ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 10 แอบกินพริก (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 10 แอบกินพริก (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 10 แอบกินพริก (รีไรท์)

ตอนที่ 10 แอบกินพริก (รีไรท์)

ชายร่างผอมสูงที่ชื่อคังฮวาหันกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง พี่หยวน ข้าจะเก็บผลสีแดงมาลองชิมดู มันน่าจะอร่อย”

คนที่เหลือรู้สึกจนปัญญา จึงได้แต่ปล่อยเขาไป ความจริงแล้วพวกเขาก็อยากรู้ว่ารสชาติของผลไม้นั้นเป็นอย่างไร

คังฮวายืนสำรวจข้างแปลงพริกอยู่นาน สุดท้ายก็เก็บพริกแดงผลเล็กยาวหนึ่งเม็ดยัดเข้าไปในปาก

เขาคิดในใจว่า หากเก็บเม็ดเล็ก ๆ มากินแล้วไม่อร่อย หากทิ้งไปเขาก็จะได้ไม่รู้สึกเสียดาย

ครั้นนำพริกเม็ดเล็กเข้าไปในปาก เขาก็เริ่มเคี้ยว สหายสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ มองอย่างกระตือรือร้น “เป็นอย่างไร? อร่อยหรือไม่?”

คังฮวาชิมแล้วยังไม่ได้รสชาติอะไรก็รู้สึกว่าลิ้นของเขาเหมือนถูกไฟเผา ทั้งร้อนทั้งเจ็บปวด ทั่วใบหน้าแดงก่ำเพราะความเผ็ด

เขาคายพริกในปากทิ้ง แลบลิ้นออกมา น้ำลายไหลไม่หยุด พลางตะโกนอู้อี้ “ฮ่า! เจ็บมาก! มันเจ็บมาก! ลิ้นของข้ากำลังจะหลุด!”

เขาคงจะไม่ถูกวางยาหรอกใช่ไหม?

สหายหลายคนตกใจมาก รีบอุ้มคังฮวาวิ่งไปทางลานบ้าน และรีบพาไปหาหวางเฟย!

พวกเขาเดาว่า ผลสีแดงที่หวางเฟยปลูกเหล่านั้น อาจจะเป็นยาพิษ จึงหวังว่าคังฮวาจะยังมีชีวิตรอด

“หวางเฟยช่วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉียวเยี่ยนกำลังง่วนอยู่ในห้องครัวก็พลันได้ยินเสียงโหวกเหวกในลานบ้านราวกับว่ามีคนตาย

นางขมวดคิ้วพลางรีบเดินออกไป “มีอะไรรึ?”

เมื่อมาถึงลานบ้านและเห็นใบหน้าคังฮวาแดงก่ำทั้งยังแลบลิ้นออกมา นางก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ไหว ไม่รู้ว่ามันคืออะไรยังกล้าเอาเข้าปาก ช่างไม่กลัวว่านางจะพ่นยาฆ่าแมลงไว้เลยสินะ

เกาจัวหยวนรายงานสถานการณ์ต่อหวางเฟยอย่างกังวลใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับพบว่าหวางเฟยกำลังหัวเราะอยู่ ก็ยิ่งอดกังวลมากขึ้นไม่ได้!

“หวางเฟยเหนียงเหนียง โปรดให้ยาแก้พิษเถิด คังฮวาเขาเป็นคนตะกละ ท่านจะลงโทษเขาอย่างไรก็ได้ แต่ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ยาแก้พิษ?

เฉียวเยี่ยนยิ่งหัวเราะหนักขึ้น เขาเอาพริกของนางไปเหมารวมว่าเป็นยาพิษเสียแล้ว!

นางไม่พูดอะไร เอาแต่ดูความครึกครื้นด้วยรอยยิ้ม เหล่าองครักษ์ต่างกระวนกระวายจนจะคุกเข่าให้นาง

นางนวดแก้มที่เริ่มชาจากการหัวเราะ และชี้ไปที่โอ่งเก็บน้ำ “ไม่ต้องเป็นห่วง นั่นคือลูกรักของข้าเอง ไม่ใช่ยาพิษ ดื่มน้ำไปสองสามอึกก็ไม่เป็นไรแล้ว”

เหล่าองครักษ์ต่างมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยเชื่อถือนัก

คังฮวาแสบร้อนลิ้นจนทนไม่ไหว รีบพุ่งไปยังโอ่งเก็บน้ำ หยิบกระบวยตักน้ำขึ้นมาดื่ม และรู้สึกว่าความแสบร้อนในลิ้นของเขาหายไปจริง ๆ

มู่ฉินเจินกำลังเล่นกับเด็กน้อยสองคนอยู่ในห้องหนังสือ ครั้นได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวข้างนอกก็ออกมาดู

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ฉลาดมาก แค่ดูสถานการณ์แวบเดียวก็รู้แล้วว่าชายคนนั้นแอบขโมยกินพริกของท่านแม่ ใบหน้าเล็กวางมาดขรึมเกิดความรู้สึกเมินเฉยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “โง่เง่า!”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ในอ้อมแขนพ่อ และเอ่ยตามพี่ชายด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก “คนโง่”

มู่ฉินเจินขมวดคิ้ว มองไปยังเด็กทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ “ฉวนเอ๋อร์ สรุปว่าเขากินอะไรเข้าไปรึ?”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยืดอกเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้น เสียงเด็กเล็กมีความหยิ่งยโสเล็กน้อย “มันคือลูกคนโตของท่านแม่!”

ท่านแม่มีลูกสี่คน ลูกสองคนที่สำคัญที่สุดคือเขากับน้องสาว ส่วนที่เหลือคือมันเทศกับพริก!

เขารู้ว่าแหล่งรายได้ของพวกเขาล้วนมาจากพริกกับมันเทศที่ท่านแม่ปลูก และไม่มีใครมีทั้งสองสิ่งนี้

เด็กชายตัวเล็กอธิบายเกี่ยวกับมันเทศและพริกให้พ่อของเขาฟังด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก สีหน้ามู่ฉินเจินเรียบนิ่ง ทว่าในใจกลับปั่นป่วน

ไม่คิดเลยว่าหญิงคนนี้จะค้นพบพืชผลชนิดใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศและประชาชน!

เรื่องตลกจบสิ้นลงแล้ว เฉียวเยี่ยนสั่งองครักษ์สองสามคนล้างผัก จากนั้นก็กลับไปเตรียมอาหารกลางวันต่อ

นางใส่น้ำมันลงไปในหม้อตั้งให้ร้อน ใส่ต้นหอมสับและขิงลงไปผัดจนหอม จากนั้นก็เทเนื้อรมควันที่หั่นแล้วใส่ในหม้อ ผัดจนน้ำมันออกมา สุดท้ายก็ใส่กระเทียม พริกเขียวแดงสับ แล้วผัดให้สุก ผัดเนื้อรมควันเข้าไปด้วยก็พร้อมรับประทาน

หลังจากผัดเนื้อรมควันเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เทไก่รมควันลงในหม้อผัดจนเป็นสีเหลือง จากนั้นก็เติมซอสเต้าเจี้ยวที่หมักด้วยตัวเองลงไปหนึ่งช้อน ผัดจนได้กลิ่นหอม จากนั้นก็ใส่มันลงในหม้อน้ำเดือดใบใหญ่

รอจนเนื้อไก่ตุ๋นอ่อนนุ่ม ก็ใส่ผักที่พวกองครักษ์ล้างลงไปในหม้อ

ระหว่างที่รอผักสุก นางก็ใช้แป้งข้าวโพดผสมจนข้นเหนียว จากนั้นก็นวดแป้งขนาดเท่าฝ่ามือติดไว้ที่ข้างหม้อ รอจนกระทั่งกลายเป็นสีเหลืองทองกรอบ

แป้งข้าวโพดนี้ไม่ใช่แป้งหยาบที่ชาวไร่ทั่วไปกินกัน นางใช้แต้มคะแนนซื้อมาจากร้านค้าในระบบ ซึ่งมันละเอียดกว่า และไม่ทำให้คอแห้ง

น้ำแกงกำลังเดือดและส่งกลิ่นหอมโชยเป็นระลอก เหล่าองครักษ์ในลานบ้านต่างสูดดมกลิ่นหอมอย่างเมามัน ตะกละจนน้ำลายสอออกมา

หอมจังเลย! เหมือนพวกเขาจะไม่เคยกินอาหารที่หอมขนาดนี้มาก่อน ฝีมือของหวางเฟยช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!

มู่ฉินเจินที่อยู่ในห้องหนังสือได้กลิ่นหอมของอาหารก็ประหลาดใจ ไม่คิดว่าหญิงคนนั้นจะมีฝีมือในการทำอาหารดีเช่นนี้

ท้องน้อย ๆ ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ร้องออกมาเพราะถูกกลิ่นหอมดึงดูด นางเงยหน้าสูดกลิ่นอย่างแรง ไม่ได้การแล้ว นางต้องไปขอท่านแม่กินด้วย

ดังนั้น สาวน้อยร่างท้วมที่กำลังจะไปกินดื่มก็ถูกคนกลุ่มใหญ่ตามหลังมา และแต่ละคนมองเข้าไปในห้องครัวตาปริบ ๆ

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นผู้นำ ตามมาด้วยเสี่ยวฉวนเอ๋อร์และมู่ฉินเจิน รวมถึงองครักษ์ทั้งเจ็ดที่ติดตามท่านอ๋องของพวกเขามา

เมื่อเข้าไปในครัว กลิ่นหอมก็ยิ่งรุนแรงขึ้นและก็ยิ่งน้ำลายสอ

เมื่อเฉียวเยี่ยนหันกลับมาเห็นกลุ่มคนที่มารออยู่หน้าประตูก็ตกใจ

พวกนี้กังวลว่านางจะวางยาพวกเขาหรือ?

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่รู้ว่าท่านแม่กำลังคิดอะไรก็เข้าไปกอดต้นขาข้างหนึ่งของนาง พลางส่ายร่างน้อยไปมาอย่างน่ารัก “ท่านแม่เจ้าขา ลูกหิวแล้ว ท่านลูบดูสิ ท้องลูกแบนไปหมดแล้ว”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ตีหน้าขรึมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวขาเล็กวิ่งไปกอดขาแม่ตัวเอง ไม่ได้พูดหรืออ้อนอะไร เพียงแค่กอดอย่างเงียบงัน ทว่าดวงตาแพรวพราวนัก รวมถึงการกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวนั้นได้เปิดเผยความคิดของเขา

เฉียวเยี่ยนทนความน่ารักของลูกทั้งสองไม่ไหว หยิบแผ่นแป้งสีเหลืองทองกรอบสองแผ่นมาเป่าให้คลายร้อน เมื่อไม่ร้อนมือแล้ว นางถึงได้ยื่นให้กับลูกทั้งสอง

แววตาของเด็กน้อยเป็นประกาย มือเล็ก ๆ หยิบแป้งย่างมากินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้กลุ่มองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังยิ่งตะกละมากขึ้น และจ้องมองเฉียวเยี่ยนอย่างคาดหวัง

เฉียวเยี่ยนไม่สนใจพวกเขา พลางกลอกตาแล้วถามว่า “มองอะไร? พวกเจ้าก็อายุสามขวบรึ?”

มู่ฉินเจินที่ไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้นเห็นลูกทั้งสองเคี้ยวแผ่นแป้ง ก็มองเฉียวเยี่ยนอย่างลึกซึ้ง

แน่นอนว่าไม่ให้เขาหรอก!

ก่อนหน้านี้บอกเสียดิบดีแล้วว่าจะไม่รู้สึกลึกซึ้งกับเขา?

ระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกก็กอดขนมข้าวโพดหนึ่งชิ้นอยู่เช่นกัน เคี้ยวจนเศษติดเต็มปาก

ความสามารถของนางคือสามารถรับของจากโลกภายนอกได้ และทุกครั้งที่โฮสต์ทำอาหารอร่อย นางก็สามารถกินด้วยได้

หลังจากเรอเสร็จ ระบบตัวน้อยก็สังเกตเห็นท่าทางของมู่ฉินเจิน จึงเอ่ยกับเฉียวเยี่ยนว่า

[โฮสต์ ผู้ชายของท่านหิวแล้ว]

โพละ!

เฉียวเยี่ยนที่กำลังนาบแป้งกับกระทะเกือบจะโยนก้อนแป้งลงบนพื้น เล่นอะไรกัน? ผู้ชายของนาง? เมื่อจินตนาการภาพที่นางอยู่กับมู่ฉินเจินก็อดขนลุกไม่ได้

ต้องเผชิญกับใบหน้าไร้ความรู้สึกทุกวัน นางอาจจะมีนิสัยนิ่งเฉยไปด้วยก็ได้!

นางเอ่ยแก้ไขกับระบบว่า “ระบบตัวน้อย ระวังคำพูดของเจ้าให้ดี เขาไม่ใช่ผู้ชายของข้า เขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีหน้าที่บริจาคสเปิร์มมาสร้างเป็นลูกของข้าเท่านั้น”

ระบบตัวน้อยกินอิ่มและดื่มจนพอแล้วก็คร้านจะพูดกับโฮสต์ตัวเอง

[ช่างเถิด ๆ ชายแปลกหน้าที่มีส่วนบริจาคสเปิร์มสร้างครอบครัวให้ท่านกำลังอยากขนมอย่างหิวโหยอยู่ ท่านรีบให้เขาสักชิ้นสิ เขาดูน่าสงสารมาก]

เฉียวเยี่ยนไม่อาจปฏิเสธได้ จึงหันไปแอบดูมู่ฉินเจินที่ตีสีหน้าไร้ความรู้สึก ชายชนชั้นสูงที่ไม่กินอาหารเหมือนมนุษย์เดินดินผู้นี้ตะกละเป็นด้วยรึ? ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเชื่อเลย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นึกสภาพทำอาหารแล้วมีโบ้มาล้อมเป็นฝูงมองตาแป๋วลิ้นห้อยแล้วมันตรงกับเนื้อเรื่องของตอนนี้มากเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *