ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 116 สัมภาษณ์งาน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 116 สัมภาษณ์งาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 116 สัมภาษณ์งาน

ตอนที่ 116 สัมภาษณ์งาน

ในตอนเช้าตรู่ที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่างเล็กน้อย นอกโรงงานเฉียวจี้ก็มีคนมาต่อแถวกันยาวเหยียด อากาศอันหนาวจัดทำให้เหล่าสตรีที่มาสัมภาษณ์ตัวสั่นจากความหนาวเย็น แต่พวกนางก็ยังตั้งหน้าตั้งตารอคอยการสัมภาษณ์เริ่มขึ้น หากเข้าไปทำงานในโรงงานได้ เช่นนั้นครอบครัวของพวกนางก็จะมีแหล่งรายได้ที่มั่นคง

เฉียวเยี่ยนมาถึงโรงงานตั้งแต่เช้า เห็นหญิงบางคนสวมเพียงอาภรณ์บางๆ กำลังตัวสั่นงันงกท่ามกลางลมหนาวก็เกิดรู้สึกสงสาร จึงให้พวกคนงานในโรงงานก่อไฟนอกประตูเพื่อให้ความอบอุ่นแก่พวกนาง

กองไฟลุกโชนขึ้น เหล่าสตรีที่ตัวสั่นเทิ้มพากันมาล้อมรอบกองไฟ เมื่อร่างกายมีความอบอุ่นขึ้น สีหน้าแดงคล้ำจากอากาศหนาวก็ดูดีขึ้นมาก

จวนจะถึงยามเฉินแล้ว ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยสูงขึ้น และการรับสมัครงานก็เริ่มขึ้น

ตู้เยว่หงผู้มีฐานะเป็นหัวหน้าผู้จัดการโรงงานก็ถูกเฉียวเยี่ยนจัดให้เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และแนะนำขั้นตอนการสัมภาษณ์ของวันนี้ให้ทุกคนได้ทราบ

นางที่ได้รับงานนี้ครั้งแรกก็รู้สึกประหม่าและอึดอัดยิ่งกับการต้องพูดต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่หลังจากได้อบรมกับเฉียวเยี่ยนแล้ว นางก็รวบรวมความกล้า และแอบจำลองสถานการณ์หลายครั้ง

กระทั่งก่อนเข้านอนยังแสดงให้ลูกสาวดูอีกรอบ เด็กน้อยถึงกับอึ้งงันอยู่พักหนึ่ง บอกว่าท่าทางเช่นนี้ของนางช่างดูน่าเกรงขามมาก

หลังจากชี้แจงขั้นตอนการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้ว ในที่สุดการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ก่อนพวกคนงานหญิงจะเข้าสู่การสัมภาษณ์สุดท้าย ก็จะถูกผู้ดูแลสองสามคนนำตัวเข้าไปในห้องที่ใช้ตรวจร่างกายโดยเฉพาะทำการตรวจร่างกายก่อน

หมอหญิงจะจับชีพจรพวกนางก่อน เพื่อดูว่ามีโรคทางกรรมพันธุ์หรือโรคร้ายอะไรหรือไม่ จากนั้นก็ให้พวกนางถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดเพื่อตรวจสอบว่ามีโรคผิวหนังหรือไม่

แน่นอนว่าการตรวจครั้งนี้พบปัญหามากมาย บางคนเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด บางคนเป็นกลากเกลื้อนตามผิวหนัก บ้างก็ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์

หลังจากตรวจสอบหลายครั้ง สตรีที่ผ่านการตรวจสอบจะได้รับป้ายเลข จากนั้นก็รอถูกเรียกตามหมายเลขที่ตัวเองได้ ส่วนคนที่ตรวจสอบไม่ผ่านก็จะถูกคัดออก ซึ่งก่อนกลับพวกนางก็จะได้รับของขวัญจากโรงงานเป็นเนื้อก้อนหนึ่ง

คนที่แต่เดิมเศร้าใจเพราะตรวจร่างกายไม่ผ่านหลังได้รับเนื้อก้อนหนึ่งมาเปล่าๆ แล้ว ก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มเบิกบานบนใบหน้า

เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้สัมภาษณ์ กำลังถือปากกาให้คะแนนผู้มาสัมภาษณ์ คำถามสัมภาษณ์ของนางง่ายมาก คือให้พวกนางแนะนำตัวเอง และอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับครอบครัวของพวกนาง จากนั้นจึงถามคำถามว่าปกติพวกนางมักจะทำอาหารอะไร รวมทั้งทักษะการดองผัก ปริมาณเครื่องปรุงและอื่นๆ

วิธีการปรุงอาหารล้วนทำตามความเคยชิน ไม่มีการชั่งตวงวัดที่เป็นมาตรฐานแน่นอน ดังนั้นปริมาณเครื่องปรุงและวิธีจัดการวัตถุดิบของทุกคนจึงไม่แตกต่างกันมาก

หากมันไม่ผันผวนกับวิธีการทำอาหารของตัวนางเองมาก ก็พิสูจน์ได้ว่าพวกนางล้วนเข้าใจในการทำอาหาร

หลังจากสัมภาษณ์คนหนึ่งเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ยื่นใบบันทึกคะแนนในมือให้กับนักบัญชีที่อยู่ข้างๆ เพื่อคำนวณคะแนนรวม ซึ่งผู้ดูแลงานคนนี้มาจากภัตตาคาร ต่อมาก็รับผิดชอบงานบัญชีเกี่ยวกับการทำอาหาร

เมื่อนักบัญชีคำนวณคะแนนรวมเสร็จก็บันทึกลงในสมุด รอให้ทุกคนสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ก็จะรับเข้าทำงานตามคะแนนที่ได้จากมากไปน้อย

หลังจากสัมภาษณ์มาทั้งวัน ในที่สุดก็สัมภาษณ์ทุกคนที่มาเสร็จประมาณยามเซิน เฉียวเยี่ยนเก็บข้าวของเตรียมกลับตำหนัก และมอบงานสถิติที่เหลือให้กับผู้ดูแลงานสองสามคน

คืนนี้ผู้ดูแลงานทุกคนต้องยืนยันรายชื่อผู้ผ่านการสัมภาษณ์ให้เสร็จ และนำไปติดไว้ที่กระดานข่าวทางเข้าโรงงาน เพื่อประกาศรายชื่อในวันพรุ่งนี้

เฉียวเยี่ยนกลับมาถึงตำหนักก็รู้สึกเหนื่อยจนแทบจะคลาน ทั้งยังรู้สึกหิวมาก คนงานที่มาสัมภาษณ์มีมากเกินไป นางเลยไม่ได้กินอาหารกลางวัน จึงแขวนท้องหิวลากยาวมาจนถึงตอนนี้

ช่วงนี้ในค่ายทหารไม่มีเรื่องอะไรมาก มู่ฉินเจินจึงกลับมาค่อนข้างเร็ว เมื่อเฉียวเยี่ยนเข้าประตูตำหนักไปก่อน เขาก็ตามเข้าไป

เมื่อเห็นท่าทางอิดโรยอ่อนเปลี้ยของเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินก็ทั้งโกรธทั้งปวดใจ จึงโน้มตัวไปอุ้มนางขึ้นมาและเดินกลับไปที่เรือนจิ่งเสวียน พร้อมสั่งลุงฉูให้คนในห้องเครื่องทำอาหารให้นางรับประทาน

หลังจากอุ้มเฉียวเยี่ยนกลับมาในห้องและวางนางลงบนเตียงแล้ว ก็ยกมือขึ้นแตะจมูกนางเบาๆ และเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้านี่นะ อยากได้เงินจนไม่สนใจชีวิตแล้วหรือ”

เฉียวเยี่ยนนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้านและยิ้มอย่างโง่เขลา ฟังเขาตำหนิโดยไม่โต้แย้งออกมาสักคำ

มู่ฉินเจินนวดไหล่บีบขาให้นางอย่างอดทน สบายจนเฉียวเยี่ยนครวญครางออกมา

แต่ระหว่างที่นวดๆ อยู่ ก็ดูเหมือนการนวดธรรมดาจะแปรเปลี่ยนไป สัมผัสอบอุ่นใต้ฝ่ามือนั้นเดิมทีก็จุดไฟอันเร่าร้อนสุมอยู่ในอกของมู่ฉินเจินอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงครวญครางแผ่วเบาของนางอีก เขาก็รู้สึกมึนเมาเคลิบเคลิ้มอย่างยิ่ง

เขาพลิกตัวเฉียวเยี่ยนให้มาเผชิญหน้า จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบ หลังจากได้จูบกันครั้งแรก บางครั้งทั้งสองคนก็จะจูบกันเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่จะมีเด็กทั้งสองอยู่ด้วย จึงไม่ได้ถลำลึกนัก

แต่วันนี้พวกเขากลับมากันเร็ว เด็กทั้งสองยังไม่เลิกเรียน ในห้องขนาดใหญ่มีเพียงพวกเขาสองคน พลันบรรยากาศคลุมเครือก็ก่อตัวขึ้นมา

ทั้งสองจูบกันอย่างสนิทสนมแนบแน่น โดยมีระบบตัวน้อยมองอย่างตื่นเต้นพลางหัวเราะคิกคักราวกับอันธพาลตัวน้อย ตอนแรกเฉียวเยี่ยนกำลังตกอยู่ในภวังค์ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของอันธพาลตัวน้อยนางก็พลันได้สติกลับมา

นางผลักมู่ฉินเจินออกและหอบหายใจแรง ดวงตามู่ฉินเจินเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงผลักเขา

“เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ?”

เฉียวเยี่ยนรู้สึกเอือมระอา พี่ชาย ท่านไม่โพล่งถามคำถามเช่นนี้ออกมาจะได้ไหม?

นางกัดฟันเอ่ยเล็กน้อย “มีอันธพาลตัวน้อยคนหนึ่งที่ต้องสั่งสอนเสียหน่อย”

อันธพาลตัวน้อย? เขารึ? แต่เขาก็ไม่เล็กแล้วนะ

ท่านอ๋องผู้เต็มไปด้วยความสงสัยพลันนึกขึ้นได้ว่าข้างกายเฉียวเยี่ยนมีนางฟ้าที่มองไม่เห็นอยู่ จึงตระหนักได้ในทันที หรือทุกการกระทำของพวกเขาเมื่อครู่ถูกนางฟ้าคนนั้นมองอยู่?

หากเป็นเช่นนั้นจริง นางฟ้าตนนี้ก็เป็นอันธพาลจริงๆ

“อันธพาลตัวน้อย ข้าว่าเจ้าคงอยากโดนดีสินะ? เช่นนั้นตัดค่าขนมของเดือนนี้ออกทั้งหมด และห้ามซื้อกระโปรงด้วย!”

เฉียวเยี่ยนตะโกนเรียกสติระบบตัวน้อยที่กำลังหัวเราะคิกคัก และเมื่อระบบตัวน้อยได้ยินว่าตัวเองมีฉายาว่าอันธพาลตัวน้อย นางก็หยุดหัวเราะทันที พลางเอามือน้อยเท้าเอวอย่างดุร้ายแบบเด็กๆ

[ระบบไม่ใช่อันธพาลตัวน้อย! แต่เป็นนางฟ้าตัวน้อยต่างหาก! ]

ส่วนประโยคหลังที่ว่าหักค่าขนมกับห้ามซื้อกระโปรงนั้น นางไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะท่านโฮสต์มักจะพูดปากเปล่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันกับท่าทางของเด็กน้อยที่เอามือเท้าเอวยื่นพุงน้อยออกมา แต่เรื่องที่ควรสอนก็จำเป็นต้องสอน “เอาล่ะ นางฟ้าตัวน้อย ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ดูเรื่องที่ไม่เหมาะกับเด็กให้น้อยลงหน่อย เดี๋ยวก็เลี้ยงไม่โตเสียหรอก”

จะว่าไปมันก็แปลก ตอนที่นางเห็นเด็กน้อยครั้งแรก นางดูเหมือนจะมีอายุสี่หรือห้าขวบ แต่ตอนนี้ผ่านมาสี่ปีแล้ว นางก็ยังรักษารูปลักษณ์ไว้เช่นเดิม ความสูงไม่เพิ่มมาเลยแม้แต่น้อย แต่เนื้อหนังกลับขยายออกทางด้านข้างไม่น้อย

ระบบตัวน้อยเชิดหน้าขึ้นไม่ฟัง พลางมุ่ยปากร้องตะโกน

[มีแค่โฮสต์เท่านั้นที่วางเพลิงได้ แต่ห้ามระบบจุดไฟ! ฮึ่ม! ข้ายังเป็นระบบที่ท่านรักที่สุดอยู่หรือเปล่า! ]

เฉียวเยี่ยนรู้สึกจนใจ รู้ว่ามิอาจพูดกับอันธพาลตัวน้อยให้ชัดเจนได้ ดังนั้นรอให้นางออกมายังโลกภายนอกเมื่อไรค่อยจัดการนางอีกที

หลังจากถูกระบบตัวน้อยกวน ความรู้สึกละมุนละไมในใจเฉียวเยี่ยนก็เหือดหายไปนานแล้ว กลายเป็นอยากหัวเราะใส่ท่านอ๋องที่มองนางตาปริบๆ

นางหอมแก้มเขาไปฟอดหนึ่ง พลางลูบศีรษะเขาเพื่อแสดงการปลอบโยน

ท่านอ๋องรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยที่จะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเจ้าท่อนไม้ ไม่คิดเลยว่าจะถูกนางฟ้าที่มองไม่เห็นมาขัดจังหวะ รอวันหน้าเห็นอีกฝ่ายเมื่อใด ก็คอยดูแล้วกันแล้วกันว่าเขาจะไม่จัดการอีกฝ่าย!

สองสามีภรรยานั่งอยู่ด้วยกันในห้องครู่หนึ่ง ก่อนฮุ่ยเซียงจะยกอาหารเข้ามา เป็นอาหารสามอย่างกับน้ำแกงอีกหนึ่งอย่าง ผักผัดกระเทียม หมาล่าโร่วติง แล้วก็ยำเนื้อวัวใส่ผักชี ส่วนน้ำแกงนั้นซูเนี่ยนหว่านเป็นคนทำ เป็นน้ำแกงเป็ดหัวไชเท้าดอง ดูสดอร่อยมาก รสเปรี้ยวของหัวไชเท้าดองตัดความเลี่ยนของเป็ดได้พอดี

เฉียวเยี่ยนดื่มน้ำแกงร้อนๆ ไปสองชาม แล้วกินข้าวไปอีกสองถ้วยก่อนจะรู้สึกพอใจ ยำเนื้อวัวใส่ผักชีที่ห้องเครื่องใหญ่ทำนั้นอร่อยมาก เหมาะรับประทานกับข้าวมากนัก

หั่นเนื้อวัวสดเป็นชิ้นบางๆ แล้วหมักด้วยเครื่องปรุงต่างๆ หัวใจสำคัญของการหมักเนื้อวัวอยู่ที่การเพิ่มส่วนผสมของผงแป้งกับน้ำมันงา แบบนี้เนื้อวัวที่ทำออกมาจะนุ่มเด้ง

นำเนื้อวัวที่หมักเสร็จแล้วลวกในน้ำร้อนจนสุก แต่อย่าลวกนานเกินไป พอสุกแล้วก็รีบตักออก และจะต้องใส่กระเทียมสับ พริก กับผักชีลงไปในเนื้อวัวมากๆ สุดท้ายราดน้ำมันร้อนลงไปหนึ่งช้อน และปรุงรสอื่นๆ เพิ่มก็เป็นอันเสร็จ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ระบบกลายเป็นมารผจญของท่านอ๋องไปเสียแล้ว โดนพี่มู่คนหล่อเกลียดแล้วล่ะน้องระบบ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *