ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 23 พฤติกรรมผิดปกติของสตรี ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากหาเรื่อง (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 23 พฤติกรรมผิดปกติของสตรี ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากหาเรื่อง (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 23 พฤติกรรมผิดปกติของสตรี ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากหาเรื่อง (รีไรท์)

ตอนที่ 23 พฤติกรรมผิดปกติของสตรี ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากหาเรื่อง (รีไรท์)

วันต่อมาอากาศดีอย่างมาก สี่พ่อแม่ลูกจึงออกไปเดินเล่นซื้อของ

ท่านอ๋องวางมาดเป็นสามีที่ดี อุ้มลูกไว้คนละข้าง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและเป็นมิตรออกมา ทำเอาบรรดาสาวใหญ่สาวน้อยที่พบเห็นต่างใจสั่นกันหมด

เฉียวเยี่ยนเดินอยู่ข้าง ๆ มู่ฉินเจิน นางกวาดสายตามองเหล่าสาวงามรอบ ๆ ที่กำลังกรีดร้องขยิบตาอย่างคลั่งไคล้ จึงเอียงศีรษะเข้าไปใกล้เขา และเอ่ยติดตลกด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋องนี่ดูเป็นที่นิยมไม่น้อยเลยนะ!”

มู่ฉินเจินชำเลืองมองนางอย่างจนใจ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยกลิ่นอายหึงหวงเล็กน้อย “พวกเราก็ไม่ต่างกันหรอก”

ไม่เห็นสายตาเหล่าบุรุษบนท้องถนนที่ต่างหยุดเพื่อจ้องมองใบหน้านางบ่อย ๆ หรือ?

วันนี้เฉียวเยี่ยนสวมชุดสีม่วงเข้ม แต่งหน้าบางเบา ขับให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของนางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะดวงตาที่เขียนขอบตาจนดูคมขำนั้น แค่ปรายตามองแวบเดียวก็ทำให้ผู้คนหลงใหลได้

ลูกทั้งสองในอ้อมแขนมู่ฉินเจินกำลังกินถังหูลู่ในมือ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สวมชุดกระโปรงบานพลิ้วสีชมพู บนศีรษะเกล้าผมเป็นมวยกลม ๆ ห้อยกระพรวนเล็ก ๆ ไว้ ยามส่ายหน้าคราวใดก็เกิดเสียงดังกังวานใส

ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์สวมชุดคลุมสีน้ำเงิน เขากินถังหูลู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

พวกลูก ๆ ผิวขาวมีน้ำมีนวล ทำให้ผู้คนที่มองมาอยากก้าวเข้าไปหอมสักฟอด

สี่พ่อแม่ลูกเดินไปตามถนนดูราวกับเป็นจุดศูนย์กลาง ดึงดูดกลุ่มคนหลายคนให้จ้องมอง

นี่คือซู่หวางเฟยมิใช่หรือ? ไม่กี่วันที่ผ่านมายังมีข่าวลือว่านางสวมหมวกเขียวให้อ๋องซู่แพร่ไปทั่วเมืองอยู่เลย เหตุใดถึงกล้าออกมาข้างนอกอีก?

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ ผู้คนก็รู้แจ้งทันที!

มิน่าล่ะซู่หวางเฟยถึงดูไม่หวาดกลัวอะไรเลย เด็กชายคนนี้มีหน้าตาเหมือนท่านอ๋องซู่ปานนั้น จะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ได้หรือ?

ไม่รู้ว่าใครแพร่ข่าวลือว่าซู่หวางเฟยมั่วกับชายบ้านป่า แถมยังแพร่จนเป็นข่าวลือ!

คนทั่วไปที่ไม่รู้ความจริงมาก่อนและว่าตามคนอื่นเริ่มชื่นชมความงามของซู่หวางเฟย แม้แต่เด็กทั้งสองก็ยังฉลาดและน่ารัก

เฉียวเยี่ยนฟังบทสนทนารอบตัว พลางยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ

ใช่แล้ว วันนี้พวกเขาตั้งใจออกมาเดินข้างนอก การรวมตัวของชายหล่อหญิงงามต้องได้ผลตอบแทนกลับมาเต็มร้อยแน่นอน!

นางมั่นใจในใบหน้าลูกชายของตัวเอง ใครเห็นเป็นต้องบอกว่าเป็นลูกชายแท้ ๆ ของมู่ฉินเจิน หลังจากที่ทุกคนได้เห็นก็จะไม่ฟังข่าวลืออีกแน่ ถึงครานั้นข่าวลือก็จะซาไปเอง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงเอาแต่จ้องมองพี่ชายตัวเอง จึงกางมือออกปิดหน้าพี่ชายเอาไว้ และจ้องมองผู้คนรอบข้างอย่างดุดันในแบบเด็ก ๆ

ห้ามมองนะ พี่ชายยังเด็ก!

ผู้คนบนถนนรู้สึกขบขันกับท่าทางของเด็กน้อย และพากันหัวเราะเสียงดังออกมา ทำให้เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ดึงมืออวบอ้วนของน้องสาวลง และลูบอย่างปลอบโยน เอียงศีรษะเล็ก ๆ เข้าไปในอ้อมแขนพ่อ ไม่ให้คนนอกมอง

ไม่มีใครรักน้องสาวได้ขนาดนี้แล้ว

พวกเขายังคงเดินไปตามถนน เฉียวเยี่ยนเดินไปยังแผงตรงนู้นที มองแผงตรงนั้นที ไม่นานก็ซื้อของมากมาย โดยมีเหล่าองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังถือถุงใบใหญ่ใบเล็กพะรุงพะรังตามไป

เฉียวเยี่ยนสนใจตลาดโบราณมาก เจ้าของร่างเดิมคือสตรีผู้มั่งคั่งที่ไม่ออกนอกบ้าน จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตลาดมากนัก ดังนั้นเวลานี้เฉียวเยี่ยนจึงดูเหมือนกับบ้านนอกเข้าเมือง เห็นอะไรก็ดูแปลกใหม่ไปเสียหมด

บ้านไร่ในเจียงเฉิงที่เคยพักอยู่ก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ห่างไกล แม้จะมีตลาดในเมือง แต่จะเทียบกับเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร

เมื่อเดินผ่านแผงขายเต้าหู้เหม็นทอด เฉียวเยี่ยนก็หยุดฝีเท้า สูดกลิ่นหอมของเต้าหู้เหม็นกับน้ำมันที่ผสมอยู่ในอากาศอย่างรื่นรมย์ และให้เถ้าแก่เอามาให้นางหนึ่งถ้วยทันที

มู่ฉินเจินถามถึงกลิ่นฉุนของเต้าหู้เหม็นพลางขมวดคิ้ว ทว่ายังคงอุ้มลูกยืนอยู่ข้าง ๆ เฉียวเยี่ยน

เฉียวเยี่ยนสังเกตเห็นท่าทางของเขา ใบหน้าเล็กก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมา “ท่านอ๋อง รับสักถ้วยไหม รับรองว่ากินแล้วจะติดใจ!”

มู่ฉินเจินมีสีหน้าว่างเปล่า ถอยหลังไปหนึ่งก้าวเป็นการปฏิเสธ ยากจะจินตนาการว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรเมื่อของสิ่งนี้เข้าปาก

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ใช้มือน้อยปิดจมูก แสดงท่าทางเหมือนมู่ฉินเจินทุกประการ ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มองเต้าหู้เหม็นทอดตาปริบ ๆ พลางกลืนน้ำลาย

เฉียวเยี่ยนเท้าเอวยิ้มร่า ไร้ซึ่งท่าทางสง่างามของหวางเฟยแห่งอาณาจักร “ไม่นึกเลยว่าท่านจะไม่กล้ากินเต้าหู้เหม็น!”

คล้ายกับพบจุดอ่อนของมู่ฉินเจิน เฉียวเยี่ยนก็หัวเราะอย่างมีความสุข มู่ฉินเจินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกนางหัวเราะใส่ แต่เมื่อเห็นนางมีความสุขเช่นนี้ก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

หลังจากทอดเต้าหู้เหม็นเสร็จแล้ว คนขายก็เทมันลงในกล่องขนาดเล็กและใส่เครื่องปรุงบางอย่างลงไป ทั้งกระเทียมสับ น้ำส้ม ซีอิ๊ว และเครื่องปรุงรสพื้นฐานอื่น ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีน้ำมันพริก

เมื่อคลุกเคล้าก้อนเต้าหู้เหม็นและเครื่องปรุงเสร็จก็เสียบไว้บนไม้ จากนั้นก็ถือกินได้เลย

เฉียวเยี่ยนรับมาและป้อนให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่แทบจะน้ำลายไหล จากนั้นก็หยิบมันมาชิมอย่างมีความสุข

สองพ่อลูกได้กลิ่นเต้าหู้เหม็นจนหน้านิ่วคิ้วขมวด โดยเฉพาะเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่อยู่ใกล้พวกเขามาก ซึ่งกลิ่นนั้นเรียกได้ว่าชวนให้มึนหัวอย่างยิ่ง

ขณะที่เฉียวเยี่ยนกำลังกิน ก็พลันได้ยินเสียงเตือนจากระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึก

[ท่านโฮสต์ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงระเบียงข้างหลังกำลังจ้องมองพวกท่านอยู่ตลอดเวลาเลย]

เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ก็หันกลับไปป้อนเต้าหู้เหม็นให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ และแสร้งมองไปยังระเบียงข้างหลังอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะเห็นสตรีโฉมสะคราญดั่งนางในภาพวาดคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาทางพวกเขา และคล้ายกับสายตานั้นจะแฝงไปด้วยความชิงชังอย่างแรงกล้า

ครั้นเห็นใบหน้านั้น ความทรงจำพลันพรั่งพรูอยู่ภายในหัวของเฉียวเยี่ยน ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับหญิงที่อยู่ตรงระเบียงนั้น

อี้จื่อจิ้น บุตรสาวอัครเสนาบดี สตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวง เจ้าของร่างเดิมกับนางมักจะถูกผู้คนในเมืองหลวงเอาไปเปรียบเทียบเป็นตำราเชิงลบและเชิงบวก

อี้จื่อจิ้นเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านกวีนิพนธ์ และศิลปะสี่แขนง แต่เจ้าของร่างเดิมกลับไม่รู้อะไรเลย และนับว่าเป็นหญิงงามผู้โง่เขลาคนหนึ่ง โง่ถึงขั้นสุดจะเยียวยา

ความรักของอี้จื่อจิ้นที่มีต่ออ๋องซู่ ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดี ถึงขั้นที่ตอนนั้นมีบางคนมั่นใจว่าชายที่งดงามที่สุดในเมืองหลวงกับหญิงที่มีความสามารถมากที่สุดในเมืองหลวงจะได้แต่งงานกัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีเฉียวเยี่ยนเข้ามาแทรกกลางอย่างกะทันหัน

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าการได้รับสมรสพระราชทานกับอ๋องซู่ที่หญิงสาวหลายพันคนชื่นชม ทั้งยังได้ร่วมหลับนอนกับเขาสำเร็จ จะทำให้อี้จื่อจิ้นที่มีความคิดเกินเลยกับอ๋องซู่นั้นแทบอยากจะฉีกร่างเฉียวเยี่ยนออกเป็นชิ้น ๆ

……

เฉียวเยี่ยนหวนนึกถึงการกระทำต่าง ๆ ของอี้จื่อจิ้นในอดีตแล้วก็เข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็เป็นแม่ดอกบัวขาว[1]ดอกหนึ่งนี่เอง!

นางแย้มยิ้มออกมา และขยิบตาให้มู่ฉินเจิน ดวงตาคู่นั้นส่องประกายจนมู่ฉินเจินเสียวสันหลังวาบ และคิดว่าเวลาหญิงคนนี้มีท่าทางไม่ปกติเมื่อใดจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเป็นแน่

ยังไม่ทันขาดคำ เฉียวเยี่ยนก็คล้องแขนมู่ฉินเจิน และตะโกนเสียงหวานหยดย้อย “สามีเจ้าขา… ข้ากินไม่ลงแล้ว ท่านช่วยข้ากินหน่อยนะเจ้าคะ”

มู่ฉินเจินตกตะลึงราวกับสายฟ้าฟาด ในหัวมีแต่คำว่า ‘สามี’ ที่เฉียวเยี่ยนตะโกนเรียกเมื่อครู่

ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติกลับมา เฉียวเยี่ยนก็ทำตัวออดอ้อนต่อ เขย่าแขนที่คล้องเขาเบา ๆ พร้อมบิดตัวไปมา ดวงตารื้นหยาดน้ำแฝงแววน้อยใจ “ได้หรือไม่เจ้าคะ? ท่านสามี…”

ขณะที่เฉียวเยี่ยนทำตัวออดอ้อน สายตานางกลับคล้ายจะมองไปทางระเบียง มุมปากยังแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ประหนึ่งว่านางคือสตรีที่มีความสุขที่สุดในโลก

อี้จื่อจิ้นยังไม่รู้ว่าเฉียวเยี่ยนจับนางได้แล้ว สายตานางจับจ้องไปที่ร่างมู่ฉินเจินประหนึ่งกาวติดแน่นและมิอาจละสายตาไปได้

แต่เมื่อนางได้ยินเฉียวเยี่ยนเรียกว่าสามี ความเดือดดาลก็พลันก่อเกิด หมัดค่อย ๆ กำแน่น และแทบอยากจะลงไปข่วนหน้าอีกฝ่าย!

นังผู้หญิงไร้ยางอายผู้นี้!

มู่ฉินเจินถูกเขย่าจนรู้สึกมึนงง ระหว่างที่มึนอยู่นั้นก็อยากตอบตกลง ทว่าเส้นบางอย่างในจิตสำนึกของเขาพลันเขม็งเกลียวแน่นขึ้น พริบตาหนึ่งเขาก็ได้สติกลับมาทันที

พฤติกรรมผิดปกติของสตรี ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากหาเรื่อง!

เขาจ้องเฉียวเยี่ยนอย่างไม่แสดงสีหน้าใด ในแววตาแฝงไปด้วยการซักถาม นี่คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก?

เฉียวเยี่ยนส่งสายตาเป็นคำว่า ‘ไม่ต้องห่วง ทั้งหมดล้วนมีนางควบคุมอยู่’ ให้เขา พลางกระชับมือที่คล้องแขนเขาแน่นขึ้น แม้แต่ศีรษะก็เอนลงไปซบไหล่เขา

ทว่ามู่ฉินเจินยังไม่คุ้นเคยถึงขั้นที่จะเข้าใจทุกสายตาที่มองมา ในตอนที่ยังมึนงงสับสน บนไหล่ก็มีศีรษะเพิ่มเข้ามา

กลิ่นหอมจากเรือนผมของนางโชยมาแตะที่ปลายจมูก มันเป็นกลิ่นดอกไม้อันเรียบง่าย และเนื่องจากนางกำลังคล้องแขนเขาอยู่ แขนของเขาจึงสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่ม

ใบหูของมู่ฉินเจินแดงเรื่อ และเอ่ยด้วยความยากลำบากเล็กน้อย “ดะ…ได้”

[1] ดอกบัวขาว ส่วนใหญ่ใช้ด่าผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ มีพฤติกรรมที่ไม่ดี

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

หวางเฟย ท่านช่างร้ายกาจ ไม่เพียงสยบข่าวลือได้แล้วยังตบหน้าศัตรูกลางสาธารณชนทางอ้อมได้อีก

แต่คิดถึงตอนที่เจ้าของร่างเดิมยังอยู่ก็สงสารบุตรีท่านเสนาบดีเหมือนกันนะ นางควรได้คู่กับท่านอ๋องมากกว่าเจ้าของร่างเดิมจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *