ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 231 พืชพรรณที่เติบโตในน้ำ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 231 พืชพรรณที่เติบโตในน้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 231 พืชพรรณที่เติบโตในน้ำ

ตอนที่ 231 พืชพรรณที่เติบโตในน้ำ

หลังจากทำงานในมือเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็นั่งมองฝนตกปรอยปรายอยู่นอกประตูด้วยแววตาเลื่อนลอย

ฝน? น้ำ?

จริงสิ! นางสามารถปลูกพืชที่ขึ้นในน้ำได้!

พืชน้ำมีหลายหลายชนิด อย่างเช่น ผักบุ้ง ผักชีล้อม รากสาคู ต้นเผือก รากบัว พวกนี้ล้วนเป็นพืชน้ำ ผักเหล่านี้สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำจืด ตอนนี้ทั่วสารทิศล้วนเป็นน้ำ การปลูกพืชน้ำจึงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้แล้ว

และผักบุ้งกับผักชีล้อมสามารถใช้วิธีปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ได้ ไม่ต้องกังวลว่าตอนนี้เป็นโคลนแฉะแล้วจะไม่มีที่สำหรับปลูกผัก

ในที่สุดเฉียวเยี่ยนก็มีความคิดหนึ่งในหัว นางรีบนำกระดาษกับพู่กันออกมา วาดแผนภาพทั้งหมดลงไป จากนั้นก็แก้ๆ ปรับๆ ให้แผนภาพออกมาสมบูรณ์มากขึ้น

ขั้นตอนแรกในการปลูกผักคือ ต้องเตรียมอุปกรณ์กับสถานที่สำหรับปลูกผักก่อน นางวางแผนจะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในจุดช่วยเหลือออกมา สร้างเพิงหญ้าฟางง่ายๆ หนึ่งหลัง และดำเนินงานก่อนปลูกผักรวมถึงไฮโดรโปนิกส์อยู่ในเพิงหญ้าฟางนี้

ตอนนี้บ้านเรือนมากมายพังเสียหาย วัสดุก่อสร้างบ้านส่วนใหญ่สูญเสียไปเปล่าประโยชน์ ประจวบเหมาะให้นางใช้ประโยชน์พอดี

หลังจากวางแผนทั้งหมดเสร็จ นางก็เริ่มระดมคนงาน หางานให้พวกผู้ประสบภัยทำ ให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา

วันนี้ หลังจากรับประทานข้าวเช้าเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็รวบรวมผู้ประสบภัยที่มีร่างกายปกติ หางานให้พวกเขาทำ

“ชาวบ้านทั้งหลาย แม้ทุกท่านจะเผชิญภัยพิบัติอันโหดร้ายมา แต่พวกท่านก็มีชีวิตรอดมาได้ นับเป็นความเมตตาจากสวรรค์แล้ว พวกเราไม่ควรนั่งรอความตายเพื่อรอให้สวรรค์หยุดลงทัณฑ์ เราต้องกล้าที่จะเอาชนะมันอย่างกล้าหาญ”

“ชีวิตจากนี้ไปยังต้องดำเนินต่อ พวกเราจะเอาแต่พึ่งพาเสบียงที่ราชสำนักส่งมาประทังชีวิตเราไม่ได้ ต้องทำอะไรบางอย่าง และพยายามพึ่งพาตัวเอง”

นางยืนตะโกนเสียงดังอยู่ด้านหน้าฝูงชน พยายามทำให้เสียงของตัวเองดูเป็นมิตรที่สุด พวกผู้ประสบภัยก็ฟังนางอย่างเงียบๆ

ทว่าท่าทางของพวกเขากลับเฉยชา ไม่ได้รู้สึกปิติยินดีเพราะคำพูดของนางแต่อย่างใด

พวกเขาไม่อยากพึ่งพาตัวเองที่ไหนกัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้พวกเขาจะทำอะไรได้? นั่งกินรอความตายหรือ?

ชายแก่หลังค่อมคนหนึ่งในฝูงชน ถอนหายใจยาวออกมา “หวางเฟยเหนียงเหนียง ที่ท่านพูดมาพวกเราล้วนเข้าใจ แต่ตอนนี้พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร!”

“ใช่!”

……

สิ้นเสียงเขา ก็มีคนคล้อยตามทันที

เฉียวเยี่ยนทำมือให้หยุดเสียงดัง “ทุกคนใจเย็นๆ อย่างเพิ่งวู่วาม ฟังข้าให้จบก่อน ในเมื่อข้าเอ่ยข้อเสนอนี้ออกมา ก็หมายความว่าข้าหาทางให้ทุกคนแล้ว ขอแค่ทุกคนร่วมมือกับข้าดีๆ ชีวิตจากนี้ไปของเราจะต้องดียิ่งๆ ขึ้นแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในดวงตาของพวกผู้ประสบภัยหลายคนก็ฉายประกายความหวังออกมาเล็กน้อย รอคอยคำพูดต่อไปของนาง

เฉียวเยี่ยนเห็นว่าดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้แล้ว ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็อธิบายแผนการปลูกผักของตนเองให้พวกเขาฟัง

เมื่อนางพูดจบ ทุกคนก็เงียบนิ่งอีกครั้ง ประกายความหวังที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที

ปลูกผักในน้ำ? คิดอะไรอยู่นะ? พวกเขาที่เป็นชาวนาปลูกผักมาครึ่งชีวิต จะไม่รู้ว่าปลูกผักอย่างไรรึ?

ในหมู่พวกเขามีคนเริ่มส่ายหัว บางคนก็คิดว่าเหลือเชื่อ พลางกระซิบกับคนรอบข้าง เห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครเต็มใจเชื่อเฉียวเยี่ยนเลยสักคน

สถานการณ์นี้อยู่ในการคาดเดาของเฉียวเยี่ยนเช่นกัน เรื่องปลูกผักในเรือนกระจกที่เมืองหลวงยังไม่แพร่มาถึงอวี๋โจว แม้เทคนิคการปลูกแบบไร้ดินจะพบได้ทั่วไปในยุคปัจจุบัน ทว่าหาใช่เกษตรกรทุกคนที่รู้จักเทคนิคนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนโบราณกลุ่มนี้

นางกระแอมไอ และเริ่มคุยโวโอ้อวด “ข้ารู้ว่าทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อมากกับการปลูกผักในน้ำ แต่ขอให้ทุกคนเชื่อข้า ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการที่ได้มาจากการลองจริงของข้า”

“ทุกคนน่าจะสังเกตเห็นผักสดใหม่ที่พวกเรากินมาหลายวัน ผักพวกนี้ข้าเป็นคนจัดมาให้ และพวกมันส่วนใหญ่ล้วนเติบโตขึ้นมาจากน้ำ”

“ข้ามิเพียงปลูกผักในน้ำได้ แต่ยังสามารถปลูกผักในฤดูหนาวที่มีหิมะโปรยปรายได้ด้วย และยังทำให้ป่าท้อขนในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวกลายเป็นท้อน้ำผึ้งได้ ดังนั้น แม้ทุกคนจะไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ แต่โปรดจงเชื่อข้า ข้าเฉียวเยี่ยนพูดได้ทำได้!”

คำพูดของนางทำให้ผู้คนตกใจไม่น้อย พวกเขามองสตรีงามตรงหน้าอย่างตกใจ

นี่เป็นซู่หวางเฟยเชียวนะ เชื้อพระวงศ์ผู้สูงส่ง กลับวุ่นเพื่อพวกเขาในหลายวันมานี้อย่างแทบลืมหายใจ ทั้งหาอาหารและน้ำ และยังดูแลรักษาผู้บาดเจ็บด้วยตัวนางเอง

สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาพวกเขาจนเกิดเป็นความประทับใจ ซาบซึ้งพระคุณยิ่งนัก ทว่าตอนนี้สตรีผู้นี้บอกแก่พวกเขาว่านางสามารถนำพวกเขาปลูกผักได้ เพื่อแสดงการพึ่งพาตัวเอง พวกเขาควรเชื่อหรือไม่?

หลายคนเริ่มหวั่นไหวไปแล้ว แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นภาพปลูกผักในน้ำมาก่อน และไม่เคยเห็นวันหิมะตกหนักก็ยังกินผักสดใหม่ได้

กระนั้นคำพูดที่มีน้ำเสียงหนักแน่นของเฉียวเยี่ยน รวมถึงคำมั่นสัญญาจริงจังของนาง ราวกับมีมนต์เสน่ห์บางอย่างกำลังบอกพวกเขาให้เชื่อนาง ติดตามนาง

พวกองครักษ์ที่ถูกส่งมาอยู่ข้างกายหวางเฟย เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ช่วยพูดอีกแรง

ครั้งแรกตอนที่พวกเขาได้ยินว่าปลูกผักในน้ำ ก็มีปฏิกิริยาเฉกเช่นคนเหล่านี้

ทว่าต่อมาได้เห็นหวางเฟยสร้างเรือนกระจกกับตาตัวเอง มีผักเขียวขจีที่ปลูกในอ่างน้ำ แม้ในฤดูหนาวเรือนกระจกก็ยังเต็มไปด้วยพืชพรรณไม้เขียวขจี จากนั้นป่าท้อขนในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวก็เปลี่ยนเป็นท้อน้ำผึ้งที่ทั้งหวานฉ่ำทั้งลูกใหญ่

ในใจพวกเขาต่างมีความคิดหนึ่ง นั่นคือเชื่อหวางเฟย ในเมื่อนางบอกว่าได้ ก็ต้องได้อย่างแน่นอน!

ด้วยความช่วยเหลือจากพวกองครักษ์ ผู้ประสบภัยหลายคนเชื่อในสิ่งที่เฉียวเยี่ยนพูด และเต็มใจที่จะลองดู ส่วนพวกที่ยังลังเลใจที่เหลือ หอบความคิดติดตามฝูงชนเอาไว้ ทุกคนทำอะไรก็ทำอันนั้น อย่างไรเสียก็ดีกว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ

หลังจากระดมคนงานเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็เริ่มดำเนินการปลูกผักตามแผนของนาง

นางสำรวจสถานการณ์พื้นฐานของผู้ประสบภัยก่อน ผู้ประสบภัยที่มีสุขภาพดีจะทำหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก ส่วนคนชรา ร่างกายอ่อนแอ ป่วย พิการที่เหลืออยู่จะทำงานเท่าที่ทำได้

มีบางคนในฝูงชนเป็นช่างไม้ เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้พวกเขาเป็นหัวหน้าคนงาน คอยนำคนอื่นๆ ไปสร้างเพิงหญ้าฟาง มีชายชราบางคนรู้วิธีสานไม้ไผ่ เฉียวเยี่ยนจึงให้พวกเขาสานตะกร้าไม้ไผ่มาใช้ปลูกผักแบบไร้ดิน

เมื่อมีงานให้ทำ ชีวิตก็จะพอมีโอกาสเปลี่ยนจากสถานการณ์ซบเซาก่อนหน้านี้ และทุกคนต่างก็ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่

ผู้เฒ่าผู้แก่กำลังสานตะกร้าไม้ไผ่ พวกชายหนุ่มแข็งแรงออกไปแบกท่อนไม้ ตัดไม้ไผ่ ในขณะที่ผู้หญิงตามเฉียวเยี่ยนไปทำงานประณีตและละเอียดอ่อน

ความเร็วในการสร้างเพิงหญ้าฟางนั้นรวดเร็วมาก เวลาแค่เพียงสองวัน เพิงหญ้าฟางยาวประมาณสิบหมี่ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว

เฉียวเยี่ยนซื้อเมล็ดพืชกับระบบมาจำนวนมาก ทั้งผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย เผือก รากสาคู ล้วนมีหมด

เมล็ดที่ซื้อมาต้องคัดเอาเมล็ดที่เสียและไม่สมบูรณ์ออก นำเมล็ดที่คัดเสร็จมาแช่ในน้ำอุ่นไว้หนึ่งคืน เพื่อเร่งการงอก และทำให้งอกได้เร็วยิ่งขึ้น

เมื่อเปลือกเมล็ดแตกเผยให้สีขาว และมีสัญญาณของการงอก ก็สามารถนำไปหว่านได้เลย

ตอนนี้ยังเป็นขั้นตอนการเพาะกล้าอยู่ จำต้องหว่านเมล็ดลงในดิน สองวันก่อนเฉียวเยี่ยนจึงไปขุดเอาโคลนจากข้างนอกกลับมาเตรียมก่อน แล้วเกลี่ยตากแดดไว้ในห้อง เพื่อให้น้ำแห้ง

จากนั้นนำดินที่ตากแดดมาทุบให้แตกละเอียดด้วยไม้ แล้วผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่นางซื้อกับระบบ ก็สามารถหว่านเมล็ดได้แล้ว

ดินเพาะกล้านางเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด การผสมปุ๋ยอินทรีย์จะต้องดำเนินการทำอย่างลับๆ หากถูกจับได้ว่านางนำถุงแปลกๆ สองสามถุงออกมาจากอากาศ ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นปีศาจได้

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีความรู้เรื่องการปลูกพืชกับมีระบบเป็นตัวช่วยเสียอย่าง ปัญหานี้ก็ไม่คณามือหวางเฟยแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *