ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 233 โคลนถล่มฉับพลัน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 233 โคลนถล่มฉับพลัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 233 โคลนถล่มฉับพลัน

ตอนที่ 233 โคลนถล่มฉับพลัน

พวกเจ้าหน้าที่ทหารทำงานท่ามกลางสายฝน แบกกระสอบที่เต็มไปด้วยทรายมาปิดกั้นช่องว่างเขื่อนกั้นน้ำไว้ตามการไหลของแม่น้ำ จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากกำลังขุดลอกแม่น้ำที่ถูกปิดกั้นอยู่

ถนนถูกน้ำท่วมขัง ทำให้รถม้าสัญจรไปมายาก อีกทั้งยังขี่ม้าไม่สะดวก ดังนั้นเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินจึงเดินไปที่เขื่อนกั้นน้ำ

เฉียวเยี่ยนมองพวกเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานท่ามกลางสายฝน ตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยโคลน พลันนึกถึงคำพูดสมัยใหม่ที่หลายคนมักใช้ ‘ชีวิตเราไม่ได้สุขสบายแบบนี้หรอก ก็แค่มีคนมาแบกรับภาระของเราไว้ต่างหาก’

แม้มันจะสะเทือนอารมณ์ไปหน่อย แต่ก็สมเหตุผล เหตุที่ผู้ประสบภัยสามารถอยู่ในจุดช่วยเหลือได้อย่างสบายใจ ก็เพราะผู้คนที่น่ารักเหล่านี้ช่วยรักษาบ้านของพวกเขาเอาไว้

หลังจากดูการสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว มู่ฉินเจินก็พาเฉียวเยี่ยนเดินไปตามแม่น้ำเพื่อดูการขุดลอกแม่น้ำ

ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องบวกกับการกัดเซาะของแม่น้ำ ทำให้ภูเขาใกล้เคียงหลายแห่งพังทลายลงมา และตะกอนที่สะสมอยู่ในแม่น้ำก็ได้ปิดกั้นการไหลของน้ำเอาไว้

ในสมัยโบราณไม่มีเครื่องจักร จึงอาศัยเจ้าหน้าที่ทหารขุดตะกอนในน้ำขึ้นมาทีละนิด

เมื่อผ่านใต้เชิงเขาหนึ่งไป เฉียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองภูเขาที่ดินหละหลวม ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับมู่ฉินเจิน “เราต้องเตือนเจ้าหน้าที่ทหารให้ระวังดินโคลนถล่ม เส้นทางนี้อันตรายเกินไป”

มู่ฉินเจินพยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นแล้ว และเคยเตือนพวกนายพลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาหลายครั้ง ให้พวกเขาเตือนลูกน้องในกองของตนเอง

ทันทีที่ทั้งคู่พูดจบ เสียงร้องโหยหวนของระบบตัวน้อยก็ดังก้องไปทั่วห้วงจิตสำนึกของเฉียวเยี่ยน

[ท่านโฮสต์รีบวิ่งเร็ว! โคลนถล่มลงมาแล้ว! ]

รูม่านตาของเฉียวเยี่ยนสั่นระริก พลางเงยหน้าขึ้นมองภูเขา พบว่าบางส่วนเริ่มพังทลายลงมาจริงๆ

นางไม่มีเวลาคิดมาก จับมือมู่ฉินเจินวิ่งขึ้นไปบนภูเขา พร้อมกับตะโกนเสียงดังในขณะที่วิ่ง “โคลนถล่มลงมาแล้ว ทุกคนวิ่งขึ้นไปบนภูเขา พยายามวิ่งขึ้นให้สูงที่สุด!”

มู่ฉินเจินตกใจค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวกลับมาทันที และตะโกนเสียงดังไปพร้อมกัน

ครั้นเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียง ก็ตอบสนองทันที และพากันตะโกนเสียงดังเพื่อเตือนสหายกันเซ็งแซ่

เสียงดังกระพือขึ้นมา และผ่านไปได้ไม่นาน ก็เห็นดินโคลนถล่มไหลลงมาจากภูเขา พื้นดินสั่นสะเทือน ตามมาด้วยก้อนหินขนาดใหญ่กลิ้งลงมา ส่งเสียงดังโครมคราม

ฉากนั้นน่าใจหายใจคว่ำอกสั่นขวัญหาย ทำให้คนหวาดกลัวไม่น้อย หากไม่มีคำเตือนของระบบตัวน้อย บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินไปแล้วก็ได้

เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินวิ่งขึ้นภูเขาในแนวตั้งฉากกับดินโคลนถล่ม มือก็จับกับอีกฝ่ายไว้แน่น และวิ่งอย่างบ้าคลั่งโดยไม่กล้าหยุด

ระบบตัวน้อยก็รู้สึกหวาดเสียวอย่างมาก มือน้อยกำกันจนเป็นหมัดแน่นเพื่อให้กำลังใจเฉียวเยี่ยน

[ท่านโฮสต์สู้ๆ พี่มู่คนหล่อสู้ๆ ! ]

เฉียวเยี่ยนวิ่งจนหายใจหอบเหนื่อย สองขาปวดเมื่อย แต่กระนั้นก็ไม่กล้าหยุด วิ่งขึ้นภูเขาอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อมู่ฉินเจินเห็นนางหมดแรง ก็ดึงมือนางไว้ และอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปบนยอดเขา

หลังจากวิ่งไปเกือบครึ่งชั่วยาม ทั้งสองคนก็มาถึงยอดเขา เมื่อไปถึงยอดเขาพวกเขาก็ไม่สนใจน้ำโคลน กระแทกก้นนั่งลงบนพื้น พักหอบหายใจ ทั้งสองมองหน้ากันโดยไร้ซึ่งคำพูด และรู้สึกทอดถอนใจจากการรอดพ้นเคราะห์กรรมเล็กน้อย

หากช้าไปกว่านี้ไม่กี่วินาที พวกเขาก็น่าจะตายคู่แล้ว

หลังจากเฉียวเยี่ยนสงบลงแล้ว นางก็โผเข้ากอดมู่ฉินเจินแน่น “ดีจริงๆ พวกเรายังมีชีวิตอยู่”

มู่ฉินเจินกอดตอบนาง และกดหัวนางไว้ในอ้อมอกของตัวเอง”ไม่ต้องกลัว พวกเรายังปลอดภัย”

ฝนยังคงตกอยู่ และแม้ว่าจะมีร่มเงาจากต้นไม้บดบัง ทว่าน้ำฝนก็ยังผ่านยอดไม้ตกกระทบลงบนตัวทั้งสอง

เสื้อกันฝนที่พวกเขาสวมใส่ ถูกถอดและโยนทิ้งไปในตอนที่หนีเอาชีวิตรอดเมื่อครู่ เพื่อลดการแบกรับน้ำหนักบนร่างกายไปแล้ว

ในเวลานี้ทั้งคู่ต่างก็เปียกโชก น้ำฝนหยดไหลลงลงตามเส้นผม เปียกจนทำให้พวกเขาลืมตาไม่ขึ้น

หลังออกมาตอนเช้าก็ออกตรวจดูสถานการณ์แต่ละที่มาตลอด จวบจนตอนนี้ก็บ่ายแล้ว อีกสองชั่วยามฟ้าก็น่าจะมืดแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าลงจากเขาในทันที เผื่อจะมีดินโคลนถล่มลงมาอีกครั้ง

ในป่ามีต้นไม้หนาทึบ มองลงมาจากยอดเขาแล้วก็ไม่เห็นด้านล่างภูเขา และตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างล่างเป็นอย่างไรบ้าง

หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง มู่ฉินเจินก็ดึงเฉียวเยี่ยนขึ้น และก้มตัวลงต่อหน้านาง ต้องการจะแบกนางเดินไปต่อข้างหน้า ในเมื่อคืนนี้พวกเขาไม่ลงจากภูเขา ตอนนี้จึงต้องรีบหาที่หลบฝนก่อน

การค้างคืนในป่าอันตรายมาก ในเวลากลางคืนสัตว์ป่าจะปรากฏตัวออกมา และอาจจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง การหาที่กำบังที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในเวลานี้

เฉียวเยี่ยนพักอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากดีขึ้นบ้างแล้วก็ไม่ให้เขาแบกตัวเอง นางจับมือใหญ่ของเขา แล้วทั้งคู่ก็เดินตรงเข้าไปในป่าด้วยกัน

พวกเขาเดินไปด้วย และถือมีดสั้นที่พกติดตัวทำเครื่องหมายบนต้นไม้ไปด้วยเผื่อหลงทาง เฉียวเยี่ยนสำรวจไปรอบๆ และขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

ป่าบนภูเขาแห่งนี้มีต้นสนเป็นหลัก ชั้นดินก็หนา ทั้งยังค่อนข้างร่วนกว่าสภาพดินบนภูเขาลูกอื่นๆ ขาดแคลนหินผาเปิดโล่ง ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องยากที่จะมีถ้ำเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

ระบบตัวน้อยก็ช่วยค้นหาถ้ำด้วย แต่เมื่อค้นหาบริเวณโดยรอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นเหมือนเดียวกับที่เฉียวเยี่ยนคิด แม้จะมีถ้ำอยู่ไม่กี่แห่ง แต่ถ้ำทั้งหมดค่อนข้างสั้นตื้น ไม่เพียงพอให้คนไปหลบฝน

ทั้งสองเดินไปมาอยู่ในป่าเนิ่นนาน เสื้อผ้าบนตัวก็เปียกมากขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิบนยอดเขาก็ต่ำลง จนเฉียวเยี่ยนรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองหนาวแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะเสียพลังงาน เฉียวเยี่ยนจึงดึงมือมู่ฉินเจินไว้ และหยุดฝีเท้าลง “ภูมิประเทศที่นี่คงไม่มีถ้ำ พวกเราลองหาสถานที่ค่อนข้างโล่งกันก่อนเถิด”

หลังจากหาที่โล่งเจอ นางก็จะซื้อเต็นท์กับระบบได้ หากกลางดึกเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ความเสี่ยงก็จะน้อยลงไปบ้าง

ทั้งสองยังคงเดินทางต่อไปในภูเขาอยู่สักพัก ก็เจอทุ่งหญ้าเปิดโล่ง ล้อมรอบด้วยพุ่มไม้เตี้ยๆ ประปราย และต้นไม้สูงอยู่ห่างจากทุ่งหญ้ามากกว่าสิบหมี่

ในวันที่ฝนตกไม่มีแสงแดด และฟ้ามืดค่อนข้างเร็ว ในเวลานี้ท้องฟ้าเหลือเพียงแค่แสงสว่างสุดท้าย อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ความมืดมิดแล้ว

เฉียวเยี่ยนไม่มีเวลามาคิดมาก และไม่มีเวลาอธิบาย นางซื้อเต๊นท์สำหรับตั้งแคมป์กับระบบ และกางเต็นท์กันฝนขึ้นมา

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ฉินเจินเห็นนางนำของออกมาจากอากาศ แถมยังเป็นวัตถุขนาดใหญ่อีก เขาตกใจมากจนไม่ได้สติไปชั่วขณะหนึ่ง

แม้ว่จะเตรียมใจมาก่อนนานแล้ว ว่านางฟ้าที่อยู่ข้างกายนางนั้นไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ยังตกใจไม่น้อย

เฉียวเยี่ยนย่อมมองออกว่าเขาตกใจ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอธิบาย เก็บทุกอย่างไว้คุยกันหลังจากที่ทั้งสองคนปักหลักได้แล้ว

เฉียวเยี่ยนไม่ได้สัมผัสของในสมัยใหม่เหล่านี้มาเกือบห้าหรือหกปีแล้ว นางถือโครงเต็นท์ไว้ในมือ และรู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าจะเริ่มจากตรงไหน ก่อนพลิกดูคู่มือไปด้วย และสั่งให้มู่ฉินเจินต่อเต็นท์ไปด้วย

โชคดีที่ท่านอ๋องมีความสามารถมาก ไม่นานเต็นท์ก็ถูกทั้งสองกางจนเสร็จ ด้านล่างเต็นท์ยังมีผ้าใบกันน้ำกันแมลงปูอีกหนึ่งชั้น แม้ด้านนอกเต็นท์จะเป็นน้ำในยามนอน แต่ข้างในก็ยังแห้งอยู่

มู่ฉินเจินรู้สึกประหลาดใจกับกระโจมที่เรียบง่ายและสะดวกนี้มาก เขาเดินทัพตลอดทั้งปีย่อมไม่รู้สึกแปลกกับกระโจม ทว่ากระโจมในกองทัพนั้นติดตั้งลำบากมาก น้ำหนักก็ไม่เบา ซึ่งทำให้เกิดภาระมากมายในการเดินทัพ

หากพวกเขามีกระโจมเรียบง่ายเช่นนี้ได้ มันก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

รอดหวุดหวิด นับว่าดวงยังดี

ทีนี้ไม่ต้องปิดบังความลับอะไรแล้วแหละ ท่านอ๋องเห็นหมดแล้วเต็มตาเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *