ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 170 สิ่งที่ไม่มีทางเรียนสำเร็จคือความรู้

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 170 สิ่งที่ไม่มีทางเรียนสำเร็จคือความรู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 170 สิ่งที่ไม่มีทางเรียนสำเร็จคือความรู้

ตอนที่ 170 สิ่งที่ไม่มีทางเรียนสำเร็จคือความรู้

เมื่อทุกคนเข้าไปในลานแล้ว ก็ถึงเวลากินข้าว ลุงฉูรีบสั่งคนครัวยกอาหารเข้ามา เพราะวันนี้ทางห้องเครื่องได้เตรียมอาหารจานใหญ่มากมายมาต้อนรับเจ้านายใหญ่น้อยทั้งหลาย

หลังรับประทานอาหารเสร็จ ฮองเฮา ซูเนี่ยนหว่านกับเว่ยอวิ๋นซูก็มีคำพูดมากมายอยากคุยกับเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินกับเฉียวจิ่นจึงไปที่ห้องหนังสืออย่างรู้งาน เว้นที่ว่างให้เหล่าสตรีได้สนทนากัน

ฮองเฮากับซูเนี่ยนหว่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดคดีในเยวี่ยโจวครั้งนี้ ส่วนเว่ยอวิ๋นซูฟังอย่างสนอกสนใจ บางครั้งก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา

จนกระทั่งความอยากรู้อยากเห็นของพวกนางถูกเติมเต็มจนพอแล้ว เว่ยอวิ๋นซูก็เริ่มนินทาเรื่องอื่นกับเฉียวเยี่ยน

“เฉียวเฉียว เจ้าไม่รู้หรอก ในช่วงที่เจ้าไม่อยู่ จวนอัครเสนาบดีจงใจหาเรื่องอีกแล้ว อี้จื่อจิ้นนังคนไร้ยางอายผู้นั้น ปลูกผักในเรือนกระจกเลียนแบบเจ้า! ข้าได้ยินคนเขาพูดว่านางสร้างเรือนกระจกไว้ในหมู่บ้านตัวเองตั้งสิบกว่าเรือนเชียวล่ะ”

“เลียนแบบคนอื่น ไร้ยางอายนัก! นางต้องเห็นว่าเรือนกระจกของเจ้าทำเงินได้เยอะจึงสร้างเลียนแบบแน่ๆ !”

เวลานี้นางไม่สนแล้วว่าฮองเฮากับซูเนี่ยนหว่านจะยังอยู่ที่นี่ด้วย ท่าทางของนางดูเดือดดาลยิ่งนัก ประหนึ่งว่าถูกอี้จื่อจิ้นลอกเลียนแบบผลงานของตน

เฉียวเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มิน่าล่ะช่วงนี้อี้จื่อจิ้นถึงไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับนาง ที่แท้ก็หลบไปทำโครงการใหญ่นี่เอง

ทว่านางก็ปล่อยวางได้ในบันดล เพราะสถานการณ์นี้อยู่ในการคาดเดาของนางเช่นกัน

ผลกำไรมหาศาลจากเรือนกระจกย่อมกระตุ้นความอิจฉาริษยาของผู้อื่นอยู่แล้ว นางคาดเดาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วว่าต้องมีคนลอกเลียนแบบ ทว่านางก็ไม่กลัว พวกเขาเลียนแบบเครื่องมือของนางได้ แต่มิอาจเลียนแบบการดูแลของนางได้ ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้นางก็ศึกษามาหลายปีกว่าจะสลักความรู้มากมายไว้ในหัวได้

เฉียวเยี่ยนมองท่าทางโกรธกริ้วของนาง ก็ยัดผลไม้ที่ปอกแล้วเข้าไปในปากนาง และปลอบด้วยรอยยิ้ม”ไม่ต้องกังวลหรอก พวกเขาอยากเลียนแบบก็ปล่อยให้เลียนแบบไป หากเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้สามารถส่งผลกระทบต่อกิจการของข้าได้ ตอนนั้นข้าคงไม่กล้าเปิดโรงงานใหญ่โตเช่นนี้หรอก”

เว่ยอวิ๋นซูกินผลไม้ไปด้วย และบ่นอู้อี้ไม่ชัดเจนออกมา “เจ้ายังจะหัวเราะได้นะ ข้าโกรธแทนเจ้าจะตายอยู่แล้ว รู้สึกเดือดร้อนแทนเจ้าตัวจริงๆ ”

หลังจากพูดเช่นนี้จบ นางก็เพิ่งนึกได้ว่าข้างๆ ยังมีฮองเฮาเหนียงเหนียงนั่งอยู่ด้วย จึงเอามือปิดปากทันที และเหลือบมองอย่างขอโทษ

ฮองเฮาแตะไหล่นางด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกไม่เป็นไร นางชอบสาวน้อยที่ตรงไปตรงมาและจริงใจคนนี้มาก ฟังนางพูดก็รู้สึกว่าน่าสนใจยิ่งนัก

ซูเนี่ยนหว่านรู้สึกกังวลเล็กน้อย รู้ว่าการที่ลูกสาวทำกิจการจนยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จึงไม่อยากให้กิจการของนางได้รับผลกระทบจากผู้อื่น

นางเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวล “เสี่ยวเยี่ยนมีวิธีรับมือบ้างหรือไม่?”

เฉียวเยี่ยนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจับมือมารดาที่เป็นห่วงนาง และอธิบายว่า “สิ่งที่ผู้อื่นเรียนได้มีแค่สร้างเรือนกระจกอย่างไรก็เท่านั้น แต่มีบางอย่างที่พวกเขาไม่มีทางเรียนรู้ได้”

“เครื่องมือต่างๆ ในเรือนกระจกใช้งานอย่างไร เมื่อใดควรใช้เครื่องมือใด เมื่อใดต้องการร่มเงา เมื่อใดต้องระบายอากาศ และอีกหลายๆ อย่าง ต่างมีเงื่อนไขของมันเอง”

“ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการปลูกผักกาดขาว ต้นกล้าที่เติบโตจากเมล็ดจนถึงอายุที่พร้อมเก็บเกี่ยวได้ ระหว่างนั้นต้องผ่านการเร่งให้แตกหน่อ ส่วนการเพาะกล้า ย้ายกล้า การจัดการดูแล และการเก็บเกี่ยว ขั้นตอนพวกนี้จะทำสำเร็จเมื่อไหร่ ต้องทำอย่างไรถึงจะสำเร็จ ในใจข้าล้วนมีวิธีการอยู่แล้ว”

“นอกจากนี้ หากเกิดโรคและแมลงทำลายผักในระหว่างการเพาะปลูก ท่านต้องพิจารณาก่อนว่ามันเป็นโรคอะไร จึงจะสามารถรักษาตามอาการได้ ไม่เช่นนั้นผักจะตายหมด และไร้ผลผลิต”

“ดังนั้น คนอื่นเข้าใจแค่วิธีสร้างเรือนกระจก แต่ไม่เข้าใจความรู้ที่อยู่ในหัวของข้า การปลูกผักหารายได้นั้นยังมีหนทางให้เดินอีกยาวไกล หากสร้างตามกระแสทั้งที่ไม่เข้าใจอะไร แบบนั้นคงไร้ประโยชน์ตายเลย!”

ฮองเฮา ซูเนี่ยนหว่านและเว่ยอวิ๋นซูต่างฟังจนอึ้ง เห็นนางปลูกผักในเรือนกระจักสองสามแห่งออกมาได้แบบสบายๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีความรู้มากมายซ่อนอยู่ในนั้นด้วย!

ฮองเฮานึกถึงเรือนกระจกในวัง พลันก็ขมวดคิ้วเอ่ย “ฝ่าบาทมักจะให้พวกขุนนางไปเก็บผักในเรือนกระจกเพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิต เจ้าว่าเพราะแบบนี้พวกเขาถึงได้จับจุดโครงสร้างของเรือนกระจกได้ใช่หรือไม่”

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ จึงแอบดุชายชราไปสองสามประโยค

วันๆ เอาแต่โอ้อวดผักก้อนๆ ของตัวเอง ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ แม้แต่เบื้องหลังก็ถูกผู้อื่นลักจำไปแล้ว

“ไม่ได้การละ ข้าต้องกลับไปคุยกับฝ่าบาทเสียหน่อยแล้ว จากนี้ไปห้ามพาคนไม่เข้าท่าเหล่านั้นเข้าไปในเรือนกระจกอีก หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่!”

พวกขุนนางที่สนับสนุนราชสำนักของประเทศกลายเป็นคนไม่เข้าท่าจากพระโอษฐ์ฮองเฮาเสียแล้ว เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก

นางรีบเอาใจฮองเฮาผู้เกรี้ยวกราด “เสด็จแม่ท่านใจเย็นๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจริงๆ”

“ในมือข้ามีอาวุธวิเศษสำหรับปลูกผักในเรือนกระจก หากไม่มีสิ่งนี้ ผักของพวกเขาก็เติบโตไม่ได้ ต่อให้เติบโตมาได้ก็เติบโตมาได้ไม่ดี”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตาสามคู่ก็มองมาที่นางพร้อมกัน เพื่อรอฟังคำพูดต่อไปของนาง

เฉียวเยี่ยนนั่งตัวตรง และเรียบเรียงคำพูดตัวเอง อยากจะใช้คำที่ง่ายที่สุดมาอธิบาย

“การเติบโตของผักต้นหนึ่งนั้นต้องใช้ของหลายอย่างมาก มันก็หายใจเหมือนคนอย่างพวกเรา ต้องอาบแดด ดื่มน้ำ นอกจากพวกนี้แล้ว พวกมันยังต้องกินอาหารเหมือนอย่างคนเรา และการใส่ปุ๋ยก็คือการให้อาหารแก่ผัก”

“ในเรือนกระจกของข้าส่วนใหญ่ใช้น้ำในการปลูกผัก ทว่านี่หาใช่น้ำธรรมดา แต่ในนั้นยังเพิ่ม ‘อาหาร’ ที่พวกผักชอบกินลงไปด้วย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นพวกมันจึงสามารถเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องปลูกในดินได้”

ความจริงแล้วนางกำลังพูดถึงสารละลายธาตุอาหาร เทคนิคพื้นฐานสุดในการปลูกผักในน้ำก็คือการเตรียมสารละลายธาตุอาหาร ในยุคปัจจุบันสามารถซื้อสารเคมีต่างๆมาทำเป็นสารละลายธาตุอาหารแล้วเจือจางตามสัดส่วน จากนั้นก็เติมลงในน้ำ แต่ในสมัยโบราณนั้นหาสารเคมีบริสุทธิ์เหล่านั้นไม่ได้ ที่นางใช้ทั้งหมดนั้นล้วนเจือจางสำเร็จมาแล้วและซื้อกับระบบตัวน้อย

หากของสิ่งนี้เปิดตัวในยุคนี้ ต้องเป็นนางเพียงคนเดียวแน่ที่มีครอบครอง ดังนั้นนางมั่นใจได้เลยว่าผักในเรือนกระจกของอี้จื่อจิ้นเติบโตออกมาได้ไม่ดีแน่ เมื่อถึงตอนนั้นนางจะรอดูความสนุก

คำอธิบายของนางเมื่อครู่นั้นเข้าใจง่าย จนสามคนที่ไม่รู้การปลูกผักล้วนเข้าใจได้ เว่ยอวิ๋นซูฟังด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ และรู้สึกว่าเฉียวเฉียวในตอนนี้มีความรู้มากเหลือเกิน วินาทีที่อธิบายให้พวกนางฟัง ทั่วร่างล้วนเปล่งประกายเจิดจ้า

ทันใดนั้นนางก็นึกโกรธตัวเองที่เป็นสตรีขึ้นมา หากนางเป็นบุรุษล่ะก็คงจะดีไม่น้อย แบบนี้นางจะได้แข่งกับมัจจุราชมู่อย่างยุติธรรม และเกี้ยวพาเฉียวเฉียวได้อย่างเต็มที่

หากท่านอ๋องผู้นี้รับรู้ความคิดอันตรายของนางเข้า เขาคงจะติดป้ายที่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่ว่า “เขตปลอดเว่ยอวิ๋นซูกับสุนัข” อย่างแน่นอน

……

ภายในจวนอัครเสนาบดี อี้จื่อจิ้นที่เพิ่งถูกคนอื่นพูดถึงในเวลานี้กำลังตกอยู่ในสภาพอึดอัดใจ เพราะเรือนกระจกสร้างเสร็จแล้ว คนงานก็จ้างมาแล้ว แต่หลังจากปลูกผักไปไม่กี่วัน ต้นกล้าก็งอกออกมาน้อยมาก หน่อที่แตกออกมาไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ำ มิสู้ปลูกในดินยังดีกว่า

คนงานที่นางจ้างมาล้วนป็นเกษตรกรที่มีประสบการณ์ ทักษะการปลูกผักของพวกเขาต้องผ่านเกณฑ์แน่นอน ทว่ายามนี้ยังไม่รู้เลยว่าปัญหาอยู่ตรงไหน

หากเฉียวเยี่ยนเห็นวิธีปลูกผักในเวลานี้ของพวกเขา นางต้องหัวเราะเยาะเป็นแน่ เป็นการเสียเมล็ดพันธุ์ไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ!

อี้จื่อจิ้นได้ยินเพียงว่าเฉียวเยี่ยนปลูกผักในน้ำ จึงคิดว่าแค่หว่านเมล็ดพืชลงในน้ำเท่านั้นก็เป็นอันใช้ได้ แต่นางไม่รู้เลยว่าต้องเร่งให้เมล็ดงอก เพาะเป็นต้นกล้าออกมาก่อน ถึงย้ายผักไปปลูกในน้ำได้

………………………………………………………………………………………………………………………… สารจากผู้แปล

ก็อปเขามาทั้งดุ้นแบบไม่ศึกษาให้ดีก่อนก็พังแบบนี้แหละค่ะคุณหนูอี้ บางอย่างเป็นเทคนิคเฉพาะ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้นะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *