ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 162 เจอห้องลับ
ตอนที่ 162 เจอห้องลับ
ตอนที่ 162 เจอห้องลับ
เฉียวเยี่ยนอุ้มเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตามทหารรักษาพระองค์เข้าไปในห้องหนังสือ ในขณะที่มู่ฉินเจินรับมือกับหูเหวินไหลอยู่ด้านนอก
เมื่อหูเหวินไหลเห็นซู่หวางเฟยตามเข้าไป หลังของเขาพลันเกร็งทื่อ และจะก้าวเท้าตามเข้าไปด้วย แต่มู่ฉินเจินกลับเอ่ยรั้งเขาไว้
“ไม่ทราบว่าของที่ใต้เท้าหูถูกขโมยไปคือสิ่งใดหรือ?”
ตอนนี้ทั้งหัวใจของหูเหวินไหลไปอยู่ที่ห้องหนังสือหมดแล้ว จึงเอ่ยชื่อของสมบัติแต่ละอย่างที่หายไปของตัวเองโดยไม่คิดอะไรมาก
มู่ฉินเจินฟังจบก็หัวเราะเยาะ และเอ่ยจี้ใจดำ “จวนใต้เท้าหูช่างมั่งคั่งเสียจริงๆ !”
หูเหวินไหลได้ยินเช่นนี้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองประมาทเสียแล้ว เขาเป็นผู้ว่าการมณฑลคนหนึ่ง เงินเดือนปีหนึ่งได้เพียงไม่กี่ร้อยตำลึง จะมีทรัพย์สินมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร!
เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากเขา ในหัวก็คิดคำแก้ต่างซ้ำไปซ้ำมา พลันนึกขึ้นได้ว่าเรื่องของคืนนี้อาจเป็นแผนของท่านอ๋องซู่ และเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในกระดานนั้นแล้ว!
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวลงทันใด หัวใจเต้นถี่เร็ว และรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ได้แต่ภาวนาอย่าให้ความลับของห้องหนังสือถูกค้นพบ ไม่เช่นนั้นเขาจบเห่แน่!
หลังจากเข้าไปในห้องหนังสือ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็อยากลงจากอ้อมแขนมารดา แม้เขาจะยังเล็ก แต่กลับรู้ว่าคืนนี้ท่านแม่กับท่านพ่อไม่ได้จับหัวขโมยเป็นแน่ แต่กำลังมองหาอะไรบางอย่าง หากยังอุ้มเขาอยู่ คงจัดการอะไรได้ไม่สะดวกนัก
หลังจากเฉียวเยี่ยนวางเขาลงบนพื้นก็จับมือเขาไว้ข้างหนึ่งโดยไม่กล้าปล่อย เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เดินตามแม่ไปทีละก้าว ดวงตากลมโตเป็นประกาย ตามพวกเขาไปหาด้วยกัน
แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่ากำลังหาอะไรกันแน่ แต่เขาสามารถมองหาบางสิ่งที่แปลกและไม่ธรรมดาได้ เรียกง่ายๆ ว่าจับผิดสิ่งที่ผิดปกติ
เด็กน้อยตัวไม่สูงนัก สายตาจึงแตกต่างจากของผู้ใหญ่มาก ขณะพวกผู้ใหญ่กำลังค้นหาในชั้นหนังสือและในตู้ เขาก็มองหาในที่ต่ำ
ในห้องหนังสือนี้ปูพื้นด้วยกระดานไม้ กระดานแต่ละแผ่นทำจากไม้หนานมู่ค่อนข้างมีราคา พลันเสี่ยวฉวนเอ๋อร์พบว่าแผ่นกระดานข้างตู้คล้ายกับจะสูงกว่ากระดานแผ่นอื่นเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงลากมารดาไปยังบริเวณนั้น
เฉียวเยี่ยนไม่รู้ว่าเด็กน้อยกำลังจะทำอะไร ทว่ายังตามเขาไป เมื่อมาถึงที่ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็ยกเท้าขึ้น และใช้ปลายเท้าแตะตำแหน่งที่สูงขึ้นมานั้นเบาๆ
เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นการกระทำของเขา นางรีบปกป้องเด็กน้อยไว้ข้างหลังทันที ด้วยกังวลว่าในนั้นอาจมีกลไกกับดักธนูซ่อนอยู่ แต่หลังจากรอไม่กี่วินาทีแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ คราวนี้นางจึงเคาะไปที่แผ่นไม้กระดานนั้นทันที
เกิดเสียงกลวงดังจากข้างใน!
ดวงตาของนางเป็นประกาย นางกดแรง ๆ จนกระดานไม้จมลงเล็กน้อย ทำให้เกิดเสียง “คลิก”
หลังจากนั้น ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนจิตรกรรมฝาผนังบานหนึ่งในห้อง มันถูกสร้างกลืนไปกับผนังอิฐในห้องและมีน้ำหนักมาก ขณะนี้กำลังเปิดออกช้าๆ และเสียดสีกับพื้นจนเกิดเสียงครืดคราด ซึ่งก็คือเสียงที่เฉียวเยี่ยนได้ยินในเครื่องบันทึกเสียง
หาเจอแล้ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนในห้องก็ดีใจเป็นอย่างมาก ถือมีดไว้ในมือ และเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
เฉียวเยี่ยนมีความสุขมาก นางอุ้มเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ขึ้นมาและหอมแก้มเล็กของเขาดังฟอด ทำให้คนตัวเล็กอับอาย
“ลูกข้าสุดยอดจริงๆ! หากกลับไปแล้ว แม่จะให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ แก่เจ้า เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการเลย”
ใบหน้าเคร่งขรึมของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์แดงเรื่อ ท่าทางเย็นชาและขี้อายของเขาทำให้เฉียวเยี่ยนรักและเอ็นดูแทบตาย!
หลังจากดีใจเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ตะโกนบอกท่านอ๋องที่อยู่ด้านนอกประตู “ที่รัก ปิดล้อมได้เลย!”
เมื่อมู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ทันทีที่ยกมือขึ้น ทหารรักษาพระองค์ที่ตามมาก็ชักดาบออกมาจ่อที่คอของหูเหวินไหลทันที
หูเหวินไหลขาอ่อนจนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ด้วยรู้ว่าตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว แต่ก็ยังคงถามอย่างไม่ยอมแพ้ “เรื่องในคืนนี้พระองค์จัดฉากขึ้นมาใช่หรือไม่?”
มู่ฉินเจินเงยหน้าขึ้นยิ้ม ไม่สนใจเขา แล้วอุ้มบุตรสาวเข้าไปในห้องหนังสือตามทหารรักษาพระองค์เข้าไปในห้องลับ
หลังจากประตูห้องลับถูกเปิดออกก็มีบันไดเรียงเป็นขั้นๆ ลงสู่เบื้องล่าง ในนั้นมืดสนิท เมื่อพวกทหารรักษาพระองค์จุดคบไฟถึงจะเห็นสถานการณ์โดยรอบชัดเจน
หลังจากเดินเลียบมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็มีเส้นทางหนึ่งวกไปวนมา เมื่อเดินตามทางเข้าไป ก็พบเส้นทางย่อยไปอีกหลายสาย มู่ฉินเจินจึงแบ่งทหารรักษาพระองค์ออกเป็นกลุ่มเล็ก และให้เข้าไปค้นหาตามเส้นทางแยกย่อยพวกนั้น
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินอุ้มลูกเดินไปตามถนนสายหลัก ด้านหลังมีองครักษ์สองสามคนตามมา ส่วนที่เหลือถูกส่งไปยังเส้นทางต่างๆ
พวกเขาพบว่าโครงสร้างห้องลับใต้ดินนี้ใหญ่โตกว้างขวางมาก เส้นทางก็สลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต
ลูกทั้งสองเจอกับสถานที่เช่นนี้เป็นครั้งแรกก็รู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัว ศีรษะน้อยพิงซบกับอกของบิดามารดา มือน้อยก็กำเสื้อผ้าไว้แน่น
หลังจากเดินไปราวๆ ครึ่งเค่อ ในที่สุดก็มาถึงสุดทาง ตรงสุดทางคือห้องๆ หนึ่ง ซึ่งมีกุญแจขนาดใหญ่ลงกลอนเอาไว้
องครักษ์คนหนึ่งก้าวไปทำลายแม่กุญแจข้างหน้า แต่ก็ทำลายมันไม่ได้แม้จะใช้กำลังอย่างเต็มที่
“ขอข้าลองหน่อย”
เฉียวเยี่ยนเรียกเขาไว้ และส่งลูกไปไว้ในอ้อมแขนมู่ฉินเจิน นางเป็นคนที่มีแรงมากที่สุดในบรรดาคนที่อยู่ตรงนี้ แม้แต่มู่ฉินเจินเองก็ไม่มีแรงมากเหมือนนาง
นางเดินไปที่ประตู ถือแม่กุญแจขนาดใหญ่ด้วยมือทั้งสองข้าง และดึงมันอย่างรุนแรง แม่กุญแจก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในที่สุด เสียงแตกร้าวก็ดังขึ้น กุญแจขาดเป็นสองส่วน มู่ฉินเจินกับเด็กๆ ยังคงสงบอยู่ ทว่าองครักษณ์ทั้งสองกลับตระหนกจนแข็งทื่อ
พวกเขารู้ว่าหวางเฟยมีกำลังมาก แต่กลับไม่รู้ว่านางจะมีกำลังมากขนาดนี้ เมื่อได้เห็นในวันนี้ ในใจก็ทอดถอนใจอย่างไม่สิ้นสุด
มิน่าเล่าท่านอ๋องถึงได้เชื่อฟังหวางเฟยเช่นนี้ ที่แท้ไม่เชื่อฟังไม่ได้นี่เอง ด้วยวรยุทธ์ระดับนี้ แค่สองกระบวนท่าก็สามารถบี้หัวคนให้แหลกได้
หลังจากสลัดความคิดยุ่งเหยิงในหัวออกไปแล้ว องครักษ์ทั้งสองก็ก้าวไปเปิดประตูข้างหน้า เมื่อประตูเปิดออก ทุกคนต่างตกตะลึง แม้แต่มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนต่างก็ทั้งตกใจและประหลาดใจ
ในห้องนี้มันคือคลังสมบัติจริงๆ ด้วย!
หีบทองคำแต่ละหีบส่องแสงสีทองอร่าม นอกจากทองคำพวกนี้ก็ยังมีอัญมณีและหินหยกอีกหลายชิ้นอยู่อีกเป็นหลายหีบ
ลูกทั้งสองอ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ เฉียวเยี่ยนเองก็ ‘เห็นเงินแล้วตาโต’ส่วนระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกยิ่งมีดวงตาเป็นประกายสีทองเจิดจ้า หากเอาเข้ากระเป๋าโฮสต์ได้แล้ว คะแนนของนางต้องเพิ่มพุ่งพรวดขึ้นแน่!
เฉียวเยี่ยนเช็ดน้ำลายทิพย์ตรงมุมปาก ต้องบอกว่า ทองคำ เงินและอัญมณีมากมายขนาดนี้ช่างทำให้คนรู้สึกหวั่นไหวจริงๆ แต่กระนั้นนางก็ยังเอ่ยทำลายฝันกลางวันของระบบตัวน้อย
“ตื่นได้แล้ว หยุดเพ้อฝันเลย ทั้งหมดนี้ต้องส่งเข้าคลังหลวง เอาเข้ากระเป๋าข้าไม่ได้”
ระบบตัวน้อยรู้สึกเหี่ยวเฉา มีเงินมากมายกองอยู่ตรงหน้า ทว่ากลับได้แต่หวัง มิอาจแตะต้องได้ บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องที่น่าเศร้ากว่านี้อีกไหม?
มิน่าเล่าคนจำนวนมากถึงยอมเสี่ยงถูกตัดคอเพราะทุจริต ทรัพย์ศฤงคารมากมายเพียงนี้ ต่อให้กองไว้ต่อหน้าพระสงฆ์ผู้ตัดจากกิเลสก็ต้องมีใจสั่นบ้างแหละ
หลังจากปล่อยลูกทั้งสองลง เด็กทั้งสองก็จูงมือกันไปลูบทองคำแท่ง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์คว้าทองคำแท่งอันหนึ่งมากอดไว้ในอ้อมแขนพลางยิ้มไม่หุบ แม้ว่าทองพวกนี้จะไม่ใช่ของนาง แต่กอดให้มีความสุขเสียหน่อยก็พอแล้ว
มู่ฉินเจินหยิบทองแท่งหนึ่งขึ้นมามองอย่างพิจารณา พบว่าบนนั้นมีตราแผ่นดินสลักอยู่ สิ่งเหล่านี้คืองบประมาณกองทัพกับเงินบรรเทาภัยพิบัติที่ท้องพระคลังมอบให้เมืองเยวี่ยโจว!
พวกเขายังไม่ทันได้ตรวจคลังเก็บของเสร็จ ก็มีทหารรักษาพระองค์มารายงานว่าเส้นทางอื่นก็ค้นพบคลังสมบัติเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคุกใต้ดิน ซึ่งมีคนถูกขังอยู่ในนั้นจำนวนไม่น้อย
มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็ตามไปยังคุกใต้ดิน ด้วยกลัวว่าสถานการณ์นั้นจะนองเลือดเกินไป พวกเขาจึงไม่พาลูกสองคนเข้าไปด้วย และให้พวกองครักษ์อยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนกับพวกเขา
ทันทีที่เข้าไปในคุกใต้ดินก็ได้กลิ่นสาบและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง คนที่ถูกขังอยู่ในห้องขังล้วนผอมแห้งดุจท่อนฟืน ถูกทรมานเหมือนไม่ใช่คน แถมบนไม้กางเขนในห้องทรมานยังมีชายเนื้อตัวเปื้อนเลือดผู้หนึ่งห้อยอยู่
มู่ฉินเจินก้าวไปข้างหน้าตรวจสอบลมหายใจ พบว่าเขายังคงหายใจรวยริน จึงสั่งให้คนนำอีกฝ่ายลงจากบนไม้กางเขนและวางลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง
ชายผู้นั้นผอมแห้งดุจไม้ฟืน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรก บนร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเล็กใหญ่ เล็บทั้งสิบถูกดึงออก นิ้วโป้งก็บิดเบี้ยวผิดรูป ส่วนบนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เห็นได้ชัดว่าถูกบีบจนหัก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอ้โห โกงเงินหลวงขนาดนี้ แล้วยังทรมานคนเห็นต่างอย่างโหดร้ายแบบนี้ โทษประหารเจ็ดชั่วโคตรอย่างเดียวแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)
Comments