ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 17 ลาภลอย (รีไรท์)
ตอนที่ 17 ลาภลอย (รีไรท์)
ตอนที่ 17 ลาภลอย (รีไรท์)
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เห็นน้องสาวตกหลุมพรางไปแล้ว ก็ไม่ลังเลอีก เขาก้าวขาเล็ก ๆ เดินไปอยู่ตรงหน้าฮองเฮา พลางแนะนำตัวเองด้วยความเคารพเชื่อฟัง “ถวายบังคมเสด็จย่า ข้าชื่อเสี่ยวฉวนเอ๋อร์”
“โอ้! เป็นเด็กดีของย่าทั้งหมดเลย”
ฮองเฮายื่นพระหัตถ์อีกข้างออกไปรับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน พลางถูไถใบหน้าเย็นชาน่ารักของเขา
พระนางกอดเด็ก ๆ ไว้คนละข้างพร้อมหอมแก้มไปด้วย รู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่านี้มาก่อนเลย
เฉียวเยี่ยนควรได้รับรางวัล! และควรได้รางวัลใหญ่!
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรสามย่าหลานที่สนิทสนมกันอยู่ด้านข้างก็รู้สึกจั๊กจี้พระทัย แต่เพราะศักดิ์ศรีค้ำคอจึงอายเกินกว่าจะพูดว่าให้ตนกอดบ้าง ฉะนั้นจึงทำได้แต่เพียงรอเท่านั้น เฉียวเยี่ยนเห็นสายตากระวนกระวายใจนั้นก็รู้สึกขบขัน
ลูกน้อยของนางช่างมีเสน่ห์มากเสียจริง!
มู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างเย่อหยิ่ง เขาพอใจกับลูกทั้งสองของตัวเองมาก
ฮ่องเต้และฮองเฮาอยู่เล่นเป็นเพื่อนเด็กทั้งสองพอสมควรแล้วถึงได้กลับวังอย่างไม่เต็มใจนัก หลังจากฮ่องเต้กลับมาที่วังแล้วก็มีพระราชโองการประทานรางวัลให้เฉียวเยี่ยนเป็นเครื่องประดับเพชรพลอยเงินทองจำนวนมาก และยังพระราชทานตำแหน่งให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ว่า อวิ๋นอันจวิ้นจู่
อายุสามขวบได้รับตำแหน่งจวิ้นจู่ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของราชวงศ์ ขนาดบุตรสาวคนโตขององค์ชายคนโตมีอายุเจ็ดปีในปีนี้ก็ยังไม่มียศตำแหน่ง
วันรุ่งขึ้น ขันทีประกาศราชโองการมายังตำหนักอ๋องซู่แต่เช้าตรู่ และนำกล่องเงินพร้อมเครื่องประดับเพชรพลอยมาให้เฉียวเยี่ยน
เฉียวเยี่ยนถือพระราชโองการสีทองแวววาว ยิ้มตาหยี และหยิบเงินตำลึงจีนออกมาลูบคลำ เงินที่ได้มาเปล่า ๆ นั้นช่างมีกลิ่นหอมหวานยามสัมผัสจริง ๆ!
มู่ฉินเจินยืนมองนางที่กำลังมึนเมาไปกับทรัพย์สมบัติอยู่ข้าง ๆ และอยากจะยิ้มออกมาอย่างอธิบายไม่ได้ เข้าใจแล้ว ที่แท้นางชอบเงินนี่เอง
เขาแอบนึกถึงคลังเก็บของของตำหนักอ๋อง หากเขามอบคลังเก็บของให้นางจัดการ นางก็น่าจะมีความสุข
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถือพระราชโองการสีทองแวววาวเช่นกัน ในหัวเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมท่านแม่ถึงมีเงินตำลึงจีนมากมาย ทว่านางมีเพียงผ้าสีเหลืองผืนหนึ่งกับกล่องไข่มุกเล็ก ๆ เท่านั้น
ฮึ่ม! เสด็จปู่ลำเอียง!
ฮ่องเต้ร้องตะโกนว่าถูกใส่ร้าย ในกล่องนั้นเป็นไข่มุกชมพูจากทะเลบูรพาเชียวนะ หนึ่งเม็ดมีมูลค่าพันชั่ง และทั่วทั้งราชวงศ์มีเพียงไม่กี่คนที่มีมัน!
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่ยังไม่มียศตำแหน่งก็ได้รับของดีมากมายจากฮ่องเต้และฮองเฮาเช่นกัน เพียงก้าวเดียวสามแม่ลูกก็กระโดดเข้าสู่ความร่ำรวยเสียแล้ว
ครั้นระบบตัวน้อยเห็นเงินมากมายเช่นนี้ก็ดีใจจนกลิ้งไปมา พลางเปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มแปลงสิ่งของเหล่านั้นเป็นจำนวนเงิน
กรงเล็บน้อยขยับกรอบแว่นตาที่ใส่อยู่ เคาะคอมพิวเตอร์จนเกิดเสียงดังก๊อกแก๊ก ไม่นานผลลัพธ์ก็ออกมา
[ท่านโฮสต์ เครื่องประดับเหล่านี้แปลงเป็นเงินแล้ว บวกกับเงินตำลึงจีนรวมทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง ซึ่งสามารถแลกคะแนนได้ห้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบแต้ม! ]
เฉียวเยี่ยนนวดแก้มที่ยิ้มจนปวด และเอ่ยกับระบบตัวน้อยอย่างภาคภูมิใจว่า “เอาล่ะ เจ้าไปดูในร้านค้าว่าชอบอะไร แล้วก็ไปซื้อเองเถิด”
[รับทราบ ขอบคุณท่านโฮสต์ ท่านนี่เยี่ยมจริง ๆ!]
ระบบตัวน้อยดีใจจนวิ่งวนเป็นวงกลม รีบเปิดร้านค้า และกว้านซื้อของว่างกับกระโปรงน้อยใส่รถเข็นจนหมด
เป็นปลาเค็มตัวน้อยนี่ช่างมีความสุขจังเลยน้า!
…..
ซู่หวางเฟยกลับมาเมืองหลวง อ๋องซู่มีทายาท เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ได้รับตำแหน่งเป็นจวิ้นจู่ ข่าวอันน่าตกใจติด ๆ กันแพร่ไปทั่วเมืองหลวง ภัตตาคารในย่านการค้าคึกคัก สำนักศึกษายามว่างหลังอาหารล้วนเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้
ทว่ามีคนที่สุขแล้วก็ต้องมีคนที่เศร้า องค์ชายคนโตที่ไม่ลงรอยกับมู่ฉินเจินมาตลอดรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่มีทายาทเท่านั้น แต่รู้ข่าวที่ลูกสาวอายุสามขวบได้รับยศตำแหน่งเป็นจวิ้นจู่ก็โมโหจนเขวี้ยงถ้วยชาแตกไปหลายใบ
ทำไมมู่ฉินเจินถึงถูกรักมากมายมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้แม้แต่ลูก ๆ ของอีกฝ่ายก็เหมือนกัน!
พอคิดดูแล้วเขาพาลูกเข้าวังบ่อย ๆ ก็เพื่อเอาอกเอาใจเสด็จพ่อ ทว่าเสด็จพ่อกลับไม่เคยชายตามองเลยสักนิด!
ตั้งแต่อี้จื่อจิ้นแห่งจวนอัครเสนาบดีกลับมาจากอ๋องซู่ในวันนั้นก็กินข้าวไม่ลงอีกเลย เมื่อใดก็ตามที่นางนึกถึงใบหน้าของเฉียวเยี่ยน นางก็แทบอยากกลืนกินอีกฝ่ายทั้งเป็น
ไม่ได้! นางมิอาจนั่งรอความตายเช่นนี้ได้!
……
…..
เฉียวเยี่ยนกลับมาเมืองหลวงได้สามวันแล้ว และในช่วงสามวันที่ผ่านมา นางได้เยี่ยมชมทุกซอกทุกมุมของตำหนักอ๋อง และได้ทำแผนการเพาะปลูกอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว
ถามว่านางได้ไปถามความเห็นของมู่ฉินเจินแล้วหรือไม่?
แน่นอนว่าไม่!
ถึงอย่างไรนางก็มีไม้เด็ด แค่นางส่งลูกทั้งสองไปเป่าหู ผู้ชายคนนั้นก็แทบจะไปเก็บดาวบนฟ้ามาให้พวกเขาแล้ว
ดังนั้น เรื่องเล็กน้อยอย่างเปิดพื้นที่รกร้างเพื่อทำสวนในตำหนักอ๋องนั้น นางไม่กลัวเลยสักนิด
วันนี้นางตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากกินอาหารเช้าง่าย ๆ ที่คนรับใช้ยกมาให้ นางก็ถือจอบและเรียกคนรับใช้หกคนมาขุดดินกับนาง
นางวางแผนเริ่มจัดการจากลานบ้านรกร้างก่อน ถางวัชพืชที่ขึ้นสูงกว่าคนให้เรียบร้อย แล้วขุดดินให้เป็นแปลง ตัวบ้านก็ซ่อมแซมอย่างง่าย ๆ และใช้เป็นห้องเก็บเสบียงในวันหน้า
คนรับใช้ทั้งหกที่ถูกลากไปขุดดินต่างมึนงง ตั้งแต่พวกเขาเข้าตำหนักอ๋องมา เคยสัมผัสดินเสียที่ไหนกัน!
ครั้นลุงฉูได้ยินว่าหวางเฟยพาคนไปขุดดินก็เกิดความสงสัย เอามือไพล่หลังเดินตามไป
เหล่าคนรับใช้ที่ถูกเฉียวเยี่ยนใช้รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เพราะความประทับใจที่เฉียวเยี่ยนมีให้พวกเขาหลังจากเข้ามาในตำหนักเมื่อสี่ปีก่อนก็คืออ่อนแอดูรังแกง่าย ต่อให้ตอนนี้มีเจ้านายน้อยอยู่ข้าง ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ให้ความสำคัญนัก
ทว่าเนื่องจากลุงฉูเดินตามหลังมา แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็จำต้องเดินตามไป
เฉียวเยี่ยนเดินถือจอบนำหน้า สัมผัสถึงท่าทีของข้ารับใช้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะอีกเดี๋ยวนางจะทำให้พวกเขาได้รู้ถึงความเก่งกาจของนางแล้ว!
ช่วงเวลาสามวันที่กลับมาตำหนัก นางรู้ทัศนคติของเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักที่มีต่อนางแล้ว บ้างก็ดูถูก บ้างก็ไม่แยแส
นางเพิ่งกลับมาจึงไม่อยากโต้เถียงกับพวกเขานัก แต่ในเมื่อนางตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นางก็ยังต้องจัดการพวกที่ไม่เชื่อฟังเหล่านั้น!
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูลานบ้านรกร้าง มองดูวัชพืชที่แผ่วงกว้างอยู่ข้างใน เฉียวเยี่ยนก็ยิ้มอย่างชื่นใจ นี่คือผืนดินที่นางต้องต่อสู้ต่อจากนี้!
นางสั่งข้ารับใช้ทั้งหกว่า “วันนี้งานของพวกเจ้าคือกำจัดวัชพืชออกให้หมด และแน่นอนว่าข้าจะทำร่วมกับพวกเจ้าด้วย”
ท่าทางยิ้มแย้มของนาง รวมไปถึงเสียงกังวานนุ่มนวล ทำให้ข้ารับใช้ไม่รู้สึกถึงวิกฤต แต่กลับรู้สึกถูกเหยียดหยาม
จวนอ๋องที่ไหนนำมาไถที่รกร้างทำสวนกัน? ไม่บอกก็ทำให้คนขำขันแล้ว!
ข้ารับใช้คนหนึ่งที่มีรูปร่างเล็กผอมมีสีหน้าเจ้าเล่ห์เอามือกุมท้อง พลางเอ่ยด้วยทักษะการแสดงอันย่ำแย่ “หวางเฟยเหนียงเหนียง ช่วงนี้ข้ามักจะท้องเสีย ท้องเสียจนไร้เรี่ยวแรง และไม่มีแรงกำจัดวัชพืชแล้ว มิสู้ท่านไปสั่งคนอื่นดีกว่า”
เมื่อคนหนึ่งหาเหตุผลหลบเลี่ยงได้ คนที่เหลือก็ทำตาม เหตุผลมากมายหลากหลาย บางคนเท้าแพลง บางคนข้อมือหัก ทำให้ลุงฉูที่ฟังอยู่ข้างหลังโกรธจัด
ไอ้เด็กเปรตพวกนี้สบโอกาสในตอนที่ท่านอ๋องไม่อยู่ บังอาจเมินเฉยต่อหวางเฟย คอยดูแล้วกันว่าข้าจะไม่จัดการพวกเขา!
เขาเดินเข้าไปตบหัวคนหนึ่งและด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “แกร่งกล้านักนะพวกเจ้า! หวางเฟยมีรับสั่งแต่บังอาจไม่ฟังรึ? วันนี้ต่อให้จะขี้ราดกางเกง มือหักเท้าหัก ก็ต้องปรับระดับที่ตรงนี้ให้ข้า!”
เหล่าข้ารับใช้มีท่าทางเซื่องซึม และก้มหน้าบ่นพึมพำ
“ท่านไม่ได้ขุดเองเสียหน่อย ท่านจะกลัวอะไร”
“ท่านไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับข้า ท่านก็พูดง่ายสิ!”
ลุงฉูหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และกำลังจะโบกมือตีไอ้เด็กเลวเหล่านี้อีกครั้ง แต่ก็เห็นเฉียวเยี่ยนโบกมือขึ้นมาเสียก่อน
เฉียวเยี่ยนยันจอบในมือไว้กับพื้น และยิ้มอย่างเป็นมิตร “ทุกคนรู้สึกไม่สบายกันสินะ ไม่เป็นไร ข้าเคยเรียนวิชาแพทย์กับหมอเทวดา และเชี่ยวชาญในการรักษาโรคหายากต่าง ๆ!”
สิ้นเสียงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้านางพลันหายไป และถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาทั่วใบหน้า นางยิ้มเยาะมุมปาก และล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบก้อนหินออกมา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนหวางเฟยสั่งสอนแน่พวกเจ้า หวางเฟยเวอร์ชันนี้โหดมากนะ
ไหหม่า(海馬)
Comments