ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 194 วันเกิดครบรอบห้าขวบ
ตอนที่ 194 วันเกิดครบรอบห้าขวบ
ตอนที่ 194 วันเกิดครบรอบห้าขวบ
หลังจากอบเค้กเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เตรียมส่วนผสมแป้งอีกครั้งเพื่อเตรียมหยอดทำคุกกี้
เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกว่าขั้นตอนทำเค้กเมื่อครู่ยุ่งยากเกินไป ขนาดมองแล้วก็ยังมองไม่ออก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสมองเลย
ทว่าขั้นตอนการทำคุกกี้เหมือนจะง่ายกว่ามาก และเหมือนว่านางจะทำมันได้
เฉียวเยี่ยนเห็นว่านางตั้งใจเรียน จึงอธิบายไปด้วย และทำไปด้วย
อันดับแรกร่อนแป้งด้วยกระชอนในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นละลายน้ำมันหมูให้เป็นของเหลว แล้วเทลงในแป้ง
คราวนี้นางไม่ใช้เนย แต่ใช้น้ำมันหมูธรรมดาแทน เพราะสมัยปัจจุบันมีขนมปังแบบโบราณที่ใช้น้ำมันหมูเป็นส่วนประกอบเช่นกัน ซึ่งมีรสชาติไม่เลย นางจึงคิดว่าน่าจะนำมาใช้ทำคุกกี้ได้
นำน้ำมันหมูที่ละลายแล้วเทลงในแป้งและคนให้เข้ากัน จากนั้นก็ใส่น้ำตาลลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ
เฉียวเยี่ยนใส่น้ำตาลไม่มาก ในบ้านมีผู้สูงอายุกับเด็กหลายคน หากกินน้ำตาลมากไปก็จะไม่ดีต่อสุขภาพ และนางเองก็ไม่ชอบของหวานที่หวานเกินไปจนเลี่ยน
หลังจากผสมแป้งกับน้ำมันให้เข้ากันแล้ว ก็ตอกไข่แดงลงไปสามฟอง จากนั้นก็คนต่อ จนกระทั่งผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
เพื่อเพิ่มรสชาติให้คุกกี้ นางยังใส่เมล็ดสนคั่วกับวอลนัทคั่วลงไปในแป้งด้วย
แป้งที่เตรียมเสร็จแล้วจะต้องพักไว้ในที่เย็นหนึ่งชั่วยาม แม้ในสมัยโบราณจะไม่มีตู้เย็น ทว่าในปลายเดือนสิบเมืองหลวงก็หนาวมากอยู่แล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่วันหิมะก็จะเริ่มตก
ใช้กระดาษมาห่อแป้งเป็นก้อนกลม แล้วนำไปแช่เย็นไว้ด้านนอกห้อง เพื่อช่วยให้ขนมขึ้นตัว
นำแป้งที่แช่เย็นเสร็จแล้วมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ พอเหมาะ แล้วอบในเตาเผาขนมปังก็เป็นอันเสร็จ
หลังจากอบคุกกี้ออกมาแล้ว กลิ่นหอมหวานกับกลิ่นน้ำมันก็ลอยคละคลุ้งมาเป็นระลอกๆ และยิ่งหอมฟุ้งขึ้นอีกขั้นด้วยกลิ่นเมล็ดสนคั่วกับวอลนัทหั่นที่ผ่านการอบอีกครั้ง
เว่ยอวิ๋นซูไม่สนว่าจะร้อนหรือไม่ หยิบเข้าปากไปหนึ่งชิ้น ตอนเข้าปากก็รู้สึกได้ถึงรสชาติกรุบกรอบ แม้จะใช้น้ำมันหมูอบ แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันเลี่ยนเลย
เฉียวเยี่ยนเองก็ชิมไปชิ้นหนึ่ง และพอใจกับรสชาตินี้มาก
งานวันเกิดปีนี้เหมือนกับปีก่อน เพิ่มเติมคือการเชิญเพื่อนร่วมชั้นของเด็กทั้งสองคนมาเล่นในตำหนักด้วย เด็กทั้งสองเป็นเด็กเล็กที่สุดในชั้นเรียน เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาเป็นเด็กโตที่อายุเจ็ดแปดปีแล้ว
แม้พวกลูกๆ จะยังเด็ก แต่กลับเป็นราชาในกลุ่มพวกเขา เมื่อหนึ่งคนเรียกหา ร้อยคนขานรับ หลังจากส่งเทียบเชิญออกไป ก็ไม่มีบ้านไหนปฏิเสธไม่มางานเลี้ยงเลย
ปีนี้ยังคงเหมือนเคย ฮ่องเต้กับฮองเฮาออกวังมาฉลองวันเกิดให้หลานชายหลานสาว ซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่นก็มาที่ตำหนักอ๋องซู่เช่นกัน แม้แต่เว่ยอวิ๋นซูก็มาร่วมความสนุกด้วย
พวกเขาต่างเตรียมของขวัญให้พวกเด็กๆ จนวันนี้เด็กทั้งสองรับของขวัญกันไม่หวาดไม่ไหว
เฉียวเยี่ยนก็ไปช่วยคนครัวทำงาน เตรียมอาหารมากมายหลากหลายไว้เต็มโต๊ะ
เด็กน้อยมากมายที่มาในวันนี้ต่างมาเพื่อกินทั้งนั้น ปีก่อนโชคดีได้กินเค้ก ทำให้พวกเขาคิดถึงไปอีกหนึ่งปีเต็ม
พอกลับไปให้คนครัวในจวนทำให้พวกเขา กลับไม่มีใครทำออกมาได้สักคน และพวกผู้ปกครองก็คิดว่าพวกเขากำลังสร้างปัญหา
นอกจากเค้กแล้ว อาหารในตำหนักอ๋องซู่ก็ดึงดูดพวกเขามาก และรู้สึกว่าอาหารทุกอย่างอร่อยกว่าในบ้านตัวเองมาก
พวกเขาต่างอิจฉาเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มาก ในใจคิดว่าเหตุที่ทั้งคู่เก่งขนาดนี้ได้ ต้องเป็นเพราะได้กินของดีๆ เป็นแน่!
ในงานเลี้ยงตอนเย็น เด็กทั้งสองสวมหมวกวันเกิด สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ สองมือน้อยประสานกันขอพรกับเค้กวันเกิดสามชั้น
ปีนี้เก็บเกี่ยวลูกท้อได้มาก บนโต๊ะจึงมีอาหารเกี่ยวกับลูกท้อหลากหลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่เค้กวันเกิดยังเป็นรสท้อน้ำผึ้ง
นำแยมท้อน้ำผึ้งทาลงบนเค้ก ด้านบนสุดยังตกแต่งด้วยเนื้อลูกท้อสีชมพูหวานแหวว ส่งกลิ่นหอมหวานอบอวลไปทั่ว
ลูกท้อเชื่อมก็มีไม่น้อย ของพวกนี้ล้วนนำมาจากโรงงาน ผ่านการแช่เย็นมาแล้ว หากกินอาหารแล้วรู้สึกเผ็ด ก็กินเนื้อลูกท้อน้ำผึ้งเย็นฉ่ำ สดชื่นจนทำให้คนหรี่ตา
ฮ่องเต้เฒ่าโปรดปรานลูกท้อเชื่อมมาก เนื่องจากฟันฟางไม่ค่อยดีนัก เนื้อลูกท้ออ่อนนุ่มเช่นนี้จึงเหมาะกับเขายิ่งนัก
พวกเด็กๆ กินอาหารกันน้อยมาก หลังกินอิ่มแล้วก็วิ่งเล่นอยู่ในลานบ้าน ก่อนที่เจ้าภาพตัวน้อยทั้งสองจะนำเต่าน้อยทั้งสี่ตัวที่พวกเขาเลี้ยงออกมาให้พวกเพื่อนๆ ได้เปิดหูเปิดตา
วินาทีที่พวกหัวไชเท้าน้อยเห็นเต่า ก็เปล่งเสียงอุทานออกมาพร้อมเพรียง และรู้สึกว่าเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ่อร์ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
พวกเขาเคยเห็นเต่าที่ไหนกัน ตอนนี้ได้เห็นแวบแรกก็รู้สึกชอบยิ่งนัก
เด็กน้อยทั้งสองแสดงการแข่งวิ่งเต่าให้สหายร่วมชั้นดู ให้กลุ่มหัวไชเท้าน้อยประหลาดใจจนกลายเป็นคนโง่
บางทีกลับบ้านไปคืนนี้ เจ้าเด็กน้อยพวกนี้ต้องรบเร้าผู้ใหญ่ให้ซื้อเต่าน้อยแน่
พวกเด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ว่าง เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยทำสำรับไพ่ขึ้นมา และสอนพวกเขาเล่นไพ่
ซูเนี่ยนหว่านไม่ค่อยอยากเล่นเท่าใด เฉียวเยี่ยนก็ไม่ได้บีบบังคับนาง ทำให้เหลือคนหกคนพอดี กลุ่มหนึ่งสองคน แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
สองสามีภรรยาย่อมอยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูอยู่กลุ่มเดียวกัน
บนโต๊ะสี่เหลี่ยม คนที่อยู่กลุ่มเดียวกันนั่งด้วยกัน เฉียวเยี่ยนนั่งใกล้กับมู่ฉินเจิน ฮ่องเต้เฒ่านั่งใกล้ฮองเฮา เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูนั่งด้วยกันด้วยใบหน้าใบหูแดงก่ำ และเว้นระยะห่างตรงกลางไว้เล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนพิงแขนมู่ฉินเจิน และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อยเอ่ยหยอกล้อขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านกับอวิ๋นซูนั่งห่างกันขนาดนี้ อีกเดี๋ยวจะดูไพ่กันอย่างไร?”
เฉียวจิ่นกระแอมไอออกมาอย่างเขินอาย ขณะเว่ยอวิ๋นซูมองค้อนใส่เฉียวเยี่ยนอย่างอายกลบเกลื่อน
โชคดีที่แสงเทียนตอนกลางคืนสลัวราง และเห็นหน้าแดงเรื่อของนางได้ไม่ชัดเจน ไม่เช่นนั้น นางคงจะวิ่งหนีไปแล้ว
ฮองเฮากับซูเนี่ยนหว่านมองความผิดปกติระหว่างทั้งสองออก รู้แต่ไม่พูดออกมา เพียงแค่ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งตราตรึงนาน
และจิตใจของฮ่องเต้เฒ่าในเวลานี้จดจ่ออยู่บนไพ่สองสามใบ ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของพวกหนุ่มสาว
ก่อนเอ่ยสั่งสองคนที่อยู่ตรงข้าม “พวกเจ้าทั้งสองเข้าหากันหน่อย มัวเชื่องช้าอืดอาดเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ไพ่จะเย็นหมดแล้ว!”
เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูตัวเกร็งพร้อมเพรียงกัน แม้จะยังเขินอาย แต่มิอาจขัดต่อบัญชาสวรรค์ได้ จึงทำได้แต่เขยิบเข้าหากันอีกนิด
เฉียวเยี่ยนยกนิ้วโป้งให้ฮ่องเต้เฒ่าอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ช่วยสำเร็จ เยี่ยมไปเลย!
ฮ่องเต้เฒ่าเป็นคนออกไพ่ในกลุ่มของฮองเฮา และกลุ่มของเฉียวเยี่ยนมีมู่ฉินเจินเป็นคนออกไพ่ นางที่เป็นมือดีรังแกมือใหม่ ดูจะไม่มีเหตุผลไปหน่อย
เมื่อมาถึงตาของเฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซู พวกเขาทั้งสองก็ชักช้าร่ำไรอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากได้รับสายตาเย็นเยือกของฮ่องเต้เฒ่ากวาดมองมา เว่ยอวิ๋นซูถึงได้จับไพ่ขึ้นมา
ทักษะทางด้านความจำของมู่ฉินเจินเหนือกว่าคนอื่น เฉียวเยี่ยนแค่อธิบายกฏไปหนึ่งครั้ง เขาก็จำได้ทั้งหมด ได้เล่นไพ่ครั้งหนึ่ง กลับดูเหมือนชำนาญประหนึ่งเล่นมาอย่างโชกโชน
เฉียวเยี่ยนไม่เข้าไปจุ้น ก้มเข้าไปใกล้เขาคอยดูเขาออกไพ่ และพอใจจนดวงหน้าเคลือบไปด้วยรอยยิ้ม
แต่สองกลุ่มที่เหลือกลับมีสถานการณ์หลากหลาย ฮ่องเต้เฒ่านำการเล่นหมากรุกมาใช้ ทุกครั้งที่ออกไพ่ก็จะเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า และได้รับสายตาดูถูกเย็นชาของมู่ฉินเจินไปหลายครั้ง
ฮองเฮาก็ร้อนรนจนสะกิดหลังฮ่องเต้เฒ่า และเอ่ยด้วยความโมโห “ท่านออกผิดอีกแล้ว! สองใหญ่กว่าสาม ท่านเล่นเป็นหรือเปล่าหา!”
ชายชราถูกด่าจนใบหน้าแห้งเฉา ในใจก็แอบบ่น เห็นๆ อยู่ว่าสามใหญ่กว่าสอง ใครมันเป็นคนออกกฏกัน ไม่เป็นไปตามหลักความจริงเลยสักนิด!
เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูอยู่ในสภาพปรึกษากันได้หลายหมื่นเรื่อง เฉียวจิ่นบอกออกไพ่ใบไหน เว่ยอวิ๋นซูก็ออกใบนั้น
หลังเล่นไพ่กันไปหนึ่งชั่วยาม ปฏิกิริยาของพวกเขาก็แตกต่างกันออกไป เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะอย่างไร้ภาพลักษณ์ และกุมท้องที่หัวเราะจนปวด
ส่วนฮ่องเต้เฒ่าโมโหเป่าเคราถลึงตา เพราะเจ้าเด็กบ้ามู่ฉินเจินไม่อ่อนข้อให้เขาสักตา ทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
มู่ฉินเจินมองเฉียวเยี่ยนอย่างหลงใหล และเพิกเฉยสายตาของชายชราอย่างสิ้นเชิง หากหาใช่เพราะสนใจที่มีคนอยู่ด้วย บางทีเขาอาจจะช่วยนวดคอให้นางไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เล่นไพ่กระชับสัมพันธ์หรือตัดสัมพันธ์กันแน่ ๕๕๕ แต่ที่แน่ๆ มีคู่หนึ่งเสียอาการชัดมากนะคะ
ไหหม่า(海馬)
Comments