ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 246 ใครดูความสนุกของใคร
ตอนที่ 246 ใครดูความสนุกของใคร
ตอนที่ 246 ใครดูความสนุกของใคร
อี้จื่อจิ้นยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองมู่ฉินเจินที่สวมชุดสีแดงกระโดดลงมาจากหลังม้า นางกำมือในแขนเสื้อแน่น จนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ
แม้ตอนนี้นางจะแน่ใจในความสัมพันธ์กับองค์ชายรองแล้ว ทว่าเมื่อได้เห็นชายคนนี้อีกครั้ง นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
นางอยากเห็นนักว่าสตรีแบบไหนกัน ที่ทำให้เขาทิ้งเฉียวเยี่ยนไปแต่งงานกับนางได้
หลังจากมู่ฉินเจินลงจากหลังม้า ก็เดินไปที่หน้าประตูเกี้ยว และค่อยๆ แหวกม่านเกี้ยวออก พยุงเฉียวเยี่ยนที่คลุมหน้าออกมาจากเกี้ยว
แม้หูเขาจะดีมากจนได้ยินสิ่งสรรพสิ่งที่คนรอบข้างกำลังพูดถึงได้ ทว่าตอนนี้สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่แต่สตรีตัวเล็กๆ ตรงหน้าผู้เดียว ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร เขาก็ไม่สนใจ เขาแค่ต้องการจัดงานแต่งอันสมบูรณ์ให้แก่นาง
มือของเฉียวเยี่ยนถูกเขาจับกุมไว้ นางใช้นิ้วตัวเองเกาฝ่ามือของเขา ราวกับจะทำอะไรไม่ถูกหรือไม่ก็ตำหนิ
จัดงานเอิกเกริกยิ่งใหญ่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นนี้ ไม่เกินครึ่งวัน ข่าวที่ว่านางถูกมู่ฉินเจินทิ้งต้องแพร่สะพัดไปทั่วแน่
คู่บ่าวสาวก้าวข้ามเตาเดินเข้าไปในตำหนัก คนนอกจวนชะเง้อคอมอง แต่ก็ไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าสาว จึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ดวงตาของอี้จื่อจิ้นฉายแววชั่วร้าย มุมปากหยักยกยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย นางยกมือขึ้นลูบจอนผมเบาๆ ราวกับส่งสัญญาณมือโดยไม่ได้ตั้งใจ พลันมีคนในฝูงชนเป็นแกนนำตะโกนขึ้นมาทันที
“อย่าเพิ่งไปสิ พวกเรายังอยากเห็นว่าเจ้าสาวหน้าตาเป็นอย่างไรอยู่เลย!”
“ใช่แล้ว ซู่หวางเฟยคนใหม่เป็นคุณหนูสกุลไหนกันแน่?”
เมื่อมีแกนนำขึ้นมา คนอื่นๆ ที่อยากดูความสนุกก็ตะโกนตาม ทันใดนั้นก็มีเสียงดังอื้ออึงเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้งที่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่
ฝีเท้าของเฉียวเยี่ยนหยุดชะงัก นางอยากถอดผ้าคลุมหน้าทิ้งเสียตอนนี้เลย ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะแพร่กระจายไปเป็นแบบไหน
คนที่เป็นแกนนำเหล่านี้เป็นไปได้มากว่าจะมีคนที่อยากดูความสนุกของนางเป็นจัดมา ในเมื่อคนอื่นอยากเห็น เช่นนั้นนางก็จะสร้างฉากที่ยิ่งสนุกมากขึ้นให้!
นางหมุนตัวจะเดินกลับไปต่อ ทว่ามู่ฉินเจินกลับดึงมือนางไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบา “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ข้าจะจัดการเอง เจ้าเป็นเจ้าสาวอย่างสบายใจก็พอ”
หลังจากเขาพูดจบ ก็ส่งสายตาให้ลุงฉูที่รออยู่ด้านข้าง ลุงฉูรีบส่งคนไปสลายฝูงชนทันที
“ไปๆๆ! อย่ามาล้อมกันอยู่ตรงนี้ วันนี้เป็นมงคลขอลท่านอ๋องซู่ หากใครทำลายเรื่องดีๆ ระวังจะหัวขาดเอา!”
เมื่อถูกองครักษ์ของตำหนักอ๋องซู่ขับไล่ออกไป ก็มีบางคนที่ขี้ขลาดวิ่งหนีไปทันที ทว่าคนที่ถูกติดสินบนร้องตะโกนขึ้นมายังคงยืนอยู่ในฝูงชน
“พวกเราไม่ไป หากวันนี้ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าสาวก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
มีบางคนทรุดลงนั่งนิ่งอยู่กับพื้น ราวกับกำลังประท้วงก็มิปาน
เมื่อพวกองครักษ์เห็นเช่นนี้ ก็ชักดาบยาวข้างเอวออกมาขู่ “จะไปหรือไม่ไป? ไม่ไปข้าจะฟันเจ้าเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”
“มาสิ มีความสามารถก็ฟันมาเลยสิ! ทุกคนดูเอาไว้ ตำหนักอ๋องซู่รังแกผู้คน!”
ความจริงพวกเขาก็แน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ ด้วยรูปแบบการทำงานเมื่อก่อนของตำหนักอ๋องซู่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟันพวกเขา อย่างมากสุดก็แค่ถูกทุบตี ทรมานเล็กน้อย แต่มันก็คุ้มค่ากับเงินห้าตำลึง!
ลุงฉูโกรธจนหน้าแก่ๆ ดำคล้ำ ปกติเวลามีเรื่อง เขาจะทำเป็นเมินไม่สนใจ ทว่าวันนี้ริอาจทำลายเรื่องดีๆ ของท่านอ๋องกับหวางเฟย คอยดูแล้วกันว่าเขาจะจับพวกเขาไปขึ้นศาลหรือไม่
“จับมัดเอาไว้!”
เขาออกคำสั่งกับพวกองครักษ์ ทันทีที่เขาพูดออกไป เฉียวเยี่ยนก็ขัดขึ้น
“ช้าก่อน!”
เฉียวเยี่ยนหมุนตัวเดินกลับไป และยืนอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูตำหนักอ๋องซู่ พลางก้มมองต่ำเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้คนที่มารายล้อม
น้ำเสียงของนางดังก้องทว่ากลับดูเป็นมิตร ก่อนเอ่ยกับทุกคนราวกับล้อเล่น “เดิมทีเราอยากจะลองสร้างความสนุกสนานในวันส่งท้ายปีเก่าบ้าง ในเมื่อทุกคนสงสัยตัวตนของเปิ่นเฟยนัก เช่นนั้นเปิ่นเฟยจะให้พวกเจ้าได้ดู!”
สิ้นเสียงก็ยกมือเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงหน้างดงาม ทำให้ผู้คนที่มาล้อมรอบเห็นนางต่างตกใจอ้าปากค้าง
เป็นเฉียวเยี่ยน!
พวกเขาสองคนกำลังเล่นตลกอะไรกัน ไม่ใช่ว่าแต่งงานกันแล้วหรือ? เหตุใดวันนี้ถึงจัดขึ้นอีก? เล่นตลกกันหรือ?
เฉียวเยี่ยนยิ้มอย่างเขินอาย และบิดมุมปากเบาๆ “หลังใช้ชีวิตกันมานาน เปิ่นเฟยก็อยากหาความหวานซึ้งกับท่านอ๋องบ้าง จึงจัดงานแต่งงานขึ้นมา ทำให้ทุกคนขบขันแล้ว”
ฝูงชนเงียบกริบ ไม่ได้สติไปครึ่งค่อนนาน บางคนถึงกับอ้าปากค้าง ชนิดหากไม่ระวังแมลงวันอาจบินเข้าไปได้
ที่แท้สองสามีภรรยาคู่นี้ก็แสดงความรักกันอยู่นี่เอง!
‘ใช้ชีวิตมานาน อยากหาความหวานเล็กน้อย’ บ้าอะไรกัน ในวันส่งท้ายปีเก่านี้พวกเขาว่างจนไม่มีอะไรทำเลยหรือ?
เมื่อได้สติกลับมา พวกเขาก็รู้สึกเหมือนมีของที่มองไม่เห็นถูกยัดเข้าไปในท้อง กระทั่งประหยัดข้าวกลางวันไปได้
อ๋อ ถูกอาหารสุนัขยัดจนอิ่มนี่เอง แถมยังเป็นพวกเขาเองที่ตามมากิน
วันส่งท้ายปีเก่าปีนี้ได้กลายเป็นวันที่ยากจะลืมเลือนสำหรับใครหลายๆ คนในเมืองหลวง เพราะพวกเขาได้พบกับคู่รักสองคนที่น่าเบื่อที่สุดในประวัติศาสตร์ น่าเบื่อจนไม่มีอะไรทำ จึงจัดงานแต่งงานให้ตัวเองอีกครั้ง
อี้จื่อจิ้นนึกถึงสตรีที่มีชื่อเสียงทุกคนในเมืองหลวงขณะคาดเดาตัวตนของเจ้าสาว แต่ทำอย่างไรก็นึกไม่ออก ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้
นางเหมือนตัวตลกที่กระโดดไปมา เดิมทีหวังตามมาดูความสนุกของคนอื่น แต่สุดท้ายกลับสร้างความสนุกให้คนอื่นดู!
“ในเมื่อทุกคนก็มากันแล้วก็อย่าเพิ่งรีบไป อีกเดี๋ยวรอกินขนมมงลคนะ”
เฉียวเยี่ยนแก้ไขสถานการณ์น่าอับอายอย่างช่ำชอง และทักทายผู้คนที่มาล้อมอย่างอบอุ่น ก่อนสั่งให้ข้ารับใช้รีบเข้าไปหยิบขนมมงคลในตำหนัก
เหตุการณ์ที่เจ้าสาวต้องยืนขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวตนของตัวเองในวันแต่งงาน ก็คงมีแค่นางเพียงคนเดียวสินะ
“ตกลง! ขอให้ท่านอ๋องกับหวางเฟยครองรักกันยาวนานร้อยปี!”
พอหลายคนได้ยินว่ามีขนมมงคลให้กิน ก็อวยพรเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินอย่างมีความสุข ทั้งคู่ทักทายครู่หนึ่ง ก่อนจะจูงมือกันเข้าไปในตำหนัก
ส่วนพวกคนที่เป็นแกนนำเมื่อครู่นั้น ไม่ต้องให้เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินสั่ง พวกองครักษ์ก็จับตาดูไว้ให้แล้ว
อี้จื่อจิ้นมองทั้งคู่เข้าตำหนักไปจนลับตา ความหดหู่ในใจนางทำให้นางพูดไม่ออก จนอยากจะพุ่งเข้าไปข่วนใบหน้าของเฉียวเยี่ยนนัก
ชิงเหลียนมองสีหน้าคุณหนูตัวเอง ก็กังวลว่านางจะทำอะไรรุนแรงอีก จึงรีบพยุงนางกลับ
นอกจากอุบัติเหตุตอนเข้าประตูมาแล้ว งานแต่งทุกขั้นตอนก็เป็นไปอย่างราบรื่น
นางคลุมหน้าอีกครั้ง มู่ฉินเจินจูงมือนางเดินเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ เมื่อเข้าไปในตำหนัก ลูกๆ ทั้งสองทำหน้าที่เป็นเด็กโปรยดอกไม้ ถือตะกร้าดอกไม้เล็กๆ โปรยกลีบดอกไม้ให้มารดา
ลูกทั้งสองสวมชุดสีแดง กลางหน้าผากแต้มจุดแดงด้วยชาด เหมือนกับตุ๊กตานำโชคที่มีความสุขสองตัว
เมื่อเข้าสู่ห้องโถงหลัก ก็สักการะเทวดาฟ้าดิน จากนั้นก็ถูกส่งไปยังเรือนหอ เหมือนกับเจ้าสาวที่แต่งงานใหม่แบบไม่มีผิดเพี้ยน
เนื่องจากงานแต่งงานครั้งนี้พิเศษมาก จึงไม่ได้เชิญแขกคนอื่นๆ มา มีเพียงฮ่องเต้เฒ่ากับฮองเฮา เว่ยอวิ๋นซูกับครอบครัวฝั่งเจ้าสาวของเฉียวเยี่ยน รวมถึงข้ารับใช้ทั้งหมดของตำหนักอ๋องซู่
เมื่อเข้าไปในเรือนหอ มู่ฉินเจินก็ถอดผ้าคลุมหน้าออกอย่างมีความสุข เฉียวเยี่ยนก็ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องอย่างเงียบๆ เพื่อรอให้ค่ำ แต่ออกไปนอกห้องเพื่อกินข้าวกับทุกคน
งานแต่งงานเป็นเพียงพิธีทางการอย่างหนึ่งสำหรับนาง สิ่งสำคัญคือการได้อยู่กับครอบครัว ทุกคนมีความสุข รักสามัคคี นางก็พอใจมากๆ แล้ว
ในราตรีอันเงียบสงัด
ห้องหอของเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินยังคงเต็มไปด้วยสีแดงแพรวพราว ตัวอักษรสีแดง เทียนมงคลแดง กระทั่งที่นอนก็เต็มไปด้วยสีแดงเช่นกัน
เทียนสีแดงกำลังเผาไหม้ ส่องสว่างสลัวรางในห้องมืด ทำให้บรรยากาศดูคลุมเครือเล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนสวมชุดนอน นั่งอยู่บนเตียง ขณะฟังเสียงน้ำที่ชายของตนอาบน้ำอยู่ด้านหลังม่านกั้น หัวใจก็ยิ่งเต้นถี่รัวขึ้น
คืนนี้พวกเขาจะกลายเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงกันแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณหนูอี้กินข้าวที่บ้านไม่อิ่มเหรอคะ ถึงต้องมากินอาหารสุนัขที่ตำหนักอ๋องซู่?
เอาแล้ววว ฉากเข้าหอจะมาแล้ววว
ไหหม่า(海馬)
Comments