ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 267 แย่งกันเข้าคุก

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 267 แย่งกันเข้าคุก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 267 แย่งกันเข้าคุก

ตอนที่ 267 แย่งกันเข้าคุก

เฉียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “เฮอะ อย่าว่าแต่ห้าหมื่นตำลึงทองเลย ต่อให้เป็นหนึ่งแสนตำลึง สองแสนตำลึง เปิ่นเฟยก็มีให้!”

เมื่อหญิงชราได้ยินคำพูดของนาง ดวงตาพลันสว่างวาบขึ้น นี่หมายความว่าจะชดใช้เงินให้นางหรือ?

ทว่าจากนั้นเฉียวเยี่ยนก็เปลี่ยนเรื่อง และเอ่ยเยาะเย้ย “ท่านก็กล้าเอ่ยขอจริงๆ พูดจาทีใหญ่โตโอ้อวด ท่านคู่ควรกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองหรือ? กลัวไม่ได้เงินเอาไปใส่ถุงเงินตัวเองหรือ? ”

นางยืนตัวตรง สง่างามน่าเกรงขาม “วันนี้เปิ่นเฟยจะพูดไว้ตรงนี้เลยนะ เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่มีทางยอมรับ ข้ารอได้ รอจนถึงวันที่ความจริงปรากฏ ส่วนการชดใช้เงินนั้น เงินสักเหรียญหนึ่งก็อย่าคิดจะได้ไปจากข้า!”

หญิงชราถูกนางด่าจนโกรธกริ้ว จึงแสดงท่าทางขมขื่นออกมา

“พวกท่านฟังสิ นี่เป็นคำพูดที่คุยกับคนชราหรือ? ใยจิตใจของเจ้าจึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้!”

“เจ้าบอกว่าเจ้ามีเงินมาก ชดใช้เงินห้าหมื่นตำลึงทองให้ข้าจะเป็นไรไป เจ้าแค่เสียเงินหน้าหมื่นตำลึง แต่ลูกชายข้ากลับไม่มีชีวิตแล้ว!”

หญิงชรายังคงพูดซ้ำไปซ้ำมา เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบๆ ต่างพากันส่ายหน้า จิตใจของคนคนนี้คดเคี้ยวบิดเบี้ยวไปถึงไหนกันถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา?

เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าหากฟังหญิงชราจู้จี้จุกจิกต่อไป ก็จะเป็นการดูถูกหูของตัวเองนัก นางจึงมองไปที่จิงจ้าวฝูอิ่นและเอ่ยว่า “ใต้เท้าหู ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นในภัตตาคารของเปิ่นเฟย เช่นนั้นเปิ่นเฟยก็มีฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย ตามกระบวนการปกติ ควรจัดการอย่างไรกับผู้ต้องสงสัย?”

จิงจ้าวฝูอิ่นตอบอย่างตรงไปตรงมา “ปกติเมื่อเกิดคดีฆาตกรรม ผู้ต้องสงสัยจะถูกควบคุมตัวชั่วคราว หลังจากความจริงถูกเปิดเผยและคลายข้อสงสัยแล้ว ค่อยปล่อยตัว”

“ได้ เช่นนั้นพาเปิ่นเฟยไปได้เลย รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว ค่อยปล่อยเปิ่นเฟย”

จิงจ้าวฝูอิ่นตกใจกับคำพูดเหล่านี้จนทำอะไรไม่ถูก ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เห็นผู้ต้องสงสัยให้ความร่วมมือเช่นนี้

เดิมทีเขาคิดว่า หลังจากตรวจสอบแล้ว หากภายนอกดูสมเหตุสมผล ก็จะปล่อยคนไป

นั่นคือซู่หวางเฟย สตรีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงและเป็นคนสำคัญของท่านอ๋องซู่ เป็นคนที่ฮ่องเต้กับฮองเฮาโปรดปราน เขาจะล่วงเกินได้อย่างไร

“ข้าไปด้วย พาข้าไปด้วย!”

ผู้ดูแลร้านเสนอตัว จะไปติดคุกกับเฉียวเยี่ยนด้วย

หากพูดถึงผู้ต้องสงสัย เขาน่าสงสัยยิ่งกว่าหวางเฟยอีก เพราะอยู่ในภัตตาคารตลอดเวลา

เมื่อคำพูดนี้ออกมา คนครัว เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็แย่งกันยกมือ ร่ำร้องจะไปติดคุกกับหวางเฟยด้วย

ภาพนี้ทำให้จิงจ้าวฝูอิ่นกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีมานับไม่ถ้วนต่างประหลาดใจ

เคยเห็นคนแย่งข้าวกันกิน แย่งเงินกันใช้ ยังไม่เคยเห็นคนแย่งกันเข้าคุกเลย!

จิงจ้าวฝูอิ่นโบกมือติดๆ ตกใจจนเหงื่อเย็นผุดเต็มหน้า “ไม่ขนาดนั้นหรอก ไม่ขนาดนั้นหรอก…”

ว่ากันว่าตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่นนั้นเป็นยากที่สุด เป็นตำแหน่งขุนนางไม่สูงไม่ต่ำ ขุนนางผู้น้อยไม่กลัวเขา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เขาก็ล่วงเกินไม่ไหวอีก

แผ่นดินเมืองหลวงพวกขุนนางล้วนสูงศักดิ์ เพียงแค่คดีหนึ่งพัวพันผลประโยชน์ไปถึงทุกฝ่าย ไม่ว่าเขาจะจัดการอย่างไรก็ยุ่งยากลำบาก จึงประพฤติตัวสงบเสงี่ยมตลอดเวลา

ครั้งนี้เมื่อรู้ว่าเกิดคดีขึ้นในหอฮวาอวิ๋น เขาก็สงบเสงี่ยม และสัญชาติญาณของเขาก็บอกว่าเรื่องนี้คลี่คลายไม่ได้ง่ายๆ

“โอรสแห่งสวรรค์ละเมิดกฎหมาย โทษเท่าสามัญชน หรือใต้เท้าหูจะปกป้องเปิ่นเฟย ให้เปิ่นเฟยได้รับการทอดทิ้งงั้นรึ?”

คำพูดเย็นชาและหนักแน่นของเฉียวเยี่ยนได้แทงเข้าตรงหัวใจของจิงจ้าวฝูอิ่น เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากทิ้ง สงบสติอารมณ์ และโบกมือให้พวกเจ้าหน้าที่ “เอาตัวไป”

ในเมื่อนางต้องการเช่นนี้ เช่นนั้นเขาก็ได้แต่ทำตาม ต่อไปต้องพยายามตรวจสอบคดีให้กระจ่าง จะได้หลุดพ้นกับเรื่องรับมือยากนี้เร็วๆ

ตั้งแต่ระดับบนลงล่าง ผู้คนกว่ายี่สิบชีวิต ทั้งใหญ่และเล็กในภัตตาคารถูกจับเข้าคุกทั้งหมด ตามหลักแล้วไม่ต้องจับคนมากมายขนาดนี้ก็ได้ แต่ใครให้ทั่วทั้งร้านรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวล่ะ

พวกเขาซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีสิ่งใดให้ต้องละอายใจ อยากตรวจสอบเหรอ? ใครกลัวกัน?

เข้าคุกยังสบายใจกว่าดูหญิงแก่คนนั้นกรรโชกทรัพย์เสียอีก

คนกลุ่มหนึ่งถูกจับเข้าคุกอย่างเอิกเกริก ทำให้ผู้คนมากมายมาล้อมกันดูอยู่บนถนน เฉียวเยี่ยนเดินอย่างสงบนิ่งเป็นพิเศษ เมื่อเห็นคนคุ้นเคยก็ยังโบกมือทักทายอยู่

ช่างเป็นกรรมตามสนองโดยแท้ ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น!

ไม่กี่วันก่อนนางเพิ่งขู่กรรโชกเงินเจียงอวี่เฉียนไป ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกขู่กรรโชกเงินกลับเร็วเช่นนี้

เงินสกปรกอยู่กับตัวได้ไม่นานจริงๆ !

ตอนภัตตาคารเกิดเรื่องก็มีคนไปแจ้งมู่ฉินเจินนานแล้ว ลุงฉูที่อยู่ตำหนักก็ได้รับข่าวเช่นกัน จึงพาพวกองครักษ์กับชายฉกรรจ์ในตำหนักกลุ่มหนึ่งพร้อมถือตะบองครบมือไปช่วยเฉียวเยี่ยน

พวกเฉียวเยี่ยนถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปเหมือนไปทัศนศึกษาก็ไม่ปาน ใต้เท้าหูไม่ได้มัดพวกเขา หนึ่งคือเป็นเพราะพวกเขาให้ความร่วมมือมาก สองคือเขาไม่กล้าควบคุมตัว

ในตอนที่ลุงฉูพาคนมาถึง พวกเขายังอยู่บนถนนใหญ่

จิงจ้าวฝูอิ่นมองกลุ่มคนโกรธเกรี้ยวดุร้ายถือไม้ตะบองตรงหน้าที่มาขวางทางพวกเขาไว้ ก็ตกใจจนเกือบจะตกจากหลังม้า

อานุภาพเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ของเขาหาใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยล่ะ!

ลุงฉูนำกลุ่มคนอยู่ข้างหน้าสุด อย่ามองว่าเขาแก่ชราเชียว ยิ่งแก่ก็ยิ่งแข็งแรง มือถือไม้ตะบองเอาไว้ ดูทรงพลังสุดๆ

“ปล่อยหวางเฟยของพวกเราซะ!”

เสียงนี้ทำให้คนที่มาดูความสนุกจอกแจกจอแจกันอยู่รอบๆ หุบปากฉับ และไม่กล้าหายใจแรง

เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผาก รีบออกหน้าปลอบพวกเขา

“ใจเย็น ใจเย็น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นข้าเองที่ตามพวกเขาไป พวกเจ้ารีบกลับตำหนักไปเถิด อย่ามาขวางตรงนี้ มันจะส่งผลไม่ดี”

“เมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้วก็บอกเรื่องราวกับเขาให้ชัดเจน แล้วก็ กล่อมเด็กๆ ทั้งสองเอาไว้ ระวังอย่าให้พวกเขาร้องไห้งอแง”

นี่…

ลุงฉูคิดว่าสมองตัวเองใช้การไม่ได้แล้ว ไฉนหวางเฟยของพวกเขายังตามไปเข้าคุกอยู่ล่ะ?

เมื่อเห็นคำขอซ้ำๆ ของหวางเฟย พวกเขาทำได้เพียงเก็บไม้ตะบองอย่างละอายใจ และยืนอยู่สองข้างทาง มองพวกเขาจากไปจนลับตา

จู่ๆ ก็มีคนมาเยือนห้องขังจิงจ้าวฝูมากมาย ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นมาทันที นักโทษที่ถูกขังอยู่ในคุกไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันแต่ละคนต่างชะเง้อหัวออกมาดูความสนุก

พวกเขาส่วนมากไม่รู้จักเฉียวเยี่ยน เป็นเวลาเนิ่นนานที่ไม่เคยได้เห็นสตรี พอตอนนี้มีหญิงงามปรากฏตัวออกมา แต่ละคนจึงมองจนดวงตาเต็มไปด้วยความหลงใหล

เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาเห็นท่าทางน่าขายหน้าของนักโทษพวกนี้ ก็แขกมะเหงกให้ทีละคน “มองอะไร รู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร? นี่คือคนสูงส่งที่พวกเจ้ามิอาจเอื้อมถึงได้ รีบเก็บสายตาพวกเจ้าไปเสีย หากมองอีกข้าจะควักลูกตาพวกเจ้า!”

บริกรทุกคนในภัตตาคารถูกขังอยู่ในห้องขังสองห้อง ซึ่งภายในห้องค่อนข้างสะอาด ส่วนเฉียวเยี่ยนอยู่ห้องขังเดี่ยว และเป็นห้องขังชั้นสูง พวกผู้คุมยกน้ำยกชาเข้ามาให้อย่างสุภาพ

ทำจนนางเหมือนไม่ใช่คนมาเข้าคุก แต่มาเป็นแขกก็มิปาน

พวกผู้คุมจะกล้าปฏิบัติกับนางเป็นนักโทษได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้พวกเขาเคยชินแล้ว คนที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูงทำผิดกี่คน แค่เดินเข้าห้องขังพอเป็นพิธีเท่านั้น จากนั้นก็จะถูกประกันตัวออกไป

เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่ในห้องขังอย่างสงบเสงี่ยม และคุยกับระบบตัวน้อย

“เป็นอย่างไรบ้าง? ห้องขังนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม? ถือว่าพาเจ้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่แล้วกัน”

ระบบตัวน้อยชูนิ้วกลางให้โฮสต์ตัวเอง และทำปากยื่นไม่พูดอะไร

[ท่านโฮสต์ จิตใจของท่านหาใช่ยิ่งใหญ่ธรรมดานัก ไม่คิดจะหาข้อเท็จจริงของคดีก็ว่าแล้ว ยังมาสัมผัสประสบการณ์ชีวิตใหม่อีก]

เฉียวเยี่ยนโบกมือ เอ่ยอย่างไม่แยแส “ในเมื่อมาเเล้ว ก็จงอยู่อย่างมีความสุข ไม่ใช่ว่ายังมีท่านอ๋องของข้าอยู่หรือ?”

และในตอนนี้ มู่ฉินเจินกำลังควบม้าเร็วกลับจากค่ายทหารมาเข้าเมือง

ระหว่างทางลูกน้องได้รายงานเรื่องทั้งหมดแก่เขาแล้ว หลังจากเข้าเมืองมาก็ตรงไปยังห้องขังจิงจ้าวฝูทันที

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

หวางเฟยดูชิลมาก เข้าคุกก็เข้าไปสิ ไม่ได้ทำผิดอะไร เดี๋ยวก็โดนปล่อยตัวอยู่ดี

ตระกูลหวังระวังตัวไว้เลย เรื่องถึงหูอ๋องซู่แล้ว บังอาจไปลบหลู่หวางเฟยเขา ระวังจะโดนฆ่าล้างทั้งตระกูลนะ กระทั่งอีแปะเดียวก็อย่าหวังจะได้อมตอนฝังศพเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด