ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 11 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 11 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 11 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง (รีไรท์)

ตอนที่ 11 มันเทศที่ให้ผลผลิตสูง (รีไรท์)

คนสองสามคนที่ไม่คิดจะขอชิมอาหารได้ถูกเฉียวเยี่ยนไล่ออกจากครัว มู่ฉินเจินยืนมือไพล่หลังมองออกไปไกลราวกับกำลังมองทิวทัศน์อย่างเคร่งขรึม ทว่าจริง ๆ แล้วกำลังใช้หางตาชำเลืองมองห้องครัว

เหล่าองครักษ์พากันหันไปมองเด็กน้อยทั้งสองที่เคี้ยวขนมข้าวโพดกันตุ้ย ๆ เหมือนหนูแฮมสเตอร์น้อย

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกจ้องจนรู้สึกถึงวิกฤต เด็กน้อยปกป้องแป้งย่างของตัวเองอย่างระแวดระวัง ฮึ่ม! นี่มันของกินของเด็ก ใครก็แย่งไปไม่ได้!

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์กัดแป้งข้าวโพดย่างพลางถอนหายใจอย่างวางมาดเป็นผู้ใหญ่ และส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาเดินเข้าไปก่อนจะหักแป้งข้าวโพดย่างชิ้นเล็กให้ท่านพ่อที่เพิ่งรู้จัก

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียดายและเห็นอกเห็นใจ

กิน กินเถิด เห็นแก่ที่ท่านเป็นพ่อข้า ข้าแบ่งให้ท่านสักหน่อยแล้วกัน

มู่ฉินเจินหลุบตามองแป้งข้าวโพดย่างสีทองชิ้นเล็กในฝ่ามือ มุมปากพลันกระตุก ความรู้สึกละอายแผ่ซ่านขึ้นมาในใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางอิจฉาของเหล่าคนรับใช้ใต้บังคับบัญชา เขาก็เลิกคิ้วขึ้น สายตาฉายแววอิ่มอกอิ่มใจจาง ๆ และหยิบแป้งข้าวโพดย่างใส่ปากบางได้รูป

ในที่สุดอาหารก็เสร็จสิ้น ท่ามกลางทุกคนหิวโหยจนท้องร้อง!

เฉียวเยี่ยนแบกโต๊ะออกมาจากห้องครัวและวางไว้ในลานบ้าน ครั้นมู่ฉินเจินเห็นการกระทำของหญิงคนนี้ คิ้วของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง

อดีตหญิงสาวผู้ดีเมืองหลวง ไม่เคยได้ทำอะไร ขณะก้าวเดินก็มีดอกบัวผุดขึ้นมา ทว่ายามนี้กลับใส่ชุดผ้าเนื้อหยาบ สวมผ้ากันเปื้อนรอบเอว ล้างมือต้มน้ำแกง กระทั่งแบกโต๊ะบนไหล่ข้างเดียวได้ และยังถือจอบต่อสู้อีก!

ทว่าการกระทำอิสระตามใจตนเช่นนี้ เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจ ตรงกันข้าม เขาคิดว่ามันดูจริงใจมากกว่า

เกาจัวหยวนและคนอื่น ๆ เห็นหวางเฟยแบกโต๊ะออกมาต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ

เดิมทีเฉียวเยี่ยนตั้งใจจะจัดเพียงโต๊ะเดียว เพราะนางไม่มีการแบ่งชนชั้นที่นี่ ทว่าเหล่าองครักษ์เอาแต่ปฏิเสธร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันกับท่านอ๋องและหวางเฟย นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแบ่งอาหารออกเป็นสองส่วน

นางรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับท่านอ๋องหน้าตาย นอกจากนี้ยังมีเด็กน้อยสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ของตัวเองเพื่อกินข้าว ส่วนเหล่าองครักษ์นั่งกันอีกโต๊ะหนึ่ง

เด็กน้อยทั้งสองนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารเล็ก ๆ บนโต๊ะมีจานไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ มือน้อยถือตะเกียบ สวมผ้ากันเปื้อนรอบคอ รอแม่ป้อนอาหารด้วยแววตาแพรวพราว

โต๊ะอาหารกับเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารสำหรับเด็กนั้น เฉียวเยี่ยนใช้คะแนนซื้อจากระบบ นางตั้งใจเลือกของที่ทำจากไม้เป็นพิเศษ เพราะจะได้ไม่ดูสะดุดตาจนเกินไป

เฉียวเยี่ยนวางข้าวปั้นก้อนเล็ก ๆ ขนมข้าวโพดครึ่งแผ่น ซี่โครงสองสามชิ้น และผักต่าง ๆ ไว้ในจานของพวกเขาสองคน

หลังจากแบ่งอาหารเสร็จแล้ว นางก็ออกคำสั่ง จากนั้นเด็กทั้งสองก็เริ่มกินด้วยตะเกียบทันที

ลูกทั้งสองกินจนเต็มปาก สีหน้าดูมีความสุข มืออวบอ้วนของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใช้ตะเกียบไม่ค่อยคล่องนัก หลังจากล้มเหลวจากการคีบซี่โครงขึ้นมาถึงสองครั้ง นางจึงตัดสินใจใช้มือ

มือขาวอวบหยิบซี่โครงชิ้นหนึ่งยัดเข้าไปในปาก กินจนมือและใบหน้าเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบน้ำมัน เมื่อเทียบกันแล้ว การกินของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั้นเรียบร้อยกว่ามาก

มู่ฉินเจินมองภาพที่น่าสนใจตรงหน้านี้ และรู้สึกอบอุ่นใจ พวกเด็ก ๆ กินอาหารกันแบบนี้นี่เอง

แต่ต่อมาก็รู้สึกเสียใจทันที เสียใจที่ตนพลาดช่วงเวลาการเติบโตของพวกเด็ก ๆ ไปตั้งมากมาย

ทว่าดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว หญิงคนนี้เลี้ยงลูกได้ดีมาก ทั้งฉลาด น่ารัก และรู้ความ

เหล่าองครักษ์ก็จ้องมองซื่อจื่อน้อยทั้งสองที่กำลังกินด้วยแววตาเป็นประกาย ช่างน่ารักเหลือเกิน!

หลังจากปรนนิบัติเด็กสองแล้ว พวกผู้ใหญ่ก็เริ่มกินกันบ้าง

เฉียวเยี่ยนหยิบน้ำมันพริกสูตรลับสองชามออกมาจากในครัว ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ พลางเอ่ยว่า “นี่คือน้ำมันพริก พวกเจ้าลองชิมกันดูก่อน หากชอบก็เติมกันเอง”

เพราะเด็ก ๆ กินเผ็ดไม่ได้ เฉียวเยี่ยนจึงใส่เต้าเจี้ยวช้อนหนึ่งลงในหม้อตุ๋นใบใหญ่ และไม่ได้ใส่พริกลงไป

มู่ฉินเจินมองไปที่ชามน้ำมันพริกสีแดงแวววาวบนโต๊ะ นึกถึงสิ่งที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เคยบอกเขา จึงถามขึ้นว่า “นี่ทำมาจากผลที่คังฮวากินในวันนี้ใช่หรือไม่?”

เฉียวเยี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า ตักผักหนึ่งช้อนเต็มมาใส่ในชามโดยไม่สนใจเขาอีก จากนั้นก็ใส่น้ำมันพริกลงในชาม คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วตักเข้าปาก

มู่ฉินเจินเห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย คอของเขาก็ขยับเล็กน้อย จึงลองใช้ตะเกียบจิ้มเล็กน้อยและเอาเข้าปาก

เมื่อเข้าไปในปากแล้ว สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมน้ำมัน ตามมาด้วยลิ้นที่ชาวาบราวกับถูกไฟแผดเผา ให้ความรู้สึกแปลกใหม่แต่รสชาติกลับแตกอยู่ในปากไม่หยุด

ไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะยังมีอะไรแปลก ๆ เช่นนี้ด้วย!

เขาไม่พูดอะไร แต่กลับตักผักหนึ่งช้อนใส่ชาม แล้วเติมน้ำมันพริกคลุกเคล้าให้เข้ากันตามเฉียวเยี่ยน

เหล่าองครักษ์ได้ยินว่าชามน้ำมันสีแดงทำมาจากผลสีแดงที่คังฮวากิน ก็นึกถึงท่าทางน่าสังเวชของเขาในวันนี้และรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่านอ๋องยังคงเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็วางใจ

พวกเขาลองจิ้มเล็กน้อยชิมรสชาติ จากนั้นแววตาพวกเขาพลันเปล่งประกาย และพากันตักน้ำมันพริกใส่ชามคนละช้อน ทานจนมุมปากเป็นสีแดง ลิ้นเผ็ดร้อน ทั่วร่างเต็มไปด้วยเหงื่อทว่ากลับหยุดกินไม่ได้

เฉียวเยี่ยนมองท่าทางคนเหล่านี้ พลางส่ายหน้า ยกยิ้มบางเบาขึ้นมา

กินกันไปเถิด พรุ่งนี้แย่งเข้าห้องน้ำกันจะได้รู้ซึ้ง!

มู่ฉินเจินเผ็ดจนปลายจมูกแดงเล็กน้อย ลิ้นก็ชาวาบไม่หยุด แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรและคีบอะไรก็ไม่รู้ยัดเข้าปาก

มันหวาน เหนียว ด้านนอกห่อด้วยข้าวและหมี่ แถมยังส่งกลิ่นหอมเผ็ดของเครื่องปรุงและกลิ่นหอมของซี่โครง

แววตาเย็นชาของเขาเป็นประกาย ดื่มด่ำไปกับรสชาติอันแปลกใหม่ หรือนี่จะเป็นสิ่งนั้น?

เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นท่าทางของเขาก็ขมวดคิ้ว ในแววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม พลางยืดอกขึ้นอย่างเห็นไม่ชัดนัก

ข้าชอบท่าทางที่ท่านไม่เคยรู้จักโลกใบนี้เป็นที่สุด!

เหล่าองครักษ์ก็ค้นพบรสชาติอันโอชะของมันเทศเช่นกัน แต่ละคนส่งเสียงฮือฮากันออกมา และพากันแย่งมันเทศที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น

หลังจากมู่ฉินเจินกินมันเทศสองชิ้นอย่างมีความสุขเสร็จก็ถามขึ้น “นี่คือมันเทศรึ? ผลผลิตเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฉียวเยี่ยนพยักหน้า และตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน “ผลผลิตต่อหมู่น่าจะประมาณหกพันถึงแปดพันชั่ง”

สิ้นเสียงนั้น นางก็กินต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ร่างกายของมู่ฉินเจินกลับสั่นเทา สีหน้าเผยความไม่อยากจะเชื่อ

ไม่คิดเลยว่าผลผลิตจะสูงขนาดนี้!

หากส่งเสริมการปลูกมันเทศ ก็จะแก้ไขปัญหาขาดแคลนอาหารของครอบครัวยากจนจำนวนมากได้!

เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในเวลานี้น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมไปหลายส่วน “เรารายงานเรื่องนี้ต่อราชสำนักได้หรือไม่?”

บางทีอาจเป็นเพราะเขากลัวเฉียวเยี่ยนปฏิเสธ จึงเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล หลังจากรายงานเสร็จ เราจะชดเชยค่าเสียหายให้เจ้าเอง และทางราชสำนักจะให้รางวัลอย่างงามแก่ผู้ที่ค้นพบพืชผลใหม่แน่นอน”

เฉียวเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ ฟังที่เขาพูดเหมือนกับว่าจะยกความดีความชอบทุกอย่างให้กับนาง? ตามอุบายในละครโทรทัศน์เหล่านั้น เขาไม่ควรเอาความดีความชอบทั้งหมดมาให้ตัวเอง และควรไปรับรางวัลจากจักรพรรดิไม่ใช่หรือ?

ระบบตัวน้อยที่นอนดูละครสงครามนางในหลังจากที่กินอิ่มจนพอใจ ครั้นได้ยินคำพูดของมู่ฉินเจินก็ส่งเสียงทอดถอนใจออกมา

[ท่านโฮสต์ ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย แถมยังหล่ออีก มิสู้ท่านพิจารณาเข้าร่วมโหมดนางในดูบ้าง?]

เฉียวเยี่ยนที่มีซุปผักอยู่ในปากแทบจะพ่นมันออกมาและกลอกตาให้ระบบตัวน้อย พลางเอ่ยลอดไรฟันว่า “อายุน้อยแค่นี้แต่เป็นห่วงมากจังเลยนะ!”

ระบบตัวน้อยหุบปากฉับ จากนั้นก็หันก้นไปทางเฉียวเยี่ยน

นางไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย นางเป็นแค่ระบบตัวน้อยที่ฉลาดปราดเปรื่อง ไร้เดียงสา และน่ารักเท่านั้น

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋อง หูทิพย์หางทิพย์ของท่านกระดิกแล้วนะ

ระบบอย่าแกงโฮสต์แบบนี้สิคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *