ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 228 เกิดอุทกภัยกะทันหัน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 228 เกิดอุทกภัยกะทันหัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 228 เกิดอุทกภัยกะทันหัน

ตอนที่ 228 เกิดอุทกภัยกะทันหัน

หลังเก็บเห็ดเขากวางเสร็จแล้วก็เอาวางไว้ในถาดอบ และนำเข้าไปอบในเตาอบขนมปัง เห็ดเขากวางที่อบแห้งแล้วจะเก็บรักษาไว้ได้นาน ตอนรับประทานแค่นำไปแช่ในน้ำ เมื่ออ่อนนิ่มแล้วก็ล้างให้สะอาด ใส่ลงไปในน้ำแกงเคี่ยวด้วยไฟอ่อนก็เป็นอันเสร็จ

เฉียวเยี่ยนใช้เห็ดเขากวางมาตุ๋นกับน้ำแกงกระดูกหมูหนึ่งหม้อ รสชาติหวานสดใหม่ เป็นที่ชื่นชอบของทั้งครอบครัว

เห็ดที่เพาะในตำหนักมีไม่มากนัก หลังจากเฉียวเยี่ยนเก็บพวกมันเสร็จก็ส่งเข้าวัง และแบ่งส่งไปให้จวนสกุลเฉียวกับจวนอันซีโหวเล็กน้อย ฮองเฮาชอบรสหวานสดใหม่ของน้ำแกงเห็ดเขากวางมากเป็นพิเศษ จึงตั้งใจออกวังมาเรียนทำน้ำแกงกับเฉียวเยี่ยนสองอย่าง หลังจากกลับเข้าวังก็ตุ๋นแกงให้ชายชราดื่ม

ช่วงนี้พวกข้ารับใช้ในตำหนักอ๋องก็ได้กินเห็ดสดใหม่เช่นกัน วิธีการทำก็เป็นเฉียวเยี่ยนสอนให้พวกคนครัวในห้องครัวใหญ่ พวกบ่าวพวกสาวใช้แตะละคนกินกันจนน้ำมันเยิ้มติดมุมปาก

ครั้นพวกที่ขายเรือนกระจกให้เฉียวเยี่ยนได้ยินว่าซู่หวางเฟยเพาะเห็ดในเรือนกระจก ใจพวกเขาก็ยากจะรับได้ตั้งหลายวัน

ตามคาด ผู้คนต่างก็โมโหไม่ด้อยไปกว่าใคร เรือนกระจกที่มีแต่วัชพืชขึ้นเมื่ออยู่ในมือพวกเขา พอไปถึงมือของซู่หวางเฟยแล้วกลับปลูกอะไรก็งอกงามทุกอย่าง

พวกเขาเคยได้ยินว่าเห็นปลูกได้ที่ไหนกัน!

แม้จะเป็นครอบครัวร่ำรวย อยากจะกินเห็ดก็ต้องรอถึงเดือนห้าเดือนหก ตอนนี้ซู่หวางเฟยไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว เพาะเห็ดเกือบหนึ่งร้อยหมู่ แค่คิดก็รู้ ว่าถึงตอนนั้นคงหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำแน่

พวกเขาอิจฉาจนน้ำตาน้ำลายไหล ยามค่ำคืนมืดมิดพากันนอนกอดเงินไม่กี่พันตำลึงที่ขายเรือนกระจกไปโดยมิอาจข่มตาหลับได้

และคนที่ข่มตานอนไม่หลับมากที่สุดก็คือจวนอัครเสนาบดี ถึงอย่างไรคนอื่นๆ ก็ยังได้เงินทุนคืนไปสองสามพันตำลึง แต่จวนอัครเสนาบดีของพวกเขากลับมองเรือนกระจกที่แม้แต่หญ้าก็ไม่ขึ้นนั้นตาปริบๆ

หากรู้เร็วกว่านี้คงขายราคาสองร้อยห้าสิบตำลึงต่อหนึ่งหมู่ให้เฉียวเยี่ยนไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น แม้จะฟังราคาแล้วขัดใจไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังได้เงิน

อัครเสนาบดียิ่งคิดก็ยิ่งโมโห สุดท้ายก็แบกหน้าเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ให้พ่อบ้านไปส่งที่ตำหนักอ๋องซู่ คิดจะร่วมมือกับเฉียวเยี่ยนต่อ

ทว่าเฉียวเยี่ยนไม่สนใจเรือนกระจกไม่กี่หมู่ของเขา ก่อนปฏิเสธพ่อบ้านชรากลับด้วยรอยยิ้มตาหยี่ และก่อนจะจากไปยังมอบเห็ดกับผักให้พ่อบ้านชราไปตะกร้าหนึ่ง บอกว่าขอให้ท่านอัครเสนาบดีเพลิดเพลินความสุขไปกับการเก็บเกี่ยว

นี่เป็นการเยาะเย้ยแบบเปิดเผยโดยไม่ปิดบังใดๆ !

เมื่ออัครเสนาบดีได้รับตะกร้าผักกับเห็ด เขาก็โกรธจนปากแทบบิดเบี้ยว นี่นางกำลังเยาะเย้ยเขา! ฉีกหน้าเขาชัดๆ !

เรือนกระจกของเขากระทั่งหญ้าก็ยังไม่ขึ้น แต่เรือนกระจกนางกลับเก็บเกี่ยวได้เฟื่องฟู แถมยังจะมาใช้คำพูดสวยหรูน่าฟังว่าเพลินเพลินไปกับการเก็บเกี่ยว เขาว่านางอยากยั่วโมโหเขาให้ตายแน่ๆ !

เฉียวเยี่ยนจะมีความคิดไม่ดีอะไรกัน? นางก็แค่อยากอวด และขยะแขยงพวกเขาก็เท่านั้น!

ปีนี้ปริมาณน้ำฝนไม่ปกติ ตั้งเดือนห้ามาจนถึงเดือนแปด ปริมาณน้ำฝนก็มากกว่าปีที่แล้วหลายเท่า

เฉียวเยี่ยนรู้สึกกังวลเล็กน้อย อีกเดี๋ยวก็เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พืชพรรณต่างๆ ต้องได้รับผลกระทบแน่

ฝนตกต่อเนื่องกัน ชั้นดินเกาะกันแน่น ในดินย่อมมีน้ำสะสม ทำให้พืชพรรณเน่าเสียได้ง่าย และยังก่อให้เกิดผลร่วงรวมถึงโรคได้สูงขึ้นในต้นไม้ผล

ตอนนี้ป่าท้อในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวของนางกำลังอยู่ในช่วงห่อผล เมื่อมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน การสังเคราะห์แสงไม่แข็งแรง น้ำตาลที่สะสมในผลไม้ก็จะน้อยลง สีก็จะไม่สวย

ตอนนี้นางสามารถคาดเดาได้ว่าปริมาณลูกท้อที่ได้ในปีนี้ต้องน้อยกว่าปีที่แล้วมากโข

ไม่เพียงเท่านี้ ฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันยังส่งผลกระทบต่อปริมาณมันเทศด้วย เป็นเหตุให้มันเจริญงอกงามทางลำต้นและใบ ทำให้ธาตุอาหารของพืชหมดไป จึงส่งผลต่อการขยายตัวของหัวที่อยู่ใต้ดิน

กล่าวง่ายๆ คือเถามันเทศงอกงามดี เพราะธาตุอาหารพืชถูกดูดไปใช้จนหมด ส่วนหัวมันที่อยู่ใต้ดินพอไม่ได้รับสารอาหารก็ขยายขนาดได้ไม่ใหญ่นัก

พวกชาวนาต่างอาศัยฟ้าฝนในการผลิตอาหาร หากสวรรค์ไม่เมตตา พวกเขาอาจจะไม่ได้เก็บเกี่ยวพืชผลเลย แม้แต่สมัยปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีทางด้านการเกษตรก้าวหน้ามากแล้ว เมื่อภัยพิบัติมาถึง ก็ทำได้แค่เพียงมองพืชผลของตัวเองเก็บเกี่ยวไม่ได้ตาปริบๆ

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสมัยโบราณที่ล้าหลังมาก ไม่กี่เดือนนี้ พวกชาวนาต่างถอนใจพร้อมคร่ำครวญต่อสวรรค์ ชีวิตในปีนี้ช่างยากลำบากนัก!

แม้การเพาะปลูกในที่โล่งในปีนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่โชคดีที่เฉียวเยี่ยนยังมีเรือนกระจกไว้รองรับ ดังนั้นน่าจะไม่เสียต้นทุนมาก

เดือนเก้าย่างเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวเห็ดเขากวาง เฉียวเยี่ยนวุ่นอยู่ในเรือนเพาะเห็ดใหญ่เรือนหนึ่ง สั่งให้พวกคนงานเก็บเกี่ยวเห็ดเขากวาง

การเก็บเกี่ยวเห็ดเขากวางค่อนข้างง่าย ใช้มีดเล่มเล็กตัดเห็ดให้แนบชิดกับปากขวดก็เเรียบร้อย ขวดที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วให้ขูดอาหารเพาะด้านบนสุดทิ้งส่วนหนึ่ง จากนั้นก็นำไปเพาะไว้บนชั้นเพาะต่อ ซึ่งยังเก็บเกี่ยวได้อีกสองครั้ง

ทว่าสถานการณ์การเติบโตของสองครั้งหลังจะเทียบกับครั้งแรกไม่ได้ เพราะว่าธาตุอาหารที่อยู่ในอาหารเพาะถูกเห็ดชุดแรกดูดซับไปเสียส่วนใหญ่แล้ว

เห็ดที่เก็บเกี่ยวเสร็จต้องรีบนำไปอบแห้ง ไม่เช่นนั้นมันจะเน่าเสียเร็วมากเมื่อไม่มีห้องแช่เย็น

เฉียวเยี่ยนสั่งให้คนสร้างเตาเผาขนมปังขนาดใหญ่หนึ่งเตา ซึ่งครั้งหนึ่งสามารถอบเห็ดแห้งได้ราวๆ สิบถาด แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ประสิทธิภาพก็ยังต่ำเกินไป

นางจึงทำได้เพียงจ้างคนงานชุดหนึ่งมา แบ่งเป็นสองกลุ่ม ห้องหนึ่งให้ทำงานกลางที่แจ้ง อีกกลุ่มให้ทำงานในที่ร่ม ทำงานเปลี่ยนกะกันโดยไม่พัก แบบนี้ถึงจะตามการเก็บเกี่ยวทัน

ฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันรบกวนจิตใจของนางมาก การเก็บเกี่ยวในไม่กี่วันมานี้จึงบรรเทาอารมณ์ของนางได้

แต่ไม่นานนัก เรื่องที่หนักหนาสาหัสมากกว่านี้ก็เกิดขึ้น!

ในเมืองอันหยางแห่งอวี๋โจวมีฝนตกอย่างต่อเนื่องจนน้ำในแม่น้ำหวงเหอเอ่อล้นตลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำได้ท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง ผู้ประสบภัยต้องพลัดถิ่น บ้างก็ถูกน้ำพัดพาไป ส่วนคนที่โชคดีมีชีวิตอยู่ต่างเดินทางขึ้นเหนือ หลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อหลบภัย

สองสามวันนี้มีผู้ประสบภัยเข้าเมืองหลวงมาชุดใหญ่ มู่ฉินเจินต้องออกไปแต่เช้าและกลับมาดึก พากองทัพจัดหาที่พักให้แก่ผู้ประสบภัย

ราชสำนักได้มอบของบรรเทาทุกข์ ผู้ประสบภัยได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่แล้ว ทว่าภัยพิบัติยังไม่ได้รับการแก้ไข การทำเช่นนี้ไม่ต่างจากน้ำน้อยแพ้ไฟ

หลังจากผู้ประสบภัยเข้าเมือง เฉียวเยี่ยนก็บริจาคของต่างๆ ไปไม่น้อย สินค้าต่างๆ ในโรงงาน ผักในเรือนกระจกถูกบรรจุใส่จนเต็มคันรถลากไปยังจุดช่วยเหลือ

ฝนยังคงตกอยู่ ผู้ประสบภัยจำนวนมากก็ยังอยู่ในการเดินทาง หลังจากที่พวกเขาถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้ก็มิอาจสั่งให้พวกเขาห้ามเข้าเมืองได้ จึงทำได้เพียงใช้กำลังของท้องพระคลัง พยายามจัดหาที่พักให้พวกเขาให้มากที่สุด

ทว่าผู้ประสบภัยมีจำนวนมาก หลังจากผ่านไปหลายวัน เสบียงก็เริ่มขาดแคลน ด้วยกังวลว่าจะมีคนถือโอกาสก่อจลาจล หลายวันมานี้มู่ฉินเจินจึงส่งกองกำลังเข้าควบคุมดุแลจุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย

บ้านเมืองกำลังทุกข์ยาก เฉียวเยี่ยนจึงพับการแสวงผลกำไรของตัวเองลงชั่วคราว เมื่อมีคนมาซื้อสินค้า นางล้วนปฏิเสธกลับหมด และนำสินค้าที่อยู่ในมือตอนนี้ไปบริจาคให้ผู้ประสบภัยก่อน

เห็ดที่เพิ่งเก็บสดใหม่ในเรือนกระจกถูกส่งไปให้จุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที เพื่อรับประกันว่าพวกผู้ประสบภัยจะมีกิน

การกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของผู้คนทั่วทั้งเมืองจนเกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจ ซู่หวางเฟยช่างมีจิตใจเมตตานัก สินค้ามากมายเช่นนี้ อย่างน้อยก็เป็นเงินหลายหมื่นตำลึง แต่นางกลับเต็มใจบริจาคให้โดยไม่ชักสีหน้าใส่แม้แต่น้อย

มีบางคนถึงกับคล้อยตาม กลับบ้านไปก็ไปค้นหาเสบียงที่เก็บไว้ในบ้านตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ที่รวบรวมไว้หรือผักเล็กน้อยที่ปลูกในสวนผัก ล้วนนำมาส่งที่จุดช่วยเหลือทั้งหมด

แม้ปริมาณจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นความจริงใจของพวกเขา หากสามารถแก้ไขปากท้องคนๆ หนึ่งได้ก็นับว่าเป็นธารน้ำใจสายหนึ่ง

ความนิยมนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว มีคนไม่น้อยไปบริจาคเสบียงที่จุดช่วยเหลือ มีอาหารก็บริจาคอาหาร ไม่มีอาหารก็บริจาคเป็นเสื้อผ้า มีร้านยาบางร้านก็บริจาคสมุนไพรมาให้ไม่น้อย

หลังจากอุทกภัยผ่านไป สิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็คือโรคระบาด อากาศเย็นชื้นเช่นนี้เหมาะแก่การแพร่เชื้อมาก ผู้ประสบภัยมีจำนวนมหาศาล เพียงมีคนหนึ่งติดเชื้อโรคห่า อาการป่วยก็จะแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นนอกจากรับหน้าที่แก้ไขปัญหาปากท้องของผู้ประสบภัยแล้ว ทางราชสำนักก็เฝ้าระวังป้องกันโรคเป็นพิเศษ หมอหลวงในโรงหมอหลวงจำนวนไม่น้อยถูกส่งไปตรวจพวกผู้ประสบภัยที่จุดช่วยเหลือ

โรงหมอหลวงสูญเสียสมุนไพรไปไม่น้อย ทว่าจำนวนก็ยังไม่เพียงพอ พอตอนนี้มีร้านขายยาบริจาคยาสมุนไพรให้ จึงเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนอย่างไม่ต้องสงสัย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีปัญหาใหญ่แล้วก็พักผลกำไรไว้ก่อน บริจาคเพื่อการกุศลไปก่อนนะ จะได้ไม่เสียเครดิตและโดนประณามว่าเป็นนายทุนใหญ่หน้าเลือด

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *