ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 157 คืนลมเคลื่อนเดือนดับ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 157 คืนลมเคลื่อนเดือนดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 157 คืนลมเคลื่อนเดือนดับ

ตอนที่ 157 คืนลมเคลื่อนเดือนดับ

ทุกครั้งที่ท่านอ๋องจุมพิตเฉียวเยี่ยน เขาจะจุมพิตนางนานราวกับชั่วกัลปาวสาน เฉียวเยี่ยนจึงหายใจไม่ออกทุกครั้งที่ถูกเขาจุมพิต และครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อทุกสิ่งจบลง เฉียวเยี่ยนก็ตัวอ่อนระทวยราวกับสายน้ำ ซบแทบอกมู่ฉินเจินราวกับไม่มีกระดูก

ริมฝีปากของมู่ฉินเจินกลายเป็นสีแดงสดราวชาดป้าย แม้จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่นัยน์ตาฉายแววพึงพอใจ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

เฉียวเยี่ยนซุกหน้าในอ้อมแขนของเขาเหมือนเด็กน้อยที่กำลังโมโห แล้วตีเขาเบา ๆ ก่อนพึมพำว่า “ต่อไปอย่าจูบนานนัก ไม่เช่นนั้นข้าจะกลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายเพราะโดนจูบ มันจะน่าอายเพียงใด ผู้คนต้องจดจำไปตลอดกาลแน่!”

เมื่อมู่ฉินเจินได้ยินนางพูดคำว่า “ตาย” เขาก็จับศีรษะเล็ก ๆ ของนางไว้ จากนั้นก้มลงไปกัดริมฝีปากนาง

ใช่แล้ว เป็นการกัดจริง ๆ จนเฉียวเยี่ยนรู้สึกเจ็บปวด

“โอ๊ย!”

เฉียวเยี่ยนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จ้องมองเขาและถามด้วยความโกรธว่า “เหตุใดท่านจึงกัดข้า?”

แต่มู่ฉินเจินไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขาบีบจมูกเล็ก ๆ ของนางเพื่อสั่งสอน “ต่อไปเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้คำว่า ‘ตาย’ กับตัวเจ้าเอง”

เจ้าท่อนไม้ของเขาจะต้องมีชีวิตยืนยาว!

เฉียวเยี่ยนหัวเราะอย่างโกรธเคืองเพราะชายหนุ่มจอมเผด็จการคนนี้ นางเงยหน้าขึ้นไปกัดริมฝีปากของเขา และพูดอย่างมีความสุขว่า “ครั้งนี้หายกัน!”

ระบบตัวน้อยกำลังจะเป็นเบาหวานเพราะการทำน้ำตาลหกของสองคนนี้จริง ๆ นางสามารถเดาท่าทางของพวกเขาได้ แม้จะดึงผ้าม่านเตียงลงแล้วก็ตาม

นางโผล่ศีรษะออกมาจากม่านเตียง แล้วคำรามใส่โฮสต์ของนาง

[การดูแลผู้เยาว์เป็นความรับผิดชอบของทุกคน!]

หลังจากได้ยินเสียงนั้น เฉียวเยี่ยนก็นึกขึ้นได้ว่าตนลืมเจ้าตัวเล็กคนนี้ไปแล้ว จึงหัวเราะอย่างเก้อเขิน “อืม… อืม คราวหน้าจะระวังให้ดีนะ”

หลังจากได้เครื่องอัดเสียงแล้ว เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกตื่นเต้นมากกว่ามู่ฉินเจินเสียอีก นางมองค่ำคืนอันมืดมิดข้างนอก ก่อนจะเลิกคิ้วมองมู่ฉินเจิน “คืนลมเคลื่อนเดือนดับ ถึงเวลาฆ่าวางเพลิง* ที่รัก พวกเราไปที่จวนเจ้าเมืองกันเถิด แล้วนำเครื่องบันทึกเสียงนี้ไปไว้ในห้องตำราของเขา”

(*แปลงมาจากบันทึกของหยวนหว่ายในวรรคที่ว่า 风高放火,月黑杀人 – ลมแรงเหมาะวางเพลิง เดือนดับเหมาะฆ่าคน)

มู่ฉินเจินลูบศีรษะนางอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเกลี้ยกล่อม “มันดึกแล้ว เจ้ากับลูก ๆ ควรนอนหลับให้สบาย ส่วนข้าจะไปคนเดียว”

แต่เฉียวเยี่ยนไม่ยอม วันคืนอันสงบสุขผ่านมาเนิ่นนานแล้ว นางจึงต้องการจะหาความตื่นเต้นอยู่เสมอ แล้วนางจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร!

นางคว้าแขนท่านอ๋องแล้วทำท่าเหมือนเด็กเพื่ออ้อนวอนให้เขาพานางไปที่นั่นด้วย เมื่อก่อนนางเคยเห็นคู่รักหนุ่มสาวที่ทำตัวเหมือนเด็กเวลาออดอ้อนกันแล้วรู้สึกขนลุก แต่แล้วนางก็กลายเป็นเช่นนั้นโดยไม่รู้ตัว

ปรากฏว่าสตรีที่อยู่ในห้วงรักจะกลายเป็นคนบอบบางมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างเฉียวเยี่ยน

สำหรับนางและลูกทั้งสอง มู่ฉินเจินไม่เคยทำใจแข็งได้เลย ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยอมตกลงพานางไปด้วย

เขาใส่ชุดดำ จากนั้นก็นำชุดของตัวเองมาให้เฉียวเยี่ยน หลังจากที่เฉียวเยี่ยนใส่แล้ว นางก็ดูเหมือนเด็กที่ขโมยเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาใส่ จึงต้องใช้เชือกมาพันรอบเอวไว้หลายทบเพื่อไม่ให้กางเกงหลุด

เมื่อเห็นรูปลักษณ์อันน่าขบขันของนาง มู่ฉินเจินก็หัวเราะอย่างหนัก ทำให้เฉียวเยี่ยนหันมาถลึงจ้อง

นางพ่นลมหายใจแล้วบ่นด้วยเสียงแผ่วเบา “ใครใช้ให้ท่านตัวใหญ่ขึ้นนักเล่า!”

คาดไม่ถึงว่าน้ำเสียงของนางที่ลอยเข้าหูของท่านอ๋องจะเปลี่ยนไป มู่ฉินเจินมองนางแปลก ๆ อ้าปากเล็กน้อย และในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา

ทั้งคู่สวมชุดดำ และไปบอกเกาจัวหยวนให้คอยดูแลลูก จากนั้นพวกเขาก็จับมือกันออกจากค่ายทหาร

เกาจัวหยวนเห็นท่านอ๋องและหวางเฟยในชุดดำแล้วขากรรไกรของเขาก็แทบค้างด้วยความตกใจ พวกเขาจะไปเป็นจอมโจรยวนยางกันหรืออย่างไร?

ซึ่งความจริงแล้ว มู่ฉินเจินและเฉียวเยี่ยนก็ออกไปในฐานะจอมโจรยวนยางจริง ๆ เพราะจวนเจ้าเมืองได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา และมีจอมยุทธ์คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องตำรา

การลาดตระเวนด้านนอกจวนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจิน เมื่อรวมกับกลอุบายของระบบตัวน้อยด้วย ก็ยิ่งง่ายต่อการหลีกเลี่ยงคนขณะลาดตระเวน

เฉียวเยี่ยนตัวไม่หนัก ท่านอ๋องจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน แล้วกระโดดข้ามกำแพงจวนเจ้าเมืองอย่างง่ายดาย

ระบบตัวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการสังเกตสถานการณ์โดยรอบ เมื่อหันมาอีกทีก็เห็นทั้งสองกอดกันอีกครั้ง นางจึงแทบทนไม่ไหวที่จะเข้าไปหยิกสักที

[ท่านโฮสต์ที่รักของข้า กำลังทำภารกิจกันอยู่เช่นนี้ ท่านทั้งสองช่วยหยุดโปรยอาหารสุนัขก่อนได้หรือไม่?]

เฉียวเยี่ยนส่ายหน้า และตอบอย่างเย่อหยิ่ง “เราไม่ได้โปรยอาหารสุนัข แต่แค่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ระบบตัวน้อยจึงปิดกั้นตัวเอง ไม่ต้องการพูดคุยกับโฮสต์อีก และยังคงสังเกตสถานการณ์โดยรอบต่อไป

[มีหน่วยลาดตระเวนมาจากด้านหลังทางซ้ายห้าคน]

เฉียวเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็รีบจับมือมู่ฉินเจินไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ทันที แน่นอนว่าภายในไม่กี่อึดใจ หน่วยลาดตระเวนก็มาถึง

มู่ฉินเจินรู้ว่าเป็นเพราะเทพเจ้าล่องหนข้างกายเจ้าท่อนไม้ที่ทำให้นางหลีกเลี่ยงคนที่มาลาดตระเวนได้เสมอ เขาจึงเชื่อใจนางอย่างไม่มีเงื่อนไข และปล่อยให้นางนำทางเขาไป

ทั้งคู่เดินจูงมือกันราวกับว่าพวกเขากำลังมาเยี่ยมชมสวนผักของตัวเอง ภาระกดดันจึงอยู่ที่ระบบตัวน้อยทั้งหมด เมื่อระบบบอกว่ามีคนมา พวกเขาก็ค่อยหาที่ซ่อน

ระบบตัวน้อยที่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเครื่องมือไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น แต่ยังรู้สึกภาคภูมิใจมาก เพราะคิดว่าโลกคงจะหมุนไม่ได้หากไม่มีนาง

ดูสิ ทั้งโฮสต์และพี่มู่สุดหล่อต้องพึ่งพานาง!

นางเป็นระบบตัวน้อยที่ยอดเยี่ยมมาก!

ด้วยความช่วยเหลือของเด็กน้อย ทั้งคู่ก็มาถึงหลังคาห้องนอนของหูเหวินไหลโดยไม่มีอันตรายใด ๆ

พวกเขาไม่ได้ไปห้องตำราก่อน เพราะคิดว่าจะดูก่อนว่าตาแก่หูเหวินไหลกำลังทำอะไร จากนั้นจึงค่อยเริ่มปฏิบัติการ

เฉียวเยี่ยนได้สัมผัสความรู้สึกของการลอยตัวเหนือชายคาและผนังอีกครั้ง นางถูกมู่ฉินเจินอุ้มและเหินทะยานขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นมู่ฉินเจินก็วางนางลง และค่อย ๆ ถอดกระเบื้องสองแผ่นบนหลังคาออกให้เป็นรู เพื่อให้มองเห็นสถานการณ์ในห้องนอนได้ชัดเจน

เมื่อมองลงไปเพียงแวบแรก สองสามีภรรยาก็รู้สึกอายพร้อมกัน ตาแก่นั่นกำลังมีช่วงเวลาที่ดี ผ้าโปร่งแสงเหนือเตียงกำลังสั่น และมีร่างที่กลับหัวกลับหางกำลังนัวเนียกันอยู่…

มู่ฉินเจินและเฉียวเยี่ยนยกมือขึ้นปิดตากันและกันแทบจะพร้อมกัน จากนั้นทั้งคู่ก็หน้าแดง และลงจากหลังคาด้วยความสิ้นหวัง

เมื่อลงมาถึงพื้น ทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างเก้อเขิน พวกเขารู้อยู่ในใจว่าจะไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ แต่มีเด็กน้อยคนหนึ่งอยากรู้อยากเห็นมาก และอยากจะกลับไปดูด้วยดวงตากลมโตของนาง

เฉียวเยี่ยนมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก และไม่อาจระงับความปรารถนาจะตีเด็กได้ หากนางกลับไปเมืองหลวง นางต้องรีบขยายธุรกิจ หาเงิน และพยายามเอาชนะเจ้าตัวเล็กนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!

คู่รักที่เพิ่งเห็นฉากเร่าร้อนเมื่อครู่รีบตรงไปยังห้องตำรา พวกเขาหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือก่อนที่จะมาแล้ว มู่ฉินเจินจะจัดการยามที่เฝ้าห้องตำรา และให้เฉียวเยี่ยนฉวยโอกาสเข้าไปในห้องเพื่อติดตั้งเครื่องอัดเสียง จากนั้นก็จะแสร้งสร้างสถานการณ์ว่าเป็นขโมย

หากมีอะไรเกิดขึ้นในห้องตำรา หูเหวินไหลจะต้องออกจากห้องนอนเพื่อตรวจสอบแน่นอน และพวกเขาก็จะฉวยโอกาสแอบเข้าไปในห้องนอน

เป็นไปดังที่คาดไว้ มียามเพียงคนเดียวหน้าห้องตำรา เขาเป็นชายร่างกำยำที่มีรอยแผลเป็นยาวบนใบหน้า ตัวใหญ่ดำทะมึนราวหอคอยสีดำ

อาวุธของเขาพิเศษมาก มันไม่ใช่ดาบ หอก มีดหรือง้าวธรรมดา แต่เป็นขวานสองเล่ม ขวานพวกนั้นทั้งใหญ่โตและหนักอึ้ง ดังนั้นชายคนนี้จะต้องเป็นคนมีกำลังแข็งแกร่ง

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินซ่อนตัวเพื่อดูสถานการณ์ จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันแล้วโจมตีอย่างดุเดือด

มู่ฉินเจินชักกระบี่ยาวออกมาจากเอว แล้วโจมตียามเฝ้าประตูที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างสุดแรง

ทันใดนั้นชายผู้ประมาทก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว จิตใจของเขาตื่นตระหนก เมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนในวันนี้จะรับมือได้ยาก เขาจึงโบกขวานคู่ไปทักทายมู่ฉินเจิน

ทั้งสองประมือกันอย่างรวดเร็ว ขวานและกระบี่กระทบกันจนดังกำทอน ชายผู้บ้าบิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก เหวี่ยงขวานกระทบกับกระบี่ของมู่ฉินเจินจนมีประกายไฟแลบออกมา

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องกับหวางเฟยเป็นสายสืบลุยเองเสียแล้ว ภารกิจสำเร็จไหมนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *