ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 21 เชือดไก่ให้ลิงดู ไถที่ทำสวน (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 21 เชือดไก่ให้ลิงดู ไถที่ทำสวน (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 21 เชือดไก่ให้ลิงดู ไถที่ทำสวน (รีไรท์)

ตอนที่ 21 เชือดไก่ให้ลิงดู ไถที่ทำสวน (รีไรท์)

อาหารมีทั้งขาหมูตุ๋นซีอิ๊ว ซาลาเปาไส้สองชนิด ยำแตงกวาหนึ่งจาน และสุดท้ายคือเนื้อผัดพริกดอง

อย่าดูถูกเนื้อผัดพริกดองจานนี้ เพราะชาวบ้านธรรมดาสามัญในรัชสมัยเทียนลี่อาจจะไม่เคยรับรู้รสชาติของเนื้อวัวเลยทั้งชีวิต

ทางราชสำนักได้สั่งห้ามฆ่าวัวที่ใช้ไถนา และเนื้อวัวที่เหล่าราชวงศ์เสวยนั้นล้วนเป็นเครื่องบรรณาการของชนเผ่าที่ทำปศุสัตว์ทางชายแดนภาคเหนือ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เนื้อวัวชิ้นเล็ก ๆ มา

ลูก ๆ ทั้งสองอาบน้ำจนหอมฟุ้ง และนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเล็กเพื่อรอให้เฉียวเยี่ยนป้อน

พวกเขาได้เนื้อขาหมูชิ้นใหญ่คนละหนึ่งชิ้น ซาลาเปาลูกเล็กสามลูก แตงกวาสองสามชิ้น เนื้อวัวผัดหนึ่งช้อน เนื้อวัวที่พวกเขากินนั้นเฉียวเยี่ยนไม่ได้ใส่พริกดอง ใช้เพียงน้ำมันหอมและขิงผัดเข้าด้วยกันเท่านั้น

มู่ฉินเจินเคยกินอาหารที่เฉียวเยี่ยนทำแล้วจึงไม่แสดงสีหน้าใด ๆ แต่การคีบอาหารนั้นกลับไม่ช้าลงเลย ไม่นานเขาก็กินซาลาเปาหมดไปหลายลูก

ตรงกันข้ามกับมู่เวินเหยียนที่หิวเหมือนหมาป่าหิวโซ เขากินซาลาเปาหนึ่งลูกในสองคำ พลางชมเชยไม่หยุดว่าฝีมือการทำอาหารของเฉียวเยี่ยนดีมาก

ขาหมูตุ๋นซีอิ๊วถูกตุ๋นจนนุ่มอร่อย แค่แทะเบา ๆ ก็แยกกระดูกออกได้แล้ว รสชาติไม่เลี่ยน น้ำซีอิ๊วก็อร่อยมาก

มู่เวินเหยียนชิมขาหมูชิ้นหนึ่ง พลันอุทานอย่างประหลาดใจพร้อมเบิกตาโตดุจกระดิ่งสำริด เขากินไปด้วยเอ่ยไปด้วยว่า “พี่สะใภ้สี่ ท่านเปิดภัตตาคารสักแห่งหนึ่งเถิด ขายแค่ซาลาเปากับขาหมูนี้ ต้องทำเงินได้มหาศาลแน่นอน!”

เฉียวเยี่ยนเผลอยิ้มออกมา มีใครเขาเปิดภัตตาคารขายซาลาเปากัน? แต่นางวางแผนที่จะเปิดภัตตาคารอยู่แล้ว และตอนนี้นางมีเงินสำรอง น่าจะสามารถตั้งร้านได้ร้านหนึ่ง

เจ้านายสองสามคนภายในเรือนหลักกำลังรับประทานอาหาร ในขณะที่องครักษ์หลายคนที่อยู่นอกลานบ้านกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งซาลาเปาสองสามลูก

ตอนที่เฉียวเยี่ยนนึ่งซาลาเปานั้นนางจะนึ่งมากหน่อย และให้ฮุ่ยเซียงแจกจ่ายส่วนที่เหลือให้กับข้ารับใช้ในเรือนจิ่งเสวียน เมื่อเกาจัวหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาจากการทำงาน ก็เห็นเหล่าข้ารับใช้กำลังกินซาลาเปา หลังจากถามแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของหวางเฟย

พวกเขาพลันนึกเสียใจทันทีว่าตนไม่ควรกินข้าวด้านนอกเลย ครั้นรีบไปที่ห้องครัวก็พบว่าเหลือซาลาเปาอยู่ไม่กี่ลูก จึงเริ่มต่อสู้กันเพื่อแย่งซาลาเปาสองลูก

ตกเย็น

มู่ฉินเจินกำลังจัดการงานราชการอยู่ในห้องหนังสือ ลุงฉูก็มารายงานเรื่องข้ารับใช้ในตำหนักไม่เคารพหวางเฟย

หลังจากฟังจบ เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ไปรวบรวมข้ารับใช้ทั้งหมดในตำหนักมาที่ลานหน้าบ้าน”

“ขอรับ!”

เมื่อลุงฉูเห็นท่าทางของนายตัวเอง ก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น หลังจากขอตัวออกไป เขาก็ไปเรียกข้ารับใช้ทั้งหมดในตำหนักมารวมตัวกัน

เฉียวเยี่ยนกำลังจัดการกับเมล็ดพันธุ์ผักของนาง เมื่อได้ยินฮุ่ยเซียงแจ้งว่ามู่ฉินเจินเรียกนางไปที่ลานหน้าบ้าน นางจึงเดินตามไปด้วยความสับสน

ครั้นมาถึงลานหน้าบ้าน ก็พบเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักมากมายกำลังยืนจับกลุ่มคุยอะไรกันบางอย่าง

มู่ฉินเจินยืนอยู่ต่อหน้าเหล่าข้ารับใช้ เขายืนเอามือไพล่หลัง สีหน้าจริงจังเย็นชา ครั้นเห็นเฉียวเยี่ยนเดินเข้ามา เขาก็ยิ้มบาง ๆ และเดินไปจับมือนาง

เฉียวเยี่ยนที่จู่ ๆ ก็ถูกจับมือรู้สึกนิ่งอึ้ง ชายคนนี้กำลังจะทำอะไร?

นางพยายามดึงมือออก แต่มู่ฉินเจินกลับจับไว้แน่น

เขาหันกลับมามองพลางส่งสายตาให้นางอยู่นิ่ง ๆ เฉียวเยี่ยนถูกเขาจับมือพาเดินผ่านกลุ่มฝูงชนด้วยสีหน้างุนงง นางก็ได้แต่ยืนนิ่งต่อหน้าผู้คน

มู่ฉินเจินยกมือขึ้น เกาจัวหยวนและองครักษ์สองสามคนก็ดันข้ารับใช้สองสามคนขึ้นไป และคนเหล่านี้คือข้ารับใช้หกคนที่ถูกเฉี่ยวเยี่ยนข่มขู่จนขุดดินทั้งวันในวันนี้

เมื่อข้ารับใช้ทั้งหกเห็นมู่ฉินเจิน ก็ถึงกับทรุดเข่าลงบนพื้นและร้องขอความเมตตาทั้งที่ยังไม่ได้ซักถามอะไร เพราะเวลาท่านอ๋องโหดโหดเหี้ยมขึ้นมาก็แทบไม่ต่างอะไรกับหวางเฟยเลย

มู่ฉินเจินจ้องมองข้ารับใช้ทั้งหกที่สารภาพผิดต่อหน้าเขาอย่างเย็นชา ยืนนิ่งไม่ไหวติง น้ำเสียงเย็นเยียบไปถึงกระดูก “เปิ่นหวางไม่รู้ว่าผู้ใดใช้ให้พวกเจ้าหาญกล้าดูหมิ่นนายหญิง!”

“ในเมื่อเข้ามาในตำหนักอ๋องซู่ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎตำหนักอ๋องซู่ นับตั้งแต่วันนี้ไป ทุกเรื่องในตำหนักล้วนมอบให้หวางเฟยจัดการดูแล เห็นหวางเฟยก็เหมือนเห็นเปิ่นหวาง หากผู้ใดกล้าดูหมิ่น ให้ส่งขายออกไปทันที!”

รังสีเย็นเยียบกดดันแผ่ซ่านจนข้ารับใช้ทั้งหกเหงื่อไหลลงมา คุกเข่าลงบนพื้นร้องขอความเมตตา และร้องไห้อย่างขมขื่น

มู่ฉินเจินไม่สนใจ ยกมือขึ้นเล็กน้อย เกาจัวหยวนเข้าใจทันที และนำองครักษ์สองสามคนพาข้ารับใช้ทั้งหกไปนอนราบอยู่บนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ โดยพลิกหลังขึ้นด้านบน หยิบไม้โบยออกมา และเตรียมลงโทษ

เฉียวเยี่ยนเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจว่ามู่ฉินเจินกำลังทวงความยุติธรรมให้นาง และเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู

ทว่านางไม่ต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูเช่นนี้ นางมีวิธีมากมายที่จะจัดการพวกเขาให้เชื่องอย่างราบคาบ!

นางส่งเสียงให้เกาจัวหยวนหยุด “อย่าเพิ่งตี! เห็นแก่ที่พวกเขาทำผิดครั้งแรก ครานี้ปล่อยพวกเขาไปเถิด”

ครั้นข้ารับใช้ทั้งหกได้ยินเสียงของเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกราวกับได้ยินเสียงสวรรค์ แต่ละคนร้องไห้จนสะอึกสะอื้นพลางเอ่ยขอบคุณเฉียวเยี่ยนเป็นพันหมื่นครั้ง

“ขอบพระทัยหวางเฟยเหนียงเหนียง ต่อไปนี้พวกข้าน้อยจะเป็นกำลังให้ท่าน!”

“หวางเฟยเหนียงเหนียงเป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิดจริง ๆ!”

เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินคำชมของพวกเขา มุมปากนางก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ ความจริงแล้วนางไม่ได้สูงส่งอะไรขนาดนั้น นางแค่คิดง่าย ๆ ว่าหากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ แรงงานที่ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างก็จะลดลงเท่านั้น

มู่ฉินเจินรู้ทันถึงนิสัยของเฉียวเยี่ยน นางคงไม่เห็นอกเห็นใจข้ารับใช้ไม่กี่คนแน่นอน และเกรงว่าตอนนี้ก็อาจจะกำลังคิดอะไรบ้า ๆ อยู่

เขายิ้ม ไม่สนใจอะไร และปล่อยให้นางจัดการ

เฉียวเยี่ยนที่เป็นหัวหน้าตำหนักคนใหม่กล่าวสั่งสอนข้ารับใช้ไปสองสามประโยค ก่อนจะให้พวกเขาแยกย้ายกันไป

ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ส่วนเฉียวเยี่ยนตั้งใจจะกลับเข้าเรือน และเพิ่งตระหนักได้ว่ามู่ฉินเจินยังจับมือตนอยู่

นางดึงมือออกมาอีกครั้ง คราวนี้มู่ฉินเจินไม่ได้เตรียมตัว นางจึงดึงมือออกมาได้อย่างง่ายดาย

สัมผัสอันอบอุ่นในมือพลันหายไป ทำให้ในใจมู่ฉินเจินเกิดความรู้สึกอ้างว้างขึ้นมา ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงรู้สึกอ้างว้าง

เฉียวเยี่ยนไม่คิดอะไรมาก นางรู้ว่าที่มู่ฉินเจินจับมือนางเมื่อครู่เป็นแค่การแสดงต่อหน้าคนนอกเท่านั้น

นางเงยหน้ายิ้มสดใสให้มู่ฉินเจิน และเอ่ยขอบคุณเขาอย่างไม่แยแส “วันนี้ขอบคุณมาก ข้าขอตัวกลับไปหาลูก ๆ ก่อนนะ”

เฉียวเยี่ยนจากไปแล้ว มู่ฉินเจินยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง แววตาพลันเลื่อนลอย

คาดไม่ถึงเลยว่าหญิงคนนี้จะไม่รอเขา!

ท่านอ๋องรู้สึกหดหู่ ราวกับเฉียวเยี่ยนเป็นคนใจร้ายที่ไม่ยอมรับผิดชอบ ในใจนึกสงสัยขึ้นมาว่าเขาไม่น่าดึงดูดเหมือนเมื่อก่อนแล้วหรือ?

…..

ไม่กี่วันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศปลอดโปร่งแสนสบาย ทำให้เฉียวเยี่ยนอารมณ์ดีอย่างมาก อากาศในวันนี้เหมาะแก่การทำงานเสียจริง !

แต่เหล่าข้ารับใช้ในจวนต่างพร่ำบ่นไม่หยุดหย่อนว่าขอให้เทพเจ้าบันดาลให้ฝนตกโดยเร็ว!

ทำไมน่ะหรือ?

เพราะสัปดาห์นี้เฉียวเยี่ยนบังคับขู่เข็ญให้พวกเขาไปขุดดิน!

ไม่ทำ? อยากต่อต้าน?

เฉียวเยี่ยนกวัดแกว่งจอบให้พวกเขาดู จากนั้นก็จับพวกที่อยากลองดีมาทักทายอย่างสนิทสนม ทักทายจนใบหน้าพวกนั้นบวมช้ำและคุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้น ส่วนพวกที่เชื่อฟังอยู่ด้านหลังก็หยิบเคียว แบกจอบแย่งกันทำงานทันที เชื่อฟังกันอย่างสุดใจ

และข้ารับใช้ทั้งหกที่ขอบคุณเฉียวเยี่ยนมาก ๆ ในตอนนี้ก็เข้าใจเจตนาร้ายของนางแล้ว นี่ไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิม แต่เป็นเจ้าที่ดินสุดโหด!

แอบขี้เกียจหรือ?

เจ้าหน้าด้านพอหรือไม่? ไม่เห็นหรือไรว่าหวางเฟยขุดดินหนักกว่าเหล่าสุภาพบุรุษเสียอีก?

องครักษ์กลุ่มหนึ่งที่เคยทำไร่ทำสวนเก่งเห็นท่าทางการทำงานของหวางเฟยก็เกิดจิตวิญญาณแห่งนักสู้ขึ้นมา พวกเขาไม่เชื่อว่าตนจะขุดได้ไม่เท่ากับสตรีผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง!

เฉียวเยี่ยนมองข้ารับใช้ที่ทำงานกันอย่างขะมักเขม้นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข และมีความรู้สึกอยากจะพรวนดินเพิ่มอีกหนึ่งผืน

ลูกทั้งสองเป็นเจ้าประจบสอพลอตัวน้อยของเฉียวเยี่ยน ขณะที่เฉียวเยี่ยนกำลังหักร้างถางพงพื้นที่รกร้างในตำหนัก ลูกทั้งสองก็ถือจอบขนาดเล็กขุดดินไปด้วย แม้กระทั่งเจ้าสุนัขตัวน้อยที่อยู่ข้างเท้าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็ใช้อุ้งเท้าของมันขุดหลุมอย่างขยันขันแข็ง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ว้ายย ท่านอ๋องโบ้แล้วเหรอ ซึมเป็นหมาหงอยเลย

รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของหวางเฟยหรือยังล่ะพวกเจ้า ๕๕๕+

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *