ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 107 เหมือนกับไปค้นบ้านยึดทรัพย์

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 107 เหมือนกับไปค้นบ้านยึดทรัพย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 107 เหมือนกับไปค้นบ้านยึดทรัพย์

ตอนที่ 107 เหมือนกับไปค้นบ้านยึดทรัพย์

ผู้ใหญ่สองคนถูกเด็กน้อยรบกวนจนตื่น ก่อนจะมองหน้ากันอย่างจนใจและยิ้มออกมา เฉียวเยี่ยนพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง กดเด็กน้อยลงบนเตียง และหอมหน้าท้องป่องกลมนูนไปสองฟอด

นางชอบหอมพุงน้อยๆ ของเด็กทั้งสองมากที่สุด ทั้งขาวทั้งนุ่ม แถมยังป่องนูน น่ารักเป็นอย่างมาก เจ้าปลาอ้วนซึ่งถูกนางหอมแบบนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมา

หลังจากหอมไปคนหนึ่งแล้ว นางก็จับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์มาหอมอีกสองฟอด ใบหน้าของเด็กน้อยแดงเรื่อ รอมารดาหอมเสร็จ ก็รีบดึงชุดนอนมาคลุมท้องไว้ทันที

คนตัวเล็กเขินอายมาก แต่ก็จนใจมากเช่นกัน เมื่อไหร่ท่านแม่จะเติบโตเสียที

เฉียวเยี่ยนลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมไปล้างหน้าบ้วนปาก มู่ฉินเจินพาเด็กทั้งสองไปแปรงฟันล้างหน้าด้วยกัน พวกเด็กๆ แปรงฟันด้วยตัวเองเป็นแล้ว เจ้าตัวเล็กทั้งสองก็เดินตามหลังบิดาพวกเขาไป หยิบแปรงสีฟันน้อยออกมาและแปรงจนฟองเต็มปาก

ยาสีฟันของเจ้าปลาอ้วนเป็นกลิ่นสตรอเบอรี่ ทุกครั้งที่แปรงฟันนางมักถือโอกาสแอบกินยาสีฟันไปทีละน้อย และถูกเฉียวเยี่ยนตำหนิไปแล้วตั้งหลายรอบ

เพราะวันนี้ต้องไปช่วยมารดาของนาง เฉียวเยี่ยนจึงแต่งตัวอย่างหรูหราหาชมได้ยาก และมีฮุ่ยเซียงจัดทรงผมให้นาง นางข้ามมาที่ยุคโบราณตั้งหลายปีแล้วก็ทำเป็นแค่ใช้ปิ่นปักผมม้วนผมเป็นมวยธรรมดาแค่อย่างเดียว ให้ทำทรงผมซับซ้อนเหมือนฮุ่ยเซียงเกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงทำไม่เป็น

เด็กทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็วิ่งไปหาเจ้าแมวส้มของพวกเขาอย่างรีรอไม่ไหว เจ้าส้มลืมตาเต็มที่แล้ว ดวงตากลมแวววาวคู่นั้นช่างทำให้คนที่เห็นอยากเข้าไปขย้ำอย่างเต็มแรง

เจ้าตัวน้อยแสดงศักยภาพแมวอ้วนออกมาได้อย่างล้ำลึก เวลาแค่เพียงไม่กี่วันก็กินจนท้องป่องนูน จนกลายเป็นเจ้าก้อนเนื้อหนึ่งตัว

แต่เหมือนเจ้าส้มจะไม่ชอบนอนในบ้านแมวที่ท่านอ๋องสร้างเองกับมือ มันกลับชอบนอนอยู่บนตัวของต้าเฮย

ต้าเฮยมีศักยภาพเลี้ยงเด็กอยู่ในตัว ปกติแล้วมันมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมาก เทียบได้กับไซบีเรียนฮัสกี้ก็ว่าได้ แต่พอได้เลี้ยงแมวน้อยมันกลับอ่อนโยนเป็นพิเศษ แถมยังให้แมวน้อยนอนอยู่บนหน้าท้องของมันด้วย

เด็กทั้งสองถือขวดนมน้อยป้อนให้กับแมวน้อย หลังจากป้อนมันอิ่มแล้วก็ออกไปกับเฉียวเยี่ยน

หลังครอบครัวสี่คนรับประทานข้าวเช้าเสร็จ ก็ออกเดินทางไปยังจวนเสนาบดีพร้อมกับของขวัญเล็กน้อย เฉียวเยี่ยนไม่ได้ให้คนไปแจ้งล่วงหน้า นางจะให้เฉียวเจิ้นผิงไม่ทันได้ตั้งตัว หากเขารู้ก่อนว่ามู่ฉินเจินจะไปหาถึงที่ จะต้องเตรียมตัวไม่ให้ตนเองเสียหน้าแน่นอน

นางต้องการจับจุดอ่อนของเขาให้มากขึ้น ถึงจะหาโอกาสในการหย่าร้างให้กับมารดาได้

เพื่อทำให้พวกสิงสาราสัตว์ในจวนเสนาบดีตื่นตระหนกตกใจ วันนี้เฉียวเยี่ยนจึงตั้งใจพาผู้ติดตามไปมากหน่อย ซึ่งมีสาวใช้สองคน ส่วนที่เหลือแปดคนเป็นองครักษ์ของมู่ฉินเจิน

องครักษ์แปดคนตามหลังรถม้ามาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีดาบห้อยอยู่ข้างเอว ร่างกายสูงตระหง่าน แถมยังเดินเหมือนทหาร ซึ่งท่าทางแบบนั้นทำให้เฉียวเยี่ยนดูเหมือนไม่ได้มาเยี่ยมญาติ แต่เหมือนกับไปค้นบ้านยึดทรัพย์มากกว่า

เมื่อมาถึงจวนเสนาบดี พวกบ่าวที่เฝ้าประตูต่างก็ตกใจตาค้างเมื่อเห็นภาพนี้ แถมยังคิดว่านายตัวเองก่ออาชญากรรม ทางการถึงได้มาค้นบ้านยึดทรัพย์

เกาจัวหยวนเดินเข้ามาพลางยื่นแผ่นป้ายตำหนักอ๋องซู่ และเอ่ยเสียงดัง “ท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยกลับมาเยี่ยมญาติ ยังไม่รีบเปิดประตูอีก”

หวางเฟยบอกแล้วว่าไม่ต้องให้เกียรติจวนเสนาบดี คำพูดไหนที่ไม่รื่นหูก็พูดไปเลย เมื่อวานเขาท่องจำไว้เรียบร้อยแล้ว หากพวกเขาไม่เปิดประตู เขาก็จะตะโกนด่าอย่างรุนแรง และจะแสดง ‘ฝีมือ’ ของเขาให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์

แต่น่าเสียดาย บ่าวเฝ้าประตูเหล่านี้ล้วนขี้ขลาด ทันทีที่เห็นป้ายตำหนักอ๋องซู่ก็ต้อนรับเชิญคนเข้าไปอย่างเคารพนอบน้อม

เวลานี้เฉียวเจิ้นผิงไปว่าราชกิจยังไม่กลับมา บ่าวเฝ้าประตูจึงเข้าไปรายงานฮูหยินรองหลิวซื่อโดยตรง หลิวซื่อเป็นผิงชีของเฉียวเจิ้นผิง ตอนนี้เป็นนายหญิงใหญ่สุดในจวนเสนาบดี

ครั้นหลิวซื่อได้ยินว่าเฉียวเยี่ยนกับท่านอ๋องซู่มา ก็รีบเรียกลูกชายตัวเองออกมาต้อนรับทันที

นางไม่ชอบเฉียวเยี่ยน แม้ตอนนี้ในเมืองหลวงจะมีข่าวนางแพรสะพัดอย่างน่าอัศจรรย์ แต่นางก็ยังไม่เชื่อว่าคนโง่เขลาในอดีตจะเปลี่ยนเป็นเก่งกาจขึ้นมา และได้รับแรงผลักดันจากผู้คนจนมีชื่อเสียงที่ดีก็เท่านั้น

แต่ท่านอ๋องซู่ไม่เหมือนกัน นั่นเป็นพระโอรสที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด ไม่แน่ในอนาคตเขาอาจจะเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป หากบุตรชายนางได้รับความชื่นชมจากฝ่าบาท ต่อไปอนาคตคงไร้ขีดจำกัด!

นางคิดเพ้อฝันอย่างสวยงาม แต่กลับไม่ดูว่าบุตรชายตัวเองเป็นคนเช่นไร ปีนี้เฉียวต้านอายุสิบแปดปี อายุน้อยกว่าเฉียวเยี่ยนสองปี หน้าตาก็ถือว่าละม้ายคล้ายกัน ถึงอย่างไรเฉียวเจิ้นผิงกับหลิวซื่อต่างก็หน้าตาดี เมื่อให้กำเนิดบุตรก็ย่อมไม่ได้ดูแย่อะไร

แต่เขากลับหลงใหลมัวเมาในสาวงาม ไม่มี​จิตใจ​ที่​จะ​แสวงหา​ความ​ก้าวหน้า​ ตัวเขานับว่าเป็นลูกผู้ดีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ซึ่งคนที่มีอายุเท่ากับเขาล้วนเตรียมตัวสอบขุนนางหรือไม่ก็สานต่อกิจการทางบ้าน มีแต่เขาขลุกตัวอยู่ที่หอนางโลมทั้งวัน เอาแต่ก่อปัญหา แถมยังเป็นลูกรักของหลิวซื่อกับเฉียวเจิ้นผิง

เกาจัวหยวนจับพ่อบ้านชราที่มาต้อนรับไว้ และให้เขานำทางไปหาซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่น พ่อบ้านชราตกใจไม่น้อย และพาพวกเขาไปหอพระด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก

ระหว่างทางก็พบกับหลิวซื่อและเฉียวต้านที่ออกมา หลิวซื่อพาเฉียวต้านทำความเคารพมู่ฉินเจินอย่างเรียบร้อย แต่พอถึงตาเฉียวเยี่ยนแล้วก็เหมือนทำแบบขอไปที

หลิวซื่อแสร้งทำเป็นคุ้นเคยกับเฉียวเยี่ยนมาก ยื่นมือออกไปคล้องแขนนาง ทว่าเฉียวเยี่ยนถอยหลังหลบออกไปหนึ่งก้าว

ทำให้นางอับอายเล็กน้อยและลอบกัดฟัน ช่างหน้าไม่อายจริงๆ !

“เสี่ยวเยี่ยน เจ้ามาเหตุใดถึงไม่บอกแม่รองล่ะ แม่รองจะได้เตรียมตัว”

“เจ้าไม่ได้เจอน้องชายมาหลายปีแล้วสินะ ต้านเอ๋อร์ มานี่เร็ว มาทักทายพี่สาวเจ้าเสีย”

เฉียวต้านเองก็เป็นคนเสแสร้งเช่นกัน แม้จะไม่ชอบเฉียวเยี่ยนแค่ไหน แต่เวลานี้ต้องแสดงท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนและมีมารยาทออกมา จึงโค้งตัวทักทายเฉียวเยี่ยน

เฉียวเยี่ยนมองท่าทางของคนทั้งสอง ก็วาดมุมปากเยาะเย้ยขึ้น “ขออภัยหลิวอี๋เหนียง วันนี้เปิ่นเฟยกลับมาเยี่ยมมารดา ส่วนคนอื่น…เปิ่นเฟยไม่มีเวลาไปสนใจ แล้วก็…ต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าซู่หวางเฟย! ”

เมื่อนางพูดจบ ก็เดินไปทางหอพระต่อโดยไม่สนใจสีหน้าบิดเบี้ยวของทั้งสอง

จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงพวกเขาแล้ว หลิวซื่อก็ด่ากราดออกมาอย่างทนไม่ไหว “ถุย! นังผู้หญิงต่ำช้า คิดว่ามีท่านอ๋องซู่ให้ท้ายแล้วปีกกล้าขาแข็งขึ้นรึ แถมยังบังอาจให้ข้าเรียกนางว่าซู่หวางเฟยอีก!”

คำพูดหลิวอี๋เหนียงเมื่อครู่ของเฉียวเยี่ยนทำให้นางเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ หากไม่ใช่เพราะท่านอ๋องซู่อยู่ด้วย นางคงลงมือไปแล้ว

แม้จะบอกว่านางเป็นผิงชี แต่ฐานะของผิงชีก็เทียบกับภรรยาเอกไม่ได้อยู่ดี ต่อหน้าเหล่าผู้ลากมากดี นางยังคงเป็นอนุภรรยาเช่นเดิม!

พ่อบ้านพาพวกเฉียวเยี่ยนไปถึงด้านนอกหอพระ จากนั้นก็วิ่งจากไป ด้วยกลัวว่าอีกเดี๋ยวท่านอ๋องซู่จะเอาเขาไปทดลองเป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่น

ครั้นเฉียวเยี่ยนเห็นหอพระ ในใจก็ปวดร้าวราวกับถูกทิ่มแทง ที่นี่เคยเป็นสถานที่ลงโทษกักขังอนุภรรยาของจวน แต่เวลานี้มารดาของนางกลับพักอยู่ที่นี่

ดูเหมือนสองสามปีที่นางแต่งงานออกไป ท่านกับพี่ชายก็ยิ่งมีชีวิตที่ลำบาก

เฉียวจิ่นยังอ่านหนังสืออยู่ในลานบ้านของตัวเอง ทันใดนั้นบ่าวข้างกายเขาก้มารายงานว่าพวกเฉียวเยี่ยนมาแล้ว เขาจึงรีบไปยังหอพระทันที

ร่างกายเขาอ่อนแอ มิอาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ แค่เดินเร็วหน่อยก็หายใจหอบเหนื่อยแล้ว และในที่สุดเขาก็มาถึงหอพระ หอบหายใจจนพูดไม่ออก

เฉียวเยี่ยนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็เอ่ยตำหนิ “ท่านพี่ ข้าไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อย ท่านค่อยๆ มาก็ได้!”

คนป่วยโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอดเรื้อรังมีข้อห้ามร้ายแรงสุดคือห้ามเคลื่อนไหวร่างกายหนัก แต่เขาก็ยังเดินเร็วขนาดนั้น ทำให้นางกังวลแทบแย่!

เฉียวจิ่นปรับการหายใจให้เป็นปกติครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ไม่หอบแล้ว ก่อนเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเยี่ยน เหตุใดเจ้าไม่บอกก่อนว่าเจ้าจะมา เมื่อครู่หลิวซื่อทำให้เจ้าลำบากอะไรหรือไม่?”

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง นางทำให้ข้าลำบากไม่ได้หรอก อีกอย่าง ข้างกายข้ายังมีท่านอ๋องอยู่ด้วยนี่”

เฉียวเยี่ยนดึงมู่ฉินเจินที่อยู่ด้านข้าง เฉียวจิ่นถึงได้ตระหนักว่ายังมีน้องเขยผู้ทรงอำนาจอย่างเขาอยู่ด้วย จึงรีบคำนับอย่างเคารพนอบน้อม

มู่ฉินเจินเองก็คำนับกลับเช่นกัน และถือว่าทั้งสองได้ทักทายกันแล้ว

เด็กน้อยทั้งสองที่คิดถึงท่านลุงมาหลายวัน เห็นเฉียวจิ่นก็วิ่งเข้าไปกอดขาเขาไว้ เฉียวจิ่นก้มตัวลงไปกอดเด็กทั้งสองมาไว้ในอ้อมแขนแน่น

ร่างกายเขาเปราะบาง ไม่มีพละกำลังมากนัก หากเขาแข็งแรงกว่านี้คงจะดีไม่น้อย เช่นนั้นเขาจะได้อุ้มเด็กทั้งสองขึ้นมาได้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จวนนี้เตรียมล่มสลายได้เลยหากซูซื่อกับเฉียวจิ่นออกจากจวนไปแล้ว ถึงตอนนั้นท่านเสนาบดีเตรียมน้ำตาตกในได้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *