ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน 273 โอ๊ะ คนคุ้นหน้าเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย!

Now you are reading ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน Chapter 273 โอ๊ะ คนคุ้นหน้าเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 273 โอ๊ะ คนคุ้นหน้าเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย!

เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็เพราะว่าเธอรู้ถึงตัวตนของพวกหลินยวน

สถานะของฉัน? หลัวคังอันมึนงง แม้ว่าเขาจะรับสถานะนี้ได้แล้ว แต่ความคิดของเขามันก็ยังยากที่จะเปลี่ยนได้ในทันที จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังยากที่จะมีความรู้สึกร่วมด้วยได้จริงๆ พอเยี่ยนอิงเอ่ยเตือน เขาก็นับว่าเข้าใจขึ้นมาทันที โจรกบฏ เป็นโจรกบฏ เป็นเศษเดนแห่งราชวงศ์ก่อน!

สำหรับโจรกบฏแล้ว เป็นหอการค้าตระกูลฉินหรือเทพมหาวิญญาณรุ่นที่แปดที่สำคัญกว่า นี่ยังต้องให้พูดอีกเหรอ?

หลัวคังอันมองไปที่หลินยวน เรียกได้ว่าอึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร ความจริงเขาอยากจะถามนักว่านายมีความสัมพันธ์กับท่านประธานไม่ใช่เหรอ?

แต่เมื่อคิดดูอีกที ความสำคัญของท่านประธานฉินเมื่อเทียบกับเรื่องที่โจรกบฏจะทำแล้ว เกรงว่าคงจะไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ

เขานิ่งเงียบไป รักษาอาการบาดเจ็บไปอย่างเงียบๆ เพียงแต่อารมณ์รู้สึกซับซ้อนเป็นอย่างมาก ต้องเผชิญกับอันตรายที่ถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า กระทั่งเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาอันตรายด้วยตัว นี่มันต่างจากนิสัยและการใช้ชีวิตของเขาเมื่อในอดีตไปอย่างมากแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาไม่รู้จริงๆ ว่าในอนาคตตนเองจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

แต่เขาก็เงียบไปได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น สันดานบางอย่างมันยากจะเปลี่ยนได้ เดิมทีเขาก็เป็นคนที่พูดมากอยู่แล้ว ทนอยู่ในความเงียบไม่ไหว ขณะที่คุยเล่นอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องในอดีตของเยี่ยนอิงกับหลงซืออวี่อาจารย์ของตนเอง

เมื่อเอ่ยถึงหลงซืออวี่ เยี่ยนอิงก็อดชำเลืองมองไปทางหลินยวนไม่ได้ พลางกล่าวว่า “ตอนนั้นเป็นฉันเองที่รักเขาข้างเดียว ที่จริงฉันกับหลงซืออวี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย”

ก็ไม่รู้เช่นกันว่าคำกล่าวนี้พูดให้หลัวคังอันฟัง หรือว่าพูดให้หลินยวนฟัง

เมื่อพูดออกไปแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนเองต้องอธิบายอะไรแบบนี้ด้วย

……

“เสนอเงินรางวัลพันล้านมุกเพื่อจะเอาชีวิตของหลัวคังอัน? อะไรนะ? หลัวคังอันไปดินแดนแห่งความฝันเพื่อจะหาดวงตาแห่งความฝันให้หอการค้าตระกูลฉินเหรอ?”

ในห้องทำงานของผู้อำนวยการปู๋เชวี่ยวีดิโอ จูลี่ที่ถือมือถืออยู่เอ่ยขึ้นมาอย่างตระหนกตกใจ

พิษที่เธอได้รับมาย่อมได้รับการแก้แล้ว ทั้งยังไม่ต้องให้ทางสำนักงานเจ้าเมืองลงมือช่วยเหลือด้วย ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แต่ยาเซียนแก้พิษของพนักงานในปู๋เชวี่ยวีดิโอที่ได้รับพิษทั้งหมดล้วนได้รับมาจากหอการค้าตระกูลฉิน

หอการค้าตระกูลฉินไม่มีความสามารถที่จะหายาแก้พิษมาให้พนักงานทั้งหมดของตนได้ แต่กลับรับผิดชอบทางพนักงานของปู๋เชวี่ยวีดิโอทั้งหมดก่อน นี่คือการตัดสินใจของฉินอี๋!

จิ้นเซียวที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้น มองจูลี่ที่พูดคุยสอบถามรายละเอียดกับคนในสายด้วยท่าทางตกอกตกใจ

หลังจากผ่านไปสักพัก จูลี่ก็วางสาย เห็นจิ้นเซียวมองตนเองอยู่ จึงทำเสียงจุ๊ปากไม่หยุดพลางกล่าว “คิดไม่ถึงว่าชีวิตของหลัวคังอันจะมีมูลค่าขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนยอมจ่ายพันล้านมุกเพื่อเอาชีวิตเขาด้วย”

จิ้นเซียว “ของบางอย่างเอาเงินมาวัดไม่ได้หรอก ลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ พันล้านมุกไม่นับว่าแพง”

จูลี่ยืนขึ้น เดินไปพลางกล่าว “นายรู้เรื่องนี้เหรอ? คิดไม่ถึงเลยว่าหลัวคังอันจะไปดินแดนแห่งความฝันเพื่อหาดวงตาแห่งความฝันให้หอการค้าตระกูลฉิน นี่ฉันเพิ่งได้ข่าวมา หลัวคังอันเดินทางไปดินแดนแห่งความฝันครั้งนี้คงจะอันตรายมากๆ ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไหร่ต้องการจะฆ่าเขา”

จิ้นเซียวส่ายหน้า “ไม่รู้”

ความจริงเขาย่อมรู้อยู่แล้ว ที่จริงรู้ตั้งนานแล้วด้วย ข่าวของจูลี่เรียกได้ว่าล่าช้า

เรื่องบางเรื่องก็เข้าใจได้ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่นักข่าวเหล่านี้จะรู้ข่าวได้ในทันที

แต่จูลี่กลับคิดว่าที่เขาบอกว่าไม่รู้นั่นคือเรื่องจริง เธอหันหลังเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานพลางต่อสายโทรออก “ผู้ช่วยไป๋ ฉันจูลี่นะคะ ใช่ค่ะ ได้ยินว่ารองประธานหลัวไปหาดวงตาแห่งความฝันที่ดินแดนแห่งความฝันให้หอการค้าตระกูลฉิน เหรอคะ ฉันไปพบท่านประธานฉินสักครู่ได้ไหมคะ จะขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะค่ะ เอ่อ…ประธานฉินไม่ได้ ให้คนอื่นมาสัมภาษณ์แทนก็ได้นะคะ คุณลองคิดดูนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องดี แม้แต่รองประธานหอการค้าก็ไปดินแดนแห่งความฝัน หลังออกอากาศไปจะต้องสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานทุกคนในหอการค้าตระกูลฉินได้แน่นอนค่ะ เอ่อ…ได้ค่ะ!” กล่าวจบก็วางสายไปด้วยใบหน้าเสียดาย

จิ้นเซียวมองดูก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องถูกหอการค้าตระกูลฉินปฏิเสธมาแน่นอน แล้วก็นับว่ายอมใจเธอเลยจริงๆ เรื่องเหล่านี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก แม้แต่ลั่วเทียนเหอก็ยังต้องหลีกทาง หอการค้าตระกูลฉินจะมาบอกคุณเรื่องนี้ได้ยังไง

หลังจากเดินครุ่นคิดไปมาอยู่สักพัก ดวงตาทั้งสองของจูลี่ก็สาดประกายขึ้นมา กล่าวว่า “ดินแดนแห่งความฝัน! ในดินแดนแห่งความฝันเวลานี้จะต้องมีข่าวที่คุ้มค่าแก่การขุดอยู่เป็นจำนวนมากแน่ คนภายนอกต้องอยากรู้แน่ๆ ว่าข้างในเกิดอะไรบ้าง”

จิ้นเซียวลุกขึ้นทันที แค่ได้ฟังก็รู้แล้วว่าเธอคิดจะทำอะไร อยากถามเธอจริงๆ ว่าบ้าไปแล้วหรือไง? พลางกล่าวห้ามทันที “ผมแนะนำให้คุณล้มเลิกความคิดนั้นไปเลย คุณเข้าไปไม่ได้หรอก ถ้าถ่ายอะไรมาได้จริงๆ สภาเซียนก็ไม่มีทางให้คุณเอาภาพพวกนั้นออกมาหรอก”

จูลี่กลับมีสีหน้าดูตื่นเต้น “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง?”

จิ้นเซียว “ไม่ต้องลอง ท่านเจ้าเมืองลั่วไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน ต่อให้คุณได้อะไรกลับมา ท่านเจ้าเมืองลั่วก็ไม่มีทางให้คุณออกอากาศแน่ๆ ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้!” อย่าว่าแต่ลั่วเทียนเหอเลย แม้แต่เขาเองจูลี่ก็ไม่มีทางผ่านไปได้ เรื่องอื่นๆ ยังพอจะหารือกันได้ แต่เขาไม่มีทางยอมให้จูลี่ไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้แน่นอน

แต่จูลี่ไม่ได้พูดเล่น เธอติดต่อไปทางสำนักงานเจ้าเมืองทันที ผลก็คือเป็นอย่างที่จิ้นเซียวบอก อีกทั้งยังถูกเตือนด้วยว่าถ้าจูลี่กล้าไป ลั่วเทียนเหอจะปลดจูลี่ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการของปู๋เชวี่ยวีดิโอทันที จะไม่มีการจ้างอีกต่อไป

จูลี่ที่วางสายโกรธจนกระทืบเท้า นึกเสียใจว่าเธอไม่ควรบอกก่อนเลย ต่อไปเรื่องแบบนี้ต้องทำไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

……

“คนของพวกเราไปถึงชายแดนของทะเลหนามแล้ว แต่สถานการณ์มันค่อนข้างซับซ้อน เข้าไปใกล้ไม่สะดวกครับ…”

ในห้องทำงานของสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลเซียว เจิงอิงฉางกำลังรายงานสถานการณ์ให้เซียวอวี่เหยียนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานฟัง

หลังฟังรายงานจบ เซียวอวี่เหยียนก็เงียบไปสักพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยถาม “ทาง ‘ชื่อเค่อ’ กับ ‘ป้าหวัง’ ยังไม่ตอบกลับมาเหรอ?”

เจิงอิงฉางตอบ “ผมตรวจสอบซ้ำหลายครั้งแล้ว เถ้าแก่เหมยติดต่อกับทั้งสองกลุ่มนั้นแล้วจริงๆ ครับ ท่าทีของทางชื่อเค่อดูไม่อยากจะเข้าร่วมเรื่องนี้ ส่วนทางป้าหวังไม่มีการตอบกลับครับ”

ตึง! เซียวอวี่เหยียนทุบโต๊ะ “ไม่เข้าร่วม? ฉันเชื่อก็แปลกแล้ว โดยเฉพาะป้าหวังนั่น ไม่เข้าร่วมสิแปลก! สองคนนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดจะทำคนเดียวหรือไง?”

เจิงอิงฉางลังเลพลางกล่าว “ทำคนเดียวไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกเขาอาจจะไม่ได้คิดทำคนเดียวครับ เกรงว่าอาจจะเหมือนกับท่านประธาน หลังเกิดเรื่องที่เมืองหลวงก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”

ใช่ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เซียวอวี่เหยียนเงียบไป

……

ณ ทะเลหนาม ด้านนอกฐานที่ตั้งกองทัพสภาเซียน คนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน กำลังรออะไรบางอย่าง

เหยาเซียนกง เกาผู่ อินเย่าหมิง สามคนในกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนรู้จักของหลัวคังอัน ในบรรดาผู้พิทักษ์เทพเหล่านี้ ทั้งสามคนนี้นับว่าเป็นคนที่ในอดีตมีความใกล้ชิดกับหลัวคังอันมากที่สุด

เกาผู่ที่รอมาเกือบหนึ่งชั่วยามรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว “เลยเวลาไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ถึงอีกล่ะเนี่ย? เหยาซยง นี่ฉันเปลี่ยนเวรกับคนอื่นมานะ นายแน่ใจนะว่าเขาบอกว่าจะมาถึงตอนนี้?”

เหยาเซียนกงกล่าว “ไม่มีทางผิดหรอก คงจะไม่ค่อยคุ้นกับสภาพแวดล้อมในดินแดนแห่งความฝันล่ะมั้ง มาถึงช้าหน่อยก็เข้าใจได้”

ก็จริง ทุกคนทำได้แค่รอต่อไป คนที่พวกเขารออยู่ก็คือหลัวคังอันนั่นเอง

หลังจากรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วยาม จู่ๆ อินเย่าหมิงก็โบกมือชี้ไปบนฟ้า “ดูนั่น ใช่เขาหรือเปล่า?”

ทุกคนมองไปบนฟ้าเป็นตาเดียว เห็นจุดสีดำที่อยู่ไกลๆ จุดหนึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เหยาเซียนกงเพ่งสายตามองเห็นว่าจุดสีดำนั้นคือรถคันหนึ่ง เขาก็ยิ้มพลางกล่าว “ใช่ รถคันนั้นแหละ มาแล้ว”

ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที หลัวคังอันบอกไว้ว่าจะมาเลี้ยงอาหารพวกเขา รองประธานหอการค้าตระกูลฉินผู้ร่ำรวย คราวนี้ทุกคนเตรียมถล่มเขาแล้ว

รถเข้ามาใกล้ มีพวกเหยาเซียนกงรอต้อนรับอยู่ ทหารยามที่เฝ้าระวังฐานที่มั่นจึงไม่ได้ส่งคนออกไปขวางเอาไว้

หลังจากรถคันนั้นร่อนลงจอดที่พื้นอย่างช้าๆ หลัวคังอันก็เปิดประตูรถลงมาเป็นคนแรก อ้าแขนพลางหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “โอ๊ะ คนคุ้นหน้าเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย!” เร่งเดินไปข้างหน้าพลางประสานมือ ขาที่เนื้อหายไปชิ้นใหญ่ยังเดินไม่คล่องเท่าไหร่ ยังเดินกะเผลกอยู่เล็กน้อย

เกาผู่ก้าวไปข้างหน้าทุบหน้าอกหลัวคังอัน “ไอ้นี่ ดูเวลาที่นายบอกมาสิ รู้ไหมว่าพวกฉันรอนายนานแค่ไหน นี่ฉันแลกเวรมารอรับนายเลยนะ”

หลัวคังอันกล่าวขอโทษ “ขอโทษจริงๆ ไม่ค่อยคุ้นเคยกับดินแดนแห่งความฝันเท่าไรน่ะ ก็เลยมาช้า ขอโทษด้วยๆ เดี๋ยววันนี้ฉันชดเชยให้ทุกคนเอง ตกลงไหม?”

ที่จริงเขาเสียเวลาไปกับการซ่อนของต่างหาก ของบางอย่างไม่สามารถเอามาที่นี่ได้ อย่างเช่นดวงตาแห่งความฝันที่เจอดวงนั้น

ความหน้าใหญ่ใจโตนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะร่าเช่นกัน ความรำคาญหงุดหงิดในการรอคอยก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วย

จู่ๆ อินเย่าหมิงก็ส่งเสียงเอ๊ะออกมา “หลัวคังอัน ทำไมนายไปดัดผมแล้วล่ะ เลียนแบบการแต่งตัวของโลกมนุษย์เหรอ?”

“เห้อ อย่าไปพูดถึงเลย ระหว่างทางไปเจอฝูงสัตว์ประหลาดปีกยาวๆ ที่ปล่อยสายฟ้าได้น่ะสิ รสชาติของการโดนสายฟ้าเล่นงานนี่ไม่ไหวเลย เกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว” หลัวคังอันส่ายหน้าโบกมือ แต่สีผิวเขากลับมาเป็นปกติแล้ว

เขาคุยกับสามคนที่สนิทกันมากที่สุดก่อน แล้วจึงก้าวไปทักทายคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน ทุบอกตบไหล่ทักทายกันไปมา

คนบางส่วนในนั้นเมื่อก่อนไม่ค่อยชอบหน้าหลัวคังอัน แต่ตอนนี้หลัวคังอันต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว การต่อสู้ของเขาในการประมูลยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าความสามารถชนะทุกอย่าง

แต่แน่นอน คนที่หลัวคังอันคุ้นเคยภายในฐานที่มั่นแห่งนี้ไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง เพียงแต่พวกเขาล้วนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หากไม่ค่อยสนิทกันก็คงไม่มีทางยอมเปลี่ยนเวรเพื่อมารอรับหลัวคังอันหรอก

จากนั้นหลัวคังอันก็แนะนำให้ทุกคนรู้จัก “นี่คือหลินยวนเป็นผู้ช่วยของฉัน เป็นพี่น้องของฉันด้วย ส่วนนี่คือเยี่ยนอิงเป็นผู้ช่วยคนใหม่ที่ทางหอการค้าตระกูลฉินจัดหามาเพิ่มให้ฉัน”

ทุกคนไม่ได้คุ้นเคยกับสองคนนี้ ก็พยักหน้ายิ้มๆ ไป ไม่ได้พูดคุยอะไร แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วย

หลังพูดคุยกันอย่างชื่นมื่นอยู่พักหนึ่ง ทุกคนก็ทยอยเข้าไปข้างในกัน ผู้คุมตรงประตูมาขวางเอาไว้

ไม่ว่าจะคุ้นเคยกับคนที่นี่มากแค่ไหน กฎก็ต้องเป็นกฎ ผู้คุมตรวจสอบพวกหลัวคังอันสามคนอย่างละเอียด ป้องกันการนำของที่ผิดกฎเข้ามา

ที่จริงก็รู้ว่าการที่พวกเขาสามารถเข้ามาได้ ก็น่าจะไม่มีของผิดกฎอะไรหรอก แต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบไป

กำไลข้อมือของหลินยวนอันนั้นกลับถูกตรวจสอบค่อนข้างละเอียด เมื่อพบว่าไม่ได้เป็นของที่มีอะไรเป็นพิเศษ และไม่ได้เป็นอาวุธวิเศษอะไร จึงปล่อยให้เข้าไป

การมาถึงของทั้งสามคนก็ได้ทำการแจ้งล่วงหน้าเอาไว้แล้วเช่นกัน เบื้องบนอนุมัติลงมาแล้ว

หลังจากผ่านเข้าไปแล้ว ทุกคนก็ยิ้มร่าเข้าไปข้างใน พื้นที่ใจกลางของฐานที่มั่นนั้นหลัวคังอันเข้าไปไม่ได้ ทำได้แค่อยู่บริเวณรอบนอก ในจุดนี้สามารถเข้าใจได้ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

พื้นที่รับรองด้านนอกที่ทางฐานที่มั่นจัดไว้ก็จัดไว้ให้ครอบครัวของทหารด้วยเช่นกัน กำลังพลต้องอยู่ที่นี่ระยะยาว ไม่สามารถที่จะห้ามพบพวกเขาไม่ให้พบเจอครอบครัวไปตลอดได้ บางครั้งเมื่อมีครอบครัวของทหารมาเยี่ยมเยือนก็ต้องมีที่อยู่ให้ครอบครัวพวกเขา แล้วบางครั้งก็มีแขกจากที่อื่นมาเยี่ยมเยือนด้วย

เพื่อนเก่าพบเจอกัน จะขาดสุราไปได้อย่างไร พวกเขาไม่รอช้า ตรงไปที่เหลาสุราก่อนเลย

พวกคนกลุ่มใหญ่หัวเราะพูดคุยกันอยู่ข้างหน้า หลินยวนกับเยี่ยนอิงตามหลังไปเงียบๆ บรรยากาศนี้พวกเขาเข้าไปอยู่ด้วยไม่ได้ แล้วก็กำลังสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างเงียบๆ อยู่

เมื่อเข้าไปในเหลาสุรา เหยาเซียนกงตบบ่าหลัวคังอัน “หลัวซยง อาหารเครื่องดื่มที่นี่ส่วนใหญ่แล้วล้วนนำเข้ามาจากโลกภายนอก ราคาไม่ใช่ถูกๆ นะ!”

หลัวคังอันโบกมืออย่างหน้าใหญ่ “ขอเพียงที่นี่มี ทุกคนอยากกินอะไรก็สั่งมาได้เลย ฉันเลี้ยงเอง!”

“ดี!” ทุกคนตอบรับ ใครจะรู้ว่าหลัวคังอันจะกล่าวเสริมขึ้นมาอีก “คนเราเกิดมาก็มาตัวเปล่า ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่ต้องเกรงใจ กินให้เต็มที่เลย ยังไงซะครั้งนี้ฉันก็ไม่แน่ว่าจะได้รอดกลับไปอยู่แล้ว”

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ในบริเวณนั้นก็เงียบลงทันที เงียบจนกระทั่งเข็มตกก็ยังได้ยิน

…………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด