ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 166 สนุกสนานที่ชายทะเล
ตอนที่ 166 สนุกสนานที่ชายทะเล
ตอนที่ 166 สนุกสนานที่ชายทะเล
เด็กน้อยทั้งสองง่วนอยู่กับการเก็บเปลือกหอยน้อย เมื่อมือน้อยกอบกุมเอาไว้ไม่หมด ก็นำไปยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
เจ้าปลาอ้วนเก็บจนลืมตัว หมอบลงไปกับพื้น และใช้มือน้อยควานหาเปลือกหอยที่ซ่อนอยู่ในทราย ผลก็คือยามคลื่นซัดเข้ามาหานาง ก้นเของนางก็เปียกโชกไปด้วยน้ำ
เด็กน้อยรู้สึกเพียงว่าก้นเย็นแล้วก็เปียกตามมา นางกรีดร้องอย่างตกใจ และเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนมือน้อยก็ยังคงกำเปลือกหอยเล็กๆ นั้นเอาไว้แน่น
แต่ต่อมานางก็ไม่สนใจความเปียกชื้นบนก้นน้อยของนาง ทั้งยังรู้สึกว่ามันทั้งแปลกใหม่และน่าสนใจ
แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว ทว่าเสื้อผ้าที่เปียกน้ำทะเลก็ไม่ทำให้รู้สึกหนาว กลับทำให้รู้สึกเย็นสบายไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ เด็กน้อยจึงปล่อยตัวเต็มที่ นั่งลงบนพื้นเก็บเปลือกหอยเล็กๆ ต่อ รอให้คลื่นน้ำซัดมาให้นางเปียก
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินยืนมองทั้งคู่อยู่ไม่ไกล และไม่เอ่ยห้ามใดๆ อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เสื้อผ้าเปียกก็คงไม่ทำให้ป่วย อีกทั้งพวกเขายังนำเสื้อผ้ามาให้พวกเด็กๆ เปลี่ยนด้วย
สองสามีภรรยาเดินเล่นอยู่บนชายหาด จูงมือกัน รับลมทะเล เหยียบชายหาด ทั้งโรแมนติกและมีความสุข
หลังพวกองครักษ์ได้ย้ายของจากรถม้ามาทั้งหมดแล้ว เฉียวเยี่ยนก็เดินเข้าไปจัดการ
นางเตรียมพรมผืนใหญ่มาปูไว้บนชายหาด เมื่อได้นั่งอยู่บนนี้เสื้อผ้าก็จะไม่สกปรก อีกทั้งยังวางผลไม้ ขนมอบ และเครื่องดื่มไว้บนพรมด้วย
เฉียวเยี่ยนดึงมู่ฉินเจินให้นั่งลงบนพรม และยื่นขวดเหล้าให้เขา ในขณะที่ตัวเองกินผลไม้ นางเองก็อยากดื่มเหล้าเหมือนกัน ทว่าชีวิตนี้คงไม่มีวาสนาได้ดื่ม หากนางจิบไปอึกหนึ่ง วันนี้คงต้องสลบไปแล้ว
พวกองครักษ์ยืนคอยอยู่ไม่ไกลประหนึ่งยืนเฝ้าก็ไม่ปาน เฉียวเยี่ยนจึงโบกมือให้พวกเขา “พวกเจ้าไปเล่นเถิด ไม่ต้องคอยคุ้มกัน หากอยากกินอะไรก็มาเอาไป”
พวกองครักษ์เองก็เป็นชายหนุ่มแสนดีวัยยี่สิบเศษๆ ครั้งแรกที่เห็นชายทะเลจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ทว่าหน้าที่ของพวกเขาคือคุ้มกันเจ้านาย ไม่ควรอยู่ห่างจากเจ้านายมากเกินไป
หลังจากได้รับคำสั่งจากหวางเฟย พวกเขาก็มองหน้ากัน และยังรู้สึกลังเลเล็กน้อย มู่ฉินเจินเคลื่อนสายตาไปมองพวกเขา และเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “บังอาจไม่ฟังคำพูดของหวางเฟยแล้วรึ?”
เกาจัวหยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้ว่าท่านอ๋องของเขากำลังไล่คนไป จึงรีบขยิบตาให้กับพวกสหาย จากนั้นก็วิ่งพลางส่งเสียงร้องโหวกเหวกไปทางชายหาดเหมือนฝูงลิงบ้าที่ออกมาจากกรง
ยากนักที่จะเห็นพวกองครักษ์มีชีวิตชีวาเช่นนี้ ปกติเมื่อเผชิญหน้ากับคนภายนอกก็ล้วนมีท่าทางเย็นชาไร้ปรานี เช่นเดียวกับเจ้านายอย่างมู่ฉินเจิน
เฉียวเยี่ยนกินผลไม้ไปด้วยพลางมองทิวทัศน์ทะเลไปด้วย รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก และคร่ำครวญว่าทิวทัศน์ชายทะเลในสมัยโบราณนั้นสวยงามกว่าในสมัยปัจจุบันมาก แม้จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ทิวทัศน์ของมันเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่มีร่องรอยมลพิษที่คนทำขึ้นมาเลย
อีกทั้งยังมีคนน้อย สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อย่างเงียบๆ ได้ หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะไปเที่ยวชายหาดเมื่อใด ก็มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวส่งเสียงพูดคุยจอกแจกจอแจไม่หยุด เดิมทีตั้งใจไปดูทะเลเมื่อใดก็กลายเป็นไปดูคนแทน
เมื่อลูกทั้งสองเก็บเปลือกหอยน้อยได้มากพอแล้ว ก็วิ่งไปหาบิดามารดาอย่างมีความสุข เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์วางเปลือกหอยน้อยกองหนึ่งไว้ตรงหน้ามารดาราวกับถวายสมบัติให้ และเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วหวานหยด “ท่านแม่ ข้ากับท่านพี่เก็บสมบัติมามากมายเลยเจ้าค่ะ!”
ดวงตากลมโตบริสุทธิ์และสดใสของเด็กน้อยส่องแสงประกายแวววาว ทำให้เฉียวเยี่ยนเห็นแล้วรู้สึกใจอ่อน
นางลูบศีรษะเด็กน้อยครู่หนึ่ง ก่อยเอ่ยชม “ลูกเก่งมากเลย สมบัติเหล่านี้น่ะเรียกว่าเปลือกหอย พวกมันคือเปลือกของสัตว์เล็กๆ ในทะเล หลังจากที่พวกมันตาย ร่างกายของพวกมันจะถูกย่อยสลายช้าๆ เหลือเพียงเปลือกแข็งๆ เหมือนกับเปลือกหอยทาก”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตั้งใจฟังเกร็ดความรู้จากมารดา และเก็บความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้ไว้ในใจ ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้ยินว่าเปลือกสวยงามพวกนี้ไม่ใช่ ‘สมบัติ’ แต่เป็น ‘บ้านน้อย’ ของสัตว์เล็กก็รู้สึกเศร้าซึมเล็กน้อย
นางยังคิดจะใช้สมบัติเหล่านี้ไปแลกเป็นเงินน้อยๆ อยู่เลย!
หึ! มันน่าโมโหยิ่งนัก!
เฉียวเยี่ยนเห็นเด็กน้อยก้มหน้า ก็รีบปลอบ “นานมาแล้ว ผู้คนใช้เปลือกหอยมาแทนเงิน ดังนั้นจึงถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่า อีกอย่างนะ เปลือกหอยสวยงามพวกนั้นยังนำไปประดิษฐ์เป็นของสวยงามได้มากมาย กลับไปแม่จะทำกระดิ่งลมให้พวกเจ้าดีหรือไม่?”
เจ้าปลาอ้วนได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นางไม่เศร้าซึมอีกแล้ว และผงกหัวอย่างมีความสุข “ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปหาเปลือกหอยสวยๆ ต่อ ท่านแม่จะได้ทำกระดิ่งลมสวยๆ ให้ข้า ”
เด็กน้อยที่หมุนตัวจะวิ่งออกไปถูกเฉียวเยี่ยนคว้าตัวเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วแตะจมูกน้อยนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน ไปกินอาหารกับพี่เจ้าก่อน แล้วค่อยไปเล่นใหม่”
นางดึงเด็กทั้งสองมาอยู่ด้านข้างตัวเองพลางลูบสำรวลเสื้อผ้าของพวกเขา เสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั้นไม่เป็นไรมาก มีแค่เปียกชื้นเล็กน้อย ในขณะที่กระโปรงของเจ้าปลาอ้วนเปียกโชกไปหมด แต่ก็บิดน้ำออกมาได้
เฉียวเยี่ยนอุ้มนางไปที่รถม้า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางก่อน เพราะมันเปียกมากจริงๆ หากสวมเอาไว้มันจะรู้สึกไม่สบายตัว
……
หลังจากเล่นอยู่บนชายหาดมานานกว่าสามชั่วยาม และพวกองครักษ์ได้เล่นสนุกสนานบนชายหาดเสร็จแล้ว เด็กทั้งสองก็ไปเก็บเปลือกหอย นอกจากนี้พวกเขายังไปเก็บหอยสังข์ในที่ทะเลลึกเล็กน้อยมาด้วย
พวกเด็กๆ ที่เก็บเปลือกหอยได้มากพอแล้วก็ไปขุดทราย พลันเจ้าปลาอ้วนนึกถึงท่าทางที่เจ้าส้มอ้วนขุดหลุมกลบอุจจาระขึ้นมาได้ ก็ทำท่าเลียนแบบมัน จนเกือบทำให้เฉียวเยี่ยนหัวเราะจนปวดท้อง
นางกับมู่ฉินเจินเหลือบมองหน้ากัน และหัวเราะขึ้นมา ลูกสาวไร้เดียงสาปานนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ใครมา
ทรายทะเลมีความละเอียดและอ่อนนุ่ม ทำให้ผู้คนเล่นสนุกจนถอนตัวไม่ได้ เด็กทั้งสองที่ใช้ทรายก่อเนินเป็นภูเขาเล็กก็เล่นจนทั่วตัวเปื้อนไปด้วยทราย และแทบจะกินมันเข้าไปในปาก
จวบจนตอนบ่าย เรือประมงก็เริ่มกลับเข้าฝั่งทีละลำ พวกเฉียวเยี่ยนก็เตรียมเก็บข้าวของออกเดินทางกลับ นางกับมู่ฉินเจินต่างอุ้มลิงโคลนน้อยคนละตัว ปัดทรายออกจากตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พวกเขา
โชคดีที่เตรียมเสื้อผ้ามามาก ไม่เช่นนั้นมันคงไม่พอให้พวกเขาเปลี่ยน
เมื่อเรือประมงเข้าเทียบท่า ก็มีชาวประมงจำนวนมากกำลังทำความสะอาดสิ่งมีชีวิตที่จับมาได้ในวันนี้ เฉียวเยี่ยนให้องครักษ์จอดรถนอกท่าเรือ และนางก็พาสามพ่อลูกไปซื้ออาหารทะเล
ทั้งหมดนี้เพิ่งถูกจับขึ้นมา ซึ่งมันสดมาก เนื้อสัมผัสและรสชาติย่อมดีกว่าที่ขายตามท้องถนนอย่างแน่นอน
บริเวณท่าเรือมีกลิ่นไม่ค่อยดีนัก เมื่อกลิ่นคาวปลาต้องแสงแดดแรงจ้า กลิ่นนั้นก็จะทวีรุนแรงขึ้น
เมื่อเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในท่าเรือ ก็ยกมือปิดจมูกทันที แม้แต่มู่ฉินเจินก็ขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นนี้
ชาติก่อนเฉียวเยี่ยนมักจะไปตลาดอาหารทะเลบ่อยๆ จึงคุ้นชินกับกลิ่นนี้แล้ว ไม่คิดว่ามันเหม็นมากแต่อย่างใด
พวกเขาหาเรือประมงลำที่ใกล้ที่สุด ชาวประมงเป็นชายอายุสามสิบกว่าปี และยังมีเด็กชายอายุสิบสองสิบสามปีติดตามอยู่ข้างกาย ซึ่งนั่นน่าจะเป็นลูกชายของเขา
ชายวัยกลางคนมีร่างกายและพละกำลังมาก จึงจับปลาได้มากโข อาหารทะเลมากน้อยต่างๆ ล้วนมีหมด
เมื่อเห็นเฉียวเยี่ยนกับคนอื่นๆ เข้าไป ชายวัยกลางคนก็อึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด คนตัวใหญ่คนตัวเล็กเหล่านี้ล้วนดูดีเกินไปราวกับเทพเจ้า ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่ง เขามีชีวิตมาหลายปียังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
เด็กชายตัวเล็กที่อยู่ข้างเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน สายตาเอาแต่จับจ้องไปที่เฉียวเยี่ยนตลอดเวลา นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ
ไม่ว่าเด็กจะอายุน้อยเพียงใดก็สามารถแยกแยะระหว่างความงามกับความอัปลักษณ์ได้ เด็กชายที่เห็นเฉียวเยี่ยนงดงามเย้ายวนเช่นนี้เป็นครั้งแรกก็รู้สึกแค่ว่าตัวเองน่าเกลียด น่าเกลียดจนไม่กล้าไปมองใคร
เมื่อมู่ฉินเจินเห็นเจ้าเด็กบ้านั่นจ้องเจ้าท่อนไม้ของตัวเองไม่วางตา สีหน้าก็มืดมนลงด้วยความไม่พอใจ จึงเดินไปขวางหน้าเฉียวเยี่ยนไว้ และกวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา
เด็กชายตกใจกับไอรังสีเย็นเยือกบนตัวท่านอ๋องจนตัวสั่นเทา จึงรีบงุดหน้าก้มลงทันที ครั้นชายวัยกลางคนเห็นท่าทางขายหน้าของลูกชายตัวเอง ก็เคาะศีรษะเขาไม่เบาไม่แรงนัก และเอ่ยด่า “เจ้าเด็กบ้า ข้าเคยสอนเจ้าว่าอย่างไร!”
หลังจากดุเสร็จ เขาก็รีบเอ่ยขอโทษมู่ฉินเจิน “ท่านผู้สูงส่ง ข้าขอโทษจริงๆ ลูกชายข้าไม่มีความคิดอื่น แค่คิดว่าภรรยาของท่านดูดีมาก จึงอดมองค้างไม่ได้ ท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เล่นแบบไม่เปลืองเสื้อผ้าเลยเจ้าปลาน้อยเอ๊ย
ท่านอ๋องเบาได้เบาค่ะ ทำน้ำส้มหกแม้กระทั่งกับเด็กสิบสองขวบเลยเหรอคะ
ไหหม่า(海馬)
Comments