ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 16 ฮ่องเต้เสด็จเยือนด้วยตัวเอง (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 16 ฮ่องเต้เสด็จเยือนด้วยตัวเอง (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 16 ฮ่องเต้เสด็จเยือนด้วยตัวเอง (รีไรท์)

ตอนที่ 16 ฮ่องเต้เสด็จเยือนด้วยตัวเอง (รีไรท์)

ครั้นเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ผู้ชื่นชอบการอ่านหนังสือได้ยินว่ามีหนังสือเช่นนั้นก็เบิกตากว้างทันทีและพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ส่วนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตัวเล็กน่ารักชอบดูรำปืนรำดาบก็เรียกร้องจะอยู่กับท่านพ่อด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก

เมื่อเห็นลูกตัวน้อยทั้งสองหักหลังตัวเองอย่างไร้แรงต่อต้าน เฉียวเยี่ยนก็กำหมัดแล้วกำหมัดอีก สุดท้ายก็ถลึงตาใส่มู่ฉินเจิน พลางกัดฟันกล่าวเสียงเบา “ผู้ชายสารเลว บังอาจนักนะ!”

……

ณ ห้องทรงอักษรในพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังก้มพระพักตร์จดจ่ออยู่กับพระราชสาส์น ก่อนจะเห็นหวังกงกงรีบเร่งเข้ามาในตำหนัก

“ฝ่าบาท ฝ่าบาท ข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ ข่าวดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ปรายพระเนตรมองเล็กน้อย พู่กันในพระหัตถ์ยังขยับไม่หยุด “มีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้ามีความสุขจนกลายเป็นเช่นนี้รึ?”

หวังกงกงยิ้มจนมีรอยย่นเต็มหน้า ในน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น “กระหม่อมหาได้มีความสุขเพราะตัวเองไม่ แต่มีความสุขแทนฝ่าบาท เมื่อครู่เพิ่งได้รับข่าว ท่านอ๋องซู่รับซู่หวางเฟยกลับเมืองหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“หืม? แล้วมันแปลกอย่างไรกัน?”

ฮ่องเต้ไม่ได้สนพระทัยมากนัก

“ซู่หวางเฟยนั้นไม่แปลก ทว่าท่านอ๋องซู่ยังรับเด็กสองคนกลับมาด้วย ซึ่งให้กำเนิดโดยซู่หวางเฟย เป็นแฝดชายหญิง หน้าตาน่ารัก ยามนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ากันว่า เด็กชายตัวน้อยคนนั้นมีหน้าตาเหมือนท่านอ๋องซู่ราวกับออกจากพิมพ์เดียวกัน มิต้องสงสัยเลยว่าใช่ลูกจริง ๆ หรือไม่”

ยามนี้ฮ่องเต้ไม่สงบอีกต่อไป พระหัตถ์ที่ถือพู่กันสีชาดสั่นไหว ทำให้เกิดรอยลากยาวบนแผ่นพระราชสาส์นทันที

“อะไรนะ!”

เขามีหลานชายและหลานสาวแล้ว!

ฮ่องเต้ลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตกใจ พลางเดินไปมารอบห้อง และเงยหน้าขึ้นสรวลเสียงดัง

“หวังเต๋ออัน รีบเชิญอ๋องซู่เข้าวังเร็วเข้า!”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

หวังกงกงสะบัดแส้ โค้งตัวรับคำสั่ง พลางขยับร่างกายอ้วนท้วมของเขาออกมาจากห้องทรงอักษร

ทว่าพอถึงหน้าประตู ก็ถูกฮ่องเต้รั้งไว้อีกครั้ง “ช่างเถิด เราจะออกไปเอง”

สิ้นเสียงนั้น เจ้าตัวก็รีบย่างสามขุมไปยังตำหนักคุนหนิงที่ฮองเฮาพำนักอยู่

ฮองเฮารู้ข่าวว่าพระโอรสมีลูกสองคนแล้วก็ดีใจจนน้ำตาไหล และเอาแต่ตะโกนว่าเฉียวเยี่ยนเก่งนัก

ความคิดของพระนางเหมือนกับของฮ่องเต้ นั่นคือเตรียมออกนอกวังไปพบพระนัดดาน่ารักด้วยตัวเอง

ณ ตำหนักอ๋องซู่

เฉียวเยี่ยนจัดเรียงข้าวของของตัวเองอยู่ในห้อง แม้ตกลงจะพักอยู่ชายคาเดียวกันกับมู่ฉินเจิน แต่ให้อยู่ในห้องเดียวกันตามที่ลุงฉูจัดนั้นมันเป็นไปไม่ได้

มู่ฉินเจินพักอยู่ในห้องปีกตะวันออก ส่วนนางพาเด็ก ๆ ไปพักอยู่ห้องปีกตะวันตก

เด็กทั้งสองถูกเหล่าองครักษ์พาออกไปเปิดหูเปิดตาในโลกใหม่แล้ว นางจึงจัดระเบียบอยู่ในห้องเพียงลำพัง

ลุงฉูเตรียมสาวใช้สองคนให้นาง แต่นางไม่ชินกับการให้คนอื่นคอยปรนนิบัติ และไม่ชอบให้คนนอกอยู่ในห้องนอนของตัวเอง จึงไล่พวกนางออกไปอยู่นอกห้อง และค่อย ๆ จัดระเบียบในห้องด้วยตัวคนเดียว

ระบบตัวน้อยสงสัยสภาพแวดล้อมใหม่นี้มาก จึงปลดปล่อยพลังตัวเองเพื่อสแกนจวนอ๋องนี้ และพลันพบกับบางอย่างที่โฮสต์ตัวเองอาจจะชื่นชอบ

[ท่านโฮสต์ ระบบค้นพบว่าทางทิศตะวันตกสุดของบ้านหลังนี้มีลานบ้านร้างอยู่หลังหนึ่ง]

“ลานบ้านร้าง?”

เฉียวเยี่ยนประหลาดใจไปครู่หนึ่ง และค้นหาความทรงจำในหัว ก่อนจะนึกได้ว่ามีสถานที่ดังกล่าวจริง ๆ

เดิมทีตำหนักอ๋องซู่เป็นที่พำนักของท่านอ๋องยุคก่อน ท่านอ๋องผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ขยายที่พำนักอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ตำหนักอ๋องซู่ในยามนี้กลายเป็นตำหนักที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในบรรดาตำหนักอ๋องทั้งหลาย

แต่เล่ากันว่าเมื่อจักรพรรดิไท่จู่ยึดครองราชวงศ์ก่อนมาได้ ท่านอ๋องน่าจะขี้กลัวมากจึงแขวนคอตายอยู่ในตำหนัก และลานรกร้างทางทิศตะวันตกนั้นก็เป็นสถานที่ที่เขาแขวนคอตาย

ก่อนที่อ๋องซู่จะย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักหลังนี้ ก็มีท่านอ๋องหลายองค์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เหล่าคนรับใช้ต่างเล่าลือว่ามีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นที่ลานบ้านทางด้านทิศตะวันตกบ่อยครั้ง และอาจจะเกิดจากวิญญาณชั่วร้ายของท่านอ๋องแห่งราชวงศ์ก่อนหน้านี้ พอนานวันเข้า ลานบ้านแห่งนั้นก็รกร้าง

เฉียวเยี่ยนเริ่มสนใจ นางไม่กลัวผีสางเทวดา เพราะบางครั้งคนก็น่ากลัวกว่าผีเสียอีก

นางต้องหาเวลาไปดูลานบ้านหลังนั้นแล้ว และใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุด

ในระหว่างนึกถึงแผนการปลูกผักของตัวเอง นางก็ได้ยินเสียงลุงฉูรายงานอยู่นอกประตู

“หวางเฟยเหนียงเหนียง ฮ่องเต้กับฮองเฮาเสด็จมาเยือนที่จวนด้วยพระองค์เอง ยามนี้เรียกให้ท่านไปสนทนาที่ห้องโถงด้านหน้า”

ฮ่องเต้กับฮองเฮา?

เฉียวเยี่ยนเวียนหัวไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าตัวเองไม่มีหน้าให้ฮ่องเต้มาเยือนด้วยตัวเองแน่นอน พวกเขาต้องมาเพราะลูกน้อยทั้งสองเป็นแน่

“รู้แล้ว”

หลังจากตอบกลับลุงฉู นางก็ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง ก่อนจะไปที่ห้องโถงด้านหน้าโดยการนำทางของสาวใช้

ในห้องโถงด้านหน้า ฮ่องเต้นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง ทอดพระเนตรไปข้างหน้าด้วยพระพักตร์น่าเกรงขาม ทว่าความเป็นจริงกลับรู้สึกว้าวุ่นพระทัย อยากเห็นพระนัดดาน่ารักของพวกเขามากกว่า

ลุงฉูได้วิ่งวุ่นหาเจ้านายตัวน้อยทั้งสองไปทั่วตำหนักแล้ว ทว่าตอนนี้ยังไม่กลับมา

เมื่อเฉียวเยี่ยนมาถึงโถงด้านหน้า ก็เห็นมู่ฉินเจินยืนอยู่กลางห้องโถง จับจ้องมองนางมาแต่ไกล และสายตาของฮองเฮาก็จับจ้องมาที่นางเช่นกัน

นางหวนนึกถึงกฎเกณฑ์มารยาทของเจ้าของร่างเดิม และทำความเคารพฮองเฮาตามร่างเดิมอย่างสง่าผ่าเผย

ฮองเฮาเพ่งมองเฉียวเยี่ยนอย่างละเอียด ทั้งประหลาดใจและพึงพอใจ

ท่าทางสง่างามเป็นธรรมชาติ ไม่เก้งก้างกระโดกกระเดก เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเปลี่ยนไปมากนัก

พระนางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เรียกเฉียวเยี่ยนมาข้างหน้า ดึงมือนางมาจับไว้ และเอ่ยอย่างสนิทสนม “เจ้าลำบากมาหลายปี ในเมื่อกลับมาแล้วก็ใช้ชีวิตกับเจินเอ๋อร์ให้ดี ๆ หากเขารังแกเจ้า เข้าวังมาบอกข้าได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนเขาเอง”

เฉียวเยี่ยนค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อยกับความกระตือรือร้นของฮองเฮา แต่นางรู้ว่าฮองเฮาจริงใจต่อนาง จึงเผยรอยยิ้มออกมา และตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่”

ฮองเฮาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับเฉียวเยี่ยน ทว่าสายตากลับมองออกไปด้านนอกโดยไม่รู้ตัว เฉียวเยี่ยนรู้สึกขบขันอยู่ในใจ ดูเหมือนว่านางที่เป็นหญิงงามที่สุดในเมืองหลวงจะไม่เป็นที่นิยมเท่าลูกน้อยของตัวเอง

หลังจากคอยมาครึ่งถ้วยชา ในที่สุดลุงฉูก็พาเจ้านายตัวน้อยทั้งสองกลับมาอย่างเหนื่อยหอบ

ลูกทั้งสองนั้นบ้าคลั่งอยู่แล้ว วิ่งไปดูตรงนั้นที ตรงนู้นทีรอบตำหนัก ทำให้องครักษ์สองสามคนที่ไล่ตามหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ

ความจริงแล้ว เรื่องเลี้ยงดูเด็กหาใช่เรื่องง่ายเลย

ครั้นเห็นเด็กน้อยหน้าแดงเรื่อจากการเล่นสนุก ฮองเฮาก็ลุกขึ้นจากที่ประทับทันที พลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ในพระเนตรแวววาวไปด้วยหยาดน้ำ

เหมือนมาก! เหมือนเกินไปแล้ว!

หลานชายของนางเหมือนลูกชายนางตอนเด็กเปี๊ยบ! หลานสาวนางก็น่ารักยิ่งนัก!

นังแก่พระสนมเสียนเฟยนั้นโอ้อวดหลานชายหลานสาวกับนางทุกวัน ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเทียบไม่ได้กับหลานชายและหลานสาวของนางแม้แต่น้อย!

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังเสี่ยวฉวนเอ๋อร์แล้วพยักหน้าด้วยความพอพระทัย นี่คือเชื้อสายของพระโอรสเขาไม่ผิดแน่!

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอียงศีรษะมองท่านป้าคนงามที่กำลังร้องไห้และหัวเราะให้นาง ไยถึงรู้สึกว่าสายตาของท่านป้าคนงามกำลังมองเนื้ออยู่ล่ะ?

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่เพิ่งวิ่งเล่นไปทั่วกับน้องสาวเมื่อครู่หัวเราะคิกคักออกมาอย่างมีความสุข ทว่ายามนี้อยู่ต่อหน้าผู้คน เขาก็ตีหน้าขรึมจ้องมองฮ่องเต้ที่อยู่เหนือหัวอย่างจริงจัง

มู่ฉินเจินก้มตัวไปจับมือเล็กของเด็กทั้งสอง และแนะนำให้พวกเขา “ลูกรัก นี่คือเสด็จปู่กับเสด็จย่าของพวกเจ้า”

ฮองเฮาอ้าพระพาหาออกรับเด็กทั้งสอง “เด็กดี มาให้ย่ากอดหน่อยได้หรือไม่?”

ที่แท้ก็เป็นเสด็จย่านี่เอง เด็กน้อยทั้งสองเข้าใจแล้ว และยามนี้ได้ยินว่าเสด็จย่าอยากกอดพวกเขา เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างลังเล ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนฮองเฮาอย่างไม่มีการสำรวม

“เสด็จย่าคนงาม ข้าชื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ปีนี้อายุสามขวบแล้วเจ้าค่ะ”

ตั้งแต่ตามท่านพ่อกลับมา คนตัวเล็กถูกถามคำถามเดิมหลายครั้งแล้ว และตอนนี้นางเรียนรู้ที่จะแย่งตอบก่อนแล้ว

ฟังดูสิ! หลานรักของตนปากหวานยิ่งนัก!

ฮองเฮาที่ถูกเรียกว่าเสด็จย่าคนงามแย้มพระโอษฐ์ออกมาจนเกิดรอยย่น และหอมแก้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตัวน้อยไปหลายฟอด

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ผีเฮี้ยนที่ไหนก็ทำอะไรหวางเฟยผู้นี้ไม่ได้ เผลอ ๆ โดนใช้เป็นแรงงานปลูกผักด้วย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *