ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 130 หากหนูมันน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าก็ไปกินหนูซะ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 130 หากหนูมันน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าก็ไปกินหนูซะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 130 หากหนูมันน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าก็ไปกินหนูซะ

ตอนที่ 130 หากหนูมันน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าก็ไปกินหนูซะ

อี้จื่อจิ้นไม่พอใจจนสีหน้าดำคล้ำลงอีกครั้ง ใบหน้าเรียวเล็กน่ารักนั้นกำลังบิดเบี้ยวด้วยโทสะ

“ข้าถามเจ้าอยู่นะ อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า!”

เว่ยอวิ๋นซูบิดขี้เกียจ แสร้งทำเป็นเตะอ่างที่ใส่ขนกระต่ายกับเครื่องในไว้เมื่อครู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นอ่างก็พลิกคว่ำลอยไปยังทิศทางพวกอี้จื่อจิ้น ขนกระต่าย เครื่องใน และเลือดในนั้นกระเซ็นออกมาโดนคนกลุ่มนั้นอย่างแม่นยำไม่มีพลาด

“ว้าย!”

พวกคุณหนูกลุ่มนั้นกรีดร้องสะดีดสะดิ้ง อี้จื่อจิ้นที่ยืนอยู่หน้าสุดนั้นมีสภาพเลวร้ายที่สุด ขนกระต่ายหลายกระจุกติดอยู่บนกระโปรงนาง และมีกองเครื่องในติดอยู่บนปากแขนเสื้อนางพอดี

กลิ่นเหม็นคาวจากตัวของกระต่ายบวกกับกลิ่นคาวเหม็นจากเครื่องในแทบจะทำให้อี้จื่อจิ้นเป็นลม นางโกรธจนเต้นเร่าๆ สลัดสิ่งสกปรกบนตัวนางทิ้ง ปากก็ตะโกนว่าจะสู้กับเว่ยอวิ๋นซูสุดชีวิต

แต่เว่ยอวิ๋นซูกลับเลียนแบบเฉียวเยี่ยน เอ่ยเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะ ขยะมันไม่มีตา!”

พวกคนที่ถูกด่าว่าเป็นขยะต่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อยากเข้าไปตบตีกับเว่ยอวิ๋นซูอย่างกราดเกรี้ยว แต่คนพวกนี้มีสายตาเฉียบแหลม ครั้นเห็นมู่ฉินเจินนำพวกองครักษ์กลับเข้ามาก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พร้อมกับทำท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรม และบางคนก็ถึงขั้นบีบน้ำตาออกมา

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของคนเหล่านั้นกับตา ก็ปิดปากน้อยที่อ้าออกกว้างอย่างประหลาดใจ และถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ นี่เป็นการเปลี่ยนหน้าในตำนานที่กล่าวขานไว้ใช่หรือไม่เจ้าคะ!”

เฉียวเยี่ยนหัวเราะออกมา และก่อนที่นางจะทันได้อธิบาย เสี่ยวฉวนเอ๋อร์พี่ชายแสนดีก็เริ่มให้ความรู้แก่นางไปแล้ว

“น้องหญิง นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนหน้า การเปลี่ยนหน้ามันอยู่ในละครงิ้ว พวกนางเหล่านี้แค่เสแสร้งแกล้งทำ เล่นตีสองหน้าต่างหาก”

ครานี้เว่ยอวิ๋นซูกลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว นางหัวเราะลั่นอย่างไม่สนภาพลักษณ์ใดๆ และยกนิ้วให้เด็กทั้งสองเพื่อแสดงความชื่นชม

ตัวตลกสองคนนี้ตลกมากเลย!

คำพูดไร้เดียงสาของเด็กทั้งสองแทบจะทำให้พวกที่แสร้งทำเป็นน่าสงสารเกือบแสร้งทำต่อไปไม่ได้ สมกับเป็นลูกที่เฉียวเยี่ยนสอนออกมาจริงๆ ทำให้คนเกลียดพอๆ กัน!

มู่ฉินเจินเข้ามาใกล้ และยังไม่ทันได้พูดคุยกับเจ้าท่อนไม้ ก็ถูกหญิงกลุ่มหนึ่งที่มิอาจระบุชื่อได้มาขวางทางไว้

เขาขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อย และกำลังจะอ้อมไปอีกทาง แต่อี้จื่อจิ้นกลับเปิดปากเอ่ยพลางน้ำตาไหลพรากถึงธรณี “ท่านอ๋อง ขอท่านได้โปรดตัดสินเพื่อข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”

“พวกข้ากำลังรอดูซู่หวางเฟยกับคุณหนูเว่ยเชือดกระต่าย จึงอยากจะเข้าไปห้าม กระต่ายน่ารักเพียงนั้น เหตุใดถึงต้องกินพวกมันด้วย”

นางแสร้งทำเป็นจิตใจดีมีเมตตาแบบพระโพธิสัตว์ ซึ่งทำให้เฉียวเยี่ยนนึกถึงมุกตลกในยุคปัจจุบัน

เจ้ากระต่ายน่ารักขนาดนี้ เหตุใดต้องกินเจ้ากระต่ายด้วย

(อารมณ์ประมาณว่าแสร้งทำเป็นไม่อยากกิน แต่ความจริงคืออยากกินมาก)

มู่ฉินเจินยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่าจะทนไม่ไหวแล้ว แต่อี้จื่อจิ้นกลับคิดว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดตัวเอง จึงเอ่ยต่อ

“แต่ซู่หวางเฟยไม่รอให้พวกข้าได้เอื้อนเอ่ย ก็สาดเลือดกระต่ายใส่เสื้อผ้าของสาวน้อยอย่างพวกเรา ส่วนคุณหนูเว่ยก็เตะอ่างที่มีขนกระต่ายกับเครื่องในพลิกคว่ำ ทำให้ของสกปรกที่อยู่ข้างในหกใส่ตัวพวกเรา…”

เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ มู่ฉินเจินก็ทนเสียงเอะอะของนางไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเอ่ยอย่างเย็นชา”หากหนูมันน่ารังเกียจขนาดนั้น เจ้าก็ไปกินมันซะ!”

สิ้นเสียง เขาก็เดินอ้อมพวกนางไปจับมือเฉียวเยี่ยนไว้ และคนที่ดูความสนุกอยู่รอบๆ ต่างระเบิดหัวเราะออกมา

น่าขยะแขยงจริงๆ นี่ว่างไม่มีอะไรทำหรือ? คนอื่นเขาจัดการกับกระต่าย ต้องให้เจ้ามาชี้แนะด้วย ตัวเองมาโดยไม่ได้รับเชิญแท้ๆ ยังริอาจขอท่านอ๋องตัดสินให้ นี่มันไม่ใช่เป็นการแส่หาเรื่องรึ!

เฉียวเยี่ยนพอใจกับการกระทำของท่านอ๋องมากจนไม่รู้จะพอใจอย่างไรแล้ว ก่อนเอ่ยชมอย่างใจกว้าง “เยี่ยมมาก อีกเดี๋ยวข้าจะทำของอร่อยๆ ให้ท่านกิน!”

มู่ฉินเจินเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจเล็กน้อย และรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งยวด

พลันเฉียวเยี่ยนถึงตระหนักขึ้นมาได้ว่ามือตัวเองสกปรก ซึ่งเต็มไปด้วยเลือดกระต่ายกับไขมันกระต่าย

นางนำมือของท่านอ๋องลงไปในอ่างน้ำ และล้างให้เขาอย่างระมัดระวัง

“ข้าลืมไปเสียสนิทว่ามือตัวเองสกปรก รีบล้างเร็วๆ ”

มู่ฉินเจินไม่ขัดขืน และปล่อยให้นางล้างมือตัวเอง ใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยน แม้นจะถูกคนกลุ่มหนึ่งจ้องก็ไม่รู้สึกเขินอายอะไร

ผู้คนที่มองทั้งสองแสดงความรักต่อกันก็รู้สึกเพียงว่าเข็ดฟันเล็กน้อย ช่างทรมานใจสุนัขอย่างพวกเขาเสียจริง!

อี้จื่อจิ้นและคนอื่นๆ ควบคุมสีหน้าไม่ได้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นตัวตลก จึงผละจากสายตาทุกคนไปอย่างเศร้าหมอง

ฝูงชนแยกย้ายกันไปแล้ว พวกองครักษ์ก็ถูกท่านอ๋องไล่ออกไป ยกเว้นพ่อครัวที่ยุ่งอยู่หน้าเตาแล้ว ก็เพียงครอบครัวสี่คนของเฉียวเยี่ยนกับเว่ยอวิ๋นซูเท่านั้น

มู่ฉินเจินตามติดข้างกายเฉียวเยี่ยนเป็นปกติ และเป็นผู้ช่วยให้นาง เมื่อดูการทำอาหารมาอย่างยาวนาน เขาก็พอคาดเดาได้ว่าเฉียวเยี่ยนต้องการเครื่องเคียงอะไรบ้าง

เช่นเนื้อกระต่ายในวันนี้ หอม ขิงที่กำจัดความคาวล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็น กระเทียมก็ต้องใช้ด้วย

ท่านอ๋องนำต้นหอมใหญ่มาสองต้น แล้วก็ขิงหนึ่งเหง้า กระเทียมสองหัว เขาปอกเปลือกหอม ขูดเปลือกขิง แล้วก็ปอกกระเทียมอย่างชำนาญ

เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกทึ่งเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่ามัจจุราชมู่จะมีด้านนี้ด้วย เฉียวเฉียวช่างควบคุมสามีได้ยอดเยี่ยมจริงๆ !

เป็นเพราะภาพเมื่อครู่ มุมมองที่เว่ยอวิ๋นซูมีต่อมู่ฉินเจินจึงเปลี่ยนไปไม่น้อย ในที่สุดมัจจุราชก็มีความเป็นมนุษย์แล้ว ไม่ใช่เทพชั่วร้ายที่มีใบหน้าเย็นชาอย่างที่เคยเป็น

ดังนั้นครานี้นางจึงไม่วิ่งหนี หากมีเฉียวเฉียวอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรนางแน่ อีกอย่างนางก็หิวเนื้อกระต่ายที่เฉียวเยี่ยนทำ ฟังที่เด็กทั้งสองบอกมาก็รู้สึกว่าน่าอร่อยมาก

แต่ความรู้สึกของการยืนเป็นก้างขวางคออยู่ที่นี่มันค่อนข้างน่าอึดอัดเสียจริง!

สองสามีภรรยากระหนุงกระหนิง พูดคุยหัวเราะกัน นางมิอาจเข้าไปแทรกได้ และก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงทำได้แต่เพียงเล่นเป็นเพื่อนเด็กทั้งสอง

สิ่งสำคัญที่สุดคือเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยังคงไม่ชอบนางมาก มีเพียงเจ้าปลาอ้วนเท่านั้นที่สนใจนางอย่างเต็มใจ!

เฉียวเยี่ยนพูดคุยหัวเราะกับมู่ฉินเจินไปด้วย พลางจัดการเนื้อกระต่ายไปด้วย นำเนื้อกระต่ายที่สับเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำสะอาด และล้างเพื่อเอาเลือดออก จากนั้นก็เทลงไปลวกในหม้อ

เนื่องจากเนื้อกระต่ายมีกลิ่นเหม็นคาวในตัวมันเอง ดังนั้นการขจัดกลิ่นคาวจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ในตอนที่ลวกต้องเทเหล้าเหลืองเพิ่มเข้าไปมากๆ หน่อย

จากนั้นนำเนื้อกระต่ายที่ลวกแล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วตั้งน้ำมันในหม้อ หลังจากน้ำมันร้อนแล้วก็นำเนื้อกระต่ายลงไปทอด ทอดจนด้านนอกเป็นสีเหลืองน้ำตาล

นำเนื้อกระต่ายที่ทอดแล้วตักออกพักทิ้งไว้ จากนั้นเหลือน้ำมันในหม้อเพียงเล็กน้อย แล้วนำกระเทียม ต้นหอม ขิงที่สับแล้วใส่ลงไปในหม้อผัดจนหอม เสร็จแล้วนำเนื้อกระต่ายลงไปผัดด้วยกันอีกครั้ง เมื่อทอดได้พอประมาณแล้วก็เทพริกแห้งสับหนึ่งถ้วยกับฮวาเจียวแห้งหนึ่งกำมือลงไป ตอนที่ใกล้จะยกออกจากเตาค่อยเพิ่มใบหน่อกระเทียมหนึ่งกำมือลงไปผัดอีกครั้ง สุดท้ายก็เติมเครื่องปรุงตามชอบก็เป็นอันเสร็จ

วิธีทำเนื้อกระต่ายเช่นนี้เรียกว่าผัดเนื้อกระต่าย เนื้อกระต่ายที่ผ่านการทอดเนื้อจะแน่นมาก หลังจากดูดซับรสชาติของพริกกับฮวาเจียวเข้าไป รสชาติก็จะยิ่งดีมาก

กลิ่นหอมรุนแรงของผัดเนื้อกระต่ายลอยอบอวลไปทั่ว หลายคนเงยหน้าขึ้นสูดดม คิดว่าพ่อครัวเป็นคนทำ จึงเริ่มตั้งตารอคอยอาหารเช้าของวันนี้

และพวกพ่อครัวที่กำลังผัดอาหารของตัวเอง กลับอดเหลือบมองไปยังเตาควันลอยกรุ่นทางด้านของเฉียวเยี่ยนอย่างควบคุมสายตาตัวเองไม่ได้

มันคืออาหารอะไรกันแน่ ไม่นึกเลยว่าจะหอมได้เพียงนี้!

กลิ่นหอมของอาหารที่พวกเขากำลังผัดอยู่ในหม้อถูกกลบไปจนหมด ชั่วขณะหนึ่ง พ่อครัวทุกคนก็อดรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าพวกเขากลุ่มพ่อครัวมืออาชีพจะทำอาหารสู้หวางเฟยผู้สูงส่งไม่ได้!

ด้วยความฟุ้งซ่านจนทำให้ไม่สนใจฟืนไฟตรงหน้า อาหารที่ผัดในหม้อจึงไหม้ ด้วยเหตุนี้คนกลุ่มใหญ่จึงได้กินอาหารไหม้ในเช้าวันนี้

หลังจากตักเนื้อกระต่ายออกจากหม้อ เฉียวเยี่ยนก็แบ่งมันออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งถวายให้กับฮ่องเต้และฮองเฮา อีกส่วนให้เว่ยอวิ๋นซูเอาไป และส่วนที่เหลือให้พวกเขาสี่คนรับประทานกัน

เดิมทีนางอยากเชิญเว่ยอวิ๋นซูกินด้วยกันกับพวกเขา แต่ไม่คิดเลยว่านางจะกลัวท่านอ๋องมากขนาดนั้น จึงล้มเลิกความคิดไป ปล่อยให้นางทำตามใจตัวเองน่าจะดีกว่า

เว่ยอวิ๋นซูยกถือผัดเนื้อกระต่ายจานหนึ่งไปหามารดากับพี่สะใภ้ของนางอย่างมีความสุข

อันซีโหวยังคงอยู่ปกป้องเขตชายแดนทางซีเป่ย และปกติในบ้านจะมีอันซีโหวฮูหยินกับลูกสะใภ้คอยดูแล เว่ยอวิ๋นเหล่ยพี่ชายเว่ยอวิ๋นซูก็เป็นนายพลเช่นกัน เขาทำงานป้องกันรักษาอยู่ในนครบาล ซึ่งอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่

แต่เว่ยอวิ๋นซูไปอยู่เขตชานเมืองตั้งแต่ยังเด็ก นางชอบวิ่งตามอันซีโหวไปทุกที่ ทั้งปีเอาแต่อยู่ที่ค่ายซีเป่ย บางคราหลายปีก็ไม่กลับมาเลยสักครั้ง

หากครานี้อันซีโหวฮูหยินไม่แสร้งทำเป็นป่วยเพื่อโน้มน้าวนางกลับมา นางก็อาจจะอยู่ที่ชานเมืองไปอีกหลายปี

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาทำไมให้อายตัวเองคะคุณหนูอี้ เสื้อผ้าสวยๆ เลอะหมดเลยเนี่ย สภาพเละเทะไม่พอยังโดนผู้ด่าอีก

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *