ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 147 มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบจะปักผ้าได้อย่างไร

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 147 มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบจะปักผ้าได้อย่างไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 147 มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบจะปักผ้าได้อย่างไร

ตอนที่ 147 มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบจะปักผ้าได้อย่างไร

“เสด็จพ่อ ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะกริ้วเพียงใดก็ไม่ช่วยอะไร ควรหาทางแก้ปัญหาก่อนดีกว่าเพคะ”

“ลูกคิดมานานแล้วเพคะ ลูกจะไปตามหาองค์ชายที่เยวี่ยโจวด้วยตัวเอง”

นี่เป็นการตัดสินใจของเฉียวเยี่ยนหลังจากคิดมานานแล้ว แม้ตอนนี้นางไม่อาจคิดวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ได้ แต่นางก็มีระบบจอมเจ้าเล่ห์ ดังนั้นบางทีนางอาจจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และเกิดความคิดดี ๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็ได้

หลังจากได้ยินคำพูดของนาง ฮ่องเต้ก็ตกตะลึง ก่อนจะลูบเคราครุ่นคิดอยู่นานโดยไม่ได้เอ่ยคำใด

เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเขา เฉียวเยี่ยนก็กล่าวต่อ “เสด็จพ่อไม่ต้องห่วงเพคะ ลูกจะใส่ใจเรื่องความปลอดภัยระหว่างทางให้มากเพคะ”

ฮ่องเต้ชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ถอนหายใจ ช่างเถิด ปล่อยนางไป คู่หนุ่มสาวอย่างพวกเขาก็เหมือนปลากับน้ำ ย่อมขาดกันไม่ได้ ทั้งคู่พลัดพรากจากกันหลายวัน ในใจของทั้งคู่คงจะคิดถึงและห่วงหากันยิ่งนัก

บางทีการปล่อยนางไป ก็อาจจะทำให้คดีมีความคืบหน้าอย่างไม่คาดคิดก็เป็นได้

“ไปเถิด ข้าจะส่งกำลังคนไปกับเจ้าด้วย คนอื่นสามารถเพิกเฉยได้ แต่เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย”

“ลูกน้อมรับคำสั่งเพคะ!”

เมื่อได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ เฉียวเยี่ยนก็รีบกลับจากวังหลวงไปเก็บสัมภาระที่ตำหนักอ๋องซู่ ครั้งนี้นางต้องการพาลูกทั้งสองไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปกี่วัน หากทิ้งพวกเขาไว้ในเมืองหลวงก็เห็นทีจะทำให้ไม่พอใจกันเป็นแน่

นางไม่มีเวลาบอกลาแม่และพี่ชาย จึงสั่งให้คนรับใช้ฝากข้อความไปบอกพวกเขา และยังส่งคนไปบอกเว่ยอวิ๋นซูด้วย เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจว่านางหนีไป

เมื่อรู้ว่ากำลังจะได้ไปหาบิดา เด็กทั้งสองก็ตื่นเต้นมาก พวกเขาหยิบกระเป๋าใบเล็ก ๆ มาเก็บข้าวของของตัวเอง ยัดเสื้อผ้าหลายตัวสำหรับนำไปเปลี่ยน เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แอบหยิบขนมสองสามถุงมาจากคลังเก็บขนมของนางด้วย

เฉียวเยี่ยนก็กำลังจัดกระเป๋าเช่นกัน เมื่อเห็นเด็กน้อยทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เหมือนขโมยก็ยกมือกุมหน้าผากอย่างเสียไม่ได้ และแสร้งทำเป็นไม่เห็น เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของนางช่างโง่เขลาและน่ารักมากเหลือเกิน

ระบบตัวน้อยเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางกระโดดขึ้นลงบนเตียงสีชมพูเล็ก ๆ ของนาง นางรู้ว่าทุกครั้งที่มีการเดินทางไกล ก็จะเป็นเวลาที่นางจะได้แสดงความสามารถ

[ท่านโฮสต์ที่รัก ระบบจะช่วยท่านและพี่มู่คนหล่อไขคดีนี้ได้แน่นอน ค้นหาทุกสิ่งจากระบบได้เลยหากท่านต้องการ…]

เด็กน้อยส่งเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายสดใส จนเฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันไปกับเด็กน้อยน่ารักขี้อ้อน “เอาล่ะ ระบบยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”

หลังจากอยู่ด้วยกันมานานหลายปี นางก็มองระบบตัวน้อยน่ารักนี้เหมือนลูกของนางเอง เมื่อใดที่อีกฝ่ายได้ออกจากทะเลแห่งจิตสำนึก นางก็จะได้ลูกสาวเพิ่มอีกคนหนึ่ง และลูกทั้งสองก็จะมีพี่สาวด้วย

ก่อนที่นางจะจัดข้าวของเสร็จ กองทหารรักษาพระองค์ที่ฮ่องเต้ส่งมาก็มาถึงแล้ว ทหารรักษาพระองค์หนึ่งร้อยคนมีขุนพลหวังสยงอันของมู่ฉินเจิน เป็นผู้นำกองทัพตามนางไปที่เยวี่ยโจว

ระหว่างการเดินทาง ทหารรักษาพระองค์หนึ่งร้อยคน จำเป็นต้องบริโภคอาหารแห้งจำนวนมาก สิ่งที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยคือแผ่นแป้งอบแห้ง ๆ ซาลาเปาเย็นชืด และอาหารอื่นที่ง่ายต่อการรับประทาน

เมื่อมองไปยังกระเป๋าเดินทางอันเรียบง่ายของพวกเขา เฉียวเยี่ยนก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้นำอาหารมามากนัก นางจึงเข้าไปในร้านค้าของระบบทันที แล้วหยิบผักดองกระป๋องกับเส้นมันเทศใส่รถเข็น รวมทั้งเส้นหมี่ ธัญพืชและน้ำมันด้วย

มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน หากระหว่างทางนางไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เมื่อไปถึงเยวี่ยโจวนางอาจไม่มีแรงไขคดีก็ได้ อีกทั้งยังมีลูกสองคนไปกับนางด้วย นางอาจจะทนหิวโหยได้ แต่เด็กๆ คงทนไม่ได้

หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ขบวนพลก็เริ่มออกเดินทาง ซูเนี่ยนหว่าน เฉียวจิ่นและเว่ยอวิ๋นซูรู้ว่าเฉียวเยี่ยนกำลังจะเดินทางไกลจึงรีบมาหา ทว่ามาช้าไปหนึ่งก้าว เมื่อมาถึงประตูตำหนักอ๋องซู่ ขบวนพลก็ได้ออกเดินทางไปแล้ว

เว่ยอวิ๋นซูตามเฉียวเยี่ยนไปไม่ทัน จึงได้แต่นั่งยอง ๆ ด้วยความหงุดหงิดอยู่ที่ประตูตำหนักอ๋องซู่ เมื่อเฉียวจิ่นและซูเนี่ยนหว่านมาถึง พวกเขาก็เห็นว่านางกำลังนั่งราวกับถูกทอดทิ้ง

ซูเนี่ยนหว่านรีบเดินเข้าไปพยุงนางให้ลุกขึ้น “อวิ๋นซู เหตุใดเจ้านั่งบนพื้นเล่า ลุกขึ้นเร็ว พื้นมันเย็น ระวังท้องไส้ปั่นป่วน”

เว่ยอวิ๋นซูเงยหน้าขึ้นเม้มปากด้วยความคับแค้นใจ “ท่านน้าหว่าน ข้ามาไม่ทันเฉียวเฉียว”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ทันก็คือไม่ทัน หากเรามาทันก็อาจทำให้กำหนดการของนางล่าช้าได้”

ซูเนี่ยนหว่านไม่ได้ห่วงลูกสาว เมื่อพูดเช่นนั้น นางไม่เพียงแต่ปลอบโยนเว่ยอวิ๋นซู แต่ยังปลอบใจตัวเองด้วย 

เฉียวจิ่นยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้เอ่ยคำใด สีหน้าของเขาเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ายังคงเป็นห่วงเฉียวเยี่ยน

เว่ยอวิ๋นซูซบไหล่ของท่านน้าหว่านและยังคงเสียใจอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้ นางก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเฉียวจิ่นที่อยู่ข้างนาง

“พี่เฉียว น้ำหนักท่านดูเพิ่มขึ้นมากเลยนะ!”

นางร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาพบกันครั้งล่าสุดไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่เฉียวจิ่นกลับดูเปลี่ยนไป

ใบหน้าของเขามีเนื้อหนังมากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก แก้มมีเลือดฝาดและดูกระฉับกระเฉงขึ้น

คำว่าอ้วนมักถูกใช้เพื่อเยาะเย้ยผู้อื่น แต่สามารถใช้เป็นคำชมเชยสำหรับเฉียวจิ่นได้ ก่อนหน้านี้เขาซูบผอมเกินไป จนคนกังวลว่าลมแรงอาจจะพัดเขาไปได้

เมื่อเห็นนางมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น เฉียวจิ่นก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเขินอาย น้ำหนักของเขาเพิ่มขึ้นมากจริง ๆ ยาที่น้องสาวของเขาให้มานั้นมีประสิทธิภาพมาก เขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายของตนเปลี่ยนไปทุกวัน

ในช่วงที่ต้องเตรียมตัวสอบจอหงวน แม่ของเขามักจะทำน้ำแกงบำรุงต่าง ๆ ให้เขาเสมอ และน้องสาวก็ยังนำอาหารมาให้เขาอยู่บ่อย ๆ ด้วย ซึ่งทำให้เขาน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะอ้วนกลมเป็นตะกร้อไปเลยก็ได้

เมื่อเว่ยอวิ๋นซูเห็นเขาหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก็รู้สึกพอใจเป็นพิเศษ บัณฑิตน้อยหน้าหยกผู้เย็นชาดูน่ารักเป็นพิเศษเมื่อเขินอาย

คนหลายคนยืนอยู่ที่ประตูตำหนักอ๋องซู่ครู่หนึ่ง เมื่อลุงฉูได้ข่าวก็รีบออกมาเชื้อเชิญพวกเขาเข้าไปในตำหนัก แต่ทั้งสามคนปฏิเสธ เฉียวจิ่นและแม่ของเขากำลังจะกลับบ้าน ส่วนเว่ยอวิ๋นซูก็จะตามพวกเขาไปกินข้าวด้วย

ช่วงนี้แม่ของนางบังคับให้นางปักผ้า แต่นางไม่สามารถปักผ้าเช็ดหน้าให้สวยงามได้ นางจึงถูกขังไว้ในห้องใต้หลังคา และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมา หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงจะหดหู่ใจมาก 

นางอยากกลับไปทางซีเป่ยจริง ๆ อยากฝึกดาบใหญ่ ร่ำสุรารสเลิศและควบม้าทะยานไปอย่างดุเดือด มือหยาบกร้านของนางมีไว้จับดาบใหญ่ จะให้นางจับเข็มปักผ้าได้อย่างไร!

…… 

เฉียวเยี่ยนและขบวนพลเดินทางไม่หยุด และนอนในถิ่นทุรกันดารในคืนแรก โชคดีที่รถม้ากว้างพอให้สามคนแม่ลูกนอนด้วยกัน

ทหารรักษาพระองค์ที่มากับพวกเขา กินเพียงผักดองและแผ่นแป้งอบเนื้อหยาบสองสามคำ ก่อนจะหาที่ราบเพื่อนอนเอาแรง

ขุนพลหวังจัดทีมลาดตระเวน กระทั่งยามค่ำคืนพวกเขาก็ไม่ได้พักผ่อน แม้ว่าทหารรักษาพระองค์ทุกคนจะมีความเชี่ยวชาญ แต่เฉียวเยี่ยนก็ยังเพิ่มความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าคนร้ายจะรู้ที่อยู่ของพวกเขา และส่งคนมาสกัดกั้นและสังหาร

เด็กทั้งสองนอนหลับสนิท หลังจากวันที่วุ่นวาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกไปกระโดดโลดเต้น แต่ร่างกายของพวกเขาก็เหนื่อยล้า เมื่อเริ่มมืด เด็กน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

เฉียวเยี่ยนนอนอยู่ข้าง ๆ พวกเขา จิตใจปลอดโปร่งยิ่งนัก เสียงสัตว์ป่าดังในถิ่นทุรกันดาร อาจเป็นเพราะพวกมันมีจำนวนมาก แต่พวกเขาจุดคบไฟไว้ สัตว์ป่าเหล่านั้นจึงไม่กล้าย่างกรายเข้ามา

ระบบตัวน้อยนอนไม่หลับอยู่บนเตียง นางสอดแขนเล็ก ๆ ไว้ใต้ศีรษะ ขาสั้นทั้งสองไขว้กัน ขณะสั่นเท้าไปมา

นางนอนไม่หลับจึงอยากคุยกับเฉียวเยี่ยน ซึ่งเฉียวเยี่ยนก็กำลังเบื่อหน่ายเช่นกัน จึงสรรหาเรื่องราวมาสนทนากันจนหมดเรื่องจะพูด

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สงสารคุณหนูเว่ยเขานะคะ แม่บังคับให้ทำงานเย็บปักถักร้อย แต่ลูกชอบจับดาบขี่ม้ายิงธนูมากกว่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *