ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 225 ปลอมเป็นหมอเทวดา

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 225 ปลอมเป็นหมอเทวดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 225 ปลอมเป็นหมอเทวดา

ตอนที่ 225 ปลอมเป็นหมอเทวดา

มีทั้งอาการโลหิตจาง ใจเต้นผิดจังหวะ ใต้เหงือกและผิวหนังมีเลือดออก ทั้งหมดนี้เหมือนที่เฉียวเยี่ยนคาดเดาไม่มีผิดเพี้ยน

บนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นคนที่ขโมยยาไปก่อนหน้านี้แน่

ผู้สอดแนมสืบหาข่าวตามเส้นสนกลใน แต่ก็แน่ใจเพียงที่อาศัยคร่าวๆ ของคนผู้นี้ มันตั้งอยู่ในดงป่าไผ่แถบชานเมืองหลวง มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา พวกเขาจึงมิอาจเข้าใกล้ได้

ทว่าข่าวพวกนี้ก็เพียงพอสำหรับเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินแล้ว จากนี้ไปเหลือเพียงเริ่มแผนขั้นต่อไป ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในกองกำลังของอีกฝ่าย

เฉียวเยี่ยนเรียกหลันหนิงมา แล้วเริ่มจัดวางแผนขั้นต่อไปของพวกเขา

อีกฝ่ายกำลังหาหมอยอดฝีมืออยู่มิใช่หรือ? เช่นนั้นนางก็จะส่งคนปลอมเป็นหมอเทวดาไปหาเขาถึงที่!

นับตั้งแต่หลันหนิงเข้าร่วมฝ่ายนาง ก็เล่าเรื่องในอดีตของอีกฝ่ายที่รู้ตนให้นางฟัง

อีกฝ่ายมอบหมายงานที่หอนักฆ่า เมื่องานสำเร็จจะได้เงินรางวัลหนึ่งพันตำลึง

คนที่รับงานนี้มีไม่น้อยเลย ทว่าสุดท้ายก็ถูกหลันหนิงแย่งมาอยู่ในมือได้

หลังจากนางทำงานสำเร็จ ก็นำยาไปที่หอนักฆ่า วางไว้ในตู้ที่อีกฝ่ายกำหนดไว้ และจะมีคนมารับเอาไปเอง ดังนั้นนางไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายทั้งหมด เงินรางวัลก็มีผู้ดูแลงานหอนักฆ่าเป็นคนจ่ายให้

อีกฝ่ายไม่รู้สถานะนาง และนางก็ไม่รู้สถานะของอีกฝ่ายอย่างกระจ่างแจ้ง

เมื่อเฉียวเยี่ยนรู้เรื่องนี้ ก็แทบจะปรบมือร้องว่าเยี่ยมยอดออกมา หากพวกเขาเคยเจอหน้ากัน แผนต่อไปของนางคงดำเนินการได้ไม่ดีนัก

ทว่ายามนี้ พระเจ้ากำลังเข้าข้างนางจริงๆ !

นางวางแผนจะให้หลันหนิงแสร้งเป็นหมอเทวดาในยุทธจักร แทรกซึมเข้าไปในดงป่าไผ่สืบเสาะข้อเท็จจริง

หลันหนิงเป็นลูกน้องที่มีวิชาตัวเบาเยี่ยมที่สุด ถึงครานั้นเรื่องถูกเปิดเผย อัตราในการหลบหนีสำเร็จของนางย่อมสูงกว่าคนอื่นๆ มาก นางจึงค่อนข้างวางใจ

ขั้นแรกของการปลอมตัวเป็นหมอเทวดาในยุทธจักร ต้องทำให้หลันหนิงดูเหมือนหมอผู้มีชื่อเสียง

ชาติก่อนหมอเทวดาในโทรทัศน์ล้วนเป็นนางฟ้าสวมชุดสีขาวปลิ้วไสว สะอาดสะอ้าน ไม่เกี่ยวข้องกับทางโลก ดังนั้นนางจึงตั้งใจเตรียมชุดกระโปรงสีขาวให้หลันหนิง

ชุดผ้าต่วนแพรสีขาวปักลายดอกไม้ที่เรียบง่ายทว่าดูงดงาม คลุมด้วยผ้าโปร่งบางอีกชั้น ยามก้าวเดิน ผ้าโปร่งบางจะปลิวลอยขึ้น ดุจนางฟ้ามาเยือน

หลันหนิงมีรูปร่างสูงเพรียว เมื่อสวมชุดกระโปรงสีขาวไป กลับดูอ่อนหวานขึ้นมากในพริบตา ซึ่งแตกต่างจากวีรสตรีแห่งยุทธภพที่กล้าหาญองอาจก่อนหน้านี้

เฉียวเยี่ยนกับฮุ่ยเซียงยืนรอหลันหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นอกม่านกั้น เมื่อหลันหนิงเดินสะบัดชุดสีขาวปลิวไสวออกมาจากม่านกั้น ดวงตาทั้งสองพลันเปล่งประกายทันใด

กระโปรงยาวจรดพื้น เอวบางคอดเว้าโค้งได้รูป ทำให้คนมองแล้วหวนคะนึงหาทุกคราคราว ราวอยู่ริมน้ำรำไรตามที่บรรยายไว้ในคัมภีร์บทกวี

ดวงตาฮุ่ยเซียงแวววับ พุ่งเข้าไปกอดเอวหลันหนิงไว้ ถูไถไปรอบๆ ตัวนาง ราวกับจะดูดพลังจากร่างนางก็มิปาน

“พี่หลันหนิง เจ้าสวยเกินไปแล้ว! เอาความสวยของเจ้ามาแบ่งให้ข้าบ้างสิ!”

ฮุ่ยเซียงเป็นสาวน้อยธรรมดาๆ แม้จะไม่ได้น่าเกลียด ทว่าก็ไม่มีสิ่งไหนโดดเด่นเป็นพิเศษ ปกติยามเห็นพวกพี่สาวดูดีคนใด นางก็มักจะมีแววตาเป็นประกายวาววับ

ทว่ามองก็ส่วนมอง นางก็ยังค่อนข้างพึงพอใจกับตัวเองอยู่ แค่มีจมูกนิดตาหน่อย กินข้าวได้ หายใจได้ นอนหลับได้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกนั้น นางไม่มีความทะเยอทะยานสูงปานนั้น

เฉียวเยี่ยนก็มองหลันหนิงอย่างจดจ่อ พลางพยักหน้าด้วยความพอใจ ภาพลักษณ์เช่นนี้ หากปรับแต่งอีกเล็กน้อย ก็นับว่าผ่านแล้ว

หลันหนิงถูกทั้งสองคนจ้องมองจนเก้อเขิน ปกตินางมีนิสัยหยาบกร้าน เสื้อผ้าที่สวมล้วนเป็นเสื้อผ้าเข้ารูปหรือเสื้อผ้าบุรุษที่เคลื่อนไหวสะดวก ครั้งแรกที่สวมชุดกระโปรงยาวเช่นนี้ นางจึงกลัวว่าตัวเองเดินไปสองก้าวคงล้มไม่เป็นท่า

อีกทั้งชุดนี้ยังเป็นผ้าโปร่งบางปักลายดอกไม้ ซึ่งนางหาใช่นักแสดงไม่ การสวมอาภรณ์เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกว่าคนอื่นมองตนด้วยสายตาแปลกพิกล

คนที่ปกติไม่เคยแต่งตัว ยามนี้เปลี่ยนไปแต่งตัวเล็กน้อย ก็ทำให้คนละสายตาไปไม่ได้ เฉียวเยี่ยนไล่สำรวจนางขึ้นลงครู่หนึ่ง และจ้องผมหางม้าทรงสูงบนหัวนาง

มิน่าเล่านางถึงรู้สึกว่ามันแปลกๆ ตรงไหนสักอย่าง ที่แท้ก็เป็นทรงผมนี่เอง

ชุดกระโปรงยาวผ้าโปร่งย่อมเหมาะกับทรงผมที่ดูมีความเป็นหญิงสาว ซึ่งผมเปียหางม้ามักจะให้ความรู้สึกไม่กลมกลืนกัน

แล้วก็ต้องปรับเรื่องการแต่งหน้าอีกหน่อย รูปทรงคิ้วก็ต้องตัดแต่ง คิ้วของหลันหนิงเป็นคิ้วหนาทึบ แสดงออกถึงบุคลิกองอาจผ่าเผย หากจะเปลี่ยนเป็นหมอเทวดาผู้โอบอ้อมอารี ต้องเปลี่ยนคิ้วเป็นคิ้วเรียวดั่งใบหลิว

หนึ่งชั่วยามต่อมา เฉียวเยี่ยนกับฮุ่ยเซียงก็ลงมือแต่งหน้าให้หลันหนิงอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จัดการใบหน้ากับผมของนาง

ฮุ่ยเซียงเกล้าผมเป็นมวยเมฆคล้อยให้นาง ส่วนเฉียวเยี่ยนรับผิดชอบปรับแต่งหน้าให้นาง

ใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนวาดทรงคิ้วเบาๆ ให้ดูเรียวดั่งใบหลิว ระหว่างกลางคิ้ววาดฮวาเตี้ยนสีแดง ทารองพื้นบางๆ สองแก้มปัดชาดสีแดงอ่อนๆ ริมฝีปากบางทาด้วยลิปสติก เช่นนี้การแต่งหน้าง่ายๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

การประทินโฉมเช่นนี้ทำให้ดูสง่างามทว่ามีเสน่ห์ ผมมวยเมฆคล้อยเข้าคู่กับกระโปรงผ้าโปร่งสีขาว ดูสง่างามและใจกว้าง เฉียวเยี่ยนกับฮุ่ยเซียงกอดอกมองผลงานของตัวเองด้วยความพึงพอใจ

เฉียวเยี่ยนยิ้มตาหยีเอ่ยกับหลันหนิง “ลุกขึ้นเดินให้ข้าดูสองก้าวสิ”

หลันหนิงถูกทั้งสองคนจับแต่งตัวจนรู้สึกเหน็บชาแล้ว จึงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้นั่งเหมือนหุ่นยนต์ พลางก้าวขา เดินสองก้าวให้นางอย่างแข็งทื่อ

รอยยิ้มบนใบหน้าเฉียวเยี่ยนชะงักค้างเมื่อเห็นย่างก้าวอันองอาจเป็นอิสระของนาง พอจะนึกภาพออกไหมว่าฉากนี้มันดูขัดตาแค่ไหน เมื่อสาวงามผู้อ่อนโยนกลับก้าวย่างอาดๆ เหมือนบุรุษคนหนึ่ง?

นางกุมหน้าผากอย่างระอา ไฉนถึงลืมไปเสียได้ว่าพี่สาวคนนี้เป็นสาวแกร่งคนหนึ่งนะ?

นางมอบหมายงานยากเช่นนี้ให้ฮุ่ยเซียง พลางแตะไหล่นางเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “ฮุ่ยเซียงน้อย การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ สหายยังต้องทำงานหนัก ข้าจะคอยดูเจ้า!”

ฮุ่ยเซียงพลันรู้สึกว่าภาระของตัวเองหนักขึ้น ก่อนพยักหน้าอย่างหนักแน่น และตบอกเอ่ย “วางใจเถิดหวางเฟย ปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของบ่าวเอง!”

มุมปากหลันหนิงกระตุกสองครั้ง พลางนึกได้ว่าชีวิตของนางจะเป็นอย่างไรในอีกสองวันข้างหน้า ฟ้าดินคงมืดมนจนเป็นที่สังเวชใจจนไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกมนุษย์นี้ได้กระมัง!

ตอนนี้นางหลบหนีไปยังทันไหม?

หลบหนี? ไม่มีทางเสียหรอก!

ฮุ่ยเซียงน้อยจอมบ่นไม่มีทางปล่อยนางไปแน่!

นางคว้าสาวงามที่เพิ่งเผยตัวสดๆ ใหม่ๆ ลากหลันหนิงไปเรียนมารยาทในสวนดอกไม้

“ใช่ ค่อยๆ ก้าวเล็กๆ แบบข้า มือไขว้กันอยู่ตรงหน้าท้อง ค่อยๆ ก้าวเท้าออกไป การเคลื่อนไหวต้องเบา ห้ามส่งเสียงออกมาดังเกินไป…”

อาจารย์ฮุ่ยเซียงสอนอย่างเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมาย และสาธิตด้วยตัวเอง เดินไปมาอยู่ในสวนดอกไม้

ในขณะที่หลันหนิงศิษย์โง่เขลา ทำตามนางอย่างเก้ๆ กังๆ คนอื่นเดินเบาๆ อย่างประณีต แต่พอถึงนางกลับกลายเป็นท่ามูนวอล์คของไมเคิล แจ็คสันไปเสียอย่างนั้น

เฉียวเยี่ยนถือจานแตงโม นั่งอยู่ในศาลามองผลการสอนของฮุ่ยเซียง และขบขันกับท่าทางของหลันหนิงจนแทบพ่นแตงโมออกมา

นางหัวเราะอย่างไร้ภาพลักษณ์ จนหลันหนิงที่กำลังตั้งใจฝึกซ้อมอยู่ด้านล่างเงยหน้ามองนางอย่างน้อยใจ

แล้วข้าทำเพื่อใครกัน? ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะข้า ยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม!

เฉียวเยี่ยนรีบหุบยิ้ม ไม่ได้ๆ สตรีผู้นี้ยุแหย่ไม่ได้ หากนางไม่สบายใจขึ้นมา ใช้วิชาตัวเบาบินหนีจากไป นางจะไปหาคนที่น่าสนใจเช่นนี้มาจากไหนอีก

นางปิดปากตัวเองไว้ราวกับอุดหูขโมยกระดิ่ง แสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ได้ยิ้ม ทว่ามุมปากที่อยู่กลังมือกลับหยักยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

หลันหนิง “…”

พอได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่รักข้าแล้ว!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มันมีแค่คนเดียวแหละที่อยู่ในป่าไผ่ชานเมืองหลวง

โอย หนอ แคมเปญนี้จะสำเร็จไหมนะ เมนเทอร์ทั้งสองจะให้ผ่านไหม ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *