ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 110 หย่าและตัดความสัมพันธ์

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 110 หย่าและตัดความสัมพันธ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 110 หย่าและตัดความสัมพันธ์

ตอนที่ 110 หย่าและตัดความสัมพันธ์

เฉียวเจิ้นผิงไม่ได้เจอซูเนี่ยนหว่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้จึงได้เห็นจอนผมทั้งสองของนางเป็นสีขาว แววตาก็มืดมนไร้แสง ยามมองมาทางเขาแล้วก็ดูคล้ายกับสระน้ำนิ่ง ไม่มีคลื่นเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้เพราะเหตุใด ความรู้สึกแปลกๆ อย่างหนึ่งก็แวบผ่านหัวใจเขายามหวนนึกถึงรูปลักษณ์ของนางตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก นางในตอนนั้นสวยสดงดงามมาก และยังอ่อนโยนดึงดูดผู้คน ทว่ายามนี้กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขามิอาจปล่อยนางไปได้! ต่อให้นางตายก็ตายได้แค่ในจวนเสนาบดีของเขานี้!

“ข้าไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน เจ้าล้มเลิกความตั้งใจนี้ไปเสียเถิด!”

เฉียวเยี่ยนรู้แน่แล้วว่าคุยกับบุรุษกเฬวรากเช่นนี้ไปก็ไม่เป็นผล จึงนำใบหย่าที่ให้เฉียวจิ่นเขียนเมื่อครู่ฟาดใส่หน้าอกเขา

“วันนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ รีบลงนามให้ข้าเสีย!”

เฉียวเจิ้นผิงโกรธกริ้วจนดวงตาแทบถลน “นังลูกชั่ว!”

หลิวซื่อเองก็ตกใจกับท่าทางของเฉียวเยี่ยนเช่นกัน ก่อนอาศัยการ ‘เตือนปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี’ ของตัวเองในการพูดโน้มน้าว “เสี่ยวเยี่ยน นายท่านเป็นบิดาของเจ้า เจ้าทำเช่นนี้มันเป็นการไม่เคารพนะ!”

แววตาเย็นเยือกของเฉียวเยี่ยนกวาดมองไป จนนางถึงกับสงบปาก “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงริอาจกระด้างกระเดื่องต่อหน้าเปิ่นเฟย!”

เฉียวเจิ้นผิงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผลักหลิวซื่อออก “พอได้แล้ว! เจ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! อย่ามากวนน้ำขุ่นๆ ให้ข้าที่นี่!”

หลิวซื่อถูกผลักล้มลงกับพื้นจนถึงกับชะงักค้าง ไม่อยากเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาผลักนางจริงๆ ! แถมยังด่านางด้วย!

นางร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว ร้องไห้ปานจะขาดใจด้วยท่าทางราวดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ*

(*อาการร้องไห้ของหญิงงามที่ยังดูงดงามขณะร้องไห้ เหมือนกับดอกสาลี่กลางหยาดฝน)

มู่ฉินเจินรู้สึกว่าภาพตรงหน้าดูโกลาหลวุ่นวายเกินไป จึงเรียกเกาจัวหยวนมาลากตัวหลิวซื่อที่ร้องไห้ฟูมฟายออกไป

เขาจ้องมองเฉียวเจิ้นผิง และเอ่ยอย่างเย็นชา “ในเมื่อใต้เท้าเฉียวไม่ยอมหย่า เช่นนั้นเปิ่นหวางคงต้องเข้าวังไปขอพระราชโองการแล้ว เปิ่นหวางจะรายงานทุกการกระทำที่ใต้เท้าเฉียวปฏิบัติต่อภรรยาด้วยสัตย์วาจาจริง ถึงครานั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของฝ่าบาทแล้ว”

เฉียวเจิ้นผิงฟังเขาพูดก็พลันรู้สึกราวกับร่างถูกแช่แข็ง เขาเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ได้ก็ต้องทำได้แน่ หากฝ่าบาททรงทราบ คงไม่พ้นมีความคิดเห็นไม่ดีต่อเขา

หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายตลบ เขาจึงกัดฟันลงนามในใบหย่านั้น เมื่อเทียบอนาคตกับการถูกหัวเราะเยาะ อนาคตย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว

เฉียวเยี่ยนเหลือบมองใบหย่าที่ลงนามแล้วครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งให้กับมารดาอย่างพอใจ ซูเนี่ยนหวานรับมา น้ำตาพลันไหลลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่ไหว ในที่สุดนางก็เป็นอิสระแล้ว!

เฉียวเจิ้นผิงไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักเค่อเดียว จึงหมุนตัวจากไปอย่างเศร้าหมอง ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับเรียกเขาเอาไว้ “ใต้เท้าเฉียวอย่าเพิ่งรีบร้อนไปสิ นี่ยังเหลือใบตัดขาดความสัมพันธ์ที่ยังต้องให้ท่านลงนามอยู่อีกใบ”

ใบตัดขาดความสัมพันธ์?

เฉียวเจิ้นผิงคาดเดาความเป็นไปได้บางอย่างได้แล้ว สีหน้าพลันมืดมนดุจก้นหม้อ “การหย่ากับแม่เจ้าเป็นฟางเส้นสุดท้ายของข้าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดขาดความสัมพันธ์!”

ถึงอย่างไรเฉียวจิ่นก็เป็นบุตรชายคนโตของเขา เพียงการหย่าก็เสียเกียรติมากพอแล้ว หากตัดขาดความสัมพันธ์แม้แต่ลูกชายคนโต คนนอกจะมองเขาอย่างไร!

“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ ต่อให้พี่ชายข้าไม่ต้องสืบทอดมรดกของเจ้าต่อ เจ้าก็ยังเหลือลูกรักที่อนุภรรยารักของเจ้าให้กำเนิดมาอยู่มิใช่รึ?”

“ไม่ต้องห่วง พี่ชายกับแม่ของเปิ่นเฟย เปิ่นเฟยจะเลี้ยงเอง ไม่ให้จวนเสนาบดีของเจ้าต้องเสียเงินสักแดงเดียว!”

เฉียวเยี่ยนค่อยๆ บีบคั้น ซึ่งยากที่เขาจะปฏิเสธ

“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้! เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสียเถิด!”

เฉียวเจิ้นผิงโมโหสุดขีดแล้ว สติสัมปชัญญะอันน้อยนิดสุดท้ายที่อยู่ในหัวสลายไปจนสิ้น และไม่สนว่าท่านอ๋องซู่จะเป็นเช่นไร ในเวลานี้เขาแค่อยากบีบเฉียวเยี่ยนจนตาย

“ได้เลย หวังว่าอีกเดี๋ยวเจ้าจะยังปากแข็งเช่นนี้ได้นะ!”

เฉียวเยี่ยนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และชักดาบข้างเอวเกาจัวหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกมา ก่อนพาดไว้บนลำคอเฉียวเจิ้นผิง “ในเมื่อไม้อ่อนเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นก็ลองลิ้มรสไม้แข็งดู! จะลงนามหรือไม่ลงนาม?”

เฉียวเจิ้นผิงถูกคุกคามจนรู้สึกหวาดกลัว บนลำคอมีแสงสะท้อนคมวับออกมา จนแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นจากความหวาดกลัว

ซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่นตกใจกับการกระทำนี้ของเฉียวเยี่ยน ที่แท้การทุบตีจนกว่าเฉียวเจิ้นผิงจะยอมตามที่นางพูดถึงก็เป็นการทุบตีจริง ๆ !

“นังลูกอกตัญญู! เจ้ากล้าฆ่าบิดาหรือ!”

เฉียวเจิ้นผิงสั่นเทาด้วยความโกรธ

เฉียวเยี่ยนล้วงใบตัดความสัมพันธ์ที่เขาเคยให้นางออกมาจากอก แล้วฟาดลงบนหน้าเขา

“ขอโทษด้วย เปิ่นเฟยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าแล้ว อย่าได้เอ่ยว่าเป็นญาติกัน!”

นางคิดว่าสิ่งเดียวที่บุรุษสวะผู้นี้ทำถูกต้องก็คือการตัดขาดความสัมพันธ์กับร่างเดิม มันจึงลดความยุ่งยากให้กับนางได้มาก

เฉียวเจิ้นผิงโมโหจนสีหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกแล้ว ส่วนหลิวซื่อที่อยู่ข้างนอกได้ยินว่าเฉียวจิ่นต้องการตัดความสัมพันธ์ ความหวาดกลัวกับความโกรธแค้นเมื่อครู่ทั้งหมดก็มลายหายไป ก่อนถลกกระโปรงขึ้นวิ่งตรงเข้าไปในหอพระ

นางจับแขนข้างหนึ่งของเฉียวเจิ้นผิงเอาไว้ และเอ่ยโน้มน้าวด้วยคำพูดจริงใจปนเศร้าสลด “นายท่าน ท่านตกลงกับนางไปเถิด นางเป็นบ้าไปแล้ว หากนางทำร้ายท่านจริงๆ ข้ากับต้านเอ๋อร์จะมีชีวิตอยู่เช่นไร!”

นางเผยสีหน้าเศร้าอาดูรออกมา ทว่าความจริงกลับคิดในใจว่าอยากให้เฉียวเจิ้นผิงรีบตัดขาดกับเฉียวจิ่นให้เร็วที่สุด เมื่อเป็นแบบนี้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของสกุลเฉียวก็จะเป็นของพวกเขาสองแม่ลูก

หลิวซื่อไม่อาจปิดบังแผนการในใจต่อสายตาเฉียวเยี่ยนได้ แต่นางก็ไม่กล่าวว่าอะไร ที่หญิงโง่เขลาทำเช่นนี้ก็ถือว่าช่วยนางในทางหนึ่ง

นางเพิ่มแรงกดดาบในมือ คมมีดกดลงบนคอของเฉียวเจิ้นผิงจนเป็นรอยบาด เลือดแดงสดไหลซิบออกมา ทำให้เขาหวาดกลัวจนขาสั่นพั่บ แต่ก็ยังฝากความหวังสุดท้ายไว้กับมู่ฉินเจิน

“ท่านอ๋องซู่ หรือพระองค์จะทนให้ซู่หวางเฟยกระทำการอุกอาจเช่นนี้? นี่พระนางกำลังจะฆ่าบิดาผู้บังเกิดเกล้านะพะย่ะคะ พระองค์ไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะล่วงไปถึงพระกรรณของฝ่าบาทหรือ? ”

มู่ฉินเจินแสยะยิ้มเยาะเย้ยขึ้น ในมือมีมีดบินตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบได้ “ฆ่าบิดา? ใต้เท้าเฉียวไม่เหมาะเป็นพ่อคน จะบอกว่าเป็นการฆ่าบิดาได้อย่างไร?”

“รีบลงนามเถิด หากเจ้ายังดึงดันอยู่อีก เปิ่นหวางก็ไม่ถือสาที่พรุ่งนี้จะมีข่าวลือทั่วเมืองหลวงว่าจวนใต้เท้าเฉียวถูกโจรปล้นฆ่าล้างตระกูลจนไม่มีใครเหลือรอด”

สิ้นเสียง เขาก็เขวี้ยงมีดบินในมือออกไปจนตกลงบนพื้นหน้าเท้าของเฉียวเจิ้นผิง และปักลึกเข้าไปในแผ่นไม้ หากลอยไกลมาอีกนิดต้องปักลงบนเท้าเขาเป็นแน่

เฉียวเจิ้นผิงแข้งขาอ่อนทรุดล้มลงบนพื้น มองมีดบินที่อยู่ตรงหน้านิ่ง ส่วนหลิวซื่อฟังความหมายในคำพูดของท่านอ๋องซู่ออกแล้ว หากสามีไม่ลงนาม พวกเขาทั้งครอบครัวก็จะไม่มีชีวิตรอดสักคน

นางหวาดกลัวขึ้นมาทันที นางยังไม่อยากตาย นางยังไม่ได้เสวยสุขกับทรัพย์สมบัติมากมายเลย นางจะยังตายไม่ได้!

“นายท่าน! ท่านลงนามเถิด ท่านลองคิดถึงต้านเอ๋อร์สิ เขายังเล็กนัก จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้นะเจ้าคะ!”

เฉียวเจิ้นผิงได้สติกลับมา เขานั่งนิ่งอยู่บนพื้นไม่อาจลุกขึ้นได้ และเอ่ยอย่างลนลาน “ข้าลงนามแล้ว! ลงนามแล้ว! นับแต่บัดนี้ไปเฉียวจิ่นกับข้ากับจวนเสนาบดีไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกันอีก!”

เฉียวเยี่ยนส่งพู่กันให้เขาอย่างพอใจ หลังจากเขาลงนามเสร็จก็กวักมือเรียกคนที่อยู่ด้านหลัง “ไปกันเถิด ละครจบแล้ว เรากลับบ้านกัน!”

สถานที่เลวร้ายนี้ นางไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่หนึ่งเค่อ!

เฉียวเจิ้นผิงกับหลิวซื่อนั่งนิ่งอยู่บนพื้นมองพวกเฉียวเยี่ยนจากไปจนลับตา ทว่าความรู้สึกของทั้งสองช่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เฉียวเจิ้นผิงรู้สึกโกรธเกรี้ยวกับหวาดกลัว ขณะหลิวซื่อรู้สึกพอใจ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางก็คือนายหญิงใหญ่สุดของบ้านอย่างชอบธรรมแล้ว!

……

พวกเฉียวเยี่ยนกลับมาที่ตำหนักอ๋องซู่ ตอนนี้เฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านยังไม่มีที่พัก จึงให้พักอยู่ในตำหนักอ๋องซู่ไปก่อน รอเฉียวเยี่ยนไปซื้อบ้านดีๆ ก่อน ก็ค่อยให้พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่

ทันทีที่ออกมาจากจวนเสนาบดี เกาจัวหยวนก็เดินทางไปบอกลุงฉูให้จัดคนไปเตรียมห้องก่อน ช่วยไม่ได้ อย่ามองว่าตำหนักอ๋องซู่มีขนาดใหญ่กิจการใหญ่ แต่ตอนนี้ห้องว่างส่วนใหญ่ถูกหวางเฟยนำมาใช้เป็นห้องเก็บมันเทศไปแล้ว และตอนนี้ก็ต้องย้ายห้องพักชั่วคราวสำหรับแขก

เมื่อเข้าไปในตำหนักอ๋องซู่ ซูเนี่ยนหว่านก็อึ้งค้างกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ตำหนักอ๋องแห่งนี้เหตุใดทุกที่ล้วนเป็นแปลงผัก หรือในตอนที่นางไม่รู้ เมืองหลวงได้เปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้แล้ว?

ตั้งแต่นางเข้าไปอยู่ในหอพระ นางก็ตัดขาดจากทางโลก ย่อมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลานั้น

เฉียวจิ่นรู้ว่าน้องสาวตัวเองมีความชำนาญในการปลูกผัก และได้ยินข่าวลือว่าตำหนักอ๋องซู่ได้กลายเป็นสวนผักไปแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่ามันไม่จริงมาตลอด จนกระทั่งเห็นกับตาตัวเองในยามนี้ จึงตกใจมากเช่นกัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ต้องใช้ไม้แข็งถึงจะยอมนะ ต่อไปก็อยู่กับอนุกับลูกเลวใช้กรรมไปเถอะท่าน

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *