ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 260 งานเฉลิมฉลองปีนี้ไม่มีท่านข้าไม่ดู

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 260 งานเฉลิมฉลองปีนี้ไม่มีท่านข้าไม่ดู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 260 งานเฉลิมฉลองปีนี้ไม่มีท่านข้าไม่ดู

ตอนที่ 260 งานเฉลิมฉลองปีนี้ไม่มีท่านข้าไม่ดู

นางไม่คิดเลยว่าพวกเขาสิบกว่าคนจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของคนแค่คนสี่คน เมื่อครู่ที่สู้กันไม่กี่กระบวนท่า นางก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแล้วว่าไม่ได้แข็งแกร่งด้อยไปกว่านางเลย

แม้นางจะหยิ่งยโส กระนั้นนางก็เคารพผู้ที่แข็งแกร่ง ในเมื่ออีกฝ่ายเก่งกาจ เช่นนั้นนางจากไปก็จบแล้ว

แต่หญิงคนนี้กลับขู่กรรโชกทรัพย์นาง!

ก็แค่เงินเองมิใช่หรือ นางเป็นองค์หญิงแห่งรัฐเยี่ยนผู้สูงส่ง พระธิดาที่เกิดจากฮองเฮา พระขนิษฐาขององค์รัชทายาท จะขาดแคลนเงินได้อย่างไร?

นางระงับโทสะในใจ ก่อนเอ่ยด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง “บอกมาสิว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่ เปิ่นกงจู่มีเงินมากพอ!”

เฉียวเยี่ยนแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวแวววาว “ไม่มากหรอก หนึ่งแสนตำลึงเท่านั้น!”

เจียงอวี่เฉียนแทบกระอักเลือด “หนึ่งแสนตำลึง! เหตุใดเจ้าไม่ไปปล้นเอาเสียเลยล่ะ? คนของเปิ่นกงจู่ได้รับบาดเจ็บ ยังไม่เรียกร้องเงินจากเจ้าเลย!”

นางยังไม่ทันบ่นจบก็ถูกเฉียวเยี่ยนขัดขึ้นก่อน

“ทอง เปิ่นเฟยหมายถึงทองหนึ่งแสนตำลึง!”

“ในเมื่อองค์หญิงเจียงมีเงินมากมาย เช่นนั้นก็รีบจ่ายมาเร็วๆ เถิด”

เฉียวเยี่ยนเอ่ยพร้อมแบมือยื่นมือออกไป พลางยิ้มสดใส

เจียงอวี่เฉียนได้ยินกับหูตัวเองแล้วก็พลันอึ้งงัน ทองหนึ่งแสนตำลึง!

คลังสมบัติส่วนตัวของนางไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น แต่อีกฝ่ายกลับบังอาจขอทองหนึ่งแสนตำลึง!

นางกระทืบเท้าด้วยความโกรธ และคำรามออกมา “เฉียวเยี่ยน เจ้าอย่ามาได้คืบจะเอาศอกนะ!”

เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผากตัวเอง และทำท่าทางอ่อนแรง “ไอหยา จู่ๆ เปิ่นเฟยทำไมเวียนหัวขนาดนี้? ต้องเป็นเพราะเหนื่อยจากเมื่อครู่แน่ ไอหยา ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว วันนี้เปิ่นเฟยกลับไม่ได้แล้ว”

ขณะนางพูดก็ค่อยๆ เอนลงไปบนพื้น กุมหัวตัวเองไว้ ประหนึ่งเจ็บปวดสุดๆ ก็มิปาน

การเปลี่ยนแปลงการกระทำอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นชะงักค้าง เจียงอวี่เฉียนมองเฉียวเยี่ยนที่ล้มอยู่บนพื้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในหัวก็มีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา

คนผู้นี้คือหวางเฟยจริงๆ หรือ? แถมยังเป็นแกนนำขู่กรรโชกเอาเงินเช่นนี้อีก?

แต่ฮุ่ยเซียงกับองครักษ์ทั้งสามอยากปิดหน้าตัวเอง จะทำอย่างไรดี? จู่ๆ ก็รู้สึกว่าหวางเฟยช่างน่าขายหน้าเล็กน้อย และไม่อยากรู้จักกับนางแล้ว

ทว่าในใจพลันนึกถึงความดีของหวางเฟยเมื่อก่อน ช่างเถิดช่างเถิด หวางเฟยเรานำไปล้างมลทินหน่อยก็ยังใช้ได้อยู่

ระบบตัวน้อยเห็นโฮสต์ตัวเองทำตัวบ้าๆ บอๆ ก็หัวเราะกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้น

[ท่านโฮสต์ งานเฉลิมฉลองปีนี้ถ้าไม่มีท่านข้าก็ไม่ดูแล้ว]

เฉียวเยี่ยนกลอกตาใส่ระบบตัวน้อย “แล้วข้าทำเพื่อใครล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากให้เจ้าเพิ่มระดับเร็วขึ้นหรอกหรือ แม้แต่เกียรติข้ายังโยนทิ้งไปแล้ว ความซื่อสัตย์สุจริตก็พังทลายยับ ”

ฮุ่ยเซียงรู้สึกว่าการปล่อยให้หวางเฟยตัวเองแสดงคนเดียวดูไม่ค่อยสาแก่ใจเท่าใดนัก นางจึงทิ้งดาบในมือลง และอ้าปากร้องไห้โฮออกมา

พลันมีเสียงร้องระงมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น “หวางเฟยท่านไปอะไรไปหรือ? หากไม่มีท่าน บ่าวจะอยู่อย่างไร!”

เจียงอวี่เฉียนและคนอื่นๆ ที่ยังนิ่งค้างไปก็ตกใจอีกครั้งกับฮุ่ยเซียงที่ร้องไห้ เฉียวเยี่ยนที่แสร้งเวียนหัวเอนตัวอยู่บนพื้นก็ยังตกใจมาก

ไอหยา สาวน้อยคนนี้ไม่เลวเลย ระเบิดพลังได้แข็งแกร่งมาก!

หากอยู่ในสมัยปัจจุบัน อยากจะส่งนางไปเข้าร่วมรายการ ‘ช่วงเจ้าหยิง’*หรือไม่ก็ ‘เหยียนหยวนฉิงจิ้วเว่ย’** พวกนี้ ให้นางได้แจ้งเกิดสักที

(*创造营 ช่วงเจ้าหยิง เป็นรายการเรียลลิตีค้นหากลุ่มศิลปิน)

(**演员请就位 เหยียนหยวนฉิงจิ้วเว่ย เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์)

สองนายบ่าวเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เฉียวเยี่ยนคว้ามือฮุ่ยเซียงไว้ เอามาทาบหัวตัวเอง และแสร้งทำเป็นไอออกมา “แค่กๆ ฮุ่ยเซียงเจ้าแตะดู ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่?”

ฮุ่ยเซียงแตะหน้าผากเจ้านายตัวเองอย่างรู้เท่าทัน จากนั้นแสดงท่าทางเกินจริงด้วยการตกใจไปสามส่วน เสียใจไปสามส่วน ดูเศร้าโศกยิ่งนัก “หวางเฟย ศีรษะของท่านเหตุใดถึงได้ร้อนปานนี้? ใกล้จะไหม้แล้ว ท่านอดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ เมื่อได้ทองแสนตำลึงมาแล้ว บ่าวจะรีบพาท่านไปหาหมอ”

เจียงอวี่เฉียน “…”

เจ้าอยากขู่กรรโชกทรัพย์ข้าก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องแสดงอะไรให้มากความเช่นนี้หรอก ข้าเข้าใจทุกอย่าง!

เฉียวเยี่ยนยกนิ้วโป้งให้สาวน้อย ใช้ได้เลย เป็นหญิงสาวที่มีสายตาเฉียบแหลมดี!

“ฮุ่ยเซียง ไยข้าจึงรู้สึกว่าตาข้าลายไปหมดแล้ว เจ้าดูพี่องครักษ์สามคนของเจ้าสิเหตุใดจึงหน้าขาวซีดเช่นนั้น พวกเขาใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่?”

องครักษ์สามคนที่ถูกเรียกชื่ออย่างฉับพลันรู้สึกเพียงนกกาบินผ่านหัวไป ขอร้องท่านล่ะหวางเฟย พวกข้าน้อยยังต้องการหน้าตาอยู่นะ!

ฮุ่ยเซียงพยักหน้ารัวๆ ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตานองหน้า “หวางเฟยท่านมองไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ ตาท่านยังไม่ลาย พวกเขามีสีหน้าขาวซีด ขาสั่นเทา ใกล้จะเป็นลมแล้วจริงๆ ”

พวกองครักษ์ “…”

หากตอนนี้พวกเขาไม่แสดงสีหน้าซีดขาว ขาสั่นเทา จะดูไม่สมเหตุสมผลหรือเปล่า?

ฮุ่ยเซียงพยายามส่งสายตาให้พวกเสาท่อนไม้สามคนที่นิ่งค้างอยู่อย่างสุดชีวิต องครักษ์คนหนึ่งฉลาดขึ้นมาก่อน และส่งเสียง ‘อ้า’ อย่างแข็งทื่อออกมา จากนั้นก็กุมศีรษะล้มลงกับพื้น

“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าเวียนหัว ต้องเป็นเพราะเหนื่อยจากเมื่อครู่แน่เลย”

เมื่อมีคนนำ ที่เหลือสองคนก็ไม่เก้อเขินขนาดนั้นแล้ว จึงทำตาม ล้มพับลงบนพื้นทันที

ห้านายบ่าวพลันอ่อนแอหมดแรงหลังจากสู้ชนะได้ แสร้งทำเป็นอ่อนแรงสี่คน อีกคนหนึ่งร้องไห้ฟูมฟายให้พวกเขาอยู่ข้างๆ หากคนที่ไม่รู้มาเห็นภาพนั้น คงน่าสมเพชและเปิดประตูให้กลับบ้านอย่างน่าอนาถ

เจียงอวี่เฉียนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย นางมีชีวิตอยู่ใกล้จะยี่สิบปีแล้ว ยังไม่มีใครเคยบอกนางเลยว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร

นางชี้ไปที่เฉียวเยี่ยน เอ่ยตะกุกตะกัก “เปิ่นกงจู่จะบอกอะไรเจ้าให้ อย่าคิดจะขู่กรรโชกคนอื่น เปิ่นกงจู่ไม่หลงกลเจ้าหรอก”

เฉียวเยี่ยนเปิดเปลือกตาเหลือบมองดูนาง และยิ่งกรีดร้องให้ดังยิ่งขึ้น “ไอหยา ไฉนมือข้าก็ปวดด้วย ท้องก็ปวด ขาก็ปวด เห็นทีทองหนึ่งแสนตำลึงคงรักษาไม่หาย คงต้องเอาสองแสนตำลึงแล้ว”

ความจริงนางแค่อยากแกล้งหญิงสาวคนนี้ และไม่คิดว่าจะขูดรีดเงินมากมายขนาดนั้นจริงๆ แม้องค์หญิงน้อยคนนี้จะค่อนข้างชอบหาเรื่องคนอื่น แต่นางก็แค่ค่อนข้างหยิ่งยโสไปหน่อย และไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายอะไร

เจียงอวี่เฉียนยังไม่ทันคิดวิธีแก้ปัญหาออก ก็มีเสียงควบม้าดังมาจากด้านหลัง นางหันไปมอง ก็หางลู่หูตกทันใด

พี่ชายนางมาจับนางกลับไปแล้ว!

เจียงเจี้ยนสวินเห็นคนนอนอยู่บนพื้นมาแต่ไกล ก็ตกใจจนวิญญานเกือบเลือนหายไปแล้ว

บนรถม้านั้นมีตราสัญลักษณ์ของตำหนักอ๋องซู่ และเห็นได้ชัดมากว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นคือคนของตำหนักอ๋องซู่ และน้องสาวของตนก็เอาแต่ร้องจะแก้แค้นซู่หวางเฟยมาตลอด…

เขาไม่กล้าคิดต่อไปอีก หากซู่หวางเฟยตกอยู่ในเงื้อมมือน้องสาวเขา ด้วยนิสัยรักภรรยาของมู่ฉินเจินผู้เป็นอ๋องซู่ สงครามระหว่างรัฐเยี่ยนกับเทียนลี่ก็คงเกิดขึ้นอย่างหลีกหนีไม่พ้น

เพื่อให้สงครามสงบ เสด็จพ่อเสด็จแม่เขาต้องขับไล่น้องสาวออกไปอย่างเจ็บปวดใจแน่…

ทันใดนั้นความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามาในหัวเขา และแอบตำหนิตัวเองว่าเหตุใดระหว่างทางไม่จับตาดูนางดีๆ ปล่อยให้นางแอบหนีไปได้สำเร็จ

เจียงอวี่เฉียนมองพี่ชายที่มีสีหน้าตึงเครียดตรงมาทางนาง ก็หดหัวน้อยๆ และเปล่งเสียงเรียก ‘ท่านพี่’ ออกมา

เจียงเจี้ยนสวินไม่สนใจนาง และเอ่ยสั่งกับคนที่ตามหลังมา “เชิญองค์หญิงเข้าไปในรถม้า และจับตาดูนางให้ดี หากปล่อยนางออกมาอีก เปิ่นกงจะบั่นหัวพวกเจ้า!”

เจียงอวี่เฉียนถูกคนลากขึ้นรถม้า พลันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “ท่านพี่ ท่านฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา เป็นพวกเขาที่ขู่กรรโชกเอาเงินข้า บอกมาว่าจะเอาทองหนึ่งแสนตำลึง ข้ามีเงินมากมายขนาดนั้นที่ไหนกัน !”

เจียงเจี้ยนสวินได้ยินเช่นนี้ก็โล่งใจ มองไปยังห้าคนที่อยู่บนพื้น เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน ก็เบาใจลงในที่สุด

คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หากใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ มันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

เขากุมมือคำนับเฉียวเยี่ยน ก่อนเอ่ยขอโทษแทนเจียงอวี่เฉียน “ขออภัยแก่ซู่หวางเฟยด้วย น้องสาวข้าดื้อรั้นซุกซน ทำผิดมหันต์นัก”

“เปิ่นกงออกมาอย่างเร่งรีบ จึงไม่ได้พกเงินติดตัวมามาก ทองคำหนึ่งแสนตำลึงนั้นจะสั่งให้คนมามอบให้ในภายหลัง หากหวางเฟยไม่วางใจก็สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ขำไม่ไหวแล้วค่ะ วิธีกรรโชกทรัพย์ท่านช่างล้ำลึกนักหวางเฟย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด