ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน 85 ไอโง่หลินยวน

Now you are reading ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน Chapter 85 ไอโง่หลินยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 85 ไอโง่หลินยวน

เมื่อการแสดงจบลง ผู้คนพากันแยกย้าย คณะนักแสดงเองก็ไม่สามารถค้างคืนอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพได้ ต่างทยอยกันเก็บข้าวของกลับโรงแรม

งานในค่ายผู้พิทักษ์เทพของทางปู๋เชวี่ยวีดีโอเองก็เสร็จเรียบร้อย ต่างกำลังเก็บข้าวของอยู่เช่นเดียวกัน จูลี่สั่งงานลูกน้อง อีกประเดี๋ยวกลับไปในเมืองแล้วยังมีการสัมภาษณ์พิเศษอีกสองเทป

เหิงเทาเดินเข้ามาพร้อมผู้ติดตาม ยิ้มพลางกล่าวถามจูลี่ว่า “ถ่ายเอาไว้หมดไหม?”

จูลี่รู้ว่าเขากังวลอะไร จึงกล่าวรับรองว่า “ถ่ายเอาไว้หมดค่ะ ไม่มีปัญหาต่อการออกอากาศแน่นอนค่ะ”

“ดี” เหิงเทาพึงพอใจ เหลียวหน้ากลับไปสั่งการให้ลูกน้องคุ้มครองคนของปู๋เชวี่ยวีดีโอกลับไปส่งในเมือง

จูลี่ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร จึงเชิญเหิงเทาไปคุยอีกด้านหนึ่ง

เหิงเทาที่เดินมาถึงอีกด้านกล่าวถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ?”

จูลี่กล่าว “หัวหน้าเหิงคะ หลายวันมานี้คนของปู๋เชวี่ยวีดีโอทำงานหนักมากเลยค่ะ”

เหิงเทายิ้มขึ้นมา นึกว่าเธอกำลังพยายามจะขออะไร “คุณเป็นคนจัดการบัญชีของปู๋เชวี่ยวีดีโอ ทุกคนเหนื่อยกันมามาก เห็นสมควรให้รางวัลก็ให้ไป คุณจัดการเอาเองได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาถามความเห็นผม คุณอย่าบอกผมนะว่าบัญชีของทางสถานีไม่มีเงิน ผมจำได้ว่าลำพังเงินที่หอการค้าตระกูลฉินให้พวกคุณมามันก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ แล้ว”

จูลี่กล่าว “หัวหน้าเหิงคะ ไม่ใช่เรื่องเงินค่ะ แต่เป็นเรื่องขนาดของปู๋เชวี่ยวีดีโอ หัวหน้าเหิงก็รู้ว่าคนของพวกเรามีจำกัด หลายวันมานี้เกณฑ์คนมายุ่งกับเรื่องการตระเวนแสดง ทำเอาเรื่องการติดตามสัมภาษณ์การประมูลเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินหยุดชะงักไปเลยค่ะ”

เหิงเทากล่าว “อย่างนั้นก็จัดการเรื่องการตระเวนแสดงก่อนแล้วกัน เรื่องการประมูลยังไม่รีบ หยุดเอาไว้ก่อนได้”

จูลี่กล่าวอย่างลังเลว่า “ฉันมีวิธีที่ทำให้ทำงานสองงานไปพร้อมกันได้ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าค่ะ”

เหิงเทาร้องโอ้ “ไหนลองว่ามาดูซิ”

จูลี่กล่าวหยั่งเชิงว่า “หัวหน้าเหิงค่ะ หัวหน้าว่าฉันจะเข้าไปติดกล้องวงจรปิดในห้องควบคุมศูนย์กลางของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้หรือเปล่าคะ? แบบนี้ฉันก็จะทำงานสองที่ในเวลาเดียวกันได้ค่ะ”

“….” เหิงเทาพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง สุดท้ายกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนขึ้นมา “ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ติดกล้องวงจรปิดอย่างนั้นเหรอ? หอการค้าตระกูลฉินก็มีความลับทางการค้าของตัวเองอยู่ ตอนที่คุณติดตามสัมภาษณ์ก็น่าจะรู้แล้วนี่นา หอการค้าตระกูลฉินจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าอะไรที่คุณดูได้ อะไรที่คุณดูไม่ได้ เรื่องนี้คุณมาพูดกับผมก็ไม่มีประโยชน์หรอก ผมเองก็ไม่สามารถไปบีบให้เขาเปิดเผยความลับทางธุรกิจโดยไม่มีเหตุผลได้ ทำแบบนี้มันผิดกฎของสภาเซียน”

“นอกจากนี้ การติดกล้องวงจรปิดไว้ภายในเทพมหาวิญญาณก็ไม่ได้มีประโยชน์เลย หลังจากข่ายพลังอันซับซ้อนที่อยู่ภายในทำงานขึ้นมา ร่างทั้งร่างของเทพมหาวิญญาณจะอยู่ในสภาวะที่มีการป้องกันในระดับสูงสูด กระทั่งพลังของผู้บำเพ็ญเพียรทั่วๆ ไปก็ยังยากจะแทรกซึมเข้าไปได้ การถ่ายภาพและการส่งข้อความจากภายในจะไม่สามารถทำได้ เพราะจะถูกปิดกั้นเอาไว้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นผมว่าคุณล้มเลิกความคิดนี้ซะจะดีกว่า”

เขามองออกว่าการที่จูลี่มาหาเขาแต่ไม่ยอมไปหาหอการค้าตระกูลฉิน เพราะเธอคงไม่คิดจะให้หอการค้าตระกูลฉินรู้เรื่องนี้ แล้วก็คงรู้ว่าหอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางรับปากด้วย หากแต่คิดจะแอบทำอย่างเงียบๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็ยังมีเขาช่วยออกหน้าได้อยู่

ก็เหมือนอย่างที่เขาว่ามา นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงความลับทางการค้า เขาจะไปเอ่ยปากเรื่องนี้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร ดังนั้นเขาไม่มีทางรับปาก

“ปิดกั้น…” จูลี่ขมวดคิ้วกล่าวพึมพำ ก่อนหน้านี้เธอไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเทพมหาวิญญาณ ก็เป็นช่วงนี้ที่เธอถึงจะได้เริ่มใกล้ชิดเทพมหาวิญญาณ เธอจึงไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย

“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดมาก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ผมยังมีงานต้องจัดการอีก ไปก่อนล่ะ” เหิงเทากล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไป ลั่วเทียนเหอไม่ยอมปรากฏตัวในงานแบบนี้ เขายังต้องกลับไปรายงานลั่วเทียนเหออีก

จูลี่เหลียวหน้ากลับไปมองทางโรงเก็บเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน สายตาวูบไหวไปมาไม่นิ่ง

……

หลินยวนและหลัวคังอันเองก็กลับมายังโรงเก็บเทพมหาวิญญาณ จากนั้นเข้าไปในร่างเทพมหาวิญญาณอีกครั้ง การแสดงจบลงแล้ว พวกเขาจึงเตรียมทำงานต่อ

ทันทีที่เข้าไปในศูนย์กลางการควบคุมของเทพมหาวิญญาณ ปีกจมูกของหลินยวนก็ขยับขึ้นมาเล็กน้อย เขาได้กลิ่นแปลกปลอมที่ไม่ได้เป็นของห้องที่แทบจะอยู่ในสภาพปิดตายห้องนี้ จึงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น กวาดตามองดูหลัวคังอันที่สีหน้ายังคงดูมีความสุขด้วยสายตาเย็นชา พบว่าคนคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพาผู้หญิงมาทำอะไรกันที่นี่

กระทั่งฝันเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าหลัวคังอันจะพาเสวี่ยหลานเข้ามาในศูนย์กลางการควบคุมของเทพมหาวิญญาณ

แต่แน่นอน เขาก็พอจะจินตนาการออกว่าหลัวคังอันจะต้องหลงกลแผนสาวงามอย่างแน่นอน นี่จะต้องเป็นแผนชั่วที่คนที่อยู่เบื้องหลังวางเอาไว้แน่

ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าหลัวคังอันจะถูกฆ่าตาย ผลสุดท้ายหลัวคังอันยังอยู่สุขสบายดี ทำไมคนที่อยู่เบื้องหลังถึงต้องให้เสวี่ยหลานเข้ามาที่นี่ด้วย? เหตุผลคาดเดาได้ไม่ยาก

หลินยวนกวาดตามองดูรอบด้าน สำรวจดูอย่างละเอียด ไม่อาจปล่อยความผิดปกติใดๆ ให้ผ่านไปได้

“ไปล่ะ” หลัวคังอันที่อารมณ์เบิกบานควบคุมเทพมหาวิญญาณให้เปิดประตูโรงเก็บออกไป กระโดดลงไปยังลานฝึกที่อยู่ในหุบเหวลึก

……

แสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องสวางทะเลสาบ

หลังเผิงซีที่นั่งดื่มสุราอยู่เพียงลำพังในเรือนริมน้ำได้รับรายงานจากชิงจั๋ว เขาก็เงยหน้าพลางถอนใจยาวๆ ออกมา ลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ ก้าวมายังริมราวกั้น ยืนสองมือไพล่หลังชมทิวทัศน์ที่งดงาม กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “พานหลิงอวิ๋นตายอย่างน่าเสียดาย เราต้องขอบคุณเธอนะเนี่ย เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เกรงว่ากระทั่งฉันก็ไม่แน่ว่าจะคิดวิธีนี้ออกมาได้”

ชิงจั๋วเข้าใจความหมายของเขา การที่สามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการของลั่วเทียนเหอและจูลี่ คิดแผนการตระเวนแสดงนี้ขึ้นมาและส่งเสวี่ยหลานเข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพได้อย่างราบรื่นได้ เรียกได้ว่าเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก “คุณชายไม่จำเป็นต้องดูแคลนตัวเองไปหรอกครับ พานหลิงอวิ๋นก็แค่โชคร้ายถูกเล่นงานพอดี ก็เลยคิดจะใช้แผนหนามยอกก็เอาหนามบ่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกจับตัวไปจากหออวิ้นเสียได้ยังไงล่ะครับ”

เผิงซียิ้มเล็กน้อย หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรไปหาพานหลิงเยวี่ย “สำเร็จแล้ว…”

หลังจากนั้นก็…ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว เผิงซีถือโทรศัพท์ด้วยใบหน้างุนงง ไม่รู้ว่าพานหลิงเยวี่ยหมายความว่าอย่างไร เขายังไม่ทันพูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว

เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ รีบกล่าวกับชิงจั๋วทันทีว่า “เร็ว พานหลิงเยวี่ยอาจจะเกิดเรื่องแล้ว”

ชิงจั๋วตกใจ รีบเดินออกไปทันที แต่ขณะที่เพิ่งจะหายตัวไปได้ไม่นาน เขาก็กลับเข้ามาอีกครั้ง กล่าวรายงานเผิงซีว่า “ไม่มีเรื่องอะไรครับ เธอมาที่นี่ครับ”

ตรงมุมเรือนริมน้ำมีคนจำนวนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าคือพานหลิงเยวี่ย

พานหลิงเยวี่ยก้าวเข้ามาในเรือน รีบกล่าวถามต่อหน้าเผิงซีว่า “แน่ใจนะว่าสำเร็จแล้ว?”

เผิงซีถึงได้เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร ที่แท้เธอก็อยากจะมาทำการยืนยันต่อหน้า กลัวว่าเขาจะเล่นลูกไม้อะไร จึงส่งเสียงอืมออกไป กล่าวว่า “แผนการราบรื่นกว่าที่พวกเราคิดไว้ พวกเธอสอนได้ดี จากที่ได้รับรายงานมา การแสดงของเสวี่ยหลานคนนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว สมแล้วที่ทำอาชีพนั้น”

พานหลิงเยวี่ยเองก็โล่งใจ รอจนมาถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี แล้วก็ถือว่าความพยายามก่อนหน้านี้ไม่สูญเปล่า หลังครุ่นคิดเล็กน้อย เธอยังคงกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “แผนการราบรื่น? จะเป็นเพราะฉินอี๋รู้เรื่องนี้อยู่แต่แรกแล้ว ก็เลยจงใจเล่นตามน้ำ พอถึงเวลาจริงๆ ค่อยทำให้พวกเราดีใจเก้อหรือเปล่า”

เผิงซีกล่าวว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉินอี๋รู้แล้วจะทำไม ขอเพียงเธอไม่ปล่อยให้เสวี่ยหลานพูดอะไรที่พัวพันไปถึงหอการค้าตระกูลพาน คนที่เข้าร่วมการประมูลมีตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรก็ไม่มีใครมาบอกได้ว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”

พานหลิงเยวี่ยกล่าว “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน”

เผิงซีจ้องมองเธอ “เตรียมพร้อมเรื่องการประมูลดีกว่า ตระกูลเธอกับตระกูลฉันร่วมมือกัน เราจะต้องมีสิทธิ์มีเสียงในแคว้นเซียนคุนกว่างให้ได้”

พานหลิงเยวี่ยกล่าวว่า “ลั่วเทียนเหอไม่ใช่คนโง่ อีกทั้งยังมีอิทธิพลต่อท่านเจ้าแคว้นอย่างมาก ถ้าเกิดท่านเจ้าแคว้นฟังเขา…เกรงว่าจะมีเรื่องไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้”

เผิงซีกล่าว “คิดมากไปแล้ว ฉินอี๋คนนั้นไม่แน่ว่าจะบอกเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ลั่วเทียนเหอรู้ เมื่อลั่วเทียนเหอไม่รู้เรื่อง หากเราโจมตีอย่างกะทันหัน เรื่องราวมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่าว่าแต่ลั่วเทียนเหอเลย ต่อไห้เป็นท่านเจ้าแคว้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ตามใจชอบได้”

“ค่อยว่ากันแล้วกัน ฉันกลับเมืองเทียนกู่ก่อนล่ะ” พานหลิงเยวี่ยกล่าวลา

เผิงซีหมุนตัวมา กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ฟ้าใกล้มืดแล้ว ทำไมถึงต้องรีบกลับไปด้วย?”

พานหลิงเยวี่ยกล่าว “ถ้าขืนยังไม่ไป ฉันกลัวว่าจะซ้ำรอยน้องเล็กของฉัน” ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดชัดเจนเป็นอย่างมาก

เผิงซียิ้มเจื่อนขึ้นมา พยักหน้ากล่าวว่า “ตามสบาย”

พานหลิงเยวี่ยเดินออกไป

……

ภายในห้องอาบน้ำมีเสียงน้ำไหลดังซ่าๆ หลัวคังอันที่อาบน้ำอยู่ถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือ หลังกล่าวคำพูดหวานซึ้งไปแล้วก็ถามว่า “พรุ่งนี้เจอได้ไหม?”

ภายในโทรศัพท์มือถือมีเสียงออดอ้อนของเสวี่ยหลานดังขึ้นมา “พรุ่งนี้ช่วงกลางวันยังมีแสดงอยู่ จะมีเวลาว่างไปเจอได้ยังไงล่ะ”

หลัวคังอันกล่าว “อย่างนั้นเจอกันตอนเย็นก็ได้ ตอนเย็นพวกเราหาเวลามาเจอกันนะ” เขารู้สึกอยากจะลิ้มลองรสชาติอีกครั้ง

เสวี่ยหลานกล่าวว่า “คังอัน พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างจริงๆ พรุ่งนี้หลังแสดงเสร็จ คณะนักแสดงทั้งหมดก็จะออกไปจากเมืองแล้ว

ที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริง แต่ในใจเธอก็ไม่อยากจะเจอหลัวคังอันแล้วจริงๆ อีกทั้งในความเป็นจริงก็ไม่สามารถเจอกันอีกครั้งได้ด้วย เพราะถ้ามีใครมาเห็นว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กัน แผนการที่ทำมาทั้งหมดอาจจะพังลงได้ง่ายๆ ที่เธอทิ้งเบอร์ติดต่อเอาไว้ก็เพื่อจะปิดบังคำพูดโกหก หลอกให้หลัวคังอันตายใจเท่านั้น

หลัวคังอันกล่าวว่า “ก็หมายความว่าพรุ่งนี้เย็นเธอจะออกไปจากเมืองแล้วสิ?”

เสวี่ยหลานกล่าว “คุณก็รู้นี่ จะให้ฉันไปบอกให้คณะนักแสดงทั้งหมดให้อยู่ที่นี่ต่อก็ทำไม่ได้ ก็ได้แต่ต้องตามพวกเขาไป”

หลัวคังอันกล่าว “อย่างนั้นเมื่อไรการตระเวนแสดงของเธอจะจบลงเหรอ? พวกเราจะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไร?”

เสวี่ยหลานกล่าว “คังอัน รอหน่อยนะ ต่อไปพวกเรามีโอกาสให้เจอกันอีกเยอะแยะ เอาไว้การตระเวนแสดงจบแล้ว พอฉันจัดการอะไรๆ เรียบร้อยแล้ว ฉันจะรีบมาหาคุณทันที ถ้าคุณว่างก็มาหาฉันที่เมืองหลวงก็ได้”

ในเวลานี้เอง ด้านนอกพลันมีเสียงเคาะประตูดังก๊อกๆๆ ขึ้นมา เสียงจูเก่อม่านดังขึ้นมาที่ด้านนอก “เสร็จหรือยัง?”

หลัวคังอันคิดอยากจะเอามือปิดไมโครโฟนของโทรศัพท์เอาไว้ แต่มันก็ยังช้าไปก้าวนึง เสวี่ยหลานคล้ายจะได้ยินเข้า จึงกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมตรงนั้นถึงยังมีเสียงผู้หญิงอีกล่ะคะ?”

หลัวคังอันกล่าว “ไม่มีอะไร คนใช้น่ะ” ก่อนจะตะโกนตอบกลับไปว่า “จะเสร็จแล้ว” จากนั้นกล่าวกับเสวี่ยหลานต่อว่า “ที่รัก เธอเองก็รีบพักผ่อนนะ”

เสวี่ยหลานส่งเสียงอื้อ เธอเหนื่อยมาทั้งวัน ง่วงจนจะทนไม่ไหวแล้ว ภายในใจอยากจะนอนพักผ่อน แต่ดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้แล้วหลัวคังอันยังอยากจะคุยกับเธอ เธอก็ได้แต่ต้องคุยกับเขา ภายในใจอยากจะรีบวางสายจะแย่อยู่แล้ว

หลังทั้งสองคนวางสาย หลัวคังอันก็อาบน้ำอีกเล็กน้อย ก่อนจะห่อผ้าขนหนูเดินออกมา

จูเก่อม่านกำลังรอเขาอยู่ด้านนอก เธอรู้ว่าวันนี้เขาเลิกงานดึก ถึงขนาดตั้งนาฬิกาปลุกขึ้นมารอเขา อยู่เป็นเพื่อนเขา ในมือยังอุ้มเสื้อผ้าที่จะให้หลัวคังอันเปลี่ยนเอาไว้

เมื่อเห็นเขาออกมา จูเก่อม่านก็ลองถามว่า “คุณคุยโทรศัพท์กับใครในห้องน้ำตั้งนาน?”

หลัวคังอันกล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อ้อ ไม่มีอะไร หลินยวนน่ะ วันนี้สอนอะไรเขาไปนิดหน่อย เขายังไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยโทรมาถามฉัน”

จูเก่อม่านไม่พอใจเล็กน้อย “นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ยังโทรมารบกวนอีก รอพรุ่งนี้ค่อยถามไม่ได้เหรอไง?”

หลัวคังอันยื่นมือไปโอบเอวเธอ ถอนใจพลางกล่าวว่า “เธอเองก็รู้นี่ว่าเขาซื่อบื้อแค่ไหน คนที่เรียนที่หลิงซานมาสามร้อยปีแล้วยังเรียนไม่จบ เธอจะไปคาดหวังให้เขาฉลาดได้แค่ไหนกันล่ะ?” เพื่อที่จะโอ้อวดตัวเอง เขาได้เล่าเรื่องที่หลิงซานของหลินยวนออกมาให้เธอฟังแล้ว

จูเก่อม่านเองก็บ่นพึมพำตามเขาขึ้นมา “ท่านประธานนี่ก็จริงๆ เลย เรื่องใหญ่อย่างการประมูลเทพมหาวิญญาณ ทำไมถึงได้ให้คนแบบนี้มาเป็นผู้ช่วยคุณได้นะ ถ้าพลอยทำให้คุณลำบากไปด้วยจะทำยังไง?”

หลัวคังอันส่ายศีรษะ “จะทำยังไงได้ล่ะ? เธอใหญ่ที่สุดในหอการค้าตระกูลฉินนี่นา ถือเสียว่าฉันโชคร้ายแล้วกัน ได้แต่ภาวนาขอให้ไอโง่หลินยวนนั่นฉลาดขึ้นมาเร็วๆ หน่อย”

………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *