ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 14 เด็กน้อยปรากฏตัว (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 14 เด็กน้อยปรากฏตัว (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 14 เด็กน้อยปรากฏตัว (รีไรท์)

ตอนที่ 14 เด็กน้อยปรากฏตัว (รีไรท์)

หลายคนสงสัยว่าใครกันแน่ที่นั่งอยู่ในรถม้าด้านหลังอ๋องซู่ จึงพากันสุมหัวกระซิบกระซาบ

“นี่ พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? ฝ่าบาทมีรับสั่งให้อ๋องซู่ไปรับซู่หวางเฟยจากบ้านไร่กลับมา บางทีคนที่นั่งในรถม้าคันนี้อาจจะเป็นซู่หวางเฟย”

“เจ้าไปได้ข่าวมาจากไหนกัน? ไฉนข้าไม่รู้?”

“แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น ซู่หวางเฟยถูกเนรเทศไปบ้านไร่ตั้งสี่ปี หากจะไปรับกลับมาก็ควรจะไปรับมาตั้งนานแล้ว ไยต้องรอจวบจนปานนี้ ข้าขอเดานะ คนในรถม้าคันนี้น่าจะเป็นหญิงคนรักของอ๋องซู่…”

…..

ยิ่งมากคนก็ยิ่งมากความคิด ความอยากรู้อยากเห็นต่อคนลึกลับในรถม้ายิ่งมีมากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะตามขบวนรถม้าไปดูที่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่

ภายในรถม้า เฉียวเยี่ยนเอนกายลงบนหมอนนุ่ม ในมือกำลังถือหนังสือเล่มหนึ่งอ่านอยู่ ในขณะที่ลูกน้อยทั้งสองหลับสนิทอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงโหวกเหวกของผู้คนข้างนอกแม้แต่น้อย

เฉียวเยี่ยนเหลือบมองลูกทั้งสองด้วยสายตาหลงใหล บีบแก้มน้อยแดงเรื่อของพวกเขาเบา ๆ ไม่ได้ปลุกพวกเขาตื่น

ระหว่างทางในช่วงสองสามวันมานี้ เด็กทั้งสองนอนหลับไม่สนิทนัก และอาจเป็นเพราะตอนนี้พวกเขาเหนื่อยเกินไป ทำให้เสียงดังโหวกเหวกด้านนอกนั้นไม่อาจปลุกให้พวกเขาตื่นได้

จวนอัครเสนาบดี

สาวใช้คนหนึ่งรีบเข้าไปในจวน และเร่งฝีเท้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

“คุณหนู! คุณหนู! แย่แล้วเจ้าค่ะ!”

ภายในห้องส่วนตัวอันเก่าแก่ มีสตรีสวมชุดกระโปรงสีขาวกำลังบรรเลงฉิน จนเกิดเสียงไพเราะดังก้องอยู่ในลานบ้าน

หญิงสาวมีใบหน้างดงาม ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำทอความรู้สึกหลากหลาย เส้นผมดำขลับปักด้วยปิ่นหยก ปอยผมเล็กห้อยขนาบแก้มทั้งสองข้าง เงียบสงบอ่อนโยนดั่งนางในภาพวาด

นางเป็นหญิงที่มีความสามารถอันดับหนึ่งและเป็นหญิงงามอันดับสองแห่งเมืองหลวง บุตรสาวท่านอัครเสนาบดี…อี้จื่อจิ้น

หากถามว่าหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงคือใคร? แน่นอนว่าคือเฉียวเยี่ยน อดีตหญิงงามผู้โง่เขลา!

และเพราะใบหน้างามล่มเมืองของนางนี้เอง ทำให้ฝ่าบาทพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้นางและมู่ฉินเจิน โดยหวังว่าใบหน้าอันงดงามของนางจะสามารถกระตุ้นให้พระโอรสมีความสนใจต่อสตรีบ้าง

เมื่อได้ยินเสียงร้อนรนของสาวใช้ คิ้วงดงามของอี้จื่อจิ้นก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางหยุดบรรเลงฉินอย่างเชื่องช้า และหยุดการกระทำทุกอย่าง

“มีอะไร? ไยจึงร้อนรนเช่นนี้?”

เสียงของหญิงสาวนั้นอ่อนหวานไพเราะ ทว่าสายตาโกรธเคืองและรังสีเยือกเย็นบนตัวนางกลับทำให้ชิงเหลียนผู้เป็นสาวใช้ตัวสั่นเทาขึ้นมา

นางทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นขอร้องอ้อนวอน “คุณหนู บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวมิบังอาจอีกแล้ว ได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเถิด”

อี้จื่อจิ้นเลิกคิ้วงามขึ้น น้ำเสียงเย็นชา ทำให้คนฟังไม่ออกว่านางโกรธหรือมีความสุขกันแน่ “ลุกขึ้นเถิด เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ชิงเหลียนยืดตัวขึ้นอย่างสะเปะสะปะ พลางรายงานด้วยความเคารพ “คุณหนู บ่าวเพิ่งไปเดินซื้อของที่ตลาดมา เห็นเหมือนว่าท่านอ๋องซู่พาหญิงคนหนึ่งกลับมาด้วย บ่าวได้ยินคนบนถนนคุยกัน บ้างก็ว่าคนในรถคือซู่หวางเฟย บ้างก็ว่าเป็นหญิงคนรักของท่านอ๋องซู่ บ่าวได้ยินจึงรีบกลับมารายงานทันทีเจ้าค่ะ”

สิ้นเสียงนั้น ก็เห็นมือของอี้จื่อจิ้นกำสายฉินแน่น ใบหน้างดงามเผยแววตกใจออกมาอย่างชัดเจน “อะไรนะ?!”

นางรู้ว่าคนในรถม้าน่าจะเป็นซู่หวางเฟย บิดาบอกนางแล้วถึงเรื่องที่ฝ่าบาทมีพระราชโองการให้อ๋องซู่ไปรับซู่หวางเฟยกลับเมืองหลวง เพียงแต่นางไม่คิดว่าอ๋องซู่จะไปรับหญิงคนนั้นกลับมาด้วยตัวเอง

อย่างไรเสีย อ๋องซู่ก็เป็นคนไม่เกรงกลัวใครแม้แต่ฝ่าบาท! ด้วยนิสัยของเขาแล้วย่อมไม่มีทางเชื่อฟังคำสั่ง ดังนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรที่ทำให้อ๋องซู่เปลี่ยนใจ?

หลังจากตกใจอยู่พักหนึ่ง นางก็ค่อย ๆ สงบลง นังโง่เฉียวเยี่ยนนั่นไม่มีอะไรให้ต้องกลัว ต่อให้นางกลับมาแล้วมันจะทำไม?

ในตอนที่ฝ่าบาทพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้อ๋องซู่และเฉียวเยี่ยน นางเองก็เคยเสียใจมาแล้ว แต่ภายหลังนางพบว่านังหน้าโง่เฉียวเยี่ยนนั่นโง่เขลาเหมือนหมู จะสมบูรณ์แบบแค่ไหนก็สามารถมีตอนจบอันน่าสังเวชได้ นางจึงวางใจ

ในเมื่ออ๋องซู่เนรเทศอีกฝ่ายออกจากเมืองหลวงไปถึงสี่ปีได้ เช่นนั้นนางก็ทำให้อีกฝ่ายมิอาจอยู่ในเมืองหลวงได้เช่นกัน!

อ๋องซู่ต้องเป็นของนาง!

หลังจากปรับอารมณ์แล้ว นางก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง พลางสั่งชิงเหลียน “ไปกันเถอะ ข้าจะไปดูด้วยตัวเอง”

ต้องไปยืนยันว่าคนในรถม้าคือเฉียวเยี่ยนด้วยตัวเองก่อนถึงจะวางใจ!

…..

หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่

เมื่อขบวนรถมาถึง ท่านลุงฉูพ่อบ้านแห่งตำหนักอ๋องก็ได้พาคนทั้งหมดไปรออยู่ที่หน้าประตูจวนตั้งแต่เช้าแล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน ปากของเขายิ้มไม่หุบมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว

ถามว่าเขามีความสุขอะไรขนาดนั้น?

แน่นอนว่าเป็นเพราะตำหนักอ๋องซู่ของพวกเขามีเจ้านายน้อยแล้วน่ะสิ! ท่านอ๋องส่งจดหมายมาแต่เช้าว่าให้เก็บกวาดจวนให้สะอาด และให้เตรียมของใช้ประจำวันของนายน้อยทั้งสองและหวางเฟย

ความดีใจนี้ทำให้เขาตื่นเต้นจนนอนไม่หลับไปหลายวัน และตั้งตารอท่านอ๋องพาหวางเฟยเหนียงเหนียงและนายน้อยกลับมา

เมื่อรถม้าหยุดลง เฉียวเยี่ยนก็อุ้มลูกทั้งสองออกจากผ้าห่ม เตรียมที่จะลงรถ

พวกเด็ก ๆ ตื่นกันแล้ว แต่เวลานี้ยังสะลึมสะลืออยู่ ท่าทางสะลึมสะลือนั้นเองที่ทำให้คนอยากเข้าไปฟัดนัก

เฉียวเยี่ยนลูบผมชี้โด่เด่ของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ จากนั้นก็หอมแก้มแดงระเรื่อ และอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมกอดอย่างพอใจ “ลูกรัก เรามาถึงแล้ว ต้องลงจากรถแล้ว”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ถูกหอมยิ้มอย่างโง่เขลา อวดฟันน้ำนมออกมาเต็มปาก และทรุดตัวซุกเข้าไปในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่

เมื่อได้ยินว่าต้องลงรถก็มิวายอุ้มสุนัขตัวสีดำที่หดตัวอยู่ตรงมุมขึ้นมา และคุยกับเจ้าสุนัขน้อยด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก “เจ้าหมาน้อย เรามาถึงบ้านท่านพ่อแล้ว”

มู่ฉินเจินพลิกตัวลงจากหลังม้าเพื่อไปรับพวกเขาออกมาจากรถม้าด้วยตัวเอง

นอกตำหนักอ๋องซู่ในเวลานี้รายล้อมไปด้วยผู้คน ซึ่งต่างมารอดูว่าใครอยู่ในรถม้ากันแน่

อี้จื่อจิ้นสวมหมวกผ้าคลุมหน้าปะปนอยู่ในฝูงชน ครั้นเห็นมู่ฉินเจินเดินไปต้อนรับคนในรถม้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือไว้แน่น สายตาจับจ้องไปยังรถม้าอย่างต้องการที่จะเอาชนะ

เป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีทางแสดงท่าทางเช่นนี้ต่อสตรีคนอื่น!

เฉียวเยี่ยนที่กำลังจะลงจากรถเห็นมือใหญ่แข็งแกร่งคู่หนึ่งแยกม่านออก สิ่งที่เห็นคือใบหน้าอันหล่อเหลาจนทั้งคนทั้งเทพยังชังน้ำหน้าของมู่ฉินเจิน

เขายกยิ้มมุมปากบางเบา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ส่งเด็ก ๆ มาให้ข้าสิ ข้าจะอุ้มพวกเจ้าลง”

เฉียวเยี่ยนจ้องใบหน้านั้นอย่างใจลอยไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับมา และแอบด่าว่าความงามนั้นเป็นเหตุ

นางส่งเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนให้เขา จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ขึ้นมา

เสี่ยวอวี๋เอ่อร์สงสัยมานานแล้วว่าด้านนอกจะเป็นอย่างไร เมื่อเห็นท่านพ่อยิ้มจนตาหยี ก็เรียกท่านพ่ออย่างน่ารักน่าเอ็นดู

มู่ฉินเจินใจอ่อนยวบ อุ้มเจ้าก้อนแป้งมาไว้ในอ้อมแขน พลางลูบจุกบนศีรษะที่บิดเบี้ยวจากการนอนของนาง

บรรดาผู้คนที่รอดูอยู่ต่างคิดว่าอ๋องซู่จะอุ้มสตรีคนหนึ่งออกมา แต่สุดท้าย…

เขาอุ้มหญิงคนหนึ่งออกมาจริง ๆ แต่หญิงคนนี้อายุน้อยไปหน่อย!

เด็กน้อยขาวผุดผ่องอยู่ในอ้อมแขนอ๋องซู่อย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมโตหยาดน้ำ ปากจิ้มลิ้มสีแดงน่ารัก น่ารักเหมือนกับก้อนข้าวเหนียวนิ่ม ๆ

แต่เด็กน้อยคนนี้คือใคร? อ๋องซู่เก็บกลับมาระหว่างทางรึ?

ขณะที่พวกเขายังคงคิดเพ้อฝันกันอยู่ เสียงเด็กเล็กนั้นก็ทำลายจินตนาการของพวกเขา

“ท่านพ่อ นี่คือบ้านของท่านพ่อรึ? ใหญ่จังเลย!”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่อุ้มสุนัขสีดำตัวเล็กเงยหน้าสำรวจประตูจวนที่ดูแข็งแกร่งทรงอานุภาพ และส่งเสียงอุทานตกใจ

“ใช่แล้ว บ้านของพ่อเอง และเป็นบ้านของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ด้วย”

มู่ฉินเจินตอบอย่างอ่อนโยน และส่งเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ให้กับท่านลุงฉูที่น้ำตาไหลนองหน้า

“อุ้มไว้ก่อน ข้าจะรับอีกคนหนึ่ง”

ทันทีที่ท่านลุงฉูเห็นเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ น้ำตาก็พลันไหลลงมาทันที และก่อนที่จะได้ตอบสนองก็มีเจ้าก้อนแป้งอ่อนนุ่มอยู่ในอ้อมแขนเสียแล้ว จึงไม่กล้าขยับเขยื้อนทันใด พลางจ้องมองตุ๊กตาตัวน้อยในอ้อมแขนของเขา

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เบิกตากว้างด้วยความอยากรู้ว่าเหตุใดคุณปู่คนนี้ถึงได้ร้องไห้ จึงนำมือที่จับลูกสุนัขออกมา ตบไหล่ท่านลุงฉูเบา ๆ และเอ่ยปลอบโยน “ท่านปู่ อย่าร้องไห้ไปเลย ใครรังแกบอกข้ามา ข้าจะช่วยตีคนไม่ดีให้”

อย่ามองว่ากำปั้นของนางเล็กเลย เพราะมันทรงพลังมาก!

ท่านลุงฉูที่ได้รับการปลอบโยนพลันมีความสุขจนอยากขึ้นสวรรค์ และแทบอยากวิ่งไปรอบเมืองสามร้อยรอบเพื่ออวดจวิ้นจู่น้อยให้ทุกคนได้เห็น

ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีศัตรูหัวใจปรากฏตัวแล้วหนึ่งคน จะดึงมาเป็นพันธมิตรได้ไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *