ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 159 มีค่าห้าร้อยตำลึง

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 159 มีค่าห้าร้อยตำลึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 159 มีค่าห้าร้อยตำลึง

ตอนที่ 159 มีค่าห้าร้อยตำลึง

เขาคร้านที่จะทะเลาะกับเกาจัวหยวนอีกต่อไป และสั่งให้เก็บ “ของกลาง” ทั้งหมด จากนั้นเฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินก็จูงมือกันกลับไปที่ค่าย

ในเวลานี้เป็นยามอิ๋นแล้ว เหลือเวลานอนอีกไม่นานก็จะถึงรุ่งสาง เด็กทั้งสองนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก

เฉียวเยี่ยนไม่ได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แต่โน้มตัวไปหอมแก้มของเด็ก ๆ แล้วจับแขนขาที่โผล่ออกมาของเด็กน้อยยัดกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำเสร็จ กว่าพวกเขาจะได้ล้มตัวลงนอนก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว เสียงทหารตื่นนอนขึ้นดังมาจากข้างนอก กำลังเตรียมพร้อมที่จะขึ้นไปฝึกบนภูเขา

สองสามีภรรยาหัวขโมยนอนจนเกือบเที่ยง เมื่อเด็กทั้งสองตื่นขึ้นมาเห็นว่าพ่อกับแม่ยังหลับอยู่ ก็เก็บเสื้อผ้าและใส่รองเท้าเงียบ ๆ อย่างว่าง่าย แล้ววิ่งไปขอให้ท่านอาองครักษ์พาไปอาบน้ำ

หลังจากอาบน้ำและกินข้าวเช้าที่ท่านอาองครักษ์นำมาให้เสร็จแล้ว เด็ก ๆ ก็ยังไม่เห็นพ่อแม่ตื่นขึ้นมาเสียที จึงบังเกิดความสงสัยขึ้นมา

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใช้มือน้อยเท้าคาง ขณะถามพี่ชายผู้รอบรู้ของนางด้วยความงุนงง “ท่านพี่ เหตุใดท่านพ่อกับท่านแม่ถึงยังไม่ตื่น?”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็ไม่เข้าใจคำถามอันลึกซึ้งนี้เช่นกัน จึงเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “เดาว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป”

เกาจัวหยวนที่รออยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะลั่น แล้วพูดเสียดสี “จะไม่ให้เหนื่อยได้อย่างไรเล่า? วิ่งไปเป็นขโมยกลางดึก ยกเค้าสมบัติของคนอื่นจนเกือบเกลี้ยงเรือน มีหรือจะไม่เหนื่อย!”

เด็กทั้งสองมองเขาด้วยความสงสัยพร้อมกัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “ท่านอา ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”

เกาจัวหยวนหยุดหัวเราะทันที แล้วพูดอย่างจริงจัง “อาเพิ่งนึกถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาน่ะ พ่อแม่ของท่านไปลงโทษความชั่วส่งเสริมความดี และทำเรื่องสั่นสะเทือนโลกาเมื่อคืนนี้ได้สำเร็จ เด็กดีอย่าไปรบกวนพวกเขาเลย ปล่อยให้พวกเขานอนให้มากขึ้นเถิด”

เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ปรากฏว่าพ่อกับแม่ไปทำภารกิจยิ่งใหญ่มานี่เอง พวกเขาจึงเหน็ดเหนื่อยมาก

ในสายตาของเด็ก ๆ พ่อแม่ของพวกเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเรื่องที่พวกเขาทำจึงต้องยิ่งใหญ่ และจะได้รับการเปิดเผยแน่นอน

เด็กสองคนเกรงว่าหากเล่นกันในกระโจมจะรบกวนการนอนของผู้ใหญ่ จึงย้ายโถเลี้ยงปลาที่เลี้ยงเต่าไว้ออกไปข้างนอก แล้วดูเต่าน้อยส่ายหัวว่ายน้ำเล่นไปมา และให้อาหารเมื่อพวกมันเหนื่อยจากการว่ายน้ำ .

หลังจากเล่นเต่าน้อยจนพอใจแล้ว เหล่าทหารที่ออกไปฝึกก็กลับมา เด็ก ๆ จึงกำมือน้อยไพล่หลังอีกครั้ง แล้วเดินตามท่านอาหวังสยงอันไปเป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชา ดูแลการฝึกของหัวหน้าทหาร

คู่สามีภรรยาที่หลับใหลจนถึงเที่ยงกำลังรับประทานอาหาร เมื่อพวกเขาได้รับข่าวบางอย่างก็ตกตะลึง

เกาจัวหยวนไปที่ถนนเมื่อเช้านี้ แล้วพบว่าเจ้าหน้าที่และทหารกำลังค้นหาคนทั่วทั้งเมือง และติดประกาศจับคนที่มีหน้าตาเหมือนในรูปไว้บนผนัง ซึ่งบนประกาศเขียนไว้ว่าประกาศจับจอมโจรยวนยาง หากใครจับพวกเขาได้จะได้รางวัลนำจับห้าร้อยตำลึง

เขาจึงฉีกประกาศบนผนังออก แล้วนำกลับมาให้เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินดู

ภาพเหมือนนั้นเป็นภาพคู่รักที่กลายเป็นหัวขโมยเมื่อคืนนี้ แต่ทั้งคู่สวมผ้าคลุมปิดหน้า ปิดผม ปิดปากและจมูก มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งโผล่ออกมาให้เห็น แล้วคนจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพวกเขา

เฉียวเยี่ยนมองคนสองคนในรูป แล้วแสดงความคิดเห็น “เหตุใดข้าถึงอ้วนได้ถึงเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะเสื้อผ้าเมื่อคืนตัวใหญ่เกินไป ข้าเลยดูอ้วนขึ้นสินะ”

“อีกอย่าง ข้ามีค่าหัวเพียงแค่ห้าร้อยตำลึงเท่านั้น! ไม่ใช่สิ ค่าหัวห้าร้อยตำลึงสำหรับสองคน ดังนั้นข้าจึงมีค่าหัวแค่สองร้อยห้าสิบตำลึงเท่านั้นหรือ? ข้าจะไปด่าให้เข็ด ที่รัก เขาตั้งค่าหัวพวกเราแค่สองร้อยห้าสิบตำลึงเอง!”

มู่ฉินเจินคีบเนื้อลงในชามของนาง ก่อนหยิบรูปเหมือนจากมือของนาง แล้วเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม “กินดี ๆ ประเดี๋ยวข้าจะช่วยให้เจ้าได้สั่งสอนเขาเอง”

เฉียวเยี่ยนเชื่อฟังมาก นางคีบเนื้อในชามเข้าปาก แล้วหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่รัก!”

เกาจัวหยวนกัดฟันเดินออกจากกระโจมทันที เขาอยากจะฟังเรื่องตลกจากเจ้านายทั้งสองเสียหน่อย แต่กลับตลกไม่ออกและถูกยัดเยียดอาหารสุนัขแทน!

…… 

วันที่สิบสามเดือนห้า งานเลี้ยงวันเกิดของมารดาหูเหวินไหลเริ่มขึ้นแล้ว เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกันด้วยการขโมยมาจากคนอื่น พวกเขาจึงพาลูก ๆ ไปงานเลี้ยงด้วย โดยไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด

งานเลี้ยงวันนี้คึกคักมาก เต็มไปด้วยแขกเหรื่อและมิตรสหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จากจวนข้าหลวงล้วนมากันทุกคน

มีการกินดื่มและรับชมการแสดงเหมือนงานเลี้ยงทั่วไป จากนั้นก็ส่งคำอวยพรให้เจ้าของวันเกิดผู้ชรา

ข้าหลวงจากทั่วมณฑลต่างได้ยินเรื่องขโมยบุกจวนเจ้าเมือง จึงพากันแสดงความเสียใจต่อหูเหวินไหล ขณะที่หูเหวินไหลโกรธแค้นยิ่งนัก และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้แขกฟังอย่างละเอียด ก่อนที่แขกทุกคนจะถอนหายใจหลังจากฟังจบ

เจ้าหน้าที่บางคนแสร้งทำเป็นเห็นด้วยกับคำพูดของหูเหวินไหลและผสมโรงด่าทอจอมโจรยวนยางในตำนานอย่างรุนแรง ขณะที่บางคนที่ครอบครัวมีฐานะก็คิดว่าหลังจากกลับไปแล้วต้องเพิ่มจำนวนคนเฝ้าโถงเก็บทรัพย์สินให้เร็วที่สุด

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินฟังการสนทนาของทุกคน โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ละคนอุ้มลูกและป้อมอาหารให้พวกเขา

เมื่อได้ยินใครด่าทอว่าร้าย ทั้งสองก็สบตากันอย่างรวดเร็วและเก็บความแค้นไว้ในใจเงียบ ๆ เฝ้ารอคิดบัญชีหลังจากนั้น!

หลังมื้ออาหาร กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหูเหวินไหลก็ถูกเปิดเผย เขาเชิญเหล่าข้าหลวงจากทั่วเมืองไปชมสมบัติล้ำค่าในห้องตำราของเขา จนเฉียวเยี่ยนนึกเย้ยหยัน ห้องตำราของเขาว่างเปล่าไปแล้วเพราะฝีมือนาง จะมีสมบัติอยู่อีกได้อย่างไร

คาดว่าสมบัติเหล่านั้นคงเป็นของปลอม และคงฉวยโอกาสนี้วางแผนที่เป็นจริง

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินพาลูก ๆ จากไป หากพวกเขาไม่รีบไปตอนนี้ก็อาจจะความแตกได้ ถึงอย่างไรพวกเขายังมีสายลับอยู่ในจวนเจ้าเมืองที่สามารถรายงานสถานการณ์ที่นี่ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

แน่นอนว่าทันทีที่ครอบครัวอ๋องซู่จากไป หูเหวินไหลและเจ้าหน้าที่ทุกคนก็โล่งอก และเลิกแสร้งทำเป็นไม่คุ้นเคยกัน

เมื่อพวกเขามาถึงห้องตำรา เจ้าหน้าที่จากทั่วเมืองก็ตระหนักได้ว่าข่าวลือที่หัวขโมยยกเค้าทรัพย์สินไปเกือบหมดนั้นเป็นความจริง เพราะชั้นวางสมบัติของท่านเจ้าเมืองล้วนว่างเปล่า!

ทันทีที่หูเหวินไหลเข้ามาในห้องตำรา ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ก่อนไปนั่งบนเก้าอี้ประธานที่โต๊ะ แล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าพวกท่านถูกเรียกมาที่นี่ในวันนี้เพราะอะไร”

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ อ๋องซู่ได้ทำการสอบสวนอย่างใกล้ชิด การติดต่อทั้งหมดจึงถูกระงับชั่วคราว เพื่อไม่ให้ถูกจับได้”

เหตุที่เขาพยายามจัดงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้มากก็เป็นเพราะอิทธิพลของอ๋องซู่กำลังแผ่ขยายไปทั่ว จึงกลัวว่าจะถูกชิงข้อมูลหากใช้การเขียนจดหมาย เขาจึงต้องหาเหตุผลมาอ้างเพื่อจัดประชุม ด้วยการจัดงานเลี้ยงวันเกิดบังหน้า เป็นเช่นนี้จึงจะเรียกกองกำลังจากทั่วเมืองมาหารือเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผล

เขาทำหน้าที่เป็นเจ้าเมืองเยวี่ยโจวมากว่ายี่สิบปี และผู้ปกครองมณฑลต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของเยวี่ยโจวก็ได้รับการฝึกฝนจากเขาอย่างดี

ผู้ที่เชื่อฟังเขาจะเจริญรุ่งเรือง ผู้ที่ต่อต้านเขาจะพินาศ เขาไม่รังเกียจที่จะให้ส่วนแบ่งแก่คนที่ติดตามเขา และใช้อิทธิพลของเขาคุ้มครอง ในขณะที่คนที่ไม่เชื่อฟังจะถูกเขาปิดปากด้วยวิธีการต่าง ๆ

แต่ครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าหยางซิ่งจะล้มเหลว เด็กคนนี้ต่อหน้าแสร้งทำเป็นเชื่อฟังเขา แต่ลับหลังแอบใช้กลอุบายนำเรื่องนี้เข้าสู่ราชสำนัก ทำให้เขาต้องเจอเรื่องเดือดร้อนจากการเผชิญกับอ๋องซู่

ส่วนคนไร้สมองอย่างจ้าวซุ่นเฉียนรู้ความลับของเขามากเกินไป อ๋องซู่ผู้เฉียบแหลมจับกุมเขาก่อนที่จะรู้สถานการณ์อย่างแน่ชัด ซึ่งนับว่าเป็นการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว

เขารู้ว่าจ้าวซุ่นเฉียนเป็นคนโลภโมโทสันและกลัวความตาย หากเขาถูกอ๋องซู่ข่มขู่ ก็คงจะยอมเปิดเผยทุกเรื่องแน่นอน ดังนั้นเขาจึงยอมเสี่ยงฆ่าปิดปากจ้าวซุ่นเฉียนเสียก่อน

เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินกลับไปที่ค่ายทหารและรอข้อมูลจากสายลับ เมื่อถึงตอนค่ำ ในที่สุดก็มีข่าว

หลังจากที่หูเหวินไหลเชิญเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเข้าไปในห้องตำรา พวกเขาก็คุยกันนานกว่าสองชั่วยาม ครั้งนี้การป้องกันห้องตำรามีความรัดกุมมากขึ้นด้วย เขาใช้เงินจ้างองครักษ์มาคอยเฝ้าอยู่ทุกมุมในห้องตำรา และให้คนรับใช้มากกว่าสิบคนคอยเฝ้าอยู่นอกห้องตำราด้วย

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คู่รักคู่นี้จะไปยกเค้าจวนเจ้าเมืองอีกไหมคะ ค่าหัวน้อยขนาดนี้ไม่สมกับฐานะจอมโจรยวนยางเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *