ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 153 ซื้อเจ้าลูกเต่า
ตอนที่ 153 ซื้อเจ้าลูกเต่า
ตอนที่ 153 ซื้อเจ้าลูกเต่า
หญิงชราใจดีผู้นั้นตั้งแผงขายอาหารทะเล สินค้าที่ขายก็คล้ายกับร้านอื่น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ร้านอื่นไม่มี
มันคือฝูงเต่าน้อย!
เต่าสีเขียวตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือเด็กกำลังว่ายน้ำไปมา ช่างดูน่ารักยิ่งนัก เด็กทั้งสองถึงกับขยับไม่ได้เมื่อเห็นสัตว์ตัวเล็กน่ารักฝูงนี้
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยังยับยั้งอารมณ์ไว้ได้ ดวงตากลมโตของเขาเป็นประกาย กำปั้นเล็กๆ ของเขากำแน่นเล็กน้อย ขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นั่งยอง ๆ ข้างตู้ปลาที่หญิงชราใส่เต่าไว้และมองพวกมันด้วยความรักเอ่อล้นออกมาจากดวงตา
นางถูมือเล็ก ๆ ไปมาด้วยความอยากสัมผัสมัน แต่นางรู้ว่าไม่ควรแตะต้องของของคนอื่น นางจึงได้แต่มองและถูมือเท่านั้น
หญิงชรายกยิ้มอย่างใจดีด้วยความเอ็นดูตุ๊กตาน้อยน่ารักราวแกะสลักด้วยหยกทั้งสองตรงหน้านาง และหยิบเต่าตัวน้อยขึ้นมาส่งให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ก่อนจะกวักมือเรียกเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เบาๆ “เด็กดี เจ้าอยากจับมันหรือไม่?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นมาก นางรีบผสานมือเล็ก ๆ ทั้งสองไปข้างหน้า แล้วขอให้หญิงชราวางเต่าน้อยไว้บนมือเล็กๆ ของนาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอ่ยขอบคุณนางด้วยเสียงเล็กไพเราะ เมื่อรู้สึกว่าเต่าน้อยกำลังคลานอยู่บนฝ่ามือเล็ก ๆ ของตน นางก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข แล้วรีบเรียกพี่ชายให้มาดู “พี่ชาย! รีบมาจับมันสิ สนุกมากเลย!”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็หัวเราะเช่นกัน เขาเดินไปหาน้องสาว ก่อนจะนั่งยอง ๆ กับนาง แล้วยื่นนิ้วไปสะกิดกระดองเต่าเบา ๆ เมื่อนิ้วลูบผ่านหัวของเต่าน้อย มันก็หดหัวทันทีด้วยความตกใจ
คำพูดหนึ่งแวบเข้ามาในความคิดของเด็กทั้งสองพร้อม ๆ กัน พวกเขาจึงพูดพร้อมกันว่า “หัวหดเป็นเต่า!”
เมื่อพูดออกมา ไม่เพียงแต่เด็กสองคนเท่านั้นที่หัวเราะ เหล่าผู้ใหญ่ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดูในความน่ารัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็ก ๆ ได้เห็นเต่า พวกเขารู้จักสัตว์ชนิดนี้ได้ก็เพราะเฉียวเยี่ยนให้พวกเขาดูหนังสือภาพ และสมองน้อย ๆ ของพวกเขาก็จำได้ทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าเด็ก ๆ ชอบ หญิงชราก็จับเต่าให้เสี่ยวฉวนเอ๋อร์อีกหนึ่งตัว พี่ชายและน้องสาวต่างหลงใหลในความน่ารักของเต่าน้อย และอุ้มเต่าน้อยสีเขียวทั้งสองเหมือนอุ้มเด็กทารก
เด็กทั้งคู่ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นั่งยอง ๆ เงยหน้าขึ้นมองแม่ แล้วอุ้มเต่าตัวน้อยด้วยมือเล็ก ๆ ของนาง ขณะทำหน้าตาน่าสงสารราวเด็กทารก “ท่านแม่ เราขอซื้อเต่าน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ด้วยกลัวว่ามารดาจะไม่ยินยอม เด็กน้อยจึงส่งสายตากระตือรือร้นที่ทำให้คนมองใจละลายมาให้
เป็นเรื่องหายากที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์จะถูกใจอะไรบางอย่าง เขานั่งยอง ๆ ขณะเงยหน้าขึ้นมองแม่ด้วยสีหน้าเว้าวอน
เฉียวเยี่ยนถูกเด็กน้อยน่ารักทั้งสองออดอ้อน ส่วนทหารสองคนกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังก็รู้สึกว่าเด็ก ๆ น่ารักเกินไป พลางคิดในใจว่าถ้าหวางเฟยไม่ยอม พวกเขาก็จะยอมเจียดเงินจากกระเป๋าตัวเองซื้อให้นายน้อยทั้งสองเอง
เฉียวเยี่ยนจะไม่ตอบสนองความปรารถนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูกได้อย่างไร นางโน้มตัวไปลูบศีรษะเด็กน้อยทั้งสอง แล้วหยิบเศษเงินจากกระเป๋ามาวางไว้บนแผงขายของของหญิงชรา พูดอย่างเป็นกันเองว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าขอซื้อเต่าน้อยสองตัวนี้”
หญิงชราตกตะลึงเมื่อเห็นเศษเงิน และรีบหยิบกระเป๋าออกมาค้นหาเงินทอน แต่ก็พบว่าไม่มีทางทอนได้ จึงได้แต่ยิ้มด้วยความเคอะเขิน
เมื่อเห็นดังนั้น เฉียวเยี่ยนก็รีบโบกมือ “ท่านไม่จำเป็นต้องหามาทอนหรอก ถือว่าข้าซื้อสิ่งที่ลูกชอบก็พอ”
หญิงชรารู้สึกประหลาดใจมาก แท่งเงินใหญ่เช่นนี้มีมูลค่ามากเกินพอที่จะซื้อเต่าได้สิบตัวเชียวนะ!
นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับเต่าเพิ่มให้เด็กทั้งสอง และด้วยความที่นางมีเงินทอนไม่พอ จึงคิดจะชดใช้ด้วยการเพิ่มจำนวนเต่าให้ อีกทั้งยังมอบหม้อดินเผาที่นางใช้ใส่ปลาให้เด็กทั้งสองคนเป็นพิเศษด้วย
เฉียวเยี่ยนเห็นเช่นนั้นก็รีบหยุดไว้ แล้วจับเต่าในหม้อดินเผาออก เพราะตั้งใจจะเลี้ยงเพียงสี่ตัวเท่านั้น เด็กหนึ่งคนเลี้ยงเต่าสองตัวก็พอแล้ว ถ้าต้องนำเต่าจำนวนมากกลับบ้านไปด้วย เห็นทีบ้านคงจะเลอะเทอะไปหมด
เมื่อกลับมาที่ค่ายทหาร เฉียวเยี่ยนก็ลงมือทำบ๊ะจ่างอยู่นอกกระโจม ขณะที่เด็กน้อยทั้งสองเอาแต่มองดูเต่าตัวน้อยของพวกเขา
เฉียวเยี่ยนสั่งให้คนไปซื้อโถกระเบื้องก้นตื้นให้เด็กทั้งสอง และใส่น้ำตื้น ๆ ลงในโถกระเบื้องให้สูงถึงหลังเต่า แต่อย่าให้เต่าจมอยู่ใต้น้ำ แล้ววางหินขัดไว้ตรงกลางโถกระเบื้อง เพื่อให้เต่าสามารถปีนขึ้นไปนอนบนโขดหินได้
เด็กน้อยทั้งสองเฝ้าดูเต่าน้อยไต่โขดหินอย่างไม่รู้จักเบื่อ
เป็นเพราะมีคนในค่ายทหารมากเกินไป เฉียวเยี่ยนไม่สามารถทำบ๊ะจ่างเลี้ยงทุกคนได้ ดังนั้นจึงคิดจะทำบ๊ะจ่างให้ครอบครัวของนางที่มีสี่คนเท่านั้น ที่เหลืออีกสองสามชิ้น นางจะให้องครักษ์และทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ใกล้ชิด
เริ่มแรกนำไข่ขาวออกจากไข่เป็ดเค็มจนเหลือแต่ไข่แดง หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นหนา แล้วหมักกับซีอิ๊วและเครื่องปรุงอื่น ๆ เวลาทำบ๊ะจ่าง ให้ใส่ไข่แดงเค็มสองฟองและหมูหนึ่งชิ้นลงในบ๊ะจ่าง ตามด้วยเครื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
ก่อนที่บ๊ะจ่างจะเสร็จ มู่ฉินเจินก็กลับมาจากข้างนอก ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาออกไปแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน หายากที่จะกลับมาเร็วเหมือนวันนี้
ขณะเดินทางมาถึงกระโจม เขาก็เห็นเฉียวเยี่ยนโบกมือพลางยิ้มให้ พร้อมกับเด็กทั้งสองวิ่งมาหาเขา เขาพลันรู้สึกว่าความอ่อนล้าทั้งหมดในร่างกายของเขาได้มลายหายไปสิ้น
เขาก้มลงอุ้มเด็กทั้งสองที่วิ่งมาหาเขา หอมแก้มเล็ก ๆ แล้วอุ้มกลับไปที่กระโจม ซึ่งเด็ก ๆ แทบรอไม่ไหวกับการบอกบิดาเรื่องที่ตนซื้อเต่าน้อยมาเลี้ยง
เมื่อเดินมาถึงด้านข้างเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินก็วางลูก ๆ ลงบนพื้น มองดูเต่าตัวน้อยของพวกเขาแล้วชมเชยสองสามคำ จากนั้นเข้าไปในกระโจมเพื่อล้างมือเตรียมพร้อมจะมาช่วยเฉียวเยี่ยน
เฉียวเยี่ยนหัวเราะเมื่อเห็นการกระทำของเขา เมื่อก่อนตอนที่อยู่ตำหนัก เขาที่กลับมาจากค่ายทหารแล้วเห็นนางทำอาหารก็ถลกแขนเสื้อขึ้นมาช่วยนางแทนที่จะไปพักผ่อนเหมือนกัน คาดว่ามันคงเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติไปแล้ว
หลังนั่งข้างเฉียวเยี่ยนแล้ว ท่านอ๋องก็พร้อมลงมือช่วย แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าตัวเองทำบ๊ะจ่างไม่เป็น จึงแสดงท่าทางอับอายขึ้นมาทันที
เฉียวเยี่ยนมีความสุขมาก นางหัวเราะอยู่นาน ก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ท่านไปพักผ่อนสักครู่เถิด ข้าจะทำเอง เหลืออีกไม่มากแล้ว”
แต่มู่ฉินเจินไม่ยอมเข้าไป เขาส่ายหน้าและพูดเบา ๆ “ข้าจะอยู่กับเจ้า”
ช่วงนี้เขางานยุ่ง และก่อนหน้านี้ก็ได้แยกจากนางไปคนละที่ ทำให้ไม่สามารถอยู่กับนางได้ ทว่าตอนนี้นางพยายามมาหาเขาสุดความสามารถแล้ว แต่เขาก็ยังหาเวลาไม่ได้ จึงค่อนข้างรู้สึกผิด
เฉียวเยี่ยนรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขา จึงปลอบโยนเขาขณะทำบ๊ะจ่างไปด้วย “ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย ข้ามีความสุขมากและพอใจที่ได้อยู่เคียงข้างท่าน ท่านจงทิ้งความกังวลทั้งหมดแล้วออกไปจัดการข้าศึกเถิด ท่านเหนื่อยกลับมาเมื่อใด ข้ากับลูกก็จะรอท่านอยู่”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง มู่ฉินเจินก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากหัวใจไปทั้งร่างกาย เจ้าท่อนไม้ของเขาช่างดีจริง ๆ มีเหตุมีผล แข็งแกร่ง นางรู้ความมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกคลายทุกข์ และแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกไร้ค่า
นางมีพลังมาก สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดี ดีกว่าเขาด้วยซ้ำ จนทำให้เขาดูไร้ประโยชน์ บางครั้งเขายังหวังว่าเจ้าท่อนไม้จะอ่อนแอบ้าง เพื่อที่นางจะได้ออดอ้อนเขา ทำตัวเหมือนเด็กน้อยกับเขา และปล่อยอารมณ์ดื้อดึงให้เขาเห็นบ้าง
ในใจของเขามีคำพูดเป็นพันคำ แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ ในที่สุดเขาก็พูดเบา ๆ ว่า “ขอบคุณนะ”
เฉียวเยี่ยนยิ้ม “ด้วยความยินดี ถ้าท่านต้องการขอบคุณจริง ๆ ประเดี๋ยวก็ช่วยกินบ๊ะจ่างของข้าสักสองอันแล้วกัน”
หลังจากห่อบ๊ะจ่างเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็สั่งให้หลิงเซียวยกมันไปที่ครัว และสั่งให้หัวหน้าพ่อครัวนำไปนึ่งให้
นอกจากอาหารที่ปรุงในครัวแล้ว อาหารเย็นวันนี้ยังมีบ๊ะจ่างที่เฉียวเยี่ยนทำเองด้วย
นางแกะห่อบ๊ะจ่างไส้เค็มแล้วบิออกเป็นสองซีกใส่ลงในชามสำหรับเด็ก จากนั้นหยิบบ๊ะจ่างไส้เค็มขึ้นมาแกะกินเอง และปล่อยให้มู่ฉินเจินเลือกของตัวเอง
ผู้คนในเมืองหลวงนิยมกินบ๊ะจ่างไส้หวาน จนนางกังวลว่าสิ่งที่นางเลือกจะไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากกิน
แต่เมื่อท่านอ๋องเห็นว่าหวางเฟยแกะบ๊ะจ่างให้ลูก แต่ไม่แกะให้เขา ความริษยาก็พรั่งพรูออกมาทันที
เขาจ้องมองบ๊ะจ่างในมือของเฉียวเยี่ยนด้วยใบหน้าค่อนข้างเรียบเฉยโดยไม่มีเหตุผล แล้วพูดว่า “ข้าต้องการอันที่อยู่ในมือเจ้า”
เฉียวเยี่ยนคุ้นเคยกับท่าทางเตรียมทุบไหน้ำส้มของเขามานานแล้ว นางจึงเหลือบไปมองค้อนเขาอย่างช่วยไม่ได้
“โตแค่ไหนก็ยังทำตัวเหมือนเด็ก”
นางบ่นพึมพำ แต่มือกลับไม่ได้หยุดแกะห่อบ๊ะจ่างให้เด็กโข่งคนนี้
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้น้องเต่ามาเลี้ยงแล้ว เด็ก ๆ เลี้ยงน้องดีๆ นะ
ท่านอ๋องอยู่กับอาเยี่ยนอายุสมองยิ่งลดลงไม่เกินจริงค่ะ นั่นลูกตัวเองนะท่าน กินน้ำส้มได้พร่ำเพรื่อเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)
Comments