ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 136 ส่งสัญญาณเรียกกองทัพไก่

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 136 ส่งสัญญาณเรียกกองทัพไก่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 136 ส่งสัญญาณเรียกกองทัพไก่

ตอนที่ 136 ส่งสัญญาณเรียกกองทัพไก่

คนงานกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นไปบนกิ่งท้อและทำงานอย่างระมัดระวัง พวกไร้การศึกษาหลายคนที่อ่านไม่ออกแม้แต่คำเดียวต่างไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้จับพู่กัน แม้พู่กันนี้จะไม่ได้นำมาใช้เขียนหนังสือ แต่ก็ถือว่าพวกเขาเป็นปัญญาชนแล้วที่ได้จับพู่กัน

ฮองเฮาถูกเด็กทั้งสองลากไปทั่วทั้งเขาและป่าไม้ จนสามารถได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของนางจากที่ไกลๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในวังจะต้องรักษากิริยา พอตอนนี้ได้ออกวังมาในที่สุดก็ไม่ต้องวางมาดแล้ว

ด้านหลังผู้ใหญ่หนึ่งเด็กสองมีพวกองครักษ์กับนางข้าหลวงตามมา ด้วยกลัวว่าหนึ่งในสามเจ้านายจะล้ม

เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยงของไก่ พวกคนงานก็เทอาหารไก่ที่เตรียมไว้ลงในรางไม้ รางน้ำเองก็เทน้ำใส่ไว้ให้เสร็จสรรพ เหลือแค่รอให้กองทัพไก่กลับมารวมตัวกันกินข้าวเท่านั้น

เด็กทั้งสองเห็นท่าทางเช่นนี้ก็รู้ว่าได้เวลาให้อาหารไก่แล้ว จึงรีบซอยขาสั้นวิ่งไปหาพวกลุงทหารที่กำลังจะเคาะฆ้อง

ไก่เลี้ยงปล่อยในป่าท้อจะใช้เสียงฆ้องเป็นคำสั่ง ทันทีที่ได้ยินเสียงฆ้องก็จะรู้ว่าได้เวลากินแล้ว พวกมันจึงรีบวิ่งกลับมาจากทั่วทุกทิศทางทันที

นี่เป็นการละเล่นอย่างหนึ่งระหว่างลุงทหารที่ป้อนอาหารไก่กับเด็กทั้งสอง ด้วยกังวลว่าฆ้องจะหนักเกินไป พวกเขาจึงตั้งใจเตรียมฆ้องเล็กๆ ไว้ให้ รอเด็กสองคนมา ก็จะได้หิ้วเล่นได้

เมื่อเห็นเด็กทั้งสองวิ่ง ฮองเฮาก็ฉงน จึงตามไปดูสถานการณ์ เห็นเพียงคนงานคนหนึ่งยื่นฆ้องให้เด็กๆ และให้พวกเขาเคาะ

เด็กสองคนเคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน จึงรู้ความถี่ในการเคาะ ท่าทางเคาะอย่างสม่ำเสมอ เสียงฆ้องที่ดังออกมาก็สม่ำเสมอเช่นกัน

ฮองเฮายังคงมีสีพระพักตร์งุนงง ก่อนได้ยินเสียงกรอบแกรบจากทั่วทิศทางของป่าท้อ คล้ายกับมีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางพวกเขา

หัวสมองนางว่างเปล่าไปชั่วขณะ คิดว่ามีนักฆ่าอะไรแบบนั้น พวกองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็ชักดาบออกมา ระแวดระวังตัวไปทั่วรอบ

ผลปรากฏว่ามีไก่ฝูงหนึ่งกรูล้อมกันเข้ามาอย่างดุดันจากที่ไกลๆ ตรงไปยังรางอาหาร และจิกกินอย่างหิวโหย

พวกองครักษ์เก็บดาบด้วยความอับอาย ได้โปรดให้อภัยพวกเขาที่ไม่เคยเห็นโลกด้วย ไก่บ้านไหนเขาใช้เสียงฆ้องในการสั่งกัน

เมื่อเห็นกองทัพไก่พุ่งเข้ามา เด็กทั้งสองก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เจ้าปลาอ้วนเหมือนแม่ทัพหญิงกำลังต่อสู้ในสนามรบ ร้องตะโกนด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “เข้ามาเลย! ฆ่ามันเลย!”

ฮองเฮาตกพระทัยกับภาพนี้มาก แต่กลับรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากเช่นกัน และครุ่นคิดว่านางควรจะลองเลี้ยงไก่ในพระราชวังด้วยดีหรือไม่ ถึงตอนนั้นนางเคาะฆ้อง ไก่ก็จะพุ่งมาจากทั่วทุกทิศทาง แค่คิดภาพนั้นก็มีความสุขแล้ว

แน่นอนว่าการเลี้ยงไก่เป็นเรื่องสนุกมาก แต่มูลไก่ก็มีกลิ่นเหม็นมากเช่นกัน หวงโฮ่วเหนียงเหนียงเรียนรู้ทักษะการเลี้ยงไก่จากพวกคนงาน จนในใจนางเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานว่าเมื่อกลับไปถึงวังหลวงจะต้องเลี้ยงไก่สักสองสามตัว

ทว่าเมื่อคนงานเข้าไปทำความสะอาดมูลไก่ในเล้า จินตนาการอันงดงามของนางพลันพังทลายลง ไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันช่างเหม็นจริงๆ! เหม็นจนตาลาย!

ช่างเถิด ล้มเลิกดีกว่า นางไม่อยากให้ตำหนักอันหอมอบอวลเปลี่ยนเป็นเหม็นโฉ่

คนงานรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่มีฮองเฮาตามมา หลังจากที่นางถูกกลิ่นมูลไก่รมจนจากไป ในที่สุดใจที่หนักอึ้งมาตลอดก็คลายลง และแบกมูลไก่ไปส่งที่กองปุ๋ยคอกอย่างเบิกบานใจ

ตอนกลางวันไก่จะเดินอิสระไปมาในป่าท้อ มูลไก่จึงกระจัดกระจายไปทั่ว และเก็บกลับมาใช้ไม่ได้ จึงปล่อยให้เป็นปุ๋ยแก่ต้นท้อ แต่มูลไก่ในเล้าไก่นั้นสามารถเก็บรวบรวมได้

เฉียวเยี่ยนให้พวกเขาขุดหลุมปุ๋ยหมักหลุมหนึ่ง และให้นำมูลไก่ทั้งหมดไปเทลงในหลุมนั้นเพื่อหมักไว้ รอหมักเสร็จ กลิ่นมูลไก่ที่เหม็นฉุนก็จะไม่เหม็นขนาดนั้นแล้ว ระดับความอุดมสมบูรณ์ก็จะยิ่งสูง นางขนส่งกลับไปยังเมืองหลวงไม่น้อย และส่งไปให้เรือนกระจกในหมู่บ้านลวี่หลัว เมื่อใส่มูลไก่ลงในแปลงผักที่ปลูก พวกผักก็จะยิ่งเติบโตดีขึ้น

หลังจากไก่กินอิ่มแล้ว พวกมันก็ดื่มน้ำสักเล็กน้อยแล้วผละไปเดินเล่นต่อในป่าท้อ รอจนฟ้าใกล้มืดแล้วก็จะกลับมาพักในเล้าไก่เอง

หลังจากป้อนอาหารไก่เสร็จ อาหารในครัวก็พร้อมแล้ว คนงานที่รับผิดชอบทำอาหารต่างเรียนทำอาหารมาก่อน และทำอาหารได้เก่งมาก เมื่อรู้ว่าหวางเฟยจะพาคนมา พวกเขาก็เตรียมผักไว้ตั้งแต่เมื่อวาน และยังไปซื้อเนื้อที่ตลาดเล็กๆ ในหมู่บ้านด้วย

ผักนั้นไม่ต้องซื้อ ใช้ผักจากที่ปลูกไว้เอง และก็เป็นหวางเฟยที่สอนพวกเขาปลูก

ชั้นดินของป่าท้อค่อนข้างบาง ระดับความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่ค่อยดี ยากที่จะปลูกผักให้ดีได้ หวางเฟยเหนียงเหนียงจึงให้พวกเขาใช้แผ่นไม้กับตะปูมาทำเป็นรางไม้สี่เหลี่ยม แล้วถมดินไว้ในนั้น เท่านี้ก็ปลูกผักได้แล้ว

สิ่งที่ไม่ขาดเลยในป่าท้อก็คือมูลไก่ เติมมูลไก่ลงในรางไม้เพื่อปรับปรุงดิน ผักที่ปลูกออกมาได้ล้วนอวบน้ำ ตอนนี้นอกจากปลูกผักบนรางไม้แล้ว แม้แต่อ่างไม้ที่แตก หรือกระถางดินเผาตรงตีนเขาก็นำมาใช้ปลูกผักได้ด้วย

ส่วนใหญ่จะปลูกผักกวางตุ้ง หัวไชเท้า และฟักทอง ปลูกต้นหอม ผักชีเป็นส่วนน้อย คนงานในป่าท้อมีจำนวนมาก แม้ว่าการปลูกผักเหล่านี้จะไม่มากขนาดเลี้ยงตัวเองได้ แต่ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง

วันนี้ทหารที่ดูแลการทำอาหารได้ทำอาหารหลายอย่าง หมูสามชั้นที่ลงเขาไปซื้อนำมาทำเป็นหมูสามชั้นน้ำแดง เนื่องจากมีคนจำนวนมาก เนื้อชิ้นเดียวคงไม่สามารถแบ่งได้ จึงตุ๋นถั่วเหลืองในเนื้อด้วย ซึ่งถั่วเหลืองที่ซึมซับกลิ่นเนื้อก็เหมาะที่จะรับประทานกับข้าวมาก

ด้วยการเลี้ยงไก่ในป่าท้อนี่เอง พวกเขาจึงมีเนื้อไก่กินกันไม่เคยขาด หวางเฟยบอกให้พวกเขากินได้ตามสบาย ดังนั้นบางครั้งพวกเขาจึงฆ่าไก่เพื่อสนองความอยาก และกินมาจนถึงตอนนี้ กระทั่งเห็นเนื้อไก่แล้วก็รู้สึกเอียนเบื่อเล็กน้อย

พวกเขายังทำไก่ตากแห้งด้วย นำเนื้อไก่ตากแห้งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปนึ่งในหม้อ เนื้อไก่ที่นึ่งออกมาก็มีรสชาติพิเศษมาก

นอกจากอาหารจานเนื้อแล้วยังทำผัดผักตามฤดูกาลบางอย่างด้วย ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก จนได้กลิ่นหอมมาแต่ไกล

พวกคนงานจัดโต๊ะให้พวกเจ้านายแยกต่างหาก ส่วนพวกเขาถือชามใบใหญ่ของตัวเอง ใส่ข้าวเต็มชาม และตักอาหารต่างๆ ใส่อย่างละหนึ่งช้อนจนเต็มชามใบใหญ่ จากนั้นก็หาที่ร่มใต้ต้นท้อนั่งลง แล้วรับประทานกันเสียงดังจ๊วบจ๊าบ

หลังจากเปิดโรงงานเฉียวจี้ เฉียวเยี่ยนก็ให้คนส่งโถผักดองมาที่นี่ไม่น้อย ตอนนี้พวกคนงานต่างชอบซอสคลุกข้าวเหล่านั้นมาก ตอนกินข้าวตักใส่หนึ่งช้อน คลุกเคล้าในข้าว แม้ไม่มีกับข้าวจานเนื้อหรือผักพวกเขาก็ยังกินกันได้อย่างเอร็ดอร่อยยิ่ง

เหตุใดหวางเฟยเหนียงเหนียงถึงทำกิจการเก่งนัก? ของหมักดองในโถนี้ทั้งสะดวกทั้งอร่อย ถึงราคาจะสูงไปหน่อย แต่พวกเขาก็ยอมซื้อ เพราะซื้อแค่โถเดียว ก็ซื้อกับข้าวพวกนั้นได้น้อยลง และโถหนึ่งก็เพียงพอให้พวกเขากินได้หลายวันเลย

การกินข้าวในป่าท้อพลางชมทิวทัศน์รอบทิศทางทำให้ฮองเฮาเบิกบานพระทัยอย่างมาก และเจริญอาหารมากจนเสวยไปหลายชาม ส่วนเด็กทั้งสองถือชามใบน้อยของตัวเองเลียนแบบพวกลุงทหารนั่งกินอยู่ใต้ต้นท้อ ราวกับว่าการกินเช่นนั้นอร่อยกว่า

หลังจากกินข้าวเสร็จ พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงพาฮองเฮาขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อย่อยอาหารและถือโอกาสชมพระอาทิตย์ตกไปดวย

การยืนอยู่ในป่าท้อชมพระอาทิตย์ตกดินช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก จนฮองเฮารีบให้จิตรกรวาดภาพให้นางด้วยความตื่นเต้น ด้วยอยากบันทึกภาพช่วงเวลานี้เอาไว้

จิตรกรรีบหยิบพู่กันและกระดาษที่พกติดตัวออกมาร่างภาพ พยายามจดจำภาพตรงหน้าไว้ในหัว รอกลับไปเมืองหลวงค่อยวาดออกมาให้เสร็จ

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันสวยงาม แม้แต่ระบบตัวน้อยที่อยู่แต่ในทะเลแห่งจิตสำนึกก็เชิดหน้าและทอดถอนใจ

หากอยู่ในยุคปัจจุบัน สถานที่สวยๆ เช่นนี้คงพัฒนากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปนานแล้ว ปีหนึ่งทำรายได้ไปหลายพันล้าน!

ตกเย็น ทุกคนต่างพักอยู่ในสวนป่าท้อ ในห้องพักคนงานมีห้องว่างสองสามห้อง เฉียวเยี่ยนมีห้องโดยเฉพาะของตัวเอง เพราะในตอนสร้างบ้านได้เหลือที่ให้ตัวเองไว้เป็นพิเศษ เมื่อมาที่สวนป่าท้อจะได้มีที่พักดีๆ อยู่

หลังจากพวกนางข้าหลวงจัดห้องให้ฮองเฮาเสร็จแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนมันเคยเป็นบ้านอิฐธรรมดา แต่หลังจากตกแต่งด้วยของชั้นสูงเหล่านั้น พริบตาเดียวก็ดูมีระดับขึ้นมาทันที

พวกนางข้าหลวงกับพวกองครักษ์นอนในห้องเดียวกัน เนื่องจากห้องไม่เพียงพอ จึงมีองครักษ์บางส่วนไปนอนกับพวกคนงานหนึ่งคืน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ถ้าจะเลี้ยงไก่ในวังน่าจะเลี้ยงสักสองสามตัวพอค่ะ มาเป็นกองทัพขนาดนี้เหม็นทั้งวังแน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *