ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 264 ร่วมดูความสนุกด้วยกัน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 264 ร่วมดูความสนุกด้วยกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 264 ร่วมดูความสนุกด้วยกัน

ตอนที่ 264 ร่วมดูความสนุกด้วยกัน

การสารภาพของเว่ยอวิ๋นซูเมื่อครู่ไม่ใช่เบาๆ ทำให้ห้องส่วนตัวที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้ยิน และวิ่งออกไปฟังข่าวซุบซิบกัน

ทั้งสองคนวิ่งตามกันออกมา ทำให้คนในห้องโถงต่างมองตามด้วยความตกใจ

โอ้ คู่นี้ทะเลาะกันเหรอ? นางวิ่งหนีเขาไล่ตาม สุดท้ายนางก็หนีไม่รอด?

เฉียวจิ่นยืนอยู่หน้าประตูร้าน ดูเหม่อลอยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตัวเองควรไล่ตามไปหรือไม่

เผอิญวันนี้เฉียวเยี่ยนมาตรวจสอบบัญชีที่ร้านพอดี เรื่องของพวกเขาทั้งสองจึงตกอยู่ในสายตานาง

อวิ๋นซูเจ้าเด็กคนนี้มีความสามารถคนหนึ่ง แค่ไม่แสดงออก แต่หากคนได้เห็นได้รู้รับรองจะต้องตะลึงงัน นางทำอะไรเอิกเกริกเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย

นางเดินลงข้างล่างไปอยู่หลังพี่ชายตัวเอง และยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ

“ท่านพี่ ว่าที่พี่สะใภ้หนีไปแล้ว จะมัวยืนอึ้งอยู่ตรงนี้ทำไม รีบตามนางไปสิ สตรีมักคิดเพ้อเจ้อง่ายที่สุด เมื่อครู่ท่านยังไม่ได้ให้คำตอบอวิ๋นซูเลย”

เฉียวจิ่นได้สติขึ้นมา ก่อนมองสายตาให้กำลังใจของน้องสาว จึงรวบรวมความกล้าไล่ตามนางไป

ฉากนี้ทำให้คนที่ดูความสนุกอยู่ในร้านต่างปรบมือขึ้นมา และมีความสุขที่ได้เห็นคู่รักครองรักกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สวยงาม

เว่ยอวิ๋นซูนั่งอยู่ในรถม้า ปิดใบหน้าที่ทั้งร้อนผ่าวและแดงของตัวเอง ในหัวก็ฉายภาพที่นางสารภาพรักเมื่อครู่ซ้ำๆ

พระเจ้า! ช่างน่าอายยิ่งนัก! ไฉนนางถึงไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้? พี่เฉียวจิ่นคงตกใจกลัวไปแล้วเป็นแน่?

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งหงุดหงิด และตบหน้าตัวเองแรงๆ สองครั้ง หน้าที่เดิมทีแดงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแดงจนแทบจะห้อเลือด

เฉียวจิ่นที่นั่งอยู่ในรถม้าตอนนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน เหตุใดเมื่อครู่เขาถึงได้ลังเลนะ? หากอวิ๋นซูเข้าใจเขาผิดจะทำอย่างไร?

ยิ่งคิดใจก็ยิ่งร้อนรน เขาเร่งเร้าไม่หยุด “จิ้งหมิง เร็วหน่อย!”

จิ้งหมิงก็อยากจะไปเร็วเหมือนกัน ทว่านี่อยู่ในเขตเมือง รถม้าไม่ได้รับอนุญาตให้วิ่งเร็ว เขามีใจจะทำแต่กำลังไม่พอ

รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ในใจของเฉียวจิ่นก็ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเปิดม่านออกมองไปข้างหน้า กลับไม่เห็นเงารถม้าของเว่ยอวิ๋นซูเลย

ขณะผ่านทางสี่แยก ก็มีขบวนแห่เจ้าสาวข้ามขวางทางพวกเขาพอดี ซึ่งทำให้ระยะห่างกับเว่ยอวิ๋นซูในตอนนี้ยิ่งขยายออกไปไกลอีก

เฉียวจิ่นกำหมัดแน่น เขารอไม่ได้อีกต่อไป เปิดม่านกระโดดลงจากรถม้า วิ่งไปตามถนนในเครื่องแบบข้าราชการ จนดึงดูดความสนใจของคนที่สัญจรไปมาโดยรอบ

“นายท่าน ท่านรอข้าด้วยสิ!”

จิ้งหมิงยังคงขับรถม้าอยู่ ทว่านายท่านตัวเองกลับกระโดดลงจากรถวิ่งไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะถอยหรือไปต่อชั่วขณะ

เฉียวจิ่นวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะวิ่งได้ ทว่าร่างกายเขาเดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว วิ่งไปได้ไม่นานก็หอบยกใหญ่

ตอนนี้รถม้าของเว่ยอวิ๋นซูอยู่ข้างหน้า เขาไม่กล้ายอมแพ้ แม้เท้าจะเริ่มอ่อนแรง ก็ยังกระเสือกกระสนไปข้างหน้า

“อวิ๋นซู…รอข้าด้วย!”

เขาวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วย เนื่องจากหอบเหนื่อย ขณะกล่าวจึงขาดๆ ห้วนๆ เสียงของรถม้าข้างหน้าดังกลับเสียงของเขา เว่ยอวิ๋นซูจึงได้ยินเสียงเขาไม่ชัด

เขาไล่ตามจนมาถึงหน้าประตูจวนอันซีโหว

ระหว่างทางก็ปรากฏเป็นภาพน่าขันยิ่งนัก

จิ้งหมิงขับรถม้าไล่ตามเฉียวจิ่นแล้ว เขาหยุดรถม้าให้อีกฝ่ายขึ้น แต่เฉียวจิ่นนั้นดูไร้สติไปแล้วก็มิปาน ยืนหยัดไม่ขึ้นรถม้า ยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อ

หมวกขุนนางที่อยู่บนศีรษะบิดเบี้ยว หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ฝีเท้าอ่อนแรง ความเร็วเทียบได้กับหอยทาก

ระหว่างที่จิ้งหมิงขับรถม้า เขาก็โน้มน้าวนายท่านตัวเองอย่างร้อนรนใจไปด้วย “นายท่าน ท่านรีบขึ้นมาเร็ว รถม้านี้เร็วกว่าท่านวิ่งอีก!”

ทว่าในปากเฉียวจิ่นมีเพียงแค่ประโยคเดียว “อวิ๋นซู…รอข้าด้วย”

สีหน้าจิ้งหมิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล แย่แล้วแย่แล้ว นายท่านคงไม่ได้โง่ไปแล้วใช่ไหม?

เมื่อเว่ยอวิ๋นซูมาถึงหน้าประตูจวน ก็ลงมาจากรถม้า และในที่สุดก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกนางอยู่ด้านหลัง

นางหันกลับไปมอง ก็เห็นพี่เฉียวจิ่นที่ดูเหมือนถูกคนพรากวิญญาณไปแล้วก็ไม่ปานกำลังวิ่งมาหานาง ท่าทางนั้นของเขาเหมือนจะเป็นลมล้มพับไปได้ทุกเมื่อ

นางตกใจ ไม่มีเวลาคิดอะไรมากรีบวิ่งไปทางเขา พลางเอื้อมมือไปประคองแขนเขาไว้ “พี่เฉียวจิ่น นี่ท่านเป็นอะไร?”

เมื่อเฉียวจิ่นเห็นนาง ขาก็อ่อนระทวยล้มพับลงบนพื้นอย่างไม่สนว่าพื้นจะสกปรกหรือไม่ พร้อมหอบหายใจอย่างหนัก

ยามนี้ปากเขาเอาแต่พร่ำคำเดิมๆ ไม่หยุด “อวิ๋นซู…ระ…รอข้าด้วย”

จิ้งหมิงกระโดดลงจากรถม้า เร่งรีบนำกระบอกน้ำมาป้อนน้ำให้นายท่านของตัวเอง

เพราะปากแห้งผากเกินไปจริงๆ หน้าอกก็เจ็บปวดร้อนรุ่ม เฉียวจิ่นดื่มอย่างเร่งรีบไม่ทันระวัง จึงสำลักออกมาทันที

เว่ยอวิ๋นซูลูบหลังให้เขาอย่างทำอะไรไม่ถูก “เป็นอย่างไรบ้าง? สาหัสหรือไม่? ต้องไปหาหมอหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นภาพนี้ นางจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไรอีก? เขาวิ่งตามนางมาตลอดทางอย่างโง่เขลาเชียวนะ

นางรู้สึกปวดใจ พลางเอ่ยตำหนิเสียงเบา “ท่านโง่หรือเปล่า? มีรถม้าไม่นั่ง แต่กลับวิ่งมา ท่านไม่เข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองหรืออย่างไร? ”

เฉียวจิ่นดื่มน้ำ ในที่สุดก็อาการดีขึ้น พลางกระแอมเล็กน้อย “ข้ากลัวว่าเจ้าจะเข้าใจข้าผิด พอร้อนรนขึ้นมาก็ลืมไปแล้ว”

เขาเองก็รู้สึกอายเช่นกัน ตัวเองในตอนนี้ช่างดูโง่เขลามากจริงๆ

เขากระแอมไอ พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมานานมาก “อวิ๋นซู ข้าก็ชอบเจ้าเหมือนกัน ขอบคุณเจ้าที่วันนี้สารภาพความในใจกับข้า คำพูดเหล่านี้ควรเป็นข้าที่ต้องพูดก่อน ขอบคุณเจ้ามากที่ให้ความกล้าแก่ข้า”

ครั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ เว่ยอวิ๋นซูรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย พลันน้ำตาหยดลงมา นางเผยอปากอยากบอกว่าไม่เป็นไร ทว่าเฉียวจิ่นกลับปิดกั้นคำพูดของนาง

“เจ้าอย่าเพิ่งพูด ฟังข้าพูดก่อน ข้ากลัวว่าเจ้าพูดออกมาแล้วข้าจะไม่มีความกล้าพูดต่อไป”

“ข้าชอบเจ้ามานานมากๆ ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน ก่อนหน้าที่ข้าไม่กล้าบอกเจ้ามาตลอด เป็นเพราะข้าคิดว่าตัวเองยังไม่คู่ควรกับเจ้า”

“เจ้าเป็นบุตรสาวของอันซีโหว รูปร่างหน้าตาชาติตระกูลล้วนโดดเด่น แต่ข้านั้นเป็นเพียงขุนนางชั้นเจ็ดตัวกระจ้อยร่อย ทั้งยังตัดขาดกับบิดา อะไรก็ให้เจ้าไม่ได้”

“ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะรอให้ตัวเองมีอำนาจกว่านี้อีกหน่อย ค่อยไปสู่ขอเจ้า”

เขายังอยากจะพูดต่อ ทว่าเว่ยอวิ๋นซูยื่นมือมาปิดปากเขาไว้ นางร้องไห้จนตาแดงก่ำพลางเอ่ยสะอึกสะอื้น “พอแล้ว ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ข้าชอบท่านที่เป็นท่านคนนี้ หาใช่เงินหรือภูมิหลังครอบครัวท่าน พวกนั้นข้าไม่สนใจหรอก”

แต่เขาสนน่ะสิ!

เฉียวจิ่นถูกนางปิดปากไว้ จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนตัวเองและเช็ดน้ำตาให้นาง แม้จะพูดไม่ได้ แต่ในดวงตากลับฉายแววเอาใจใส่อย่างชัดเจน

ทั้งสองนั่งนิ่งอยู่บนพื้น คนหนึ่งเอามือปิดปากอีกฝ่าย อีกคนที่โดนปิดปากก้ช่วยเช็ดน้ำตาให้ แม้ภาพนี้จะดูตลกไปบ้าง กระนั้นมันดูซาบซึ้งใจนัก

จิ้งหมิงไปยืนอยู่ไกลๆ หน่อยอย่างรู้ตัว ด้วยกลัวว่าตัวเองจะรบกวนถึงทั้งสอง ทั้งยังไปแอบหลบหลังพุ่มไม้และโผล่แค่ศีรษะออกมา พลางแสยะยิ้มดูความสนุก

ดีจริงๆ ในที่สุดเจ้านายเขาก็จับภรรยามาไว้ในมือได้แล้ว

และตรงหน้าประตูจวนอันซีโหวในเวลานี้

ประตูสีแดงชาดถูกแง้มออกเล็กน้อยจากด้านใน สามศีรษะเรียงอยู่ใกล้กัน เพื่อดูความสนุกอยู่หน้าประตู

ล่างสุดเป็นอันซีโหวฮูหยิน ด้านบนคือลูกสะใภ้นาง ส่วนบนสุดก็คือเว่ยอวิ๋นเหล่ย

เมื่อครู่ข้ารับใช้มาแจ้งว่าคุณหนูเกิดเรื่องขึ้น พวกเขาจึงรีบพุ่งออกมาทันที

สามคนนี้ก็เหมือนกับจิ้งหมิง พวกเขาดูความสนุกอย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน แถมยังกระซิบกระซาบวิพากวิจารณ์กัน

“เจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย ข้าชอบ ”

อันซีโหวฮูหยินเอ่ยขึ้นเสียงเบา

ลูกสะใภ้นางก็กระซิบตอบ “ข้าก็รู้สึกว่าไม่เลวเหมือนกัน ดูท่าจะดีกับน้องหญิงมากๆ ”

เว่ยอวิ๋นเหล่ยกดเสียงทุ้มห้าวของตัวเองให้เบาลง “ปกติพวกเราจะไปว่าราชกิจด้วยกันบ่อยๆ ไว้ใจได้”

ทั้งสามคุยกันเสร็จ ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจพร้อมกัน

ในที่สุดปัญหาที่ค้างคาใจมานานของบ้านนี้ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

๕๕๕๕๕๕ เป็นการสารภาพรักที่ฮาและซึ้งมากค่ะ ฮาตรงที่คนรอบตัวโผล่หัวมาดูเหมือนกันนี่แหละ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด