ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 176 สามารถใช้หนังหน้าเป็นเกราะกันกระสุนได้
ตอนที่ 176 สามารถใช้หนังหน้าเป็นเกราะกันกระสุนได้
ตอนที่ 176 สามารถใช้หนังหน้าเป็นเกราะกันกระสุนได้
สีหน้าเขาในเวลานี้ก็ดูหวาดกลัวเช่นกัน ก่อนมองไปที่เฉียวเยี่ยนที มองไปที่เว่ยอวิ๋นซูทีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลานี้ คุณชายผู้สง่างามดุจหยกก็ราวกับเผชิญปัญหาใหญ่หลวง หวังว่าความรู้สึกที่เพิ่งแตกหน่อเพียงเล็กน้อยเมื่อครู่ของตนคงจะไม่ถูกทำลาย และไม่คิดเลยว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของเขาจะเป็นน้องสาวตัวเอง
วินาทีที่เว่ยอวิ๋นซูเห็นเฉียวจิ่น สมองนางก็ขาวโพลนไปชั่วขณะ หลังจากได้สติและตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปเมื่อครู่ สีหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา และยืนจิกเท้าอย่างเขินอาย หากนางจิกเท้าแล้วขุดตะกุยดินออกมาได้ ตอนนี้นางคงขุดอุโมงค์ดำดินออกจากเมืองหลวงแล้วเป็นแน่
เฉียวเยี่ยนยิ่งอยากหัวเราะเข้าไปใหญ่ และเตรียมดูการแสดงอย่างใจจดใจจ่อแม้จะยุ่งก็ตาม
เว่ยอวิ๋นซูมองเฉียวจิ่น พลางเอ่ยตะกุกตะกัก “มะ…ไม่ใช่อย่างนั้น ทะ…ท่านฟังข้าเถียงก่อน เพ้ย! ไม่ใช่ ทะ…ท่านฟังข้าอธิบายก่อน!”
แต่เมื่อคำพูดมาถึงจุดนี้ นางก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานก็อธิบายออกมาไม่ได้ สุดท้ายก็เลือกหลบหนีท่ามกลางสายตากระตือรือร้นของทุกคน ก้าวเท้าพุ่งออกไปนอกห้องครัวโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อนางออกไปจากครัว เฉียวเยี่ยนก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว หลังจากเห็นท่าทางเหมือนสูญเสียวิญญาณไปของพี่ชายก็รีบหุบยิ้มทันที และอธิบายว่า “ท่านพี่ ท่านอย่าคิดเป็นจริงเชียว อวิ๋นซูแค่ล้อเล่นเท่านั้น ท่านรีบออกไปตามหานางเถิด”
ท่าทางอึมครึมของเฉียวจิ่นเปลี่ยนเป็นสดใสในทันที พลางหมุนตัวเดินออกไป ทว่าหลังจากเดินไปได้สองก้าวเขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้เป็นอะไรกับอวิ๋นซูทั้งนั้น จะมีสิทธิ์อะไรไปหานาง เมื่อครู่น้องสาวกำลังหยั่งเชิงเขาดูต่างหาก!
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็อายเช่นกัน และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หาคนไปทั่วทั้งสวน
คอยจนทั้งสองจากไปแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ จากสถานการณ์ในตอนนี้ ทั้งสองคนนี้ต้องมีใจให้กันแล้วแน่นอน
ท่าทางเย็นชาของมูฉินเจินได้กลับคืนเป็นปกติแล้ว และยังพบความสัมพันธ์ที่ผิดปกติระหว่างเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซู จึงมองไปยังเฉียวเยี่ยนด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยการสอบถาม
เฉียวเยี่ยนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอีกไม่นานนางจะมีพี่สะใภ้แล้ว
หลังจากเรื่องตลกจบลง เฉียวเยี่ยนก็ทำอาหารต่อ มู่ฉินเจินเกาะติดอยู่กับนางไม่ไปไหน เมื่อมาถึงก็แย่งงานคนครัวสองคนทันที พวกคนครัวจึงทำได้เพียงล่าถอยออกจากห้องครัว และให้ช่องว่างแก่คู่รักทั้งสอง
เด็กน้อยทั้งสองวิ่งไปหาท่านยายของพวกเขาแล้ว เฉียวเยี่ยนมองตามหลังพวกเขาที่จูงมือกันแล้วเอ่ยกำชับ “ห้ามกินขนมเยอะเกินไป ไม่เช่นนั้นอีกเดี๋ยวจะกินข้าวไม่ไหว เข้าใจไหม?”
“รู้แล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ!”
เด็กๆ ตอบรับอย่างเชื่อฟัง และหันมาส่งสายตาให้มารดาวางใจ
แต่เฉียวเยี่ยนไม่วางใจเลยแม้แต่น้อย คนแก่สามคนในบ้านต่างคลั่งไคล้เด็กๆ จนถึงขั้นแทบคลั่ง เพียงแค่นางไม่สนใจนิดเดียว พวกเขาก็จะแอบให้ขนมลับหลังนาง
ในห้องครัวเหลือเพียงสองสามีภรรยา มู่ฉินเจินจึงดึงเฉียวเยี่ยนเข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง ก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากนาง
โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีอาหารอยู่ในหม้อ ไม่เช่นนั้นคงได้กลายเป็นถ่านแน่
ระบบตัวน้อยถูกบังคับกินอาหารสุนัขไปอีกกำมือหนึ่ง จึงสูดชานมในมือจนหมด และเรอออกมา
[เอิ้ก ท่านโฮสต์รุนแรงและรวดเร็วมาก ข้ายังไม่ทันได้กินข้าวเลยก็นำอาหารหมามายัดข้าจนอิ่มเสียแล้ว]
เฉียวเยี่ยนหอบเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดงก่ำ และผลักมู่ฉินเจินออก พลางมองค้อนเขาอย่างเคืองๆ “ท่านอ๋อง โปรดสนใจสถานที่หน่อยได้หรือไม่?”
หากมีคนมากะทันหัน นางไม่อายตายเลยหรือ
แน่นอนว่านางหน้าหนาจนเมินเฉยระบบตัวน้อยไปแล้ว ถึงอย่างไรเด็กน้อยที่ดูน่ารักคนนี้แท้จริงก็เป็นอันธพาลตัวน้อย หากจะจัดการกับอันธพาลตัวน้อย ก็จำต้องใช้วิธีอย่างอันธพาล
ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์นี้ของนางได้ผลจริงๆ เด็กน้อยที่เคยเอะอะตะโกนหาคู่ชิปทุกวันก็เริ่มชินชาเพราะถูกอาหารสุนัขยัดปากไปสองครั้ง ตอนนี้แทบอยากให้พวกเขาทั้งสองแยกกันไปเสวยสุขคนเดียวสักพักหนึ่ง
ริมฝีปากบางของมู่ฉินเจินแดงเล็กน้อยและเปรอะสีลิปของเฉียวเยี่ยน เขาในเวลานี้เห็นเจ้าท่อนไม้ถลึงตาใส่ก็ยังรู้สึกว่ามีเสน่ห์ และคนหนังหน้าหนาก็เอ่ยว่า “หากพวกเขาเห็นย่อมหมุนตัวเดินกลับไปอยู่แล้ว”
จริงด้วย ใครจะจ้องคนอื่นจูบกันโดยไม่เป็นอะไร ถึงแม้จะมีคนเห็น คนที่เขินอายก็เป็นคนอื่น
พอแล้ว ไม่ช่วยแล้ว! ใบหน้าของท่านอ๋องผู้นี้หนาจนใช้เป็นเกราะกันกระสุนได้แล้ว
เฉียวเยี่ยนล้มเลิกที่จะรักษาเขาโดยสิ้นเชิง และปล่อยให้เขาดูแลตัวเอง
นางเทน้ำมันลงในหม้อ พอน้ำมันร้อนก็นำกระเทียมลงไปผัด ผัดจนกระเทียมทุกเม็ดเป็นสีเหลืองทองแล้ว ก็นำเนื้ออกไก่ที่หมักไว้ลงไปผัดกับกระเทียม
เนื้ออกไก่ถูกทอดจนเป็นสีน้ำตาลเหลือง หนังด้านนอกมีความแข็งกรอบเล็กน้อย จากนั้นโรยด้วยงาขาวกับผงฮวาเจียวแล้วนำออกจากหม้อได้
เนื้ออกไก่ผัดกระเทียมจานนี้ไม่เพียงแต่กินกับข้าวได้ แต่ยังทำเป็นของว่างยามหิวได้อีกด้วย เฉียวเยี่ยนแอบขโมยกินไปสองสามชิ้นอย่างอดไม่ได้ แถมยังยัดเข้าปากของมู่ฉินเจินด้วย
สองสามีภรรยาทำอาหารอย่างมีความสุข ขณะที่ในสวนดอกไม้ เฉียวจิ่นก็หาเว่ยอวิ๋นซูเจอแล้ว
เว่ยอวิ๋นซูกำลังซ่อนตัวอยู่ตรงตอม่อท่าเรือข้างสระบัวและเขวี้ยงก้อนหินลงในสระ
นางพึมพำกับตัวเอง ใบหน้ายับยู่ยี่บึ้งตึง ท่าทางในตอนนี้แตกต่างจากท่าทางของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ตามปกติเป็นอย่างมาก เฉียวจิ่นเห็นแล้วก็ยืนฟังนางบ่นกับตัวเองอยู่ไม่ไกล
“เจ้าโง่หรือไร? ควบคุมปากตัวเองก็ทำไม่ได้! ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ขายขี้หน้าไปหมดแล้ว!”
“พี่เฉียวจิ่นก็ได้ยินแล้ว เขาจะคิดอย่างไร? ไอหยา น่าปวดหัวชะมัด!”
เฉียวจิ่นฟังนางบ่นพึมพำ ก็ยิ้มอ่อนขึ้นมา เขาย่องเดินไปอยู่หลังนางอย่างแผ่วเบา และเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน”นี่อวิ๋นซูจะถมบ่อปลานี้ให้ราบเลยรึ?”
เว่ยอวิ๋นซูชะงักมือขณะถือหินเตรียมจะเขวี้ยงลงไปในน้ำ และเงยหน้าขึ้นมองเขาทันใด
หญิงสาวในเวลานี้กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างตอม่อท่าเรือ ขดตัวเป็นก้อนอยู่ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ซึ่งชายคนนั้นยืนเอามือไพล่หลัง ยิ้มมุมปาก มองหญิงสาวอย่างอ่อนโยน แสงอาทิตย์กำลังดี ทิวทัศน์น่ารื่นรมย์ ทุกอย่างล้วนสวยงามไปหมด
เว่ยอวิ๋นซูชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่ง ประหนึ่งกระต่ายถูกจับได้ และรีบโยนก้อนหินในมือทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนเอ่ยตะกุกตะกัก “พะ…พี่เฉียวจิ่น ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ใบหูของเฉียวจิ่นร้อนผ่าวเล็กน้อย ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงหาเหตุผลขึ้นมาเอ่ย “อาหารพร้อมแล้ว ข้ามาตามเจ้าไปกินข้าว”
“โอ๊ะ…โอ้ว”
เว่ยอวิ๋นซูตอบรับอย่างเหม่อลอย และถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ในใจ โชคดีที่เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องน่าอายเมื่อครู่
ทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างรู้กัน คนหนึ่งนำหน้าคนหนึ่งตามหลัง ค่อยๆ เดินบนพื้นหินกรวดน้อยผ่านแปลงผักไปยังห้องโถงด้านหน้า
พวกเขาไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว ความเร็วในการเดินก็ไม่ได้เร็วมาก ต่างคนต่างหวังว่าเวลานี้จะเดินช้าลงหน่อย
ความจริงแล้วเฉียวจิ่นโกหกอย่างขอไปที แต่บังเอิญเฉียวเยี่ยนเพิ่งทำอาหารเสร็จและพวกข้ารับใช้ก็ยกอาหารเข้ามาพอดี เขาจึงไม่ถูกจับได้ว่าโกหก
หลังจากนั่งลงแล้ว เว่ยอวิ๋นซูก็ก้มหน้ากินอาหารตลอด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจิน ด้วยกลัวว่าพวกเขาทั้งสองจะหัวเราะเยาะนางอีก
คนที่มีชีวิตชีวาเป็นปกติ วันนี้กลับสนใจแค่กินข้าว ทำให้ซูเนี่ยนหว่านรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “อวิ๋นซู เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เหตุใดไม่พูดไม่จาอะไรเลยเล่า?”
เว่ยอวิ๋นซูเงยหน้าขึ้น แก้มของนางถูกยัดอาหารจนพองนูน นางกลืนอาหารในปากลงไปอย่างสู้ชีวิต และเกือบจะสำลักตาย
ซูเนี่ยนหว่านรีบตักน้ำแกงให้นางหนึ่งชาม และเอ่ยดุ “ไอหยา เจ้าช้าลงหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้ากินหรอก”
เว่ยอวิ๋นซูดื่มน้ำแกงลงไปหนึ่งถ้วยแล้วถึงได้สงบลง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มเชื่อฟัง “ป้าหว่าน ข้าแค่หิวเกินไปก็เท่านั้น อาหารฝีมือเฉียวเฉียวหอมอร่อยเพียงนี้ ข้าต้องกินให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นกลับบ้านไปก็ไม่ได้กินแล้ว”
ซูเนี่ยนหว่านทั้งโกรธทั้งปวดใจ “ไม่ว่ามันจะอร่อยแค่ไหนก็มิควรกินเหมือนเมื่อครู่นี้ เคี้ยวให้ละเอียดค่อยๆ กลืน มันดีต่อร่างกายเจ้า”
เว่ยอวิ๋นซูพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ครานี้ไม่ก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างดุดันอีกแล้ว บรรยากาศพลันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องเขาพัฒนาแล้วแฮะ ติดความหนังหนามาจากเฉียวเยี่ยนหรือเปล่า?
ระบบเอียนคู่ชิปแล้วเหรอ อย่าเพิ่งเอียนสิ ยังมีคู่ชิปอีกคู่ที่รอการชิปอยู่นะ
ไหหม่า(海馬)
Comments