ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 184 หอยเป่าฮื้ออบไก่
ตอนที่ 184 หอยเป่าฮื้ออบไก่
ตอนที่ 184 หอยเป่าฮื้ออบไก่
ร่างกายเฉียวเยี่ยนแข็งทื่อ ดวงตาจับจ้องไปทางเขา ตัวเขาในเวลานี้มีสีหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากแห้งแตกระแหง ดวงตาฉ่ำชื้นหยาดน้ำแวววาว ดูไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก
นางสูดหายใจลึก พยายามไม่คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าเขาไม่สบายตัวมากเท่านั้น จึงเปล่งเสียงอ่อนโยนเจรจากับเขา “ข้าจะไปทำอาหารมาให้ท่าน รอจนกว่าอาการท่านทุเลาลงบ้างแล้วท่านค่อยเช็ดช่วงล่างเองตกลงไหม?”
มู่ฉินเจินส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้ เช็ดตอนนี้เลย อึดอัด ”
ท่าทางของเขาดูอึดอัดจริงๆ จนดูไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำ เฉียวเยี่ยนจึงสูดหายใจเข้าอีกครั้ง เตรียมทุ่มสุดหน้าตัก
นางปลอบตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด ไม่ต้องอายน่า พวกเขาเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จะมองจะลูบจะคลำล้วนเป็นเรื่องปกติมาก
หลังจากภาวนาในใจไม่หยุดหย่อน ก็นำผ้าเช็ดตัวในมือที่เย็นชืดแล้วโยนลงไปแช่ในอ่างน้ำร้อนแล้วนำออกมาบิดหมาด แต่สิ่งที่นางไม่ได้สังเกตเห็นคือท่านอ๋องผู้นอนพังพาบไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงในเวลานี้กำลังวาดยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก
นางยืนอยู่ข้างเตียง ดึงผ้าห่มบนตัวมู่ฉินเจินออก และยื่นมือออกไปคลายเข็มขัดของเขา แต่ตอนที่จะถอดกางเกงกลับลงมือทำไม่ได้
สุดท้าย นางก็ตัดสินใจ เอ่ยกับมู่ฉินเจินว่า “ทะ…ท่านถอดกางเกงออก ข้าจะชะ…เช็ดให้ท่าน!”
นางพยายามสงบใจตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเอ่ยออกไปก็อดตะกุกตะกักไม่ได้
มู่ฉินเจินลอบยินดีอยู่ในใจ เขากำลังรอคำพูดนี้ของนางอยู่พอดี
เขาขานรับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ถอดกางเกงตัวเองออกอย่างฉับไว จนเปลือยเปล่าล่อนจ้อน แม้แต่ชั้นในสักชิ้นก็ไม่เหลือ
ยามกางเกงถูกถอดไปถึงขา เขาก็ถีบเท้าไปมา ให้ของที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นนั้นหลุดออกไป และขมวดเป็นก้อนซ่อนอยู่ในผ้าห่ม
เขาเปลือยเปล่าเปิดเผยตัวเองทั้งหมดให้เฉียวเยี่ยนเห็นอย่างใจกว้าง แค่มิรู้ว่าสีแดงบนใบหน้านั้นเป็นเพราะไข้หรืออายกันแน่
เฉียวเยี่ยนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก นางยังไม่ทันได้สติกลับมา คนผู้นั้นก็ถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าล่อนจ้อนแล้ว
สายตานางจับจ้องไปยังส่วนพิเศษของชายผู้นี้อย่างเลื่อนลอย สีหน้าแดงจัด ริมฝีปากสั่นระริก ทว่าเอ่ยไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
พี่ชาย ถึงอย่างไรเราก็ควรเหลือผ้าปิดส่วนล่างให้ตัวเองหน่อยไหม?
ภายในห้องเงียบสงัดเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนที่เสียงไออย่างยากลำบากของมู่ฉินเจินจะเรียกสติของเฉียวเยี่ยนกลับมา
นางรีบร้อนท่องว่าตาไม่เห็นนับว่าใสสะอาด(1)อยู่ในใจ และหลับตาเช็ดสะเปะสะปะอยู่บนขาเขาไปทั่ว ผลก็คือผ้าเช็ดตัวปัดไปถูกส่วนยากที่จะบรรยายได้พอดี
มู่ฉินเจินเปล่งเสียงครางแผ่วเบาออกมา สีแดงจากใบหน้าลามไปถึงติ่งหู หากไม่ใช่เพราะเส้นผมปกคลุมไว้ บางทีหนังศีรษะเขาก็อาจะแดงเรื่อด้วยเช่นกัน
เขาเองก็กระดากอายกับครั้งแรกที่กระทำการอุกอาจเช่นนี้เช่นกัน แต่ในเมื่ออยากพัฒนาความสัมพันธ์กับนางไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ก็จำต้องให้นางคุ้นเคยกับร่างกายตัวเองก่อน
วิธีให้นางมาดูแลตนตอนป่วยไข้เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดแล้วเท่าที่เขาคิดได้ เขาต้องชนะใจนางให้ได้ก่อน จากนั้นการพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้นก็จะง่ายดายมาก
กระนั้นเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าท่อนไม้จะสัมผัสโดน…
เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงเขาก็ลนลานลืมตาขึ้น ครั้นสายตาจ้องไปยังมือของตัวเอง นางพลันอับอายจนอยากตายในที่เกิดเหตุทันที
นางหดมือกลับอย่างรีบร้อน แต่จะลืมตาไม่ได้ หลับตาก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงกัดฟันเช็ดตัวให้เขาหมดทุกส่วน และทาแอลกอฮอล์ให้เขาอีกครั้ง
หลังจากปรนนิบัติท่านอ๋องผู้นี้เสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ออกจากห้องไปยืนอยู่หน้าประตูพลางระบายลมหายใจยาว บนแก้มยังร้อนผะผ่าว นางยกมือที่เพิ่งก่ออาชญากรรมข้างนั้นของตัวเองขึ้นมาด้วยความอับอาย จนก่อเกิดโทสะและตบมือไปมาอย่างไม่เบาไม่แรงนัก
“เจ้าตาบอดหรือไร!”
เวลานี้หากมือของนางสามารถพูดได้ มันต้องร้องไห้เสียงดังอย่างเสียใจเป็นแน่ ก็มันตาบอดจริงๆ นี่! สามารถโทษมันได้ด้วยหรือ
มู่ฉินเจินที่อยู่ในห้องในเวลานี้ดูทั้งพึงพอใจทั้งละอายใจ การกระทำในวันนี้ได้บรรลุเป้าหมายที่เขากำหนดแล้ว เมื่อเจ้าท่อนไม้รู้จักกับร่างกายเขา ขั้นต่อไปก็คือต้องให้นางคุ้นเคยยิ่งกว่านี้
แต่แม้จะทำสำเร็จ ทว่าศักดิ์ศรีเขากลับไม่เหลือเท่าไรแล้ว
เฉียวเยี่ยนปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ และไปทำอาหารให้มู่ฉินเจินรับประทานที่ห้องครัวเล็ก เนื่องจากคนป่วยไม่ควรกินของมันเลี่ยน นางจึงเตรียมต้มโจ๊กหม้อหนึ่งให้เขา
นำข้าวเจ้าไปแช่ในน้ำ แช่เอาไว้สักประเดี๋ยวจะต้มได้เปื่อยง่ายขึ้น จากนั้นหยิบหัวถุ่ยไร้มันมาหนึ่งชิ้น หั่นจนเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อเอาไปต้มกับน้ำแกง
ครั้งก่อนที่กลับมาจากเยวี่ยโจว นางซื้อสินค้าท้องถิ่นมาด้วยไม่น้อย และที่มากที่สุดในนั้นคือบรรดาอาหารทะเลแห้ง เช่นหอยเป๋าฮื้อแห้ง หอยเชลล์ และกุ้งแห้ง
เมื่อคืนนางแช่หอยเป๋าฮื้อไว้เล็กน้อย เพื่อเตรียมทำหอยเป๋าฮื้ออบไก่ในวันนี้ ตอนนี้จึงนำมาต้มโจ๊กให้มู่ฉินเจินได้ประจวบเหมาะพอดี
หั่นหอยเป๋าฮื้อที่แช่น้ำจนอิ่มตัวดีแล้วเป็นแฉกๆ ใส่น้ำมันหมูลงในหม้อร้อนเล็กน้อย จากนั้นใส่กุ้งแห้งลงไปผัดจนมันกุ้งออกมา
จากนั้นเติมน้ำลงไปครึ่งหม้อ ตักเปลือกกุ้งออก แล้วนำข้าวที่แช่แล้วเทลงในหม้อร้อน สุดท้ายใส่หอยเป๋าฮื้อ หัวถุ่ยสับที่จัดการเสร็จแล้วลงไป ใส่ขิงสับลงไปเล็กน้อย และค่อยๆ เคี่ยวด้วยไฟอ่อน
โจ๊กทะเลมีกลิ่นหอมหวานอย่างหนึ่ง ยิ่งต้มก็ยิ่งหอม ก่อนหน้านี้ดูแลมู่ฉินเจินจนเหนื่อยไปพักหนึ่ง ยามนี้ได้กลิ่นโจ๊กหอมฟุ้งก็รู้สึกหิวขึ้นมา
ในระหว่างที่ต้มโจ๊กในหม้อร้อน นางก็จัดการหอยเป๋าฮื้อที่เหลือต่อ หั่นเป็นแฉกๆ เหมือนเช่นเคย แล้วเตรียมนำไปอบกับเนื้อไก่
ไก่ตัวไม่ใหญ่มาก หนักเพียงสองสามชั่ง พอดีรับประทานสำหรับพวกเขาสี่คน
ตอนนี้เนื้อไก่ที่รับประทานกันในตำหนักอ๋องซู่ล้วนเป็นไก่เลี้ยงปล่อยที่ขนส่งมาจากสวนป่าท้อ เนื้อสัมผัสสดอร่อยดีกว่าไก่ธรรมดามาก คนทั่วทั้งตำหนักกินไก่ปล่อยเลี้ยงจนชินแล้ว เมื่อกินเนื้อไก่ที่อื่นก็มักจะรู้สึกว่าไม่ถูกปาก
และพวกลูกค้าที่ไปกินข้าวที่หอหวาอวิ้นประจำก็รู้สึกเหมือนเดียวกัน ครั้นได้กินไก่เลี้ยงปล่อยในภัตตาคารแล้วกลับไปกินเนื้อไก่ที่บ้าน ก็รู้สึกเหมือนกินเนื้อปลอมอย่างไรอย่างนั้น
แม้จะมีวิธีการทำที่ไม่ต่างกันมาก ทว่ารสชาติของไก่เลี้ยงปล่อยกับไก่ธรรมดากลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเนื้อไก่ที่เหล่าเจ้าขุนมูลนายกับคนรวยกินตอนนี้ก็ล้วนซื้อมาจากภัตตาคารทั้งสิ้น
หลังเฉียวเยี่ยนปอกเปลือกกระเทียมจนได้หนึ่งถ้วยเต็ม ก็หั่นต้นหอมเป็นท่อนๆ ฝานขิงเป็นแผ่นๆ นางเริ่มทำหอยเป่าฮื้ออบไก่แล้ว
ตั้งน้ำมันในหม้อให้ร้อน นำกระเทียม ต้นหอมกับขิงลงไปผัดให้เป็นสีเหลืองทอง แล้วเทเนื้อไก่ที่สับเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปผัด คอยจนเนื้อไก่เป็นสีเหลืองทองแล้วก็เทน้ำพริกหมูสับที่โรงงานผลิตลงไปครึ่งโถ สุดท้ายเติมน้ำ เติมหอยเป๋าฮื้อลงไป แล้วตุ๋นด้วยไฟอ่อนก็เป็นอันเสร็จ
น้ำพริกหมูสับของโรงงานนำไปใช้สอยได้อย่างหลากหลาย สามารถกกินกับกับข้าวสวย หรือนำไปใช้ผัดกับอาหารก็ได้ ในตอนปรุงเนื้อปลาหรือเนื้อเป็ดก็ไม่ต้องปรุงน้ำหมักเอง แค่ใส่น้ำพริกหมูสับลงไปครึ่งโถก็ทำให้คนกินข้าวไปสามถ้วยใหญ่อย่างหิวโหยได้
เมื่ออาหารสุก พวกเด็กๆ ก็กลับมาพอดี ยังไม่ทันได้เห็นร่างก็ได้ยินเสียงหวานเจื้อยแจ้วเรียกท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าปลาอ้วน
ไม่นานพวกเด็กๆ ก็วิ่งเข้ามาในบ้าน โดยมีเฟิงหยางเดินตามหลังมา และถือกระเป่าหนังสือให้เจ้านายน้อยทั้งสอง
พวกลูกๆ ต่างรู้ว่าเวลานี้มารดาจะทำอาหารอยู่ในห้องครัว ดังนั้นเมื่อกลับมาถึง ก็วิ่งตรงไปยังห้องครัวทันที
“ท่านแม่ พวกเรากลับมาแล้ว! คิดถึงพวกเราบ้างหรือไม่?”
เด็กน้อยทั้งสองยื่นหน้าสลอนเข้ามาในห้องครัวประหนึ่งแมวน้อยสองตัวย่องมาขโมยอาหาร ทำให้เฉียวเยี่ยนรู้สึกหัวใจพองโต
นางกอดเด็กน้อยทั้งสองและหอมแก้มอย่างแรง พลางสูดดมกลิ่นหอมน้ำนมบนตัวพวกเขา พริบตาเดียวก็รู้สึกแค่ว่ามันสดชื่นไม่น้อย
ยังเหลืออีกสองเดือน พวกเด็กๆ ก็จะอายุเต็มห้าขวบแล้ว ปีนี้โตขึ้นมาไม่น้อย ร่างกายเริ่มยืดสูงขึ้น ไม่อ้วนท้วนจ้ำม่ำเฉกเช่นตอนเด็กแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)ไม่มองสิ่งที่ไม่สบอารมณ์ก็จะไม่หงุดหงิดหัวเสีย
สารจากผู้แปล
แพรวพราวนักนะท่านอ๋อง เวลาเช็ดตัวคราวหลังก็เอาผ้าฟาดตรงนั้นไปเลยค่ะเสี่ยวเยี่ยน รับรองสะดุ้งแน่
ไหหม่า(海馬)
Comments