ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 133 หลานสาวที่เพิ่งรู้จักใหม่

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 133 หลานสาวที่เพิ่งรู้จักใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 133 หลานสาวที่เพิ่งรู้จักใหม่

ตอนที่ 133 หลานสาวที่เพิ่งรู้จักใหม่

เว่ยอวิ๋นซูเห็นเขาประหม่าเช่นนี้ ก็ยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุข “ไม่ต้องข้าน้งข้าน้อยอะไรแล้ว ปีนี้ข้าอายุสิบแปดปี จากนี้ไปข้าจะเรียกท่านว่าพี่เฉียว ท่านเองก็สามารถเรียกชื่อข้าได้เลย”

เฉียวจิ่นมีสีหน้าแดงก่ำเพราะความกระตือรือร้นอันรุนแรงของหญิงสาว ก่อนขานตอบตะกุกตะกัก “ดะ…ได้”

หลังจากตอบเสร็จ เขาก็ขอลากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง วันนี้สวมชุดลำลองอยู่บ้านสบายๆ ใส่มาต้อนรับแขกคงไม่เหมาะสมเท่าใดนัก

เจ้าปลาอ้วนที่ถูกผู้ใหญ่ทั้งสองเพิกเฉยเงยหน้ามองคนนั้นที คนนี้ที เหตุใดถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ระหว่างท่านลุงกับท่านน้าอวิ๋นซูล่ะ?

ช่างเถิด เรื่องของผู้ใหญ่หาใช่เด็กอย่างนางจะเข้าใจได้ ไปเก็บใบพัดอันสวยงามของนางดีกว่า

เรือนยอดของต้นแปะก๊วยอยู่ค่อนข้างสูงเล็กน้อย หากจะเด็ดใบมันจำต้องปีนต้นไม้ขึ้นไป ปกติจะเป็นท่านพ่อหรือไม่ก็ท่านแม่เก็บให้นาง เด็กน้อยยืนอยู่ข้างลำต้นแห้ง ทำท่าวัดเทียบกับแขนขา อยากจะปีนขึ้นไปเอง

แต่คนตัวเล็กยืนอยู่ใต้ต้นแปะก๊วยนั้นดูตัวเล็กมาก ตัวเล็กจนน่าสงสาร

เมื่อเว่ยอวิ๋นซูสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของเด็กน้อย จึงเดินไปจับมือเล็กๆ ของนางไว้ แล้วเอ่ยติดตลก “เจ้าตัวน้อยอย่างเจ้ารออยู่ข้างล่างจะดีกว่านะ น้าจะไปเก็บมาให้เจ้าเอง”

เว่ยอวิ๋นซูอุ้มเด็กน้อยไปไว้ด้านข้าง ก่อนถอยห่างออกไประยะหนึ่ง แล้วออกวิ่ง เมื่อถึงใต้ต้นไม้ก็ใช้ปลายเท้าเหยียบลำต้นแห้งเพื่อส่งกำลัง และทะยานขึ้นสู่ต้นไม้อย่างง่ายดาย

เด็กน้อยปรบมือโห่ร้องดีใจ ดวงตากลมโตเปี่ยมล้นด้วยความชื่นชม ท่านพ่อบินได้ ท่านน้าก็บินได้ แต่น่าเสียดายที่นางยังทำไม่ได้ ท่านพ่อบอกว่ารอนางโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อย แล้วเรียนอีกสองปีก็สามารถบินได้แล้ว

เด็กน้อยมีความเชื่อมั่นอยู่ในใจอย่างแน่วแน่ จะต้องตั้งใจเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ให้ดี วันหน้าต้องกลายเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ให้ได้!

วินาทีที่เว่ยอวิ๋นซูทะยานขึ้นสู่ต้นไม้ เฉียวจิ่นเพิ่งเปิดประตูออกมาพอดี เมื่อเห็นร่างกายปราดเปรียวว่องไวของนาง เขาก็รู้สึกตกใจไม่น้อย และอดนึกถึงประโยคที่ว่า ‘ยามเยาว์วัยงดงามและมีพลัง จึงใช้ชีวิตให้เต็มที่’ ขึ้นมาไม่ได้

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ชี้สั่งเว่ยอวิ๋นซูอยู่ใต้ต้นไม้ นางชี้ไปยังใบไม้ที่นางต้องการ เว่ยอวิ๋นซูก็เก็บให้นางอย่างเชื่อฟัง พอหลุบตากลับก็เห็นเฉียวจิ่นอยู่หน้าประตู นางยิ้มและโบกมือให้เขา “พี่เฉียว ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว”

เฉียวจิ่นยิ้มบางเบาและพยักหน้า แล้วเดินกลับไปที่ใต้ต้นไม้

หลังจากเก็บใบไม้ของปลาอ้วนได้จนพอแล้ว เว่ยอวิ๋นซูก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ทันที ท่าทางว่องไวเบาหวิว และได้รับเสียงปรบมือต้อนรับของนักรบตัวน้อยอวี๋

น้ำแกงที่ซูเนี่ยนหว่านตุ๋นไว้พร้อมดื่มแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงออกมาตามหาเจ้าปลาอ้วนกับเว่ยอวิ๋นซูด้วยตัวเอง ซึ่งนางไม่ได้ไปที่อื่น แต่ตรงไปที่ลานบ้านของพี่ชายทันที เพราะนางรู้ว่าเด็กน้อยชอบ ‘ต้นพัด’ต้นนั้นมากแค่ไหน

ตามคาด ทันทีที่เข้าไปในลานบ้าน ก็เห็นลูกสาวถือใบไม้หนึ่งกำมืออย่างมีความสุข นางทักทายเฉียวจิ่น ก่อนจะลูบหัวเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ และพูดอย่างหลงใหล “ในหนังสือพ่อเจ้ามีใบไม้ที่เจ้าหนีบเอาไว้กี่ใบแล้ว เจ้ายังจะเก็บอยู่อีกรึ?”

เจ้าปลาอ้วนถือใบแปะก๊วยอย่างหวงแหน แล้วพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “เอาอีก เอามากกว่านี้อีก ลูกจะเก็บใบไม้เยอะๆ เลย”

เฉียวเยี่ยนหมดปัญญากับนาง และทำได้แค่เพียงรับใบไม้ในมือนางมาบางส่วน ช่วยนางถือไว้ ก่อนจะเอ่ยกับเฉียวจิ่นและเว่ยอวิ๋นซู “ท่านแม่ตุ๋นน้ำแกงไว้ เรารีบไปดื่มกันเถิด”

เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกอายเล็กน้อย พูดตามเหตุผลแล้ว มาถึงจวนคนอื่นก็ควรจะไปทักทายเจ้าบ้านก่อน แต่นางกลับวิ่งตามเด็กน้อยไปเดินเล่นรอบๆ

เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นสีหน้าของนาง ก็เอ่ยปลอบด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลไปเลย แม่ข้าเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่สนใจพิธีหยุมหยิมเหล่านั้นหรอก เจ้ามาที่นี่แค่ทำตัวเหมือนอยู่ที่บ้านก็พอแล้ว”

เว่ยอวิ๋นซูเบ้ปากและเอ่ยอย่างตำหนิ “ข้าจะกล้าทำตัวเหมือนอยู่ที่บ้านได้อย่างไร แม่ข้าบอกว่าข้าบ้าจนจะเหมือนหญิงโง่เขลาแล้ว ดังนั้นอย่าทำให้คนอื่นตกใจดีกว่า!”

แต่นางก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจมาก จึงจับแขนของเฉียวเยี่ยนไว้ข้างหนึ่ง เอาหัวพิงไหล่นางแล้วออดอ้อนเหมือนเด็ก”เฉียวเฉียว เจ้านี่ดีจริงๆ ”

นางสูงมากกว่าหนึ่งหมี่เจ็ดกงเฟิน แต่เฉียวเยี่ยนสูงเพียงหนึ่งหมี่หกกงเฟินเท่านั้น เมื่อคนตัวสูงคนหนึ่งพิงไหล่เฉียวเยี่ยน ฉากนี้จึงดูค่อนข้างตลกเล็กน้อย

เฉียวเยี่ยนแตะศีรษะนางเหมือนกำลังกล่อมเด็กๆ “ทำตัวดีๆ อย่าสร้างปัญหานะ”

เฉียวจิ่นเดินตามหลังทั้งสอง จูงมือเจ้าปลาอ้วนอยู่ เมื่อมองหญิงสาวที่เล่นกันอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าเขา

ครั้นมาถึงลานหน้าบ้าน ซูเนี่ยนหว่านก็ได้รอพวกเขาอยู่ในห้องโถงหลักก่อนแล้ว สาวใช้ยกน้ำแกงหม้อใหญ่มาให้ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั่งอยู่หน้าโต๊ะอย่างเชื่อฟัง พร้อมถือถ้วยน้อยดื่มน้ำแกง

ทันทีที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เข้าไปในบ้าน นางก็วิ่งไปหาท่านยาย ฝังศีรษะน้อยไว้ในอ้อมแขนท่านยาย และเอ่ยด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “ท่านยาย ท่านคิดถึงข้าบ้างไหม ข้าคิดถึงท่านยายมากๆ เลยเจ้าค่ะ”

ซูเนี่ยนหว่านถูกคนตัวเล็กอ้อนจนยิ้มไม่หุบ ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยนั่งลง และยื่นหน้าเข้าไปถูไถใกล้นางอย่างชื่นชอบ “ยายก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกัน เจ้าไปเก็บใบไม้อีกแล้วหรือ?”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านน้าอวิ๋นซูเป็นคนเก็บให้ข้า”

เด็กน้อยแนะนำน้าอวิ๋นซูให้ท่านยายของนางฟังอย่างมีความสุข “ท่านน้าอวิ๋นซูเก่งมากๆ เลย บินได้ด้วย ทะยานครั้งเดียวก็ขึ้นไปบนต้นไม้ได้แล้ว เหมือนกับท่านพ่อเลย ท่านพ่อก็บินได้”

ในสายตานาง ยามพวกมู่ฉินเจินแสดงวิชาตัวเบาร่างกายจะเบาหวิวว่องไวดุจนกนางแอ่น แบบนี้ไม่เรียกว่าบินได้หรือ

เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยกับคำกล่าวเกินจริงของเด็กน้อย ก่อนจะรีบคำนับซูเนี่ยนหว่าน “คารวะฮูหยิน ผู้น้อยเว่ยอวิ๋นซู วันนี้มาอย่างกะทันหันโดยไม่ได้รับเชิญ ล่วงเกินแล้ว”

ซูเนี่ยนหว่านสำรวจเว่ยอวิ๋นซูด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความรัก และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลุกขึ้นเร็วเถิด ไม่ต้องพีธีรีตองอะไรมากมาย เสี่ยวเยี่ยนได้บอกข้าไว้แล้ว ข้าแทบอยากให้เจ้ามาจนจะทนไม่ไหว”

เว่ยอวิ๋นซูลุกขึ้นด้วยความเคารพ “ขอบพระคุณฮูหยิน”

ซูเนี่ยนหว่านมองร่างกายอันแข็งแรงของเว่ยอวิ๋นซูก็ปิติยินดีอย่างมาก หญิงสาวสุขภาพและพลังดีเช่นนี้พบได้น้อยนักในเมืองหลวง และอดชมไม่ได้ “ช่างเป็นหญิงสาวที่งามนัก”

เว่ยอวิ๋นซูที่ถูกชมก็หน้าแดงทันที น้อยคนนักในเมืองหลวงที่จะชมนางว่าสวย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะร่างกายของนางแตกต่างจากหญิงสาวอรชรอ้อนแอ้นเหล่านั้นมาก และเหล่าบุรุษก็ชอบสาวงามบอบบางเหล่านั้น จึงไม่ชมนางผู้มีร่างกายแข็งแรง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของน้ำแกงก็หิวโหยจนน้ำลายไหล และขยับศีรษะไปใกล้ข้างพี่ชาย มองดูตาปริบๆ

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เห็นท่าทางน่าสงสารของน้องสาว ก็หยิบช้อนตักแกงขึ้นมาเป่าแล้วป้อนเข้าปากนาง ซึ่งทำให้เด็กน้อยชอบมาก

เมื่อซูเนี่ยนหว่านเห็นเช่นนี้ ก็รีบตักให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หนึ่งถ้วย “เจ้าหิวแล้วใช่ไหม รีบมาลองชิมเร็ว วันนี้ยายตุ๋นน้ำแกงกระดูกซี่โครง มีเนื้อด้วยนะ”

เจ้าปลาอ้วนสัตว์กินเนื้อเห็นว่าในถ้วยมีซี่โครงอยู่หลายซี่ก็ยิ่งหิวโหยอย่างมาก จึงกอดถ้วยก้มหน้าก้มตารับประทาน

หลังจากดูแลเด็กทั้งสองเสร็จแล้ว ซูเนี่ยนหว่านก็ตักให้เว่ยอวิ๋นซูหนึ่งถ้วย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มรักเอ็นดู “มา ดื่มแกงกัน รีบมาชิมฝีมือข้าดูสิ”

เว่ยอวิ๋นซูรับมา แล้วเอ่ยขอบคุณอย่างสุภาพ “ขอบคุณฮูหยิน”

ซูเนี่ยนหว่านโบกมือให้นาง “ไม่ต้องเรียกข้าว่าฮูหยิน มันดูมีฐานะเกินไป หากเจ้าไม่ว่าอะไร เรียกข้าว่าน้าหว่านก็ได้”

เว่ยอวิ๋นซูรีบแก้คำพูดอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณท่านน้าหว่าน”

เมื่อได้รู้จักหลานสาวแสนสวยคนใหม่ ซูเนี่ยนหว่านก็เติมน้ำแกงและเนื้อให้นางอย่างมีความสุข

“กินเยอะๆ หน่อย อย่าผอมกะหร่องก่องเหมือนคุณหนูพวกนั้น เจ้าในแบบนี้ดูดีที่สุดแล้ว ข้าให้กำเนิดสองคนนี้มาผอมเกินไป ความอยากอาหารก็มีน้อย เลี้ยงอย่างไรก็ไม่อ้วน”

ในขณะที่แม่เฒ่าชมหลานสาวคนใหม่ก็มิวายตำหนิลูกทั้งสองที่ตนให้กำเนิด เฉียวเยี่ยนกับเฉียวจิ่นยิ้มให้กัน และไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ขอแค่แม่เฒ่ามีความสุขก็เพียงพอแล้ว

ในตอนแรกเว่ยอวิ๋นซูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็ถูกความอ่อนโยนของซูเนี่ยนหว่านทำลายจนราบคาบ จนดื่มน้ำแกงติดต่อกันไปสี่ห้าชาม และแทะซี่โครงไปไม่น้อย พอผ่านไปอีกสักพักก็อยากให้นางเรียกแม่

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แม่เฒ่าตัวเองไม่ให้นางกินจนอิ่ม และบอกให้นางลดน้ำหนักกันล่ะ!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เรือพี่จิ่นกับอวิ๋นซูนี้มีความหวังสินะ ฝ่ายแม่ของพี่จิ่นต้อนรับขนาดนี้แล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *