ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 100 แตงในมือแม่หวานยิ่งกว่า
ตอนที่ 100 แตงในมือแม่หวานยิ่งกว่า
ตอนที่ 100 แตงในมือแม่หวานยิ่งกว่า
นอกจากผักที่ปลูกบนแปลงเพาะกล้าแล้ว บ่อเพาะกล้าที่สร้างบนดินก็ยังเต็มไปด้วยผักต่างๆ กลุ่มชายหญิงทั้งแก่เด็กเห็นผักปลูกในน้ำเป็นครั้งแรกต่างก็ตกตะลึง บางคนถึงขั้นหมอบลงข้างบ่อเพาะกล้าเพื่อดูว่าในนั้นมีน้ำจริงๆ หรือไม่
บนแปลงเพาะกล้าแปลงหนึ่งปลูกต้นพริกไว้เต็ม ส่วนต้นพริกโตล้วนถูกปลูกในกระถาง แต่ละต้นเต็มไปด้วยผล ซึ่งขันทีน้อยผู้ดูแลเรือนกระจกพาคนบางส่วนไปเก็บพริกที่แปลงเพาะกล้า อีกส่วนไปเก็บผลไม้แดง
ผลไม้แดงปลูกอยู่ในดิน แต่กิ่งก้านถูกมัดแขวนเอาไว้สูง และแขวนเชือกไว้บนหลังคาเรือนกระจก จนต้นผลไม้แดงเหล่านี้ดูเหมือนต้นไม้ยืนต้นที่มีผลสีแดงห้อยอยู่ด้านบนเหมือนกับโคมไฟขนาดเล็ก
เฉียวเยี่ยนปลูกมะเขือเทศพันธุ์ที่เจริญเติบโตแบบไม่สิ้นสุด เมื่อได้รับการขึ้นค้างแล้วยอดของมันจะเติบโตได้เรื่อยๆ ต้นมะเขือเทศที่งอกออกมาล้วนมีลักษณะเหมือนเถาวัลย์ จึงจำเป็นต้องแขวนไว้
คนที่เก็บผลไม้แดงล้วนเบิกตากว้าง ต้นผลไม้แดงที่พวกเขาเคยเห็นนั้นสูงอย่างมากที่สุดก็แค่ช่วงขาเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นต้นที่มีสภาพเหมือนไม้ยืนต้นเช่นนี้
ฮ่องเต้เห็นท่าทางไม่เคยเห็นโลกของทุกคน ก็ภาคภูมิใจจนเคราลอย เหอะๆ ผักพวกนี้เขาเป็นคนดูแลเองแหละ!
แม้ส่วนใหญ่จะมอบให้ขันทีเป็นคนดูแล แต่เขาก็เคยรดน้ำ เคยใส่ปุ๋ยให้พวกมัน เมื่อหักลบกันแล้วก็เป็นเขาที่ดูแลเอง
ในเรือนกระจกมีคนมากเกินไป เฉียวเยี่ยนไม่อยากเข้าไปประสมโรงด้วย จึงเดินจูงมือมู่ฉินเจิน ถือตะกร้าไปเก็บผักในสวนผัก
ในสวนผักมีของดีอยู่ไม่น้อย ผลผักต่างๆ ห้อยเป็นพวงๆ มีทั้งมะเขือยาวที่ยาวเท่าท่อนแขนเด็กน้อย แตงกวากรุบกรอบ แล้วก็ฟักทองสีเหลืองอร่าม นอกจากผักพวกนี้ เฉียวเยี่ยนก็ยังหาพื้นที่บริเวณหนึ่งปลูกแตงหวานไว้สองสามต้น
แตงหวานเป็นเครื่องบรรณาการมาจากดินแดนตะวันตก* นางตั้งใจเหลือเมล็ดเอาไว้ ก่อนหาพื้นที่ว่างในวัง ตักโคลนแม่น้ำขึ้นมากองไว้ และปลูกแตงหวานตรงที่นั้น
(*ดินแดนตะวันตกหรือดินแดนซีอวี้ (西域) ปัจจุบันคือภูมิภาคแถบเอเชียกลางที่เป็นทางผ่านของเส้นทางสายไหม)
ตอนนี้แตงหวานสุกงอมแล้ว ผลที่ออกมาไม่ใหญ่มากนัก และยังไม่มีใครเคยได้ชิม จึงไม่รู้ว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร
เฉียวเยี่ยนเก็บแตงมาสองลูกใส่ไว้ในตะกร้าหิ้ว และพาพวกเด็กๆ ไปกินแตงหวานที่ศาลาด้านข้าง นางพกมีดสั้นติดตัวมาด้วยและกำลังจะควักออกมาหั่นแตง แต่มู่ฉินเจินก็ชิงไปจากมือเสียก่อน
“ข้าทำเอง”
ท่านอ๋องหยิบมีด หั่นแตงออกเป็นหลายซีกอย่างคล่องแคล่วชำนาญ แล้วปาดไส้แกนผลออก
เขายื่นให้เฉียวเยี่ยนชิ้นหนึ่ง แล้วจึงให้เด็กทั้งสอง เด็กทั้งสองถือแตงชิ้นหนึ่งไว้ในมือเล็กๆ ของพวกเขา และแทะจนใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำ ซึ่งมันน่ารักมาก
เฉียวเยี่ยนชิมไปหนึ่งคำเช่นกัน และพบว่ามันหวานอยู่ แต่เพราะในเมืองหลวงมีความแตกต่างของอุณหภูมิกลางวันกลางคืนไม่เท่ากับดินแดนตะวันตก รสสัมผัสที่ออกมาจึงไม่ได้ดีเท่าที่ปลูกในดินแดนตะวันตก
มู่ฉินเจินยังคงหั่นแตงให้พวกเขาอยู่ แล้วนำแตงที่หั่นเสร็จใส่ไว้ในตะกร้า เฉียวเยี่ยนเห็นท่าทางตั้งใจของเขาก็ยิ้มจนตาหยีโค้ง นางหันแตงไปอีกทิศทางหนึ่ง นำอีกส่วนนั้นที่ตัวเองไม่ได้กินป้อนถึงปากมู่ฉินเจิน
“มา ท่านกินสักคำ”
มู่ฉินเจินหยุดการเคลื่อนไหวลง พลางหลุบตามองนางและยิ้มบางเบา เขาก้มหน้าลงกัดตรงที่นางเคยกัด และค่อยๆ ลิ้มรส
“ไม่เลวเลย หวานมาก”
ในน้ำเสียงเขาแฝงไปด้วยความสุขจากการหยอกล้อ ในตาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความขี้เล่น
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงทันใด แสร้งถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห พลางบ่นพึมพำเสียงเบามาก “เป็นน้ำลายทั้งนั้น เอาอะไรมาหวาน”
มู่ฉินเจินอารมณ์ดีมาก ถือมีดปาดแกนในแตงออกต่อ ใบหน้าก็ยังเคลือบไปด้วยรอยยิ้ม
ลูกทั้งสองถือแตงของตัวเอง มองท่านพ่อกับท่านแม่อย่างว่างเปล่า เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่าแตงของตัวเองไม่อร่อยเหมือนของมารดาล่ะ
เจ้าปลาอ้วนวิ่งไปอยู่ด้านข้างเฉียวเยี่ยน และอ้าปากน้อยงับแตงในมือนาง แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง
เฉียวเยี่ยนขบขันไปกับท่าทางของเด็กน้อย ครั้นหันไปมองลูกชาย เขาก็มองนางด้วยสีหน้ารอคอยอยู่ นางจึงป้อนแตงของตัวเองไปถึงปากเขา เด็กน้อยกัดไปหนึ่งคำ ในที่สุดก็พึงพอใจแล้ว
แม้จะเป็นแตงลูกเดียวกัน แต่เหมือนกับว่าแตงในมือของท่านแม่หวานยิ่งกว่า
ครอบครัวสี่คนของเฉียวเยี่ยนกินแตงอย่างมีความสุขอยู่ในศาลา กลุ่มคนที่เก็บผักอยู่ในเรือนกระจกเคลื่อนย้ายไปลงสนามรบแล้ว ฮ่องเต้เฒ่าพบว่ามีคนเก็บผลไม้แดงของเขาไปด้วยแอบกินไปด้วย จึงไล่คนออกมาด้วยความโมโห
หลังออกมาจากเรือนกระจก กลุ่มแรงงานไม่คิดค่าจ้างก็ถูกคนพามาที่สวนผัก และฝ่าบาทก็ให้ขันทีนำจอบออกมาให้พวกเขาจำนวนมาก
ในสวนผักมีส่วนหนึ่งถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเตรียมดิน จึงจำต้องขุดดินก่อน จากนั้นค่อยปลูกผักอย่างอื่น
ตั้งแต่มีกระแสปลูกผักลุกฮือขึ้นในเมืองหลวง พวกขุนนางส่วนใหญ่จึงเคยปลูกผักมาก่อน เลยไม่รู้สึกแปลกแยกกับจอบ หลังได้ยินกระแสรับสั่งของฝ่าบาท พวกเขาก็แบกจอบไปทำงาน
พวกสตรีถูดจัดให้ไปเก็บผักต่อ รั้วที่ล้อมรอบแปลงผักในพระราชวังล้วนมีเถาต้นถั่วเลื้อยพันอยู่ และถั่วฝักยาวบนนั้นก็มีมากพอให้พวกนางเก็บ
หลายคนดื่มด่ำสุขใจไปกับการขุดดินเก็บผัก ทว่ากลับมีบางคนทุกข์ทรมานถึงขีดสุด
เมื่อพวกสตรีที่แต่งกายงามเพริศพริ้งเข้าไปในแปลงผัก ชายกระโปรงยาวของพวกนางก็ลากกวาดไปบนพื้น จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษใบผักและฝุ่น
ชายเสื้อคลุมแขนยาวเกี่ยวติดกับรั้วไม่หยุด จนเส้นไหมบนผ้าแพรต่วนถูกเกี่ยวดึงออกมาไม่น้อย
ในขณะที่คุณหนูพวกนี้เก็บถั่วฝักยาวอยู่ พวกนางก็มองครอบครัวเฉียวเยี่ยนกินแตงอยู่ในศาลาอย่างไม่พอใจ ความอิจฉาริษยาในดวงตาเอ่อล้นแทบปะทุออกมา
หลังจากทำงานมาทั้งบ่าย มองแปลงผักตัวเองถูกจัดการเป็นระเบียบเรียบร้อย ฮ่องเต้เฒ่าก็ไล่กลุ่มคนออกจากวังไปอย่างปลื้มใจ
เมื่อได้รับข่าวว่าออกจากวังได้ พวกขุนนางก็พาครอบครัวหลบหนีออกจากวังเหมือนกับหนีภูตผีก็ไม่ปาน ทว่าความจริงแล้วก็คือพวกเขาเหนื่อยเกินไป!
เหล่าชายชราที่ขุดดินมาทั้งวันล้วนยืดเอวตรงไม่ได้ มือก็สั่นไม่ไหว แม้พวกเขาจะปลูกผักอยู่ในบ้าน แต่นั่นมันก็เป็นแค่ปลูกเอาสนุกเท่านั้น มีใครบ้างที่แบกจอบขุดดินทั้งวันแล้วไม่เป็นอะไรเลย!
ส่วนฮูหยินคุณหนูเหล่านั้นก็เหนื่อยไม่น้อยเช่นกันกับการเก็บถั่วฝักยาวมาทั้งวัน บางคนที่ผิวพรรณบอบบางไปสัมผัสโดนหนอนบุ้งที่อยู่บนใบถั่วจนมือเกิดตุ่มสีแดงขึ้นมา บางคนที่โชคดีหน่อยเห็นหนอนบุ้งบนใบถั่วก่อน ก็ตกใจร้องไห้ออกมาหลายครั้ง
ในวันๆ หนึ่งของเฉียวเยี่ยนถือว่าเรียบง่าย นอกจากวุ่นอยู่ในห้องเครื่องตอนเช้าแล้ว ตอนบ่ายก็เล่นเป็นเพื่อนพวกเด็กๆ
แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้งดงามมาก นางทุ่มเทแรงกายแรงใจทำอาหารว่างยามดึก ครอบครัวสี่คนรับประทานอาหารว่างยามดึกไปด้วย และมองดูดาวไปด้วย
สภาพอากาศในเดือนเก้าเย็นสบายมาก ยุงก็น้อย ตอนค่ำนั่งอยู่ในลานบ้านรับลมยามราตรีช่างสบายเหลือแสน
คืนนี้เฉียวเยี่ยนทำไก่เสียบไม้* นางไปห้องเครื่องเลือกผักมาเสียบเป็นไม้ๆ จากนั้นก็เอาลงหม้อต้มให้สุก สุดท้ายก็นำไปแช่ไว้ในน้ำจิ้มไก่เสียบไม้ที่ปรุงแล้วก็เป็นอันเสร็จ
(*钵钵鸡 ไก่เสียบไม้ ที่ไม่ได้มีแค่ไก่อย่างเดียว จะนำผักหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ มาเสียบไม้จิ้มแล้วต้มในน้ำมันพริกหมาล่า)
เด็กทั้งสองกินเผ็ดไม่ได้ เฉียวเยี่ยนจึงทำไก่เสียบไม้ที่ไม่เผ็ดให้กับพวกเขา พวกเขาชอบกินมาก กินจนบนริมฝีปากเปื้อนไปด้วยน้ำมัน
เฉียวเยี่ยนซื้อนมแคลเซียมสองขวดกับเสวี่ยปี้สองขวดกับระบบตัวน้อย นางกับมู่ฉินเจินดื่มเสวี่ยปี้ ส่วนเด็กๆ ดื่มนมแคลเซียม
ตั้งแต่มู่ฉินเจินระบายความในใจออกมาจนหมดเปลือก นางจึงไม่หวั่นกลัวต่อหน้าเขาอะไรมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และบางครั้งยังซื้อของเล่นใหม่ๆ กับระบบตัวน้อยมาให้พวกเขา
เมื่อเปิดฝาขวดเสวี่ยปี้ออก ก็มีเสียง ‘ซ่า’ ดังออกมา มู่ฉินเจินสงสัยในขวดสั้นป้อมสีเขียวนี้มาก จึงถือมันไว้ในมือและมองสำรวจ
เฉียวเยี่ยนเห็นเขาอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็ก ก็เอ่ยอย่างขบขัน “นี่เขาเรียกว่าเครื่องดื่ม เอามาดื่ม ไม่ได้เอามาให้มอง ลองดื่มดูสิว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร? ”
ความสนใจในดวงตามู่ฉินเจินไม่ลดน้อยลงเลย เขาเปิดฝาเหมือนอย่างที่เฉียวเยี่ยนเปิดเมื่อครู่ หลังจากฝาขยับก็มีเสียง ‘ซ่า’ ดังขึ้นมา
เขายกขึ้นดื่ม รสชาติหวานซ่าแสบคอและฟองที่เต้นตุบตับไม่หยุดในปากทำให้เขาตกตะลึง และอมเครื่องดื่มฟองฟอดนั้นด้วยความงุนงง จะดื่มก็ไม่ใช่ จะคายก็ไม่เชิง
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าท่าทางนิ่งค้างของเขาน่ารักมาก และหัวเราะจนยืดเอวตรงไม่ได้ “ท่านกลืนมันลงไปสิ นี่เขาเรียกว่าน้ำอัดลม ข้างในนั้นมีแก๊ส แต่มันดื่มได้จริงๆ ”
มู่ฉินเจินกลืนเสวี่ยปี้ที่แก๊สหายไปแล้วลงไป รสชาตินั้นแปลกประหลาดมาก แต่รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โทษใครไม่ได้อะพวกฮูหยินคุณหนูนกยูงทั้งหลาย พวกเธอเสียมารยาทแต่งตัวแบบไม่ดูเดรสโค้ดของงานเอง แบบนี้ชุดสวยๆ ก็พังหมดน่ะสิ
น้องต้องลองกินกับคนรักในตอนโตค่ะ แล้วจะรู้สึกว่าของกินรสชาติดีขึ้น
ไหหม่า(海馬)
Comments