู่ในอก “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ฉันแค่หวังว่าคุณจะมีชีวิตที่ผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้นต่อจากนี้ไป คุณเพิ่งอายุเพียงสิบเก้าเอง ควรได้ใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ฉันแก่แล้ว มีเรื่องอะไรก็ให้คนแก่ ๆ อย่างพวกเราช่วยดูแลเถอะ”
จวงหว่านและคนอื่น ๆ พวกเรายังเด็กอยู่นะ…
ในเวลานี้ ท่ามกลางเสียงอวยพรและเสียงหัวเราะ จู่ ๆ แสงไฟก็ดับลง แสงสปอตไลท์สาดกระทบเข้าที่จอด้านหน้า และเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยก็ดังมาจากวิดีโอ
“หลังจากพเนจรมาครึ่งชีวิตก็พบบ้านในเถาหยาง”
ประโยคนี้ยังปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ในเวลาเดียวกัน
งานเลี้ยงวันเกิดทั้งงานเงียบลงและมองไปทางหน้าจอขนาดใหญ่
ซูเถารู้สึกว่าเสียงนั้นช่างคุ้นเคย และคำพูดก็คุ้นเคยเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าจอขนาดใหญ่
สปอตไลต์ส่องเผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฟ่านฉวนฮุย
ซูเถาจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ทันที ในตอนแรกที่เถาหยางมีห้องไม่มากนัก และฟ่านฉวนฮุยก็เป็นหนึ่งในผู้เช่ากลุ่มแรก ๆ ซึ่งในเวลานั้น เขามีรูมเมทเป็นผู้มีพลังควบคุมไฟ
แต่สุดท้ายแล้วผู้ใช้พลังควบคุมไฟนี้ก็ได้ละเมิดกฎ และได้ทำการฝึกการจัดการกับเปลวไฟในห้อง และในที่สุดก็จุดไฟเผาห้องในคืนหนึ่ง
โชคดีที่ซูเถาค้นพบมันตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่เธอขับไล่ผู้มีพลังวิเศษคนนี้ออกจากเถาหยาง ฟ่านฉวนฮุยก็ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมห้องของเขาไป ซูเถาไม่เพียงแต่ไม่ระบายความโกรธใส่เขาเท่านั้น แต่เธอยังเปิดห้องใหม่ให้เขาอยู่คนเดียวอีกด้วย
ต่อมาพบว่าฟ่านฉวนฮุยเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อ เขาได้เขียนบทความที่จริงใจว่า ‘หลังจากพเนจรมาครึ่งชีวิตก็พบบ้านในเถาหยาง’ ซึ่งสร้างความแตกตื่นในตงหยางและดึงดูดผู้เช่าจำนวนมากให้มาที่เถาหยาง
ต่อมาเขาทำหน้าที่เป็นผู้โฆษณาชวนเชื่อทางวัฒนธรรมและงานบันทึกเสียงของเถาหยาง
วิดีโอยังคงเล่นต่อไป โดยส่วนใหญ่มาจากมุมมองของฟ่านฉวนฮุย เขาใช้กล้องเก่า ๆ ที่ใกล้ชำรุดเพื่อบันทึกความทรงจำ เริ่มต้นตั้งแต่การเห็นโฆษณา และใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อค้นหาเพื่อนร่วมห้อง และการย้ายเข้าด้วยความกลัวและความสงสัย
เมื่อยืนอยู่ที่ประตูเถาหยาง มันดูเหมือนบังกะโลหลังใหญ่ที่มีสนามหญ้ากว้าง ตอนที่เข้าไปมีห้องไม่มากนัก มีทั้งห้องเดี่ยว และห้องคู่ ทั้งหมดล้วนเป็นห้องขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มมีเครื่องซักผ้า ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ และร้านขายของชำก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในพื้นที่สาธารณะที่เคยว่างเปล่า และเริ่มมีสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน
มีจำนวนผู้เช่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนงานของเถ้าแก่ล้นมือ และวันหนึ่งจวงหว่านปรากฏตัวพร้อมกับลูกสองคน ตอนนั้นเธอคุ้นเคยกับการพึ่งพาคนอื่น หลังจากสูญเสียสามีและน้องชายไปจึงเกิดความหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับชีวิตที่เหลือ
งานของเถาหยางให้ความหวังแก่เธอ แต่เธอยังคงหวาดกลัว จนกระทั่งซูเถายืนยันความสามารถในการทำงานของเธอ
“คุณสามารถเลี้ยงดูลูก ๆ ของคุณได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น”
แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว จวงหว่านที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ยังคงปิดปากร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดในวิดีโอ
วิดีโอยังคงบอกต่อว่า จากนั้นจวงหว่านก็เริ่มช่วยดูแลเถาหยาง และมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีการตั้งกฎพื้นฐานของเถาหยางตั้งแต่เริ่มต้น และเนื่องจากมีผู้เช่ามากเกินไป พื้นที่ชั้นแรกไม่เพียงพอที่จะอยู่อาศัยอีกต่อไป จึงสร้างชั้นที่สองขึ้น
ต่อมามีประเภทห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น และ 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น แม้ว่าจะมีประเภทห้องมากกว่าเดิม แต่มันก็เกิดปัญหาติดขัดขึ้นอยู่ดี
จากนั้นผู้อาวุโสเหม่ยซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นก็ปรากฏตัวในวิดีโอ เขาชี้ไปที่อาคารด้วยมือข้างหนึ่งและอีกมือวาดแบบร่าง จากนั้นภาพของเถาหยางที่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ปรากฏบนกระดาษ
เถาหยางเริ่มได้รับการปฏิรูปครั้งใหญ่ มีการกำหนดอาคารแยกสำหรับห้องประเภทต่าง ๆ จำนวนชั้นและรูปลักษณ์ของอาคาร ระยะห่างระหว่างอาคารทั้งสองหลัง ฯลฯ ได้รับการกำหนดขึ้นอย่างมีมาตรฐาน และค่อย ๆ เข้าใกล้ฐานเถาหยางในปัจจุบัน
ต่อมามีน้ำพุปรากฏขึ้นในเถาหยาง ซึ่งนำความเย็นมาสู่ฤดูร้อน
“คุณดูดีเมื่อคุณยิ้ม มีน้ำพุที่ยังสร้างไม่เสร็จเป็นพื้นหลัง คุณจะรังเกียจไหมถ้าผมจะขอถ่ายภาพนี้และติดไว้บนบอร์ดแสดงผลของเรา”
ซูเถาในวิดีโอยิ้มตอบรับเขาด้วยความยินดี
“วันนี้จะเปิดการควบคุมการเข้าถึงพื้นที่สำนักงานให้คุณ และพื้นที่นิทรรศการจะถูกส่งมอบให้กับคุณ ฉันหวังว่าจะเห็นภาพพัฒนาการของเถาหยางติดอยู่ที่นั่นในอนาคต อย่าลืมเซ็นชื่อของคุณด้วยนะคะ ทุกคนที่มาจะได้รู้ว่าเรามีช่างภาพเก่ง ๆ ชื่อฟ่านฉวนฮุย”
ทันทีที่วิดีโอเปิดขึ้น รูปภาพก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เป็นน้ำพุที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่มีภาพของซูเถาที่กำลังยิ้มแย้ม ไกลออกไปคือความรกร้างแห่งวันสิ้นโลก
เรื่องราวของเถาหยางยังคงดำเนินต่อไป แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ลงรอยกัน สองสาวพี่น้องสองคนที่มีความสามารถในการยุแยงทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย เถ้าแก่ซูขอโทษต่อสาธารณะและกล่าวว่าเธอจะเสริมกำลังการคัดกรองผู้เช่าและงานรักษาความปลอดภัยในอนาคตเพื่อสร้างความปลอดภัยและที่อยู่อาศัยที่เชื่อถือได้สำหรับทุกคน
จากนั้นก็มีจดหมายขอโทษอย่างจริงใจปรากฏในวิดีโอ
ต่อมาตามที่เธอสัญญาไว้ เถาหยางแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้
ทันทีที่เปิดวิดีโอ จงเกาอี้ซึ่งมาจากเขตตะวันออกพร้อมกระเป๋าเดินทางก็ปรากฏตัวที่ประตูเขตเถาหยาง และเขาก็ไม่ได้กลับไปที่เขตตะวันออกอีกเลย
จากนั้นเถาหยางก็ได้รับช่วงต่อดูแลไร่ของตงหยางและจ้างเฉียนหลินและเฉียนหรงหรง ซูเถาได้เป็นเจ้าของภูเขาผานหลิวและร่วมมือกับผู้จัดการหม่า จากนั้นก็โชคดีที่ได้พบกับอาจารย์ฉิน
ต่อมาเถาหยางก็ได้ช่วยอู๋เจิ้นเอาไว้ แต่อู๋เจิ้นในตอนนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ
“อู๋เจิ้น หากไม่มีคุณ พื้นที่ทั้งหมดก็เป็นเพียงพื้นที่รกร้างและกองขยะ ถูกซอมบี้เหยียบย่ำ และเต็มไปไปด้วยเนื้อและเลือดของเพื่อนร่วมชาติของเรา”
จากนั้นไม่นานเขาก็ได้สติและกลับมาเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง
เถาหยางที่น่าเบื่อหน่ายมีความเขียวขจีและจากนั้นก็ได้ขยายห้องเรือนกระจก…
หลังจากนั้นในวิดีโอก็เห็นการก่อสร้างอาคารสำนักงาน 2 แห่ง ได้แก่ อาคารเถาหลี่ และอาคารเถาฮวา
ในวันที่อาคารสำนักงานสร้างเสร็จและย้ายเข้ามา เฉียนหรงหรงก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ไว้ด้วย
“นี่คือคุณเฉียนหรงหรง พนักงานที่อายุน้อยที่สุดของเราในเถาหยาง ลองถามเธอว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับการอยู่ใน ‘บ้านใหม่’ กัน~”
เฉียนหรงหรงขี้อายมากเมื่ออยู่ต่อหน้ากล้องและรีบโบกมือ
“อย่าเรียกฉันว่าคุณเลยค่ะ ฉันรู้สึกดีนะ มันกว้างขวางมาก แถมหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานก็ให้แสงสว่างมากด้วย พอหันหน้าจากตำแหน่งนี้ฉันก็มองเห็นทิวทัศน์นอกหน้าต่างได้ หากร้อนเกินไปในตอนเที่ยง ก็สามารถดึงม่านทึบลงได้”
ต่อมาหัวหน้าซูได้พาเหล่าอวี๋ผอและเสี่ยวอวี๋กลับมา และเถาหยางก็ได้เป็นเจ้าของที่ดินเพิ่มขึ้น มีทุ่งหญ้าเล็ก ๆ มีสนามฝึกซ้อม ยอมรับเขตตะวันออก รวมถึงตงหยางด้วย และชนะการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ในตอนท้ายของวิดีโอ ทุกคนกอดกัน และกล้องก็โฟกัสไปที่การฉีดวัคซีนสั้น ๆ
วิดีโอสิ้นสุดแล้ว…
หยาดน้ำตาของซูเถาไหลพรั่งพรู
ทันใดนั้นประตูโรงอาหารก็เปิดออก และสัตวแพทย์ที่ดูแลล่าเจียวก็รีบเข้ามา
“เถ้าแก่ซู ขอโทษที่รบกวน หมอมาเพื่อประกาศข่าวดี ล่าเจียวคลอดลูกสำเร็จแล้ว ทั้งหมดแปดตัว คุณอยากจะไปดูไหม”
“ไปสิ!” ซูเถาระเบิดเสียงยินดีทันที
ลูกแมวที่เกิดจากล่าเจียว ไม่มีตัวไหนที่มีสีดำบริสุทธิ์เหมือนเฮยจือหม่า และพวกมันล้วนมีสีที่แตกต่างกัน
พวกมันพยายามดิ้นรนหานมจากเต้าใต้ท้องของล่าเจียว เมื่อมีลูกแมวมาซุกอยู่ใต้ทองของล่าเจียว มองภาพรวมดูแล้วเหมือนจานสีศิลปะ
เวินม่านรู้สึกเป็นทุกข์มาก เธอลูบเข้าที่ตัวของล่าเจียวที่มีอาการเหนื่อยอ่อน แต่นอกจากล่าเจียวจะไม่ทำร้ายเธอแล้ว มันยังเลียนิ้วเธออีกด้วย
เวินม่านตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง และวิ่งออกไปร้องไห้ด้วยความดีใจที่ด้านข้าง
สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือหลังจากนั้นไม่กี่วัน ล่าเจียวก็คาบเอาลูกน้อยตัวหนึ่งออกจากรัง มาวางไว้บนตักของเวินม่าน
ไม่ต้องพูดถึงเวินม่าน ซูเถาก็ตกตะลึงเช่นกัน
เวินม่านไม่อยากจะเชื่อเลย “ให้ฉันเหรอ? จริงเหรอ? จริงเหรอ?”
ล่าเจียวหันหน้าหนี
การเลี้ยงลูกเยอะมันเหนื่อยเกินไป มันจึงหาคนมาแบ่งเบา
ซูเถาเหลือบมองลูกแมวและพูดด้วยความประหลาดใจ “ที่แท้แกก็เป็นแมวหางกุดนี่เอง แกมีโชคนะเนี่ย”
แมวหางกุดได้ถือกำเนิด หางของลูกแมวตัวนี้จะสั้นและโค้งมาก มองผิวเผินจะเหมือนกระต่าย
ก่อนวันสิ้นโลก ผู้คนมักถือว่าแมวหางกุดเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความโชคดี
เวินม่านกอดมันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ลั่วเหยียนมีลางสังหรณ์ว่าเขากำลังจะสูญเสียความสนใจจากภรรยาไป และเขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ท่าทางนั้นทำให้ซูเถาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และหลังจากหัวเราะแล้ว เธอก็แอบอิจฉาอยู่ไม่น้อย
อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ได้สัมผัสกัน และได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกด้วยกัน
……
หนึ่งปีต่อมา ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง จู่ ๆ ซูเถาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังลอยมาหาเธอ และเมื่อลืมตาขึ้น เธอก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของสือจื่อจิ้น
เธอพลิกตัวและนอนต่อไปโดยไม่สนใจ
ปีที่ผ่านมาวิญญาณล่องลอยตนนี้มาอยู่กับเธอทุกคืน ถ้าไม่ใช่เพราะในตอนกลางวันเขาจะปรากฏตัวไม่ได้ เขาคงจะตามเธอไปทำงาน ขนาดพื้นที่หวงห้ามในห้องนอน เขาก็พาตัวเองเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว
แต่เอาเถอะ ร่างวิญญาณนี้คงไม่สามารถทำอะไรเธอได้
“เร็วเข้า ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันสิ สายกว่านี้จะไม่ทันเอานะ”
ซูเถารู้สึกว่าตัวเองถูกดึงขึ้นมา
เธอลืมตาด้วยความงุนงง และรู้สึกถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาบนแขนของเธอ
เธอมองไปที่สือจื่อจิ้น จากนั้นจึงมองที่แขนของเธอ “ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?”
สือจื่อจิ้นอุ้มเธอขึ้นมาทั้งอย่างนั้น เขามองลงไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักนั่น และโน้มตัวไปจูบหน้าผากของเธอเบา ๆ
“ใช่ เดี๋ยวพอคุณตื่นมาคุณก็ลืมเรื่องนี้นะ ผมต้องทำตามลำดับ ต้องเริ่มจากเลี้ยงข้าวก่อน แล้วค่อยตามจีบคุณอย่างจริงจัง”
จบบริบูรณ์
—————————————————-
Comments