ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 137 ชายน่ารังเกียจโวยวายก่อเรื่อง

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 137 ชายน่ารังเกียจโวยวายก่อเรื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 137 ชายน่ารังเกียจโวยวายก่อเรื่อง

ตอนที่ 137 ชายน่ารังเกียจโวยวายก่อเรื่อง

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะท้องฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง เฉียวเยี่ยนก็ลุกขึ้นไปเก็บละอองเรณูกับคนงานกลุ่มหนึ่ง ส่วนลูกทั้งสองยังคงหลับสนิทเหมือนลูกหมูน้อย

ฮองเฮาตื่นบรรทมแต่เช้าเช่นกัน ลุกขึ้นสวมอาภรณ์งดงามให้จิตรกรวาดภาพให้นาง เมื่อวานวาดภาพพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว อย่างไรวันนี้ก็ต้องวาดตอนพระอาทิตย์ขึ้น

หลังจากพาคนงานไปเก็บละอองเรณูในตอนเช้าและเห็นว่าพวกเขาเชี่ยวชาญแล้ว เฉียวเยี่ยนก็หยุดติดตามพวกเขา นางเตรียมเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อดูสถานการณ์การเพาะปลูกของชาวบ้านในหมู่บ้านจิ่วหลีพัว

ฮองเฮากับลูกทั้งสองคือลูกสมุนสามคน ไม่ว่านางจะไปที่ใด พวกเขาก็จะตามไปที่นั่น

หมู่บ้านจิ่วหลีพัวก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน บ้านหญ้าฟางหลายหลังได้เปลี่ยนเป็นบ้านอิฐแล้ว ทันทีที่เข้าไปในหมู่บ้านก็รู้สึกว่าตรงหน้าสวยขึ้นมาก

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่านางจะมา ก็รีบกลับจากทุ่งนามาต้อนรับนางด้วยตัวเอง นี่คือผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของพวกเขาชาวหมู่บ้านจิ่วหลีพัว หากต้อนรับหวางเฟยได้ไม่ดี พวกเขาคงรู้สึกผิด

ไม่จำเป็นต้องบอก เฉียวเยี่ยนก็ถูกห้อมล้อมอีกครั้ง มีหญิงคนหนึ่งยังอุ้มหลานน้อยที่เพิ่งเกิดในปีนี้มาให้เฉียวเยี่ยนดูด้วย

การที่ครอบครัวของพวกเขาสามารถมีชีวิตใหม่ได้ต้องขอบคุณหวางเฟยเหนียงเหนียง ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้พวกเขายากจนกัน หญิงสาวในหมู่บ้านต่างพยายามแต่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิต แต่หญิงจากด้านนอกกลับไม่เต็มใจจะแต่งเข้ามา ตอนนี้ลูกชายอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ยังตัวคนเดียวอยู่เลย

ทว่านับตั้งแต่หวางเฟยมอบที่ดินให้พวกเขาปลูกผัก เงินในกระเป๋าจึงเพิ่มขึ้น ชีวิตก็ดีขึ้น แม่สื่อจากที่อื่นมาบอกพวกหนุ่มๆ ในหมู่บ้านว่าหลายคนที่แต่งงานไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ต่างมีลูกกันแล้ว

เฉียวเยี่ยนเคยชินกับการถูกพวกเขาห้อมล้อมอย่างกระตือรือร้น จึงยิ้มแย้มพูดคุยกับพวกเขา และถือโอกาสชมลูกของคนอื่นไปด้วย

เมื่อเด็กน้อยทั้งสองได้ยินมารดาชมทารกน้อยว่าหน้าตาดี จึงเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชนด้วยความอยากรู้ อยากเห็นทารกน้อยที่ท่านอาคนนั้นอุ้มอยู่

พี่สาวคนนั้นชอบเด็กทั้งสองเป็นพิเศษ พวกเขาหน้าตาน่ารักมาก แถมยังฉลาดรู้ความ หากหลานชายของนางมีหน้าตาแบบนี้ได้ ต่อให้เป็นความฝันนางก็จะตื่นด้วยรอยยิ้ม

เมื่อเห็นเด็กทั้งสองจ้องทารกในอ้อมแขนนางตาปริบๆ นางจึงตั้งใจก้มตัวลงให้พวกเขามอง เด็กน้อยทั้งสองมองทารกน้อย พลันในหัวก็มีสิ่งมีชัวิตหนึ่งแวบเข้ามาในหัวพร้อมกัน

ลิง!

ทารกที่เพิ่งคลอดออกมาได้ราวๆ เดือนหนึ่งมันไม่ดูเหมือนกับลิงน้อยตัวผอมๆ ดำๆ กำลังนอนหลับสนิทอยู่หรือ?

แม้เด็กทั้งสองจะตกใจและรู้สึกว่าทารกน้อยดูน่าเกลียดไปหน่อย แต่ก็ฝืนชม “ว้าว เด็กน้อยน่ารักจังเลย”

พวกเขารู้แล้วว่าเหตุใดมารดาถึงต้องชมว่าน่ารัก น่าจะเป็นเพราะไม่อยากให้ท่านอาคนนี้เสียใจ

มารดาบอกว่าเด็กที่สุภาพมิควรพูดถึงข้อบกพร่องของคนอื่นต่อหน้าคนอื่น หากพวกเขาบอกว่าเด็กคนนี้หน้าตาไม่ดี ท่านอาคนนั้นต้องไม่มีความสุขแน่

พี่สาวผู้นี้เป็นคนดูแลครอบครัวด้วยตัวเอง คิดว่าอย่างไรหลานชายตัวเองก็ดีทุกอย่าง ตอนนี้ได้ยินคนอื่นชม ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน

ภาพตรงหน้าคึกคักมาก หลายคนที่เห็นฮองเฮาก็ถึงกับตกใจกับราศีที่พุ่งออกจากตัวนาง พลางกระซิบกระซาบเสียงเบาคาดเดาตัวตนของบุคคลนี้

เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นเช่นนี้ ก็เอ่ยอธิบาย “นี่คือท่านแม่ของข้า”

นางไม่ได้บอกว่าเป็นแม่แบบไหน ถึงอย่างไรแม่สามีก็เป็นแม่เช่นกัน แต่ชาวบ้านกลับคิดเองว่าเป็นแม่แท้ๆ ของนาง

ถึงอย่างไรแม่สามีของหวางเฟยก็เป็นถึงฮองเฮา ฮองเฮาจะมาที่หุบเขายากจนของพวกเขาได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด

มารดาของหวางเฟยดูมีอายุอยู่ไม่น้อย หากว่าตามอายุแล้วก็น่าจะใกล้ห้าสิบปีแล้ว แต่ผิวของนางกลับขาวใสเต่งตึง เส้นผมก็ดำขลับเงางาม ผมขาวสักเส้นหนึ่งก็ไม่มี

เมื่อมองไปยังสตรีวัยเดียวกันในหมู่บ้าน ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างที่ผิดรูปไปนานแล้ว ผิวของพวกนางก็ยิ่งหยาบกร้านหมองคล้ำ และมีแต่รอยยับย่น

มีสตรีอัธยาศัยดีและกล้าหาญสองสามคนเริ่มที่จะพูดคุยกับฮองเฮา หลังจากสนทนาถึงได้พบว่า สตรีงดงามดูสูงส่งนั้นแท้จริงแล้วเป็นคนใจดี หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาก็คุยเล่นกับพวกเขาแล้ว

ทว่าบรรยากาศดีๆ เช่นนี้กลับมีคนตาบอดเข้ามาพังทลาย เมื่อเถาซานเหลียงได้ยินว่าเฉียวเยี่ยนมา ก็รีบออกจากเพิงหักทรุดโทรมอย่างโมโห อยากต่อว่าเฉียวเยี่ยนทันที

เขาพุ่งเข้าไปในฝูงชน และก่อนที่ทันเข้าใกล้เฉียวเยี่ยน ก็ถูกพวกองครักษ์ชักดาบมาขวางเขาไว้ สีหน้าแฝงไปด้วยจิตสังหาร

นับตั้งแต่ถูก ‘โจร’ ปล้นครั้งก่อน ความกล้าหาญของเถาซานเหลียงก็ลดลงไปไม่น้อย เมื่อเห็นองครักษ์ชักดาบออกมา ก็รีบหนีห่างอย่างกลัวจนปัสสาวะเล็ดทันที ก่อนตะโกนจากระยะไกล

“ซู่หวางเฟย คืนภรรยาและลูกของข้ามา!”

“ตอนนั้นเป็นเพราะท่านยุยง ภรรยาข้าถึงได้หย่ากับข้า!”

ในขณะที่เขาตะโกน หัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ในฝูงชนก็รู้สึกแค่ว่าหมู่บ้านพวกเขาถูกเขาทำขายหน้าไปหมดแล้ว!

เขาตวาดด้วยความโกรธ “เถาซานเหลียง! หากยังไม่สร่างเมาก็กลับไปพักที่กระท่อมทรุดโทรมของเจ้าเสีย อย่าออกมาทำขายหน้าผู้อื่น!”

เถาซานเหลียงกลัวองครักษ์ แต่ไม่กลัวหัวหน้าหมู่บ้าน จึงตะโกนกลับอย่างหยิ่งยโส “ข้ามาเอาภรรยากับลูกคืน เกี่ยวอะไรกับเจ้า? หรือเจ้าจะให้ภรรยาและลูกเจ้ากับข้าหรือ หา? ”

หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็แทบจะพุ่งเข้าไปหาด้วยความโกรธ และอยากจะต่อยเขาสักหมัดหนึ่ง “วันนี้ข้าจะกำจัดคนอันตรายเพื่อหมู่บ้าน และฆ่าเจ้าให้ตายซะไอ้สารเลว!”

เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นใบหน้าน่ารังเกียจของเถาซานเหลียง ก็มีสีหน้าเย็นชาลงไปหลายส่วน นางสั่งให้องครักษ์คนหนึ่งจับหัวหน้าหมู่บ้านไว้ และเอ่ยขึ้นมา “เปิ่นเฟยจำได้ว่าตอนนั้นเจ้าขายภรรยากับลูกให้ข้าด้วยเงินหนึ่งร้อยตำลึง และจ่ายเป็นเงินสด ตอนนี้กลับจะมาขอภรรยากับลูกคืน เหตุใดเจ้าถึงได้หน้าด้านเพียงนี้?”

เมื่อเถาซานเหลียงได้ยินเงินหนึ่งร้อยตำลึงก็รู้สึกใจสลาย ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคนมั่งคั่งเช่นกัน แต่สุดท้าย เงินถึงมือยังไม่ทันอุ่นก็มาถูกโจรขโมยไป แม้แต่บ้านตัวเองก็ถูกเผา

เงินหายไปแล้ว ภรรยากับลูกก็ไม่มีแล้ว แม้แต่บ้านที่ไว้หลบภัยก็ไม่เหลือ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสร้างเพิงพักอาศัยในลานบ้านเพื่อความอยู่รอด!

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจมาก เป็นเพราะเฉียวเยี่ยนแท้ๆ ที่ยุยงให้นังโง่ตู้เยว่หงนั่นหย่า ไม่เช่นนั้นด้วยความกล้าของนางแล้ว นางไม่กล้าพูดเรื่องเช่นนี้แน่

“ข้าไม่สน เงินหนึ่งร้อยตำลึงนั้นข้าไม่ได้ใช้ ดังนั้นก็ถือว่ามันเป็นโมฆะ ท่านคืนภรรยากับลูกข้ามา!”

เขาเอะอะโวยวายสร้างปัญหา แต่เฉียวเยี่ยนไม่เคยชายตาแลเขาเลย เมื่อเห็นว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ เขาก็เปลี่ยนกลยุทธ์ และเริ่มแสร้งทำเป็นน่าสงสาร

“ซู่หวางเฟย ขอร้องท่านได้โปรดคืนพวกนางมาให้ข้าเถิด ลูกของข้าโตมาอย่างยากลำบาก ข้าคิดถึงพวกนาง เด็กไม่ควรไม่มีพ่อมิใช่หรือ?”

ชาวบ้านโดยรอบได้ยินเช่นนี้รู้สึกอับอาย ตู้เยว่หงเป็นคนเลี้ยงเด็กมาจนโต มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?

นอกจากหน้าที่ผลิตลูกบนเตียงแล้ว เจ้าเคยช่วยทำอย่างอื่นที่เป็นการเลี้ยงลูกหรือไม่เล่า?

เฉียวเยี่ยนยิ้มเย้ยหยัน น้ำเสียงแฝงไปด้วยไอเย็น “ข้าว่าเจ้าไม่อยากได้ภรรยากับลูกคืนหรอก แต่อยากหาคนใช้มาคอยปรนนิบัติเจ้า หาเงินให้เจ้า และปล่อยให้เจ้าทุบตีดุด่าระบายความโกรธมากกว่า!”

“ทำไมรึ? ไม่มีคนคอยปรนนิบัติก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงกระโดดออกมาเรียกร้องความสนใจรึ?”

นางเอ่ยแทงใจดำเถาซานเหลียง จนใบหน้าของเถาซานเหลียงหมองคล้ำ และเริ่มเอะอะโวยวายสร้างเรื่องอีกครั้ง

ฮองเฮาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย พวกชาวบ้านผู้กระตือรือร้นรอบตัวนางก็เล่าต้นสายปลายเหตุให้ฟัง กระทั่งเรื่องที่เถาซานเหลียงทำร้ายสองแม่ลูกตู้เยว่หงเมื่อหลายปีก่อน

ฮองเฮาได้ฟังแล้วก็กริ้วอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้ยังมีบุรุษน่าขยะแขยงเช่นนี้อยู่ด้วย หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงสถานะของตนในตอนนี้ พระนางก็คงมีพระเสาวนีย์ให้บั่นศีรษะเขาไปแล้ว!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาหาเรื่องอีกแล้วเหรอไอ้ขยะเปียกนี่ ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่ เดี๋ยวโทษประหารก็มาถึงตัวหรอก

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *