ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 200 เล่นสิ่งน่าตื่นเต้น
ตอนที่ 200 เล่นสิ่งน่าตื่นเต้น
ตอนที่ 200 เล่นสิ่งน่าตื่นเต้น
มู่ฉินเจินได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ มือหนึ่งดึงนางเข้ามา คว้าใบหน้านางไว้ ก่อนก้มบดจูบลงบนริมฝีปากแดงสดดุจผลอิงเถาอย่างหนักหน่วง ปิดปากนางไว้ไม่ให้ได้เอื้อนเอ่ย
ทั้งสองกอดฟัดกันข้างสระบัว จุมพิตแนบแน่นยากแยกจากท่ามกลางแสงตะวันคล้อย มู่ฉินเจินจู่โจมอย่างดุเดือด หากแต่เฉียวเยี่ยนเองก็โต้กลับอย่างร้อนแรงไม่แพ้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ผ่านไปเนิ่นนาน มู่ฉินเจินก็เป็นฝ่ายผละจากนางก่อน นัยน์ตายังคงแฝงเร้นด้วยประกายหยอกล้อ
การจู่โจมของเจ้าท่อนไม้เมื่อครู่ราวกับจะกลืนกินเขาทั้งเป็น
เฉียวเยี่ยนหอบหายใจ ทว่าจิตวิญญาณนักสู้ยังคงฉายชัดในแววตา ท่าทางดูไม่ยอมจำนน
มู่ฉินเจินบีบดวงหน้าจิ้มลิ้ม พลางกล่าวสอน “จากนี้ไม่อนุญาตให้พูดคำพรรค์นั้นแล้วนะ ต่อให้คนอื่นดีเพียงใด ในสายตาข้าก็แค่คนผ่านเท่านั้น ในสายตา หัวใจข้าล้วนมีแต่เจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเป็นของข้า ไม่มีใครเทียบเทียบเทียมได้ทั้งสิ้น ข้าไม่เคยรู้สึกว่าจะมีใครอื่นดีไปมากกว่านี้แล้ว ”
เฉียวเยี่ยนฟังเขาสารภาพรักจากความรู้สึกลึกซึ้งของเขา บรรยากาศรอบกายก็ดูจะเป็นสีชมพูหวานแหววขึ้นมาทันใด มือหนึ่งคว้าตัวเขาไว้ ก่อนเดินไปด้านหลังภูเขาเทียม
สายตาดุร้ายจดจ้องเขากลับ “ไป! ข้าจะพาท่านไปเล่นอะไรน่าตื่นเต้น!”
มู่ฉินเจินดูประหนึ่งชายผู้ถูกหญิงจับตัวมาค้ามนุษย์ เดินตามติดผู้ลักพาตัวเข้าป่าเล็กๆ ทว่าผู้ลักพาตัวคนนี้กลับเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจ ถัดจากป่าเล็กก็กลายเป็นภูเขาเทียมแห่งหนึ่ง
มุมปากเขาหยักยิ้มจนแทบลอยไปในอวกาศ จากท่าทางโง่เง่าซื่อบื้อของเขาในยามนี้ ก็ไม่แน่ว่าเฉียวเยี่ยนอาจพาเขาไปขายจริงๆ โดยที่เขาเต็มใจเป็นคนนับเงินให้อีกฝ่ายเสียด้วย
หลังจากเดินเข้าสู่ภูเขาเทียมแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ผลักเขาเข้ากับภูเขาเทียมอย่างเหนือกว่า แต่ด้วยร่างกายนางที่เตี้ยกว่าเขามากนัก ทำให้ดูแล้วแปลกพิกลอยู่เล็กน้อย
มู่ฉินเจินปล่อยสองแขนลงข้างลำตัว ท่าทางเหมือนยอมจำนนต่อทุกบทลงโทษ
เฉียวเยี่ยนขบกัดริมฝีปากมู่ฉินเจินรุนแรงระคนอ่อนโยนด้วยอาการประหนึ่งสัตว์ร้าย สองมือยังโลมไล้ทั่วกายเขาจุดเพลิงร้อนระอุขึ้นมา
มู่ฉินเจินถูกช่วงชิงวิญญาณไปแทบไม่เหลือ ยกมือโอบรัดนางไว้อย่างมาดหมายเป็นฝ่ายควบคุม ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับสกัดมือเขาไม่ให้ได้ต่อต้าน
เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นเบาๆ “วันนี้ข้าเป็นเจ้านาย ท่านต้องฟังข้า เพลิดเพลินให้พอใจล่ะ”
มู่ฉินเจินยั้งมืออย่างว่าง่าย ปล่อยให้เจ้าท่อนไม้วุ่นวายบนตัวเขาจนพอใจ
ไม่มีใครรู้ว่าด้านหลังภูเขาเทียมข้างสระบัวในยามเย็นกำลังมีฉากร้อนแรงชวนใจเต้นเกิดขึ้น และเป็นมู่ฉินเจินเสียเองที่ถูกความร้อนแรงของเฉียวเยี่ยนจู่โจมจนหน้าแดงก่ำ…
วันรุ่งขึ้น คนที่เจอมู่ฉินเจินต่างรู้กันว่าพี่ใหญ่คนนี้อารมณ์ดีไม่น้อย และคาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายยกยิ้มทักทายใครก่อน กระทั่งเกาจัวหยวนและพรรคพวกยังได้รับการทักทายจากเขากันถ้วนหน้า
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป เกาจัวหยวนเตรียมรถม้าไว้เพื่อส่งเจ้านายเข้าวังไปเข้าเฝ้า คาดไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้นี้จะยิ้มแย้มคารมดีเต็มประดา กระทั่งทักเขาก่อน “อรุณสวัสดิ์”
เกาจัวหยวนตกใจจนแทบตกจากเพลารถม้า ในหัวเร่งคิดว่าเมื่อวานตนได้ทำเรื่องอะไรให้ท่านอ๋องไม่พอใจหรือไม่
ทว่าครุ่นคิดเนิ่นนาน ในหัวก็ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ขณะที่ท่านอ๋องยังคงมีสีหน้าสดใสราวลมวสันต์
เขาอยากร่ำไห้แต่ไม่มีน้ำตา จึงก้มหน้าก้มตารับผิด “ นายท่าน มีเรื่องอันใดโปรดพูดตามตรงเถิดขอรับ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ของท่านเช่นนี้ข้ารับไม่ไหวแล้ว! ”
ไม่กลัวเกรงนายท่านตำหนิบ่นด่า แต่กลับกลัวท่านอ๋องยิ้มเสียมากกว่า ก่อนหน้านี้หากท่านอ๋องยิ้มละก็ เตรียมรับเรื่องร้ายได้เลย!
สีหน้ามู่ฉินเจินคร่ำเคร่งลง ก่อนหุบยิ้มและเตะบั้นท้ายเขาไปทีหนึ่ง “ แบบนี้สบายใจขึ้นหรือยัง? ”
เกาจัวหยวนระเบิดหัวเราะพลางกุมบั้นท้ายที่เจ็บปวดไว้
สบายแล้ว! ยังคงเป็นรสชาติแสนคุ้นเคย นี่สิถึงเรียกว่ารสชาติที่ถูกต้อง!
เมื่อมาถึงตำหนักเจียงซาน เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่กำลังหารือเรื่องสำคัญของประเทศอย่างดุเดือด ส่วนมู่ฉินเจินกลับวิญญาณหลุดลอย เอาแต่นึกถึงเรื่องเมื่อวาน ใบหูเขาแดงเรื่อเล็กน้อย จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มสดใสไม่หุบอีกครั้ง
ฮ่องเต้เฒ่านั่งฟังการถกเถียงของบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างเบื่อหน่าย ครั้นเหลือบเห็นอาการของพระโอรส ก็อ้าปากค้างกรามแทบหลุดทันใด
ก่อนหน้านี้เจ้าลูกชายมาเข้าเฝ้าด้วยท่าทางประหนึ่งมัจจุราช ราวกับเขาติดหนี้อีกฝ่ายหลายร้อยตำลึงก็มิปาน ไฉนวันนี้ถึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ได้?
ทว่ารอยยิ้มนั้นช่างดูร้อนแรงนัก ดูราวกับวสันตฤดูเบ่งบานอย่างไรอย่างนั้น
หลังลงจากเข้าเฝ้า มู่ฉินเจินจึงคิดอยากกลับบ้าน ทว่ากลับถูกฮ่องเต้เฒ่าเรียกรั้งไว้
“เจ้าลูกบ้า มาดื่มกับข้าจอกหนึ่ง”
มู่ฉินเจินมองเขาอย่างเย้ยหยัน พลางกล่าวเยาะเย้ย “ตัวท่านเองอายุเท่าไรไม่ได้นับบ้างหรือ? ”
ฮ่องเต้เฒ่าถูกเยาะเย้ยจนต้องเป่าเคราถลึงตา ท่าทางประหนึ่งเสือร้ายมาดหมายกินลูกตัวเองปรากฏขึ้น ไฉนเขาถึงอยากเย็บปากเจ้าเด็กหัวรั้นนี่ไว้กันนะ!
ชายชราสะกดโทสะไว้ คอยกระทั่งเหล่าขุนนางทั้งหลายออกไปเกือบหมด ก็เอ่ยถามเสียงเข้ม “วันนี้เด็กอย่างเจ้าเอาแต่ยิ้มเหมือนคนโง่ทั้งวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเยี่ยนก้าวหน้าแล้วหรือ?”
เขายังจำรสชาติที่ภรรยาแก่เอาแต่บ่นจู้จี้จุกจิกข้างหูทุกวันได้ เจ้าลูกชายของเขานิสัยดื้อรั้น นานมาแล้วที่ไม่มีภรรยามากินถึงมือสักที
มู่ฉินเจินคลายคิ้วที่ขมวดลง ก่อนพยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธ ในดวงตาฉายแววลำบากใจเล็กน้อย
ฮ่องเต้เฒ่าไม่มอง แต่กลับตะโกนอย่างไม่สนใจ “ พอมีโอกาส!”
เขาถามต่อ “ เช่นนั้นข้าจะได้เป็นปู่อีกแล้วสินะ?”
มู่ฉินเจินได้ยิน ท่าทางพลันแข็งทื่อทันใด ก่อนส่ายหน้า
แม้ยังไม่ถึงจุดสุดท้าย แต่เขาก็เชื่อว่าอีกไม่ไกลแล้ว
ฮ่องเต้เฒ่าเมินเฉยยิ่งกว่าเดิม โบกมือใส่เข้าประหนึ่งโบกมือเรียกสั่งข้าว “ ไปๆๆ! อย่ามาขวางหูขวางตาข้า! ”
ดูท่าทางเจ้าเด็กบ้านั่นสิ ยังไม่ทันได้กินถึงมือก็ตื่นเต้นนำไปก่อนแล้ว
มู่ฉินเจินรีบไสหัวกลับตำหนักเหมือนอย่างทุกวี่วัน ขณะเฉียวเยี่ยนกำลังรอเขามากินข้าว
เมื่อเห็นปากจิ้มลิ้มสีแดงสดของเจ้าท่อนไม้นั้น ภาพชวนหูตาแดงเมื่อวานก็ไหลเข้าหัวอีกครั้ง…
ไม่ว่าอย่างไรอี้จื่อจิ้นก็คาดไม่ถึงว่าการกระทำของนางเมื่อวานจะทำให้ความรู้สึกของเฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินอบอุ่นกว่าที่เคย หากรู้เข้าละก็ นางต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่!
หลังรอดพ้นจากการถูกม้าเหยียบอย่างหวุดหวิด นางก็กลับจวนไปด้วยความหวาดผวา ครึ่งค่อนคืนเอาแต่ฝันร้ายไม่หยุด ทั้งยังจับไข้ป่วยขึ้นอีก กระทั่งต้องเรียกหมอหลวงมาดูอาการกลางดึก
อัครเสนาบดีกับหลู่ซื่อซักถามชิงเหลียนเกี่ยวกับสถานที่ที่อี้จื่อจิ้นไป ชิงเหลียนหวาดกลัวจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดไป
สองสามีภรรยาโมโหแทบทนไม่ไหว อย่างแรกคือลูกสาวไม่เชื่อฟัง สองคือมู่ฉินเจินนั้นช่างไม่รู้จักดีร้าย
คนจากจวนเขามาประเคนตัวเองให้ถึงที่ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่เอา หากเรื่องนี้แพร่สะพัดไป รู้ถึงไหนต้องทำเอาสกุลขายหน้าไปถึงนั่นแน่!
อัครเสนาบดีกับหลู่ซื่อส่งคนคอยจับตามองการเคลื่อนไหวในเมือง หากมีข่าวด้านแย่ของอี้จื่อจิ้นสะพัดออกมาเมื่อใด ต้องกำจัดทิ้งทันที
แต่เป็นไปไม่ได้ที่เฉียวเยี่ยนจะปล่อยโอกาสนี้ไป!
แอบจ้องผู้ชายของนางตาเป็นมันในที่ลับ นางมิอาจยุ่งเกี่ยวไหว ทว่าในที่โจ่งแจ้งนั้นนางกล้า ดังนั้นอย่าหาว่านางไม่เตือนก็แล้วกัน!
นางตามหาตานชิงเซิ่งโส่วมาวาดรูปหลายภาพ ภาพวาดดูเหมือนสมัยใหม่นี้ ได้ขีดวาดเรื่องราวในวันนั้นออกมา แล้วแปะตามแหล่งที่มีผู้คนพลุกพล่าน
รูปแบบภาพวาดดูแปลกใหม่ เหนือหัวบุคคลในภาพยังมีตัวอักษรเขียนไว้ เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้ถึงกระบวนการเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เมื่อแปะภาพเสร็จ ก็ตามหาอีกสองสามภาพมาแปะเพื่อสร้างบรรยากาศ ไม่ช้าเรื่องราวข่าวที่ว่าอี้จื่อจิ้นล้มเหลวในการแต่งงานก็แพร่สะพัดไปทั่ว
มิเช่นนั้นไหนเลยจะพูดว่าสามคนกลายเป็นเสือ(1)ได้ เรื่องราวที่ว่านี้ก็กระจายจากหนึ่งไปสิบ จากสิบไปร้อย แพร่สะพัดทั่วแล้ว
จากอี้จื่อจิ้นในตอนแรกที่แสดงความรักแล้วถูกปฏิเสธต่อหน้าฝูงชนนั้น กลับกลายเป็นอี้จื่อจิ้นถูกเปลื้องผ้าเปิดเผยความลับว่า ถูกชายที่แต่งงานแล้วปฏิเสธต่างหาก
กระทั่งว่าบางป้ายบอกว่าอี้จื่อจิ้นลอมมีสัมพันธ์กับผู้อื่น ตั้งท้องลับๆ กระทั่งว่าล่อลวงชายที่แต่งงานแล้วด้วยซ้ำไป
เฉียวเยี่ยนฉลาดพอที่จะไม่บอกว่าชายที่แต่งงานแล้วเป็นใคร ทำเอาฝูงชนคาดเดาไปต่างๆ นานา มีเพียงเรื่องที่เป็นปริศนาเท่านั้นถึงจะดึงดูดความสนใจผู้คนได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)สามคนกลายเป็นเสือ เป็นสำนวนหมายถึง เรื่องใดที่มีคนพูดมากๆ เข้า จากข่าวลือก็จะกลายเป็นข่าวจริง
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องอัพเดทแพตช์ใหม่แล้วติดบั้กเหรอคะ ท่านอ๋องผู้เย็นชาฉายามัจจุราชมู่คนนั้นหายไปไหนแล้ว
ยัยคุณหนูอี้เน่าแน่ ไม่ห่วงหน้าตาตัวเองก็ห่วงชื่อเสียงตระกูลบ้างเถอะ
ไหหม่า(海馬)
Comments