ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 232 หว่านกล้า
ตอนที่ 232 หว่านกล้า
ตอนที่ 232 หว่านกล้า
ที่นี่ไม่มีถาดหลุม และไม่มีวัสดุปัจจัยเพาะกล้าโดยเฉพาะ เฉียวเยี่ยนจึงให้ช่างไม้หลายคนใช้แผ่นไม้มาต่อกันเป็นรางไม้สี่เหลี่ยม แล้วก็เทดินทั้งหมดลงไปในรางไม้นั้น จากนั้นก็หว่านเมล็ดลงไป
ผักบุ้งกับผักชีล้อมเป็นผักที่ชอบสภาพแวดล้อมเปียกชื้น เมื่อเพาะต้นกล้าก็จำต้องรักษาความชื้นในดิน
ผักบุ้งเจริญเติบโตได้เร็วมาก เวลาเพียงเจ็ดวันก็สามารถโตได้ถึงสิบหกหลีหมี่[1] จากนั้นก็สามารถย้ายลงไปปลูกในถาดเพาะ เพื่อดำเนินการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์
การปลูกพืชแบบไร้ดินสามารถดำเนินการเก็บเกี่ยวชุดแรกได้ราวๆ ประมาณหนึ่งเดือนถึงสี่สิบห้าวัน หลังจากเก็บเกี่ยวชุดแรกไป ให้เหลือก้านกับรากส่วนล่างไว้เพื่อปลูกพืชแบบไร้ดินต่อ และสามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้งในช่วงประมาณเจ็ดถึงสิบวัน
กล่าวคือ ผักชนิดนี้ปลูกง่ายที่สุด
เนื่องจากการดูแลผักบุ้งค่อนข้างเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องสร้างรางน้ำปลูกเป็นพิเศษ แค่ขุดสระน้ำหนึ่งที่บนพื้นดิน แล้วใส่สารละลายธาตุอาหารในสระน้ำ แล้วย้ายตะกร้าไม้ไผ่ที่ปลูกกล้าผักบุ้งเสร็จแล้วลงไปในสระสารละลายธาตุอาหาร ให้มันลอยอยู่บนผิวน้ำนั้น และค่อยๆ เติบโตขึ้นมาก็พอ
การปลูกผักชีล้อมก็ไม่ต่างอะไรกับผักบุ้งมากนัก
แต่การปลูกเผือกกับรากสาคูกลับซับซ้อนกว่ามาก อีกอย่างตอนนี้ผ่านฤดูการปลูกเผือกกับสือกูไปแล้ว ต่อให้ปลูกตอนนี้และรอดมาได้ ผลผลิตที่ได้ก็น่าจะไม่ค่อยดี
แต่เฉียวเยี่ยนคิดว่าเผือกกับรากสาคูมีปริมาณแป้งค่อนข้างสูง ทำให้อิ่มท้องได้ ซึ่งการกินผักอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้อิ่มท้อง ขอแค่ปลูกเผือกมัน ไม่ว่าผลเก็บเกี่ยวจะได้เท่าใด มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
เฉียวเยี่ยนเลือกปลูกเผือกน้ำ เพราะมันค่อนข้างชอบสภาพแวดล้อมที่มีน้ำชื้น สามารถปลูกในนาข้าวเหมือนรากสาคูได้เลย
ก่อนจะปลูกเผือกกับรากสาคูต้องทำการเพาะกล้าก่อน เผือกน้ำปลูกอยู่ในดินชื้นแฉะ ประมาณครึ่งเดือนก็งอกออกมา ส่วนรากสาคูใช้ฟางข้าวเปียกชื้นปกคลุมเอาไว้ ก็ใช้เวลากว่าครึ่งเดือนเหมือนกันถึงจะงอกออกมา
พวกผู้ประสบภัยทำงานของตัวเองอย่างตั้งใจและกระตือรือร้น ใช้เวลาไปห้าวันก็ปลูกกล้าผักเสร็จ
ต่อไปก็รอให้มันงอก พวกเขามองกล้าผักงอกออกมาจากในรางน้ำทุกวันก็เปรมปรีดิ์อย่างมาก ราวกับได้เห็นสิ่งมีชีวิตใหม่กำเนิดออกมา
ขณะคนงานชั่วคราวรอให้พืชงอก เฉียวเยี่ยนก็สั่งให้คนอื่นๆ ไปขุดสระน้ำ บ่อสำหรับปลูกผักชนิดนี้สามารถอยู่ในที่โล่งได้
สระน้ำของผักบุ้งกับผักชีล้อมขุดลึกลงไปหนึ่งหมี่ กว้างหกสิบหลี่หมี่ เป็นสระสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวไม่จำกัด และใส่น้ำสะอาดลงในนั้น เฉียวเยี่ยนใส่สารละลายธาตุอาหารไปตามตัวอย่าง รอเคลื่อนย้ายกล้าเสร็จ ก็นำมาเพาะเลี้ยงลอยไว้บนน้ำ
ส่วนเผือกกับรากสาคูต้องขุดนาสองสามผืน เหมือนกับการปลูกข้าว ต้องไถนา ตอนนี้ไม่มีวัวทำนาแล้ว จึงเป็นผู้ประสบภัยทั้งหมดที่ม้วนขากางเกงถือจอบก้าวลงเข้าไปบ่อโคลนและค่อยๆ ไถไปทีละน้อย
หลังจากที่เผือกกับรากสาคูเป็นต้นกล้าแล้ว ก็ย้ายไปปลูกในนาข้าว เมื่อปลายยอดงอกโผล่พ้นน้ำออกมาก็เป็นอันใช้ได้
เมื่อชีวิตมีหวังก็รู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาครึ่งเดือนก็ผ่านไปในพริบตา ผักชีล้อมกับผักบุ้งได้ย้ายไปปลูกในสระที่มีสารละลายธาตุอาหารแล้ว ตอนนี้พวกมันเติบโตสูงมากกว่าสิบกงเฟิน ประมาณอีกเดือนหนึ่งก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว
ส่วนเผือกกับรากสาคูอีกไม่กี่วันก็สามารถนำไปปลูกในนาได้แล้ว
พวกผู้ประสบภัยรู้สึกตื่นเต้น โล่งใจ ระคนตกใจผสมปนเปกันเมื่อเฝ้าดูผักเหล่านี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาค่อยๆ ดูผักพวกนี้เติบโต ใครจะเชื่อว่าในน้ำจะยังสามารถปลูกผักได้
เขื่อนกั้นน้ำที่พังอยู่ด้านหน้าก็ได้รับการซ่อมแซมทีละเล็กทีละน้อยจากเจ้าหน้าที่ทหาร น้ำที่สะสมในเมืองก็ลดลงไปมาก และผักที่พวกเขาปลูกก็เติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
ผู้ประสบภัยหลายคนที่สูญเสียคนรัก และอยากจะตายตามไปด้วยเป็นร้อยๆ ครั้ง เวลานี้ความหวังในการมีชีวิตก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ครอบครัวต่างหวังว่าเขาจะอยู่ดีกินดี หากเขาติดตามพวกเขาไปด้วย จวบจนเห็นพวกเขาในยมโลก เขาควรจะอธิบายอย่างไร?
ฝนยังตกติดต่อกันตลอดเวลา แต่มีแนวโน้มที่จะตกเบาลง จากเมื่อก่อนที่เทกระหน่ำก็ได้กลายเป็นตกปรอยปรายในตอนนี้
สองสามวันนี้มู่ฉินเจินวิ่งไปมาระหว่างในเมืองกับเขื่อนกั้นน้ำ ควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่ทหารทำความสะอาดพื้นที่กับสร้างเขื่อนกั้นน้ำ
ทุกวันเขาสวมเสื้อผ้าแห้งออกไป เมื่อกลับมาก็เปียกจนมีหยดน้ำไหล เฉียวเยี่ยนกำลังว่างจึงช่วยเขาซักเสื้อผ้า เมื่อมองไปยังเสื้อผ้าที่ตากแห้งบนราวบันไดหน้าห้อง นางก็ขมวดคิ้วมุ่น หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ซักแล้ว
ในวันที่ฟ้าครึ้มฝนตก เสื้อผ้าที่ซักหากตากไม่แห้งจะมีกลิ่นอับ เมื่อสวมใส่บนร่างกาย กลิ่นดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้อื่นเหม็น แต่ยังทำให้ตัวเองเหม็นอีกด้วย
ผู้ประสบภัยในเมืองได้รับการค้นหาและช่วยเหลือเกือบทั้งหมดแล้ว จำนวนผู้คนที่จุดช่วยเหลือก็ทรงตัวลง และจัดการดูแลได้ง่ายกว่าไม่น้อย
กล้าที่เพาะเสร็จแล้วก็ปลูกเรียบร้อยแล้ว พลันเฉียวเยี่ยนก็ว่างไม่มีสิ่งใดทำ
วันที่เก้าต้นเดือนเก้า เทศกาลฉงหยาง(วันผู้สูงอายุ) มันควรจะเป็นวันสบายๆ ที่เหล่าสหายจะมาพบปะขึ้นเขาเสียบดอกจูอวี๋กัน แต่ชาวบ้านในอวี๋โจวที่ตกที่นั่งลำบากกลับไม่มีใครนึกถึงเทศกาลนี้เลย
เช้านี้ฟ้าเพิ่งสว่าง มู่ฉินเจินยังคงตื่นเช่นเคย เตรียมผลัดผ้า ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จจะมุ่งไปยังเขื่อนกั้นน้ำ
การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก เขายืดตัวขึ้นเลิกผ้าห่มออก ด้วยกังวลว่าจะรบกวนการนอนของเฉียวเยี่ยน
นางเพิ่งลุกขึ้นนั่ง ก็โอบเอวสอบของเอาไว้ และใช้ศีรษะถูไถต้นขาเขาไปมา เหมือนกับเด็กน้อยปลิ้นปล้อนแกมออดอ้อนอย่าไรอย่างนั้น
“อยู่กับข้าอีกเดี๋ยวนะ แค่เดี๋ยวเดียวเอง”
เสียงอ่อนนุ่มเช่นนี้ ทำให้ใจมู่ฉินเจินเหลวกลายเป็นน้ำ
เขาลูบดวงหน้านาง และเอ่ยเบาๆ “เด็กดี เจ้านอนอีกหน่อยเถิด ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ข้าจำต้องออกไปแล้ว”
เฉียวเยี่ยนใช้ใบหน้าถูไถมือใหญ่ของเขา พลางกระเง้ากระงอดอย่างน่ารัก “ข้าไม่ดื้อ เจ้าอยู่กับข้าอีกเดี๋ยวนะ”
ท่าทางทั้งน่ารักทั้งอ้อนของนางเช่นนี้ ทำให้มู่ฉินเจินแทบทิ้งงานในมือทั้งหมดมาเล่นมาคลอเคลียกับนาง
ในที่สุดความสงสารทั้งหมดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจอย่างจนใจ “เจ้าเด็กน้อยน่าสงสาร เจ้าทำกับข้าเช่นนี้จะให้ข้าออกไปได้อย่างไร?”
เฉียวเยี่ยนต่อสู้กับเขาอยู่พักหนึ่ง บังคับให้ดวงตาที่ง่วงงุนของนางเปิดขึ้น นอนทับเขาเหมือนหมีโคอาล่า และเอ่ยความคิดของนางออกมา “ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย”
ทันทีที่มู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ ก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่ได้ สถานการณ์ด้านนอกอันตรายมาก ไม่ปลอดภัย”
เฉียวเยี่ยนรู้ว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้ ก็กอดเอวสอบเขาไว้แน่น และออดอ้อนอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าให้ข้าไปด้วยนะ ข้าอยากอยู่กับเจ้า ข้าแค่ไปดูเท่านั้น จะไม่วิ่งซนไปที่ไหนเลย”
นางกระพริบตากลมโตของตัวเอง แสร้งทำท่าน่าสงสารเหมือนกับเจ้าปลาอ้วนตอนทำผิด มองจนมู่ฉินเจินทั้งใจอ่อน ทั้งจนปัญญา
มู่ฉินเจินโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนตัวเองและจูบบนริมฝีปากสีอิงเถาของนาง ก่อนเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้ามันเป็นปีศาจน้อยจริงๆ ”
เฉียวเยี่ยนรู้ว่าแบบนี้หมายความว่าเขาตกลงทำตามคำขอของตนแล้ว จึงยิ้มโง่ๆ ขึ้นมา และกัดริมฝีปากเขาไปทีหนึ่งก่อนเอ่ยอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณที่รัก”
มู่ฉินเจินหมดปัญญากับนาง ใครใช้ให้นางเป็นคนที่ตัวเองหลงใหลกัน
เขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้นาง จากนั้นก็ออกไปยกน้ำล้างหน้ามา ให้เฉียวเยี่ยนที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างน่ารักเหมือนเพื่อนตัวน้อยล้างหน้าล้างตา
หลังจากล้างหน้าบ้วนปาก ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็ปรนนิบัติใส่รองเท้ากันฝนกับเสื้อกันฝนหญ้าฟางให้นาง ก่อนจะจูงมือน้อยของนางมุ่งตรงไปที่เขื่อนกั้นน้ำ
เขื่อนกั้นน้ำที่พังทลายในครั้งนี้ตั้งอยู่บริเวณหุบเขากักเก็บแม่น้ำ ทั้งสองข้างล้วนเป็นภูเขา ภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันและน้ำไหลเชี่ยว ดังนั้นหลังจากเขื่อนกั้นน้ำแตกกระแสน้ำก็ไหลเร็วขึ้น และพัดพาเอาหมู่บ้านที่อยู่ท้ายน้ำปลิวหายไป
[1] หลีหมี่ (厘米) หมายถึง เซนติเมตร
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ้อนได้น่ารักมากเลยเสี่ยวเยี่ยน รู้แล้วว่าเจ้าปลาอ้วนได้ใครมา
ไหหม่า(海馬)
Comments