ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 239 หญิงผู้ซื่อตรง

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 239 หญิงผู้ซื่อตรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 239 หญิงผู้ซื่อตรง

ตอนที่ 239 หญิงผู้ซื่อตรง

หลังจากเล่นน้ำพอแล้ว เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็ออกมาจากบ่อน้ำ คืนนี้พวกเขาไม่ได้วางแผนจะกลับไป แต่จะอยู่พักแรมบนภูเขา

ท่านอ๋องวางแผนไว้นานแล้วว่าจะพาเฉียวเยี่ยนมาเที่ยวที่นี่ และแขวนเต็นท์ที่พวกเขาใช้เมื่อคราวหลบหนีภัยครั้งก่อนไว้บนหลังม้าล่วงหน้าแล้ว

เมื่อหาที่เหมาะๆ เจอ ทั้งสองก็ตั้งเต็นท์ จากนั้นก็ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน ล่าไก่ป่ากับกระต่ายป่ากลับมาย่างกิน

คืนนี้เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินนั่งหน้ากองไฟ ย่างไปพลาง กินไปพลาง พร้อมกับชื่นชมท้องฟ้ายามราตรีอันสวยงามไปด้วย

พวกเขาล่าไก่ป่าได้สองตัวและกระต่ายป่าหนึ่งตัว แม้เนื้อไก่ป่าจะอร่อย แต่ก็มีเนื้อน้อย เฉียวเยี่ยนคนเดียวก็กินได้หมดทั้งตัว

หลังจากทำความสะอาดล้างขนไก่แล้ว ก็ให้ระบบตัวน้อยซื้อเครื่องปรุงรสสำหรับหมักมาหนึ่งห่อ แล้วนำไปถูบนไก่หมักไว้ครู่หนึ่ง ก่อนนำไปย่างบนกองไฟ

ไก่ป่าย่างร้อนๆ น้ำมันเยิ้ม หอมเกินบรรยาย ทำให้เฉียวเยี่ยนหิวมากจนท้องร้อง นางจึงรอไก่ย่างสุกไปด้วย กินของว่างรองท้องไปด้วย

นางซื้อเบียร์หนึ่งขวดให้มู่ฉินเจินอีกครั้ง เขาชอบรสชาตินี้มาก ยังไม่ทันได้กินข้าว ก็ดื่มเหล้าไปก่อนแล้ว

สองสามีภรรยาใช้เวลาพลอดรักกัน แต่เว่ยอวิ๋นซูที่ถูกทิ้งแทบจะระเบิดโทสะออกมา นางมุ่ยปากพึมพำก่นด่ามู่ฉินเจินไม่หยุดยั้ง พลันในหัวก็ผุดร่างเฉียวจิ่นขึ้นมา

ถึงอย่างไรพี่เฉียวจิ่นก็ดีที่สุดแล้ว สุภาพอ่อนโยน ไม่น่ากลัวเหมือนเจ้ามัจจุราชมู่!

ทันใดนั้นนางก็คิดหาวิธีที่จะปราบมัจจุราชมู่ออก คือการเป็นพี่สะใภ้ของเขานี่เอง!

หากนางจีบพี่เฉียวจิ่นติดและออกเรือนกับเขาได้ เช่นนั้นต่อไปนางก็จะเป็นพี่สะใภ้ของมัจจุราชมู่แล้ว!

ต่อให้เขาจะไม่เรียกนางว่าพี่สะใภ้ กระนั้นมันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนี้ได้

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งตื่นเต้น ทว่าในไม่ช้าน้ำเย็นก็สาดลงมาอีกครั้ง แม้นางจะมีคิดอย่างอื่นกับพี่เฉียวจิ่น แต่ถ้าพี่เฉียวจิ่นไม่ชอบนางเล่าจะทำอย่างไร?

ก่อนหน้านี้นางให้คุกกี้เขา เขาก็รับไปแล้ว น่าจะชอบนางแล้วหรือเปล่า?

แต่หากเขารับไปตามมารยาทล่ะ?

เว่ยอวิ๋นซูวิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองจนนอนไม่หลับทั้งคืน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งชีวิตของหลันหนิงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน

ตอนกลางคืน หลันหนิงนั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงหน้าต่าง เกาจัวหยวนที่ไม่รู้มาโผล่มาจากไหนถือช่อดอกไม้สีชมพูอมม่วงไว้ในมือ แล้วยื่นให้ตรงหน้านาง

“ให้เจ้า ดอกไม้พวกนี้สวย เหมือนเจ้า”

นี่เป็นครั้งแรกที่เกาจัวหยวนมอบดอกไม้ให้สาวสวย เขาประหม่าจนเขี่ยเท้าไปมาบนพื้น เขาเห็นท่านอ๋องใช้วิธีนี้ทำให้หวางเฟยมีความสุข เช่นนั้นนางก็น่าจะชอบเช่นกัน

เขาถือดอกไม้อย่างประหม่า รอให้หลันหนิงรับไป แต่ใครเล่าจะคิดว่านางถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง “นี่คือดอกอะไร?”

เกาจัวหยวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ดอกมันเทศ”

มันเทศส่วนใหญ่เป็นพืชมีสารอาหาร ดังนั้นน้อยนักที่จะมีดอกบานออกมา แม้แต่แปลงมันเทศขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถหาดอกมันเทศสองสามดอกออกมาได้

ดอกมันเทศสีม่วงอมชมพูรูปร่างคล้ายกับดอกผักบุ้ง ดูสวยงามยิ่งนัก

เพราะดอกไม้นี้มีน้อย เกาจัวหยวนจึงเดินหาในแปลงมันเทศไปหลายแปลงกว่าจะรวบรวมมาเป็นช่อดอกไม้นี้ได้

เขารอให้หลันหนิงรับไปอย่างคาดหวัง แต่กลับได้คำถามสะเทือนวิญญาณจากปากนาง “เจ้าหมายความว่าหน้าตาข้าเหมือนมันเทศหรือ?”

เกาจัวหยวนจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เขารีบอธิบาย “ไม่ๆๆ! ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าหมายความว่าเจ้าเหมือนดอกไม้นี้ เหมือนดอกไม้ งดงามมาก!”

“อืม”

หลันหนิงตอบกลับคำเดียวอย่างเย็นชา ก่อนยกไหเหล้าขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก

เกาจัวหยวน “…”

ไอ้ ‘อืม’ นี่มันหมายความว่าอย่างไร? แม่คุณ เจ้าจะรับหรือไม่รับกันแน่?

บรรยากาศพลันอึดอัดขึ้นมา หลันหนิงไม่สนใจเขา เขาจึงหาทางลงให้ตัวเอง “ดอกไม้นี้มีไม่มาก และเก็บยากมาก ไม่สู้เจ้ารับไว้?”

หลันหนิงหันมามองเขา และถามคำถามสกัดทางอีกครั้ง “ข้าจะเอาสิ่งนี้ไปทำไม? มันดื่มได้หรือ?”

เกาจัวหยวนเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาอยากลุกขึ้นทันทีแล้วถอดเสื้อผ้าออก ให้นางได้เห็นหัวใจของตัวเอง

แม่คุณ นี่ข้ากำลังแสดงความรักอยู่นะ!

เป็นครั้งแรกที่ส่งดอกไม้ล้มเหลว เกาจัวหยวนรู้สึกเหี่ยวแห้งลงทันใด เห็นทีกลยุทธ์ของท่านอ๋องน่าจะเหมาะกับหวางเฟยคนเดียวเท่านั้น เขาต้องหาทางพิชิตหลันหนิงหญิงซื่อตรงเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งคนนั้นให้ได้!

ความจริงเขาเกิดความรู้สึกกับหลันหนิงมานานแล้ว หลังจากนางเข้ามาในตำหนัก เขาก็สนใจนางมาตลอด นางฉลาด มีความสามารถ มีฝีมือล้ำเลิศ ทำงานจริงจัง มีความรับผิดชอบ ทั้งหมดนี้ล้วนดึงดูดเขา ทว่านางก็เย็นชามาก เขาหาทางเข้าไปในโลกของนางไม่ได้เลย

เขาพยายามคุยกับนาง ทว่าทุกครั้งไม่เกินสามประโยคก็หมดสนุกจะคุยต่อ เขายังเคยลองเล่าเรื่องตลกให้นางฟัง แต่ทุกครั้งนางไม่เพียงแต่ไม่หัวเราะ แต่ยังมองเขาเหมือนเป็นคนงี่เง่าอีกด้วย

เขาใช้ความสามารถที่มีจำกัดไปหมดสิ้นแล้ว อยากจะเลียนแบบท่านอ๋องจีบภรรยา แต่ครั้งแรกก็โดนปฏิเสธจนทำตัวไม่ถูกไปเสียแล้ว!

จากห่อเหี่ยวผิดหวังสู่การฟื้นคืนจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เกาจัวหยวนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ตั้งปณิธานว่าจะเป็นแมลงสาบที่ตีไม่ตาย บุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอมหวนกลับไม่ว่าจะมองทางด้านศีลธรรมและสัจธรรม และต่อสู้ต่อไป!

……

สามวันต่อมา พวกเฉียวเยี่ยนออกเดินทางกลับ ผู้คนที่มาเฝ้าส่งพวกเขาเรียงรายไปตามข้างถนนสองข้าง ส่งรถม้าที่เคลื่อนออกไปไกล และโบกมือให้คนในรถม้าไม่หยุด

เฉียวเยี่ยนก็โผล่หัวออกมาจากรถเช่นกัน พร้อมโบกมือลาผู้คน

หลังจากรถม้าออกจากเมืองไป เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็เปลี่ยนไปขี่ม้าแทน พวกเขาอยากกลับไปก่อนพวกกองทัพทหาร จากเมืองหลวงมาสองเดือน พวกเขาคิดถึงลูกทั้งสองที่อยู่บ้านมากโขแล้ว

เว่ยอวิ๋นซู หลันหนิง กับพวกองครักษ์ตามหลังสองสามีภรรยาไป ทะยานควบม้าไปด้วยกัน และมอบกองทัพให้กับพวกนายพลที่ติดตามมาด้วย

ใช้เวลาไปสองวัน คนกลุ่มหนึ่งรีบกลับไปตำหนักอ๋องซู่อย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กทั้งสองรู้ว่าบิดามารดากลับมาวันนี้ ก็กลับมาจากบ้านท่านยายมาเมื่อวานแล้ว และนั่งรออยู่บนธรณีประตูกันตั้งแต่เช้าตรู่ พวกผู้ใหญ่โน้มน้าวอย่างไรก้ไม่กลับ

ซูเนี่ยนหว่านรู้สึกสงสารหลานทั้งสอง กังวลว่าพวกเขาจะเหนื่อยแย่ จึงให้คนทำขนมเล็กน้อย และรออยู่เป็นเพื่อนพวกเขา พลางป้อนขนมให้พวกเขาเป็นครั้งคราว

หลังจากเฉียวจิ่นว่าราชการเสร็จก็มาที่ตำหนักอ๋องซู่ เมื่อเห็นท่าทางของสามยายหลานก็ทั้งสงสารทั้งจนใจ จึงรอกับพวกเขาไปด้วย

หลังจากรอมานานกว่าสองชั่วยาม ก็ยังไม่เห็นบิดามารดากลับมา เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้แล้ว เบะปากจะร้องไห้ออกมา ทั้งที่ในปากยังมีขนมอยู่

ซูเนี่ยนหว่านกลัวว่านางจะสำลัก จึงรีบเข้าไปกอดโอ๋ “เด็กดีไม่ร้องนะ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาแล้ว ยายจะรอไปพร้อมเจ้า”

เจ้าก้อนแป้งที่ผิวขาวเนียนดุจหยก ในดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา มีน้ำตาสองสามหยดเกาะอยู่บนขนตา ดูน่าสงสารยิ่งนัก

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั่งตัวตรงเป็นระเบียบ ไม่ร้องไห้ ทว่าใบหน้าที่ขมวดเข้าหากันแน่นที่แสดงออกมานั้น เขาในเวลานี้ก็เสียใจมากเช่นกัน

เฉียวจิ่นอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และปลอบเสียงแผ่วเบา

ในที่สุด รอจนมาถึงตอนเที่ยง เสียงควบม้าก็ดังเข้ามาเป็นระลอก และร่างคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในสายตา

ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!

เฉียวเยี่ยนดึงสายบังเหียน รีบลงจากหลังม้าเดินเข้าไปกอดเด็กทั้งสองทันที เมื่อครู่ที่เห็นสีหน้าของทั้งสอง หัวใจของนาง ก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบหลั่งเลือดออกมา

เมื่อเด็กทั้งสองถูกมารดาสวมกอดก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาทันที แม้แต่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็กลั้นไว้ไม่ไหว นี่เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้าเช่นนี้

เฉียวเยี่ยนเองก็กอดเด็กทั้งสองร้องไห้ และปวดใจจี๊ดๆ มู่ฉินเจินเดินเข้าไปกอดสามแม่ลูกไว้ในอ้อมแขนแน่น ครอบครัวสี่คนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนาน ฉากนี้ทำให้หลายคนต้องหลั่งน้ำตาไม่น้อย

เว่ยอวิ๋นซูไม่ได้กลับไปที่จวนอันซีโหวก่อน แต่มาที่นี่พร้อมกับเฉียวเยี่ยน เมื่อเวลานี้เห็นฉากนี้ ดวงตาของนางก็แดงก่ำอย่างอยากจะรับไหว ก่อนแอบหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ

นางนหลังกลับไปเช็ดน้ำตา ไม่อยากให้คนอื่นเห็นท่าทางสิ้นหวังของนาง กระนั้นมือเรียวยาวก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาตรงหน้านาง

“ให้ เอาไปเช็ดเถิด”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอาใจช่วยเกาจัวหยวนให้จีบติดนะคะ สาวคนนี้น่าจะต้องให้อะไรที่ไม่เหมือนสาวคนอื่น

มือพี่เฉียวจิ่นแน่เลย ฝั่งเว่ยอวิ๋นซูพอมีหวังแล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *