ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 224 สลับวิญญาณกัน
ตอนที่ 224 สลับวิญญาณกัน
ตอนที่ 224 สลับวิญญาณกัน
ท่ามกลางแสงสว่างจ้า ทว่าในความฝันคืนนี้นางกลับมองเห็นได้ชัดเจนว่าร่างนั้นคือผู้หญิงคนหนึ่ง และดูเหมือนนางกำลังถูกดึงดูดเข้าหาแสงสว่างนั้น
นางเดินไปที่แสงสว่างนั้นเหมือนครั้งก่อน และฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นเคย ตัดกลับมาที่บ้านสมัยปัจจุบันอีกครั้ง
เพียงแต่ในคืนนี้ฉากในห้องนั่งเล่นกลับเปลี่ยนไป
ตอนกลางคืน ไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดสว่าง บนจอทีวีแอลซีดีฉายการ์ตูนเด็กเล็ก ครอบครัวรักกันกลมเกลียวครอบครัวหนึ่งนั่งคุยอยู่ด้วยกัน และหยอกล้อเจ้าก้อนแป้งที่เล่นของเล่นอยู่บนพื้น
ในมือแม่ของนางถือถ้วยใบน้อยใบหนึ่ง ป้อนไข่ตุ๋นให้เจ้าก้อนแป้งที่เล่นอย่างมีความสุขบนพื้น ส่วนพ่อของนางกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
ไม่นานนักในห้องก็มีคนหนึ่งเดินออกมา ในมือถือจานผลไม้อยู่ และแกล้งเจ้าก้อนแป้งอย่างอ่อนโยน “ลูกรัก แม่ป้อนผลไม้ให้ลูกกินดีไหมจ๊ะ?”
เมื่อเจ้าก้อนแป้งเห็นแม่ ดวงตากลมโตก็หยีลงจนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว กอดของเล่นลุกขึ้นจากพื้นเดินเตาะแตะไปหาแม่
เฉียวเยี่ยนยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นมองพวกเขาปฏิสัมพันธ์กัน สายตามึนงงจ้องมองหญิงสาวที่เดินออกมาจากห้องครัว
เป็นตัวนางเอง ซึ่งกล่าวให้ชัดเจนก็คือร่างเดิมของนาง
นางตกใจจนแทบลืมหายใจ ก่อนเดินไปอยู่ข้างนาง อยากจะถามให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมือนางไปสัมผัสโดนแขนอีกฝ่าย มันก็ทะลุผ่านไป ราวกับนางในยามนี้เป็นเพียงแค่ธาตุอากาศ
นางชะงักอยู่กับที่ แล้วค่อยๆ สงบลง สังเกตดูปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาเพื่อหาคำตอบในนั้น
ชายที่เล่นหมากรุกกับพ่อนางเป็นพ่อของเจ้าก้อนแป้ง หรือก็คือสามีของร่างเดิม
จนถึงตอนนี้ข้อสงสัยที่อยู่ในใจนางได้คลี่คลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว นางกับเจ้าของร่างเดิมนางจะสลับร่างกัน นางมาที่ยุคอดีต ส่วนนางไปที่ยุคปัจจุบัน
ที่น่ายินดีคือพวกนางมีชีวิตที่ดีมาก มีครอบครัวเป็นของตัวเอง และไม่ให้ญาติของตัวเองต้องมาทุกข์ทรมานเพราะการสูญเสีย
ส่วนที่ว่าเหตุใดร่างที่นางอยู่ตอนนี้ถึงได้ต่อต้านการมีสัมพันธ์กับมู่ฉินเจินนั้น ณ ตอนนี้นางก็ยังไม่กระจ่าง แต่นางเชื่อว่าสักวันหนึ่งทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย!
หลังพบว่าความฝันครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับนาง วันรุ่งขึ้นนางก็ตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกสบายใจมาก หลังรับประทานข้าวเช้าเสร็จ นางก็พากลุ่มคนไปชมเรือนกระจกที่ใช้เพาะเห็ดของนาง
พวกคนงานตื่นแต่เช้าและเริ่มทำงานกันแล้ว นำเชื้อเห็ดที่ขนมาจากในตำหนักปลูกไว้ในถุงเพาะ จากนั้นก็จัดเรียงไว้บนชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ โดยมีคนงานที่รับผิดชอบในการรดน้ำโดยเฉพาะ
มู่ฉินเจินกับพวกองครักษ์ที่ตามหลังต่างพากันอัศจรรย์ใจ พวกเขาเคยเห็นแค่ชั้นเพาะเห็ดในตำหนัก พอมาเห็นชั้นเพาะเห็ดที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ก็ไม่ต้องบอกเลยว่าจะประหลาดใจขนาดไหน
วันนี้เฉียวเยี่ยนไม่ทำงาน ตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนกับสามพ่อลูก ตอนนี้งานที่เหลือในเรือนกระจกไม่จำเป็นต้องให้นางมาจับตาดูด้วยตัวเองแล้ว
เมื่อคนในหมู่บ้านเห็นเฉียวเยี่ยนพาเด็กๆ กับสามีมาด้วย พวกเขาก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น บ้างก็นำเมล็ดแตงหรือไม่ก็ผลไม้ที่มีในบ้านมายัดใส่มือเด็กน้อยทั้งสอง
แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าท่านอ๋องซู่จะเย็นชาไปหน่อย และรู้สึกหวาดกลัวเขาไปนิด ทว่าทำอย่างไรได้ในเมื่อหวางเฟยใจดีเป็นมิตร เด็กน้อยทั้งสองก็น่ารักจริงๆ ความหวาดกลัวเพียงเล็กน้อยนั้นจึงมลายหายไปนานแล้ว
เมื่อผ่านสระบัวแห่งหนึ่ง ก็มีคนกำลังเก็บฝักบัวอยู่ และยังมอบให้เฉียวเยี่ยนตั้งหลายฝัก
ในระหว่างที่เด็กทั้งสองเดินทาง ปากก็กินไม่หยุด เดี๋ยวก็กินผลไม้ เดี๋ยวก็แทะเมล็ดแตง มาตอนนี้เริ่มแกะฝักบัวอีกแล้ว แค่น่าเสียดายที่พวกเขาแกะจนมือเปื้อนน้ำสีเขียวไปหมด
ระหว่างผ่านบ้านชาวบ้านหลังหนึ่ง เฉียวเยี่ยนเห็นด้านข้างประตูใหญ่บ้านพวกเขามีต้นเหมยเขียวสูงใหญ่มากต้นหนึ่ง เดือนเจ็ดเป็นฤดูเก็บเกี่ยวลูกเหมยเขียวพอดี เห็นลูกเหมยเขียวขนาดลูกซิ่งจือแล้ว มันช่างทำให้รู้สึกน้ำลายสอจริงๆ
นานมากแล้วที่ไม่ได้กินลูกเหมยเขียว เฉียวเยี่ยนจ้องมองต้นเหมยนั้น ปากก็น้ำลายสอไม่หยุด
มู่ฉินเจินเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างจนใจ ก่อนเดินไปอยู่ข้างต้นเหมยนั้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง พลิกตัวทะยานขึ้นบนต้นไม้เก็บมาให้นางหลายลูก
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงทันใด พลันมองไปทั่วสารทิศประหนึ่งโจรก็มิปาน
นี่พวกเขากำลังขโมยกันอยู่มิใช่หรือ? ยังไม่ได้คุยกับเจ้าบ้านก็ไปเก็บลูกเหมยของเขาแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ทักทายก็ไม่เจอใคร ตอนกลางวันเป็นเวลาทำงานของพวกชาวบ้าน ในบ้านย่อมไม่มีคนอยู่แน่แล้ว
มู่ฉินเจินเก็บเสร็จก็ยัดลูกเหมยใส่แขนเสื้อตัวเอง เมื่อคิดว่าเก็บได้พอประมาณแล้วก็โรยตัวจากต้นไม้สู่เบื้องล่าง ก่อนหยิบขึ้นมาเช็ดลูกหนึ่งป้อนให้กับเฉียวเยี่ยน
เฉียวเยี่ยนชำเลืองมองเขา “ท่านอ๋อง มโนธรรมของท่านไปไหนแล้วเล่า? เป็นแกนนำทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเช่นนี้ เดี๋ยวชายชราเฒ่าก็ถลกหนังเจ้าหรอก”
มู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าไม่แยแสสิ่งใด “ไม่ต้องห่วง เรื่องไม่ดีให้เปิ่นหวางเป็นคนทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับหวางเฟยผู้สะอาดบริสุทธิ์เช่นเจ้า”
น้อยครั้งนักที่เฉียวเยี่ยนจะได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าเปิ่นหวาง ยามนี้น้ำเสียงเย้ยหยันตัวเอง ดูน่าขบขนเล็กน้อย
เขาดึงถุงเงินออกมาจากข้างเอว หยิบเศษเหรียญออกมาหนึ่งเหรียญ หมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านของชาวบ้าน ก่อนวางเงินไว้ข้างธรณีประตูห้องหลัก
ตอนที่กลับมาอีกครั้งก็เห็นเฉียวเยี่ยนมองเขาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พลางเอ่ยติดตลกในสิ่งที่เขาฟังไม่เข้าใจ “รอเจ้าบ้านกลับมาคงคิดว่าพ่อหนุ่มหอยโข่งมาให้โชค”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่ได้ฟังการหยอกล้อไปมาระหว่างบิดากับมารดา ณ ตอนนี้สายตาจ้องลูกเหมยกลมโตในมือบิดาเขม็ง
ลูกเหมยเขียวนี้นางเคยกินมาแล้ว มันเปรี้ยวจนต้องทำหน้ายู่ ทว่ารสชาตินั้นกลับทำให้คนหยุดกินไม่ได้ คิดแล้วนางก็เริ่มน้ำลายสอ
นางหยิบลูกเหมยเขียวมาจากมือบิดาหนึ่งลูก แล้วดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา เช็ดอย่างละเอียด สุดท้ายก็กัดไปคำใหญ่
รสสัมผัสเปรี้ยวจี๊ดที่แล่นขึ้นมาพริบตาเดียวทำให้ใบหน้านางบิดเบี้ยว แม้จะเปรี้ยวมากๆ กระนั้นนางก็ไม่คายออกมา เอาแต่เคี้ยวไม่หยุด จวบจนรสเปรี้ยวบนเนื้อลูกเหมยคลายลง
เฉียวเยี่ยนขบขันไปกับท่าทางไร้เดียงสาของลูกสาว ก่อนรับลูกเหมยที่นางยังกัดไม่หมดมาถือไว้ในมือ และเอ่ยอย่างระอา “เด็กโง่ ลูกเหมยหาได้กินเช่นนี้ไม่ คอยเจ้ากินหมดทั้งลูก คงได้เข็ดฟันน้ำนมของเจ้าแน่”
“แม่กลับไปต้มซวนเหมยทังให้ดีหรือไม่? ตอนนี้หยุดกินก่อน”
เจ้าปลาอ้วนรู้สึกยังไม่หนำใจเล็กน้อย ทว่ายังพยักหน้า ลิ้นน้อยเลียริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ากระหายอย่างยิ่ง
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เฉียวเยี่ยนก็ส่งองครักษ์คนหนึ่งไปซื้อน้ำตาลกรวดเหลืองที่ตำบลมา เพื่อนำมาต้มซวนเหมยทังให้พวกเขา
นำลูกเหมยล้างน้ำให้สะอาด แล้วควักเมล็ดด้านในออก จากนั้นต้มในน้ำเดือด ต้มให้รสเปรี้ยวกระจายออกมา เสร็จแล้วเติมน้ำตาลกรวดเหลืองลงไป หากมีชะเอม เปลือกส้มพวกนี้ก็ใส่ลงไปด้วยได้ จะได้เพิ่มรสชาติ
ทิ้งซวนเหมยทังที่ต้มเสร็จแล้วให้เย็น ดื่มหนึ่งชามในฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว ช่างเป็นเครื่องดื่มที่เอาไว้คลายความร้อนได้ดีจริงๆ
น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีน้ำแข็ง หากเพิ่มน้ำแข็งใส่เข้าไป รสชาติก็จะยิ่งเยี่ยมยอดกว่านี้
หลังจากพักอยู่ที่หมู่บ้านจือซานสองวัน ก็เป็นอันต้องบอกลาเห็ดที่เพาะในเรือนกระจกชั่วคราว และพวกเฉียวเยี่ยนก็รอกลับไปตำหนักอ๋องซู่
เพิ่งกลับไปถึงตำหนักก็ได้รับข่าวดีหนึ่ง!
ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวเผยพิรุธออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้มู่ฉินเจินได้ส่งคนไปสอดแนมทั่วทั้งเมืองหลวง ขอแค่มีคนเริ่มเสาะหาหมอยอดฝีมือเมื่อใด ก็ให้มารายงานเขาทันที
หลายวันมานี้ หมอที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวงถูกเชิญไปรักษาคนไข้ลับคนหนึ่ง ทว่าตอนที่พวกเขารักษาล้วนถูกปิดตาเอาไว้ จึงมิรู้อีกฝ่ายคือผู้ใด ทำได้แค่เพียงอาศัยจับชีพจรวินิจฉัยสถานการณ์สุขภาพของอีกฝ่ายเท่านั้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หรือความจริงแล้วสามีของเฉียวเยี่ยนในยุคปัจจุบันก็คือท่านอ๋องในยุคปัจจุบันนั่นแหละ เพียงแต่มันเป็นการสลับภพสลับชาติกัน?
ใครกันน้าคนไข้ลับคนนั้น จะใช่อย่างที่คิดไหมนะ?
ไหหม่า(海馬)
Comments